ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    3-6-5 days i love u

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 หลังม่าน

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 54


    -          บทที่ 2 หลังม่าน

                ผม ยูกิชิโระ ผู้ป่วยใกล้ตาย นับถอยหลังอีกหนึ่งเดือน บัดนี้ ผม...ออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว!~

                 “เฮ้ย เดินดีๆสิอยากตายเร็วหรือไงไอ้น้อง” วัยรุ่นสไตล์พังค์คนหนึ่งเดินสวนกับผม ทรงผมเขาแปลกดีนะ เหมือนนกหัวขวานที่ดูในสารคดีเลย ว่าแต่ ผมนี่ตายเร็วไม่พออีกเหรอ?

                  โลกภายนอกนี้ ช่างสดใสกว่าหลังม่านในห้องแคบๆนั่นนัก ถึงแม้เสียงจะจ้อกแจ๊กน่ารำคาญ ต่างกับเสียงสัญญาณชีพในห้องนั้น แต่ผมก็ชอบ มันดูมีสีสันดี สายลมเย็นนี้ก็เหมือนกัน รู้สึกดีจังเลย

             .............................................................................................

                   เด็กหนุ่มเดินไปเรื่อยๆ “อึก!” เขาเริ่มรู้สึกเวียนหัว พลางเอามือควานหาหลักยึด “อ่ะ”เขาจับอะไรได้บางอย่าง แขนคนเขาคิด พลางค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง

                   เบื้องหน้าของเขา หลักยึดที่ว่าคือแขนของหญิงสาวคนหนึ่ง นัยน์ตาของเธอใสและแดงดั่งเม็ดทับทิมเนิ้อดีหากแต่สายตากลับเย็นชาไร้ความรู้สึกใดๆ ผมของเธอละเอียดเหมือนเส้นไหมทิ้งตัวเป็นลอนยาวถึงกลางหลัง หญิงสาวมองลงมาที่ยูกิชิโระ

                  “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เธอถาม เจ้างั้นเหรอ ฟังดูโบราณจัง แต่สงสัยเค้าคงฮิตมั้งเขาคิด

                  “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณมาก”เด็กหนุ่มพยุงตัวขึ้น ยิ้มตอบ

                  “แต่เจ้าหน้าซีด”เธอถามต่อ

                  “ผมไม่เป็นไร แค่นอนน้อยน่ะขอบคุณที่เป็นห่วงครับ ให้ผมจะเลี้ยงไอ้นั่นตอบแทนคุณนะ”เขาชี้ไปที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์ จริงๆไม่ใช่อะไรหรอก เขาแค่อยากลองกินดูเป็นครั้งแรก

                   ร้านอาหารที่มากไปด้วยผู้คน หนึ่งหนุ่มกับอีกหนึ่งสาวนั่งอยู่ที่มุมร้าน ยูกิชิโระกำลังตื่นเต้นกับอาหารมื้อแรกที่ไม่ได้เป็นน้ำ ไม่ได้ให้เลือดเขาลิ้มรสแทน

                     “เจ้าดีใจขนากนั้นเลยหรือ”หญิงสาวถาม

                      “แน่นอน มื้อแรกในชีวิตของผมเลยล่ะ”เขาตอบ

                      “ทำไมล่ะ”เธอถามอีก

                       “เพราะผมเป็นโรคที่รักษาไม่หายตั้งแต่เกิด ผมไม่เคยกินอาหารธรรมดาเพราะผมกินไม่ได้”

                       “งั้นเจ้ากินทำไม”

                    “เพราะอีก 1 เดือนผมกำลังจะตาย ผมอยากลองมันสักครั้งในชีวิต แต่จริงๆแล้วผมไม่อยากตายหรอกนะ อึกๆ” เขาพูดไปกินไป ดื่มน้ำอัดลมไปด้วย

                    “ชีวิตมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ ข้าว่าตายเร็วอาจจะทำให้เจ้าเจ็บปวดน้อยกว่านะ”เธอว่า

                    “ไม่เลย ผมคิดว่าการได้มีชีวิตยืนยาว เฝ้ามองโลกภายนอกไปเรื่อยๆผมว่ามันคุ้มนะ อย่างน้อยก็ยังมีชีวิต ได้เจอพระอาทิตย์ทุกเช้า มองดาวทุกคืนผมว่า...เพล้ง!” แก้วในมือเด็กหนุ่มร่วงกระทบพื้น เขาอาเจียนของที่กินเข้าไปออกมาทั้งหมด พลางกระอักเลือดออกมา ของเหลวสีแดงไหลย้อยออกมาจากปากและจมูกเปราะเปื้อนชุดเป็นทางยาว “แย่จังแฮะ คุณพยาบาลต้องว่าแน่ๆเลย”เขาพึมพำ พลางล้มตัวลงพื้นร้าน...

                   ....................................................................................

                     ผมกำลังจะตายแน่ๆ ถึงได้ยินเสียงหมอบอกว่า ไม่เป็นไร อดทนไว้ แต่ผมรู้ตัวผมดี การที่ฝืนอาการตัวเอง โกหกตัวเองว่าไม่เป็นไรไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สุดท้าย ผมก็ต้องมาตายในห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิมสินะ หึ เสียงไอ้เครื่องจับสัญญาณชีพนี่มันน่ารำคาญเป็นบ้าเลย ต่างกับเสียงพูดคุยวุ่นวายข้างนอก ตอนนี้ผมเพิ่งรู้ว่า ความโดดเดี่ยวน่ากลัวกว่าความตายนัก...

    ทำยังไงดี ผม...ไม่อยากตาย

     

    .......................................................................................

                  “ชีวิตมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”หญิงสาวที่เพิ่งเจอกับยูกิชิโระเมื่อครู่และเป็นคนพาเขาส่งมาที่โรงพยาบาล ขณะนี้นั่งอยู่หน้าห้องไอซียู พึมพำกับตนเอง แท้จริงเธอก็คือ เรน หญิงสาว 2999ปี ที่อีกปีเดียวก็กำลังจะตาย เธอครุ่นคิดถึงสิ่งที่เด็กชายพูด ไม่เลย ผมคิดว่าการได้มีชีวิตยืนยาว เฝ้ามองโลกภายนอกไปเรื่อยๆผมว่ามันคุ้มนะ ซึ่งสำหรับหญิงสาวแล้วคำว่าชีวิต มันให้แต่ความเจ็บปวด การอยู่ยิ่งนาน ยิ่งเจ็บปวด

    แต่ผมว่ามันคุ้ม คำนี้ทวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวเธอ

                   คลืน~เสียงเปิดประตูห้องฉุกเฉินดังขึ้น คณะแพทย์เดินออกมา “ไม่น่าเลย นอนอยู่ในห้องนั้นมาได้ 20 ปี ถ้านอนต่อไปก็อาจจะมีชีวิตอยู่อีกหนึ่งเดือน อยู่หรอก ออกมาแบบนี้ก็สั้นเหรอแค่วันเดียวสิน้า เฮ้อ”หมอคนหนึ่งพูด

                   อยู่ในห้องนั้นมา 20 ปี ถ้าตายก็ไม่ต้องทนแล้วหญิงสาวคิด

                   “แต่ก็ยังอดทนมาจนถึงตอนนี้ได้น้า ทั้งๆที่ 5 ปีก่อนหมอใหญ่วินิจฉันว่าตายแน่นอนแล้วหมอนี่มันอึดจริงๆแฮะ”หมอยังคุยกันต่อ

                 “แต่ก็แค่อีกไม่กี่ชั่วโมงเดี๋ยวก็ตายแล้วแหล่ะหลังจากนั้นค่อยเอามาผ่าวินิจฉัยเพื่อเป็นกรณีศึกษาอ่ะนะ”พูดจบบรรดาหมอก็เดินจากไป

                  “อีกไม่กี่ชั่วโมง ก็จะตายสินะ...” บัดนี้หน้าห้องที่เคยมีหญิงสาวยืนอยู่ ตอนนี้เหลือเพียงแค่ร่องรอยของการเคยมีคนอยู่เท่านั้น...

    ...............................................................................

                 ผมมองเห็นเพดาน ผมได้ยินเสียงของลมหายใจตัวเองมันถี่จนเหมือนหอบ ความคิดของผมอย่างเดียวตอนนี้คือต้องรอด  ผมเอียงคอช้าๆเพราะตัวผมเองแทบไม่มีความรู้สึกและแรงพอจะนอนตะแคงได้ เครื่องช่วยหายใจนี่เกะกะจังเลย แข็งก็แข็ง ต่างจากผ้าม่านรอบเตียงมี่ดูนุ่มปลิวไสว เดี๋ยวก่อนสิ! ปลิว  ในห้องฉุกเฉินไม่มีลม  จะปลิวได้ไง?

                “เจ้าอยากมีชีวิตงั้นหรือ”เสียงถามดังขึ้นหลังม่านข้างหน้าผม เสียงของผู้หญิงที่ผมเจอ แต่ผมไม่มีแรงพอจะบอกหรอก แม้ว่าผมอยากตะโกนบอกเธอว่าใช่แค่ไหน

                 “ใช่งั้นหรือ”เธอพูดอีก เอ๊ะ เธออ่านใจได้เหรอ ผมพูดกับตัวเอง

                  “งั้นเจ้าก็ต้องแสดงให้ข้าดู ว่าความเจ็บปวดของการมีชีวิตมันดียังไง”เธอพูดอีก แต่ผมจะทำได้ไงในเมื่อตอนนี้ ผมเองก็แทบจะเอาชีวิตไม่รอด

               “หึ” เสียงหัวเราะที่ฟังดูเหยียดหยามดังลอดม่านมาเบาๆ ผมเริ่มง่วงแล้วแม้อยากหลับก็จริง แต่ผมไม่อยากตาย...









    ไม่รู้ว่าสนุกกันมั้ย
    เพราะแต่งตอนหมดอาลัยตายอยาก
    คนเขียนเพิ่งเคยเอามาลงครั้งแรก
    ชอบไม่ชอบไงขอเมนท์หน่อยนะคะ
    คนเม้น ขอให้สอบได้เกรดสี่ทุกวิชา ติดม.ที่ชอบ สาธุ~
    ขอบคุณที่อ่านค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×