ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กล่องความสุข...Happiness box

    ลำดับตอนที่ #4 : ความสุขเกิดขึ้นเมื่อ ..ฉันได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องทำในสิ่งที่ใครๆ ต้องการ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 56


    ความสุขเกิดขึ้นเมื่อ ..

    ฉันได้เป็นตัวของตัวเอง 
    ไม่ต้องทำในสิ่งที่ใครๆ ต้องการ
    ไม่ต้องมีใครมาบังคับ

    เอ มันเป็นแบบไหนหนอ แล้วมันอยู่ที่ตรงไหน ไกลแสนไกล
    หรือใกล้เพียงเอื้อมถึง 

    ทำอย่างไรจึงจะได้มานะ อาจยากแสนเข็ญ หรือ ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย

    อะไรนะที่ถามถึงอยู่นี่ สงสัยล่ะซี ก็ “ความสุข” ไง

    หากแต่ละคนตอบคำถามนี้ จะเอาคำตอบทั้งหมด ไปเก็บไว้ที่ไหนได้บ้างนะ?

    คงต้องเป็นมหาสมุทรล่ะ เพราะแต่ละคน ความสุขมันไม่เหมือนกันนี่

    แล้วก็ไม่ได้อยู่ในสถานที่ หรือพบเจอด้วยวิธีเดียวกันด้วย
    คำตอบคงจะมากมายอยู่เหมือนกัน

    แต่สำหรับ “ใครก็ตาม” ที่เป็นเหมือนผมอยู่ตอนนี้ล่ะก็ ความสุขหนึ่งเดียว
    ที่ต้องการเหนือสิ่งอื่นใด

                คงเป็นสิ่งที่ใครๆ เรียกกันว่า “อิสระ”

    ไม่มาเป็นผมคงไม่รู้นะ โตมาจนขึ้นปีหนึ่ง ได้เรียนในมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง
    แข่งขันฟาดฟันกับเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน

                เพื่อมานั่งนิ่งเป็นหุ่น ให้รุ่นพี่ตะคอกใส่ ดูถูกสารพัด หาเรื่องมาว่าตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ  ทั้งที่ไม่ได้เลี้ยงดู ป้อนข้าวป้อนน้ำ หรือส่งเงินให้ผมเรียนแม้แต่แดงเดียว เซ็งพิลึกเลยล่ะ!

     
    หลายคนอาจจะบอกว่า ใครๆก็ผ่านมาได้ จบปีหนึ่ง ขึ้นปีสองอยากทำอะไรก็ได้ทำแล้วล่ะ


    อ้าว ปีสองก็ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้รุ่นน้องอีกเล่า ทั้งเครื่องแต่งกาย  ทรงผม สำคัญสุดก็ “ความประพฤติ” นี่ล่ะนะ


    ไอ้ที่คิดฝันว่าจะทำต่างๆ นานาสมัยมัธยม เป็นอันพังครืนลงต่อหน้าต่อตา
    โอ ผิดหวังไม่น้อยเลย


    รุ่นพี่เคยเป็นเคยคิดบ้างไหมนะ ที่ให้นั่งอยู่เช่นนี้ พลังหนุ่มพลุ่งพล่านอยู่
    ข้างในมันบีบอัดอยู่ในอก 
    ทั้งอึดอัด เหนื่อยหน่าย กดดัน ผิดหวัง  สารพัดสารเพ

    แล้วไอ้ที่ผมเรียกว่า พลังหนุ่มนี่ล่ะ ที่มันฉุดร่างกายผมให้ยืนพรวดขึ้น
    จนพี่ที่ยืนเข้มหน้าขรึม และที่ตะโกนอยู่นั่น ชะงักไปสักหน่อย

                “คุณ!!! มีปัญหาอะไร!?
    เสียงกัมปนาทกลับมาอีกครั้ง ดังกว่าเดิมในความรู้สึก
    สงสัยจัง ผมทำอะไรอยู่
    แล้วจะตอบพี่ๆ หน้าโหดที่มายืนล้อมหน้าล้อมหลังอย่างไม่ทันตั้งตัวนี้ว่าอย่างไร

          “ผม...” ขึ้นประโยคได้แค่นั้น ไฟก็ดับ พรึ่บ!!! เหมือนได้ยินเสียงเพื่อนผู้หญิงกรี๊ดเบาๆ

    แล้วโลกผมก็สว่างขึ้น พี่หน้าโหดหายไปไหนหมด เพื่อนๆก็อยู่ในอิริยาบทที่เกินคำว่าตามสบาย บ้างนั่ง บ้างนอน

    ประตูห้องที่กันพวกผมจากโลกภายนอกเมื่อครู่ เปิดกว้างออกจนสุด ข้างนอกนี่ มัน....ผมรีบก้มดูตัวเอง

    “เฮ้ย!” มิน่าเล่า ถึงได้โล่งสบายนัก ทั้งตัวผมที่เคยแต่งชุดนักศึกษาเต็มรูปแบบ เหลือเพียงเสื้อยืดสีขาวที่ผมใส่ข้างใน

                กางเกงนักศึกษา เป็นกางเกงยีนส์แบบที่ชอบ แต่ร้องเท้าผ้าใบสีดำ ยังเป็นคู่เดิม แต่ก็ใส่สบายดี

    “เอาไงต่อวะ” ถามตัวเองในใจ แต่ได้ยินเป็นเสียงตอบกลับมาซะอย่างนั้น  

    ไปสิ ไปในที่ที่อยากจะไป

    “ไปไหนเล่า ก็พี่ๆ เขานัดรวมนักศึกษานี่ ออกไปตอนนี้ ซวยกันพอดี” คนเรา
    เถียงกับตัวเองได้ขนาดนี้หรือนี่

               
    นั่นมันจบไปแล้ว ไม่รู้ตัวรึไง นี่มันจุดเริ่มต้นของ “อิสระ”

    ถ้าอย่างนั้น ผมจะรออะไรอยู่เล่า ...มันจะมีความสุขขนาดไหนกันนะ
    แต่ก่อนอื่น ต้องไปจากที่นี่ก่อน

                .

                ทันทีที่ก้าวขึ้นไปบนรถเมล์  สายตาผมประสานกับดวงตาคู่หนึ่ง ว้าว สาวน่ารัก เริ่มต้นได้เยี่ยมเลย    นั่งตรงไหนดี ข้างๆ คงจะมองไม่ถนัด เอาฝั่งตรงกันข้ามแบบเยื้องๆ ก็น่าจะได้ ไม่น่าเกลียด

               
                   
    เฮ้ย
    !  วันนี้ได้เฮ้ยหลายรอบจริงๆ เธอมากับแฟนหนุ่ม ดูดีซะด้วย โธ่ มีแฟนแล้วยังมาเผลอสบตาเรา


    นึกเซ็งคิดมาอีกซะอย่างนั้น กดกริ่งลงเลยละกัน ที่ไหนก็ได้ ไปมันเรื่อยๆนี่แหละชีวิตนี้

               
    เดินไปเรื่อยๆ มีอะไรมากมายอยู่ในหัว กลับบ้านที่ต่างจังหวัดดีไหมนะ
    ทำไงดีอยากมีแฟน 
    เกรดเทอมนี้มันจะหน้าตาอย่างไร พ่อกับแม่ทำอะไรอยู่  ป่านนี้เพื่อนมันออกจาก “ห้อง” นั้นรึยัง

                กระทั่งเหนื่อย จึงนั่งลงพิงต้นไม้ ออกมาไม่ได้อะไรเลย มีแต่คำว่า เรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายซะที


    ไปเอามาจากไหนนะ ไอ้ความคิดที่ว่า ความสุขคนเราคือการมีอิสระ ได้เป็นตัวของตัวเอง คิดอย่างไร อยากทำอะไร       ก็ทำตามนั้น ใครก็มาบังคับไม่ได้ เอ้อ ถ้าบางคนมันคิดไม่ดีทำไม่ดีล่ะ สุขแต่ตัวคนเดียว คนอื่นจะทำอย่างไร มิวุ่นวายไปกันหมดหรือ แบบเดิมมันก็พอทนนะ มีสุขมีทุกข์ปนกันไป  อยู่ในกรอบซะบ้าง

    มาเรียน  อยู่ในกฎระเบียบก็สมควรแล้วนี่
    อะไรที่กดดันถือซะว่า เตรียมตัวเป็นผู้ใหญ่  ไม่อึดอัดตายหรอก

    อยากทำอะไรก็ดูความเหมาะสมซะหน่อย กลับหอพักไปก็ตามใจตัวเองให้พอกระชุ่มกระชวย ชื่นใจบ้าง  อยากกินอะไรก็กิน อยากบันเทิงแค่ไหนก็แล้วแต่จะทำเอา แต่ก็ต้องตามอัตภาพแหละ สุรุ่ยสุร่ายนัก สงสารสองคนที่บ้านที่เขาส่งเงินมา  แล้วที่มานี่ ก็เพื่อทำให้พ่อกับแม่เขาภูมิใจ เขาส่งมาให้ตั้งใจเรียน เป็นหน้าที่ลูก

                จะมาเอาแต่ใจอะไรตอนนี้ เงินก็ยังหาเองไม่ได้ โตมามีงานทำ หาเงินเลี้ยงพ่อแม่ ไม่ต้องขอท่านใช้


    นั่นล่ะ ถึงไปทำตามใจตัวเอง ตอนนั้นคงจะมีความคิดดีๆ ไม่เดือดร้อน วุ่นวายคนอื่นเขา

               
                      
    แล้วที่ทำอยู่นี่ มันเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่าเล่า มันก็เอาแต่ใจตัวเองนี่หว่า เดินออกมาดื้อๆ          


                                      ป่านนี้คนอื่นเค้าจะเดือดร้อนตามหาไหมนะ เห็นทีต้องรีบกลับ ไปทำหน้าที่นักศึกษาน้องใหม่ปีหนึ่ง

                รถเมล์สายเดิมที่จะต้องนั่งกลับ อยู่อีกฟากหนึ่งของถนน ข้ามมันตรงนี้ล่ะ ทางม้าลายมันไกลเกิน


    รถน้อย ข้ามได้ เดินเร็วๆ เอา ไม่รอไฟจราจร ไปได้ไม่ถึงกลางถนนของอีกฝั่ง

     
    เหมือนจะได้ยินเสียงเบรกล้อแหลมดัง แสบแก้วหู

                “ เอี๊ยดดดดดด!    โครม!


    ชาไปทั้งแถบ  จะได้กลับไปไหมนี่ หายใจไม่ออกแล้ว ไหนล่ะงาน เงิน เลี้ยงดูพ่อแม่

               
    ไอ้บ้าเอ๊ย บอกว่าอย่าตามใจตัวนัก ทางม้าลายนั่นไง มันคงไม่น่าเป็นแบบนี้หรอก ไฟเขียวแดงก็หัดมองซะ
    .

    “ม้าลาย...เขีย..ว ...แ..ดง ” 


                   กลิ่นอะไรน่ะ เจ็บแก้มแฮะ ยังไม่ตายหรอเนี่ย ที่นี่โรงพยาบาลใช่ไหม
    อย่าให้เป็นที่อื่นเถอะ 
    ถ้าลืมตา                                                                    
    ขอเป็นเจอสาวพยาบาลน่ารักก็พอ             อย่าเป็นนางฟ้าบนสวรรค์เลยนะ

               
                            
    !!!

    พอลืมตาช้าๆ มองอะไรได้ชัดเจนเท่านั้นล่ะ พี่ที่โหดที่สุดก็ได้มองตากับผมทันที

                พี่หน้าโหดตามมาถึงนี่? หันมองดีๆ ที่เดิม! แต่นี่ห้องพยาบาล  กลับมานี่ได้ไง(วะ)เนี่ยยยยยยยยยยยยย 
     

    “อะไรของเอ็ง เป็นบ้าอะไร ม้าลายเขียวเหลืองแดงอะไร?” ดูสิถามซะ

                ผมยังไม่ได้ตอบอะไร มัวแต่งงกับที่มันเกิดขึ้นอยู่

    หน้าผมคงจะสื่อออกมาหมด พี่หน้าโหดเลยตอบแบบไม่ต้องถาม

    “เป็นลมไปต่อหน้าต่อตาเลย ผู้ชายแท้ๆ หรือไม่สบาย เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าวหรือไง ”

    “ไหวไหมคะน้อง เอายาดมอีกไหม?” รุ่นพี่ผู้หญิงที่เปิดประตูตามมาทีหลังถาม

    “ให้พักต่อเถอะ เดี๋ยวเป็นอะไรไปอีก” โอ๊ะ พี่หน้าโหดใจดี โหดแค่หน้าตาสินะ

                เอาไงดี นั่งๆ นอนๆ สบายๆ อยู่ในห้องนี้ดีไหมหนอ จึงตอบไปว่า

    “ ไม่เป็นไรแล้วครับ ผมไหวครับ ”

               

    ไม่ไหวแล้ว
    ! กลับมานั่งอีกทำไมเนี่ย !!!!?????

     

    ทั้งหมดนั้น ฝันไปสินะ นึกว่าจะไม่ได้เจอพ่อแม่อีกแล้ว
    แต่ที่ยังกังวลอยู่ อายตายเลย เป็นลมในห้องเชียร์

     

     

     

    เอ แล้วสรุป สุขอยู่ที่ใด

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×