คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ♡ PART 1 ♡ [KEVIN VERSION]
'@90KKB:เร็วๆ นี้จะมีข่าวซึ่งพวกคุณอาจจะไม่ค่อยชอบนัก แต่เมื่อเวลามาถึงผมจะบอกเอง'
'@90KKB:สวัสดีครับ ผมคิบอมจาก U-KISS หรือจะพูดให้ชัดลงไปอีกคือ เป็นอดีตสมาชิกของ U-KISS ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ในที่สุดผมก็มีความกล้าที่จะโพสต์มันลงไป ก่อนอื่นจะบอกว่าบริษัทตัวแทนและผมได้ตกลงเรื่องการทำสัญญาพิเศษเมื่อเดือน กุมภาพันธ์นี้ และเราได้ทำหนังสือยินยอมแสดงความจำนงค์ว่าต้องการจะลาออกแล้ว ทำให้ผมกลายมาเป็นอดีตสมาชิก U-KISS ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม อาจจะมีบางฝ่ายคิดว่า เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากธุรกิจบริษัท Piro Piro ของผม หรือไม่ก็ขาดความสนใจในวง U-KISS แล้ว แต่ที่ผ่านมาผมมักจะให้ความสำคัญกับวง U-KISS มากกว่าอะไรทั้งหมด และผมเองก็ภูมิใจที่จะบอกอีกครั้งว่า ธุรกิจ Piro Piro ของผมไม่ได้เป็นสิ่งกีดขวางในการร่วมตารางงานของ U-KISS
ผม คิดอยู่เสมอว่าสมาชิกในวงทุกคนเป็นมากกว่าครอบครัว ผมผิดหวังอย่างแรงที่จะต้องละทิ้งพวกเค้าไป แต่มันเป็นเพราะผมไม่มีที่ยืนอีกแล้ว ซึ่งอดีตบริษัทของผมอยากที่จะหาคนมาแทนที่ อย่างไรก็ตาม การลาออกครั้งนี้ ก็อาจจะทำให้ผมได้เรียนรู้และพบคนมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นหนึ่งในสมาชิกของ U-KISS ก็ได้ ตอนนี้ความรู้สึกของผมมันสับสนจริงๆ ซึ่งคิดว่าบางทีข้อความบางบรรทัดอาจจะไปทำร้ายผู้คนที่ผมรักก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผมจะแจ้งเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ทางโทรทัศน์ต่อไป ขอบคุณทุกคนผู้ซึ่งคอยสนับสนุนผมเสมอมา และผมจะกลับมาพบกับคุณอีกครั้งในฐานะนักธุรกิจคนหนึ่ง ขอบคุณครับ'
ร่างบางทิ้งตัวลงนั่งกับเตียงช้าๆ นัยตาหวานที่เคยสดใสหม่นลงทันทีน้ำตามากมายกำลังเอ่อล้นรอบดวงตาคู่ใสของเขาทันทีที่พบกับข้อความบนทวิตเตอร์ของคนสำคัญ..ความสับสนมากมายแล่นเข้ามาในหัวของเขา มือบางกดปิดหน้าจอโทรศัพท์มือถือก่อนที่จะกำมันไว้แน่น..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? อะไรคือสิ่งที่คิบอมต้องการจะบอกเหรอ?.. เขาเอาแต่ถามตัวเองอย่างนั้น แล้วทำไมเขาไม่เลือกที่จะถามคนของเขาตรงๆเองหละ? เมื่อคิดได้เช่นนั้นร่างบางก็รีบออกจากห้องของตนทันที..
'คิบอมอยู่ตรงนั้น'
ร่างสูงกำลังนั่งเล่นเกมส์กับอีไลอยู่กลางห้องของหอพัก ใบหน้ายิ้มแย้ม พลางหลุดเสียงหัวเราะออกมาเป็นพักๆต่างจากข้อความในทวิตเตอร์ของเขามากนัก..
“คิบอม..” ร่างบางเอ่ยเรียกคนสำคัญของเขา ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้
“.......................” ไร้ซึ่งการตอบรับ
ร่างสูงใช้เพียงสายตาเย็นชาหันมามองที่ร่างบางครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปสนใจเกมส์ของเขา ส่วนอีไลที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันแสนอึดอัดนี้กลับไม่สามารถที่จะช่วยอะไรเควินได้เลย ความสัมพันธ์ของคิบอมและเควินเป็นแบบนี้มาร่วม2อาทิตย์แล้ว ไม่ว่าร่างบางจะพยายามหาสาเหตุมากเท่าไหร่ แต่เขาก็กลับไม่ได้อะไรมาเลย เขาทำอะไรผิดไป? ทำไมคิบอมถึงเย็นชากับเขาได้ขนาดนี้ หลายวันมานี้ แทบไม่มีบทสนทนาระหว่างคนทั้งคู่เลย เพราะอะไรกันนะ? เพียงครู่เดียวที่เควินตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ร่างสูงก็ลุกขึ้นจากพื้นหน้าทีวี ก่อนจะเดินสวนร่างบางเข้าห้องไป โดยไม่ทันที่ร่างบางจะได้พูดอะไรสักคำ.. เควินมองตามแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินเข้าห้องไป ทันทีที่ประตูห้องของคิบอมปิดลงร่างบางก็ถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะหันกลับมามองอีไลที่กำลังเฝ้าดูสถานการณ์อยู่เงียบๆ..
“พวกนายควรคุยกันนะ คุยกันแบบจริงๆจังๆหน่ะ” อีไลเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วง หลังจากเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
“อื้มมมม ฉันจะลองดู..” ร่างบางตอบก่อนจะสาวเท้าตามไปที่ห้องของคิบอม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก..
ร่างบางรอเสียงตอบรับจากภายในห้องอย่างใจจดจ่อ แต่ก็มีแค่เพียงความเงียบที่ตอบเขากลับมา.. เควินหันไปมองอีไลอีกครั้งด้วยสีหน้าที่สับสน ร่างสูงที่นั่งเล่นเกมส์อยู่ห่างออกไปไม่มากนักทำปากขมุบขมิบบอกใบ้ให้ร่างบางนั้นหมุนลูกบิดเข้าไปเลย ทันทีที่เควินได้รับสัญญาณจากอีไล เขาก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆหมุนลูกบิดเข้าไป.. ภายในห้องนั้นเงียบสนิทจนได้ยินเสียงของเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงาน มีเพียงแสงสีส้มนวลๆจากโคมไฟหัวเตียงที่ทำให้เขาเห็นร่างของคิบอมที่กำลังยืนนิ่งอยู่หน้ากระเป๋าใบใหญ่
“คิบอม..” ร่างบางเอ่ยเรียกร่างสูงที่ยืนหันหลังให้เขา
“เข้ามาทำไม?” ร่างสูงยิงคำถามกลับอย่างรวดเร็ว และเริ่มต้นเก็บเสื้อผ้าของเขา โดยไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่เข้ามาใหม่
“มันหมายความว่ายังไง สิ่งที่นายพิมพ์ลงไปในทวิตเตอร์นั่นหน่ะ?” ร่างบางรวบรวมความกล้าอย่างมากในการเอ่ยถึงเรื่องนี้
“เรื่องของฉัน..” น้ำเสียงของร่างสูงแข็งกระด้าง ราวกับว่าเขาไม่มีความรู้สึกใดๆหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย มือหนายังคงเก็บข้าวของลงกระเป๋า
“แล้วมันไม่ใช่.. เรื่องของฉัน เหรอ?” น้ำเสียงสั่นระริก ทางเดินหายใจร้อนผ่าว
น้ำใสๆกำลังเอ่อรอบดวงตาของเขาอีกครั้ง ร่างบางที่ตั้งใจจะสวนกลับด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกันกับคิบอมแต่..คำบางคำในประโยคก็หลุบลงต่ำจนแทบจะหายไปด้วยซ้ำ นั่นทำให้คิบอมต้องหันกลับมามองหน้าของร่างบางตรงๆ
“มัน ไม่เกี่ยว อะไร กับนาย แล้ว” ร่างสูงตอบโดยย้ำคำพูดของเขาช้าๆชัดๆ
“ฉันทำอะไรผิดเหรอ? ทำไมจู่ๆนายก็เป็นแบบนี้ ทำไมเรากลายเป็นคนไม่รู้จักกันหละ ห้ะ?” ร่างบางสุดจะอดกลั้น
เขาทนกับพฤติกรรมแปลกๆของคิบอมมาหลายวันแล้ว จนเขาไม่สามารถที่จะทนเก็บความรู้สึกเหล่านี้ไว้ได้อีกต่อไป
“......................” ร่างสูงยังคงนิ่งเงียบ และหลบตาของเควินเหมือนเคย
“ตอบฉันสิคิบอม.. อะไรที่ฉันทำพลาดไป บอกฉันสิว่ามันเรื่องอะไร? ทำไมนายถึงเปลี่ยนไป ทำไมนายทำอะไรไม่ปรึกษากัน ทำไม? ทำไมจู่ๆนายถึงจะทิ้งฉัน...”
“อย่าพูดนะ.. อย่าพูดคำนั้น!” ร่างสูงรีบสวนขึ้นก่อนที่ร่างบางจะพูดจบ
เควินมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ ก็คิบอมเองไม่ใช่เหรอ ที่กำลังจะทิ้งเขาไป ทิ้งยูคิสไป.. ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกเหรอ?
“ฉันไม่ได้ทิ้งนาย ไม่เคยเลย ไม่เคยคิดเลยสักครั้ง” คิบอมเบนหน้าหนีคนตรงหน้า เสียงของเขาอ่อนลงและแผ่วเบาจนเควินแทบจะไม่ได้ยิน
“แต่นายกำลังจะไป..” ร่างบางตัดพ้อ
“.........................”
ความเงียบเข้าครอบงำคนทั้งคู่ จนร่างบางอุปทานไปเองว่าอุณหภูมิในห้องค่อยๆลดต่ำลงเรื่อยๆ.. แต่แล้วใครบางคนก็เริ่มเอ่ยปาก
“ไม่ใช่ฉันที่จะทิ้งนายไป แต่เป็นนาย เป็นนายที่ทิ้งฉัน..” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นก่อนจะหิ้วกระเป๋าของเขาเดินตรงไปยังประตูห้อง
“หมายความว่ายังไงกัน?” ร่างบางรีบหันกลับไปถาม ก่อนที่คิบอมจะก้าวออกไปจากประตูบานนั้น
“ไปหากีซอบซะเถอะ..” พูดจบร่างสูงก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องว่างเปล่า คิบอมจากไปแล้ว เหลือเพียงร่างบางที่ยังคงยืนนิ่งกับคำพูดของ คนรัก ที่พึ่งจะกลายเป็นอดีตไปเมื่อครู่..
'ผมกับกีซอบงั้นเหรอ? ผมกับกีซอบเป็นเพียงแค่เพื่อนกัน แค่เพื่อนกันจริงๆ แต่คำอธิบายเหล่านี้ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เพราะนั้นเป็นบทสนทนาสุดท้ายระหว่างผมกับคิบอม ครั้งสุดท้ายที่ผมได้เจอคิบอม..'
ตลอดเวลาที่คบกันมาไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบพี่น้องหรือจนกระทั่งกลายมาเป็นคนรักนั้น ถ้าจะพูดถึงความเสียใจร่างบางเก็บมันไว้เสมอ ยังคงเก็บมันเอาไว้ในส่วนลึกของความรู้สึก มันไม่เคยหายไปไหนแม้เสี้ยววินาทีเดียว สิ่งเดียวที่ร่างบางทำได้ก็แค่ไม่คิดถึง ไม่คิดถึงคิบอม ไม่คิดถึงช่วงเวลาที่เคยผ่านมาด้วยกัน เขารู้ดีว่าชีวิตเขาต้องก้าวต่อไป ยูคิสต้องก้าวต่อไป แม้ในวันที่ไม่มีคิบอมอยู่แล้ว..
“เหม่อลอยอีกแล้ว” เสียงหนึ่งปลุกเขาขึ้นจากพวังค์
ร่างบางที่กำลังนั่งรอช่างแต่งหน้านั้นหันมาทักทายผู้มาเยือน
“อ่าว กีซอบ...” เควินยิ้มบางๆให้เพื่อนสนิทคนใหม่ของเขา
เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะในฐานะไหน คิบอมเป็นให้เขาทุกอย่างเสมอ เพื่อนสนิท พี่ชาย หรือในฐานะคนรัก ล้วนแต่เป็นคิบอมเสมอ...
“พร้อมไหม?” กีซอบเอ่ยถาม
“พร้อมอะไรเหรอ?” ร่างบางที่พึ่งหลุดจากพวังค์ถามกลับอย่างงงๆ
“เอ๊าาาา! ก็ Comebackไง จะขึ้นเวทีอยู่แล้วนะ” กีซอบตอบ ร่างโปร่งหลุดขำเมื่อมองคนตรงหน้าที่สติเลื่อนลอยไปไหนต่อไหนแล้ว
“อ่อ.. พร้อมสิ แล้วคนอื่นหละ?” เควินถามกลับ
“ก็ใกล้จะเสร็จแล้วหน่ะ นายไปแต่งหน้าเถอะ” ร่างโปร่งไล่ให้ร่างบางไปแต่งหน้าก่อนที่จะนั่งเหม่อลอยจนถึงเวลาขึ้นแสดงไปซะก่อน
ทันทีที่ทุกคนพร้อม ซูฮยอนก็เรียกทุกคนมารวมตัวกันกลางห้องแต่งตัว
“อีก5นาทีแล้วนะทุกคน มารวมกันตรงนี้หน่อย” สมาชิกทุกคนเดินเข้ามาหาหัวหน้าวงอย่างว่าง่ายรวมทั้งร่างบางด้วย
“โอเค ทุกคนเรียบร้อยแล้วนะ เนื้อร้องท่าเต้นไม่มีใครมีปัญหาแล้วนะ.. โอเคดี” ซูฮยอนพูดอย่างรวดเร็วก่อนที่จะยื่นมือออกมาที่กลางวงสนทนา พร้อมๆกับสามชิกทุกคน
“U-KISS Everyday 0330 Fighting!!!!!!” สมาชิกทุกคนตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนจะทะยอยเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเพื่อตรงไปยังหลังเวที
ขณะที่เควินทวนท่าเต้นและท่อนร้องของเขาในระหว่างทางนั้น ก็มีเงาของร่างสูงเดินมาขนาบข้าง ทำให้ร่างบางต้องหันไปมอง.. 'อีไล'
“ไหวหรือเปล่าเควิน?” ร่างสูงข้างๆเอ่ยถามเขา
“ไหวสิ ทำไมจะไม่ไหวหละ..” ร่างบางยิ้มให้พร้อมกับคำตอบ
“ไม่ต้องโกหกหรอก ฉันดูออก” ร่างสูงสวนกลับนิ่งๆ
เมื่อได้ยินคำพูดนั้นร่างบางก็หยุดเดินในทันที ทำให้ร่างสูงที่ก้าวนำไปแล้วสองก้าวต้องหยุดตาม
“ฉันเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ?..” ร่างบางถามพลางก้มหน้าลงเพื่อซ่อนน้ำตาของเขา
“ไม่หรอก เพียงแค่ฉันรู้ ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ ฉันเลยดูนายออก”
น้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงเป็นใยของร่างสูงนั้นทำให้เควินต้องกลั้นน้ำตาของเขาไว้ ก่อนที่เครื่องสำอางของเขาจะเลอะ..
“ฉัน.. ไม่ค่อยโอเคหน่ะ” ร่างบางตอบตะกุกตะกัก
“ฉันเชื่อว่านายจะผ่านมันไปได้ ไม่ว่าอะไร ฉันอยู่ตรงนี้นะ ถ้านายอยากจะระบาย” อีไลพูดพลางหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงของเขาส่งให้ร่างบางตรงหน้า
ร่างบางรีบรับผ้าเช็ดหน้านั้นมาเช็ดน้ำใสๆที่เอ่อรอบดวงตาของเขาก่อนที่มันจะไหลออกมา เควินค่อยๆเงยหน้าขึ้น ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าคืนให้ร่างสูง อีไลรับผ้าเช็ดหน้าไว้ก่อนที่จะยกมือหนาอีกข้างขึ้นลูบศีรษะของร่างบางเบาๆและเอ่ยประโยคที่ทำให้ร่างบางต้องนิ่งไปอีกครั้ง
“สู้ๆนะเคฟ.. ฉันรู้นายทำได้” พูดจบอีไลก็เดินนำไป โดยไม่ได้หันกลับมามองร่างบางแม้แต่น้อย..
'ท่าทางแบบนี้ คำพูดแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ คิบอมทำแบบนี้กับผมเสมอ เขามักจะลูบหัวผม เรียกผมด้วยชื่อย่อ เขาทำมันทุกครั้งก่อนที่เราจะต้องขึ้นเวที..'
ทันทีที่การแสดงจบลง เสียงกรี๊ดและเสียงเชียร์จากแฟนคลับก็ยังคงมากมายเหมือนเดิม ทั้งๆที่สมาชิกในวงบางคนก็ยังแอบกังวลเล็กๆว่าการเปลี่ยนสมาชิกในวงอาจส่งผลกระทบกับเสียงเชียร์ในตอนขึ้นไลฟ์ของพวกเขา.. แต่มันก็ผ่านไปได้ด้วยดี ร่างบางที่พึ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ส่งชุดของเขาคืนสไตล์ลิสก่อนจะเดินออกมาจากห้องแต่งตัวเพื่อตามหาใครบางคน ใครบางคนที่สร้างความประหลาดใจให้เขาก่อนขึ้นเวที.. เควินยืนรออีไลอยู่ใกล้ๆทางออกที่จะเดินไปขึ้นรถตู้ของพวกเขา ร่างบางส่งยิ้มให้กับแฟนคลับที่กำลังยืนออกันอยู่ภายนอกอาคารเพื่อรอส่งพวกเขาขึ้นรถ
“เควิน รอใครอยู่เหรอ?” กีซอบที่เดินมาพร้อมกับฮุนและเอเจสมาชิกใหม่เอ่ยถามขึ้น
“ห้ะ? อ่อ เปล่าหนิ” ร่างบางยิ้มพลางตอบปัดไป
“งั้นไปขึ้นรถด้วยกันสิ” ฮุนเอ่ยชวน
ร่างบางจึงทำได้เพียงยิ้มและพยักหน้ารับ ในขณะที่เอเจและฮุนเดินนำออกไปแล้ว ร่างบางยังคงหันกลับไปมองหาคนๆนั้น.. ทันทีที่เห็นอีไลเดินตามดงโฮและซูฮยอนออกมาแล้ว ร่างบางจึงยอมออกเดินไปพร้อมๆกับกีซอบ ทันทีที่ก้าวพ้นประตูออกมา เสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่ม แฟนคลับมากมายชูป้ายที่มีรูปและชื่อของเขาติดอยู่ ร่างบางจึงยิ้มและโปกมือให้แฟนๆของเขา แต่แล้ว..
แพละ!
ของเหลวเหนียวๆถูกปาใส่หน้าของเขาอย่างจัง บรรยากาศโดยรอบเงียบไปครู่หนึ่ง สมาชิกวงที่พึ่งเดินออกมาก็อึ้งไปตามๆกัน ร่างบางยกมือขึ้นลูบหน้าของเขาเพื่อที่จะได้มองสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น มันคือไข่ไก่ดิบๆ ที่อยู่บนหน้าของเขาและ รูปของเขากับกีซอบที่เปื้อนสีแดงคล้ายๆเลือดในมือของเด็กสาวกลุ่มนั้น.. เด็กสาวเหล่านั้นเริ่มตะโกนด่าทอเขา
“ทำไม? แค่พี่คิบอมไม่อยู่แค่นี้ ถึงกับต้องวิ่งโล่ไปให้คนใหม่เลยหรือไง!!!”
“พี่มันหน้าด้าน พี่คิบอมออกไปแค่ไม่กี่เดือน พี่ก็ไปดี้ด้ากับคนใหม่เลยหนิ!!!!”
คำพูดเหล่านั้้นทำร่างบางถึงกับพูดอะไรไม่ออก กีซอบที่ยืนอยู่ข้างๆก็นิ่งไปเหมือนกัน ตั้งแต่เดบิวมาพวกเข้าไม่เคยเจอแฟนคลับหัวรุนแรงเลยสักครั้ง จนผู้จัดการต้องออกมาห้ามปรามในขณะที่ยามของตึกสถานีโทรทัศน์ก็พยายามที่จะจับตัวกลุ่มแฟนคลับนั้น แฟนคลับคนอื่นๆก็เริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายสภาพของเควินที่ยังคงยื่นนิ่งอยู่อย่างนั้น อีไลที่เหมือนจะได้สติเร็วกว่าคนอื่นๆรีบถอดเสื้อคลุมของเขาเพื่อคลุมตัวและใบหน้าของเควินก่อนจะพยุงร่างบางขึ้นรถตู้ไป
บรรยากาศภายในรถเงียบสนิท ไม่มีใครพูดอะไรเลย แม้แต่กีซอบเองที่ถูกพาดพิงก็นิ่งไปเหมือนกัน.. อีไลควักผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมออกมาก่อนจะค่อยๆเช็ดใบหน้าและปอยผมที่เลอะไข่ดิบบนใบหน้าของร่างบาง เควินยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ในตาหวานหม่นลงและเอ่อไปด้วยน้ำตา แก้มใสทั้งสองข้างเปียกชื้นไปหมด.. ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆใช้มือปาดน้ำตาบนแก้มของเควิน นั่นทำให้ร่างบางหันกลับมามองอีไลช้าๆ ร่างสูงทำได้แค่ส่งยิ้มที่อ่อนโยนให้..และมันทำให้เควินต้องโผเข้ากอดก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เสียงสะอื้นของร่างบางทำให้สมาชิกทุกคนแทบจะร้องไห้ตาม ซูฮยอนหันไปมองคนทั้งคู่อย่างเป็นกังวล เขาเป็นหัวหน้าวง เขาควรจะพูดอะไรให้เควินสบายใจขึ้นแต่.. เขาก็ไม่รู้จะสรรค์หาคำไหนมาปลอบใจร่างบางที่พึ่งเผชิญกับเหตุการณ์ที่เหมือนฝันร้ายสำหรับศิลปินทุกคน..
“เมื่อบ่ายวันนี้นักร้องหนุ่ม เควิน หรือ วูซองฮยอน หนึ่งในสมาชิกวงยูคิสถูกทำร้ายโดยกลุ่มแฟนคลับหัวรุนแรงด้วยการปาไข่ดิบใส่รวมทั้งว่ากล่าวเรื่องความสนิทสนมที่มีให้กับเพื่อนร่วมวงกีซอบ โดยจากปากคำของผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่ากลุ่มเด็กสาวเหล่านั้น เป็นแฟนคลับของสมาชิกเก่าคิมคิบอม และสนับสนุนคิบอมกับเควิน ซึ่งเมื่อคิบอมได้ลาออกจากวงไปนั้น..”
พรึบ!
ดงโฮกดปิดทีวีทันทีที่เห็นกีซอบเดินออกมาจากห้องนอนของเขา.. ซูฮยอนที่นั่งอยู่ข้างๆจึงเอ่ยทำลายบรรยากาศ
“กีซอบ กินอะไรหรือยัง? ในครัวมีของกินเต็มเลยเข้าไปดูสิ..” หัวหน้าวงยิ้มกว้าง หวังจะในบรรยากาศในหอพักดีขึ้นมาบ้าง
“เควินหละ..” กีซอบถามกลับ..
“ยังอยู่ในห้อง.. ไม่ยอมออกมาเลย” อีไลที่นั่งอยู่บนโซฟาตอบแทน
กีซอบทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปในครัว
“อีไล นายเข้าไปดูเควินหน่อยไหม?” ซูฮยอนเอ่ยขึ้นทันทีที่กีซอบเดินออกไป
ร่างสูงหันมามองหัวหน้าวงของเขาพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม..
“โหยยยย พี่จะปล่อยพี่เควินอยู่ในห้องแบบนั้นคงเดียวเหรอ?” ดงโฮเสริมขึ้น
“แล้วทำไมนายไม่เข้าไปดูเขาเองเลยหละ?” อีไลแซวกลับพลางมองหน้าน้องเล็กของวง
ดงโฮจึงรีบหันไปมองหน้าซูฮยอนทันที..
“เออ พี่อ่ะ ทำไมไม่เข้าไปดูพี่เควินเขาหละ..” ดงโฮหันไปโวยซูฮยอนแทน
ทำให้อีไลหัวเราะกับภาพตรงหน้า.. ก่อนจะอาสาไปดูร่างบางในห้องเอง
ก๊อก ก๊อก
เมื่อไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา ร่างสูงจึงถือวิสาสะหมุนลูกบิดเข้าไปในห้องของเควินโดยไม่ได้รับเชิญ ภายในห้องนอนผ้าม่านปิดสนิท มีเพียงแสงสลัวๆลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาเท่านั้น อีไลเหลือบมองเควินที่นอนอยู่บนเตียง ร่างบางนอนกอดตุ๊กตาPiroPiroแน่นโดยไม่ได้หลับแต่อย่างใด ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้ขึ้นเขาก็สังเกตุเห็นว่าสายตาของเควินเอาแต่จับจ้องอยู่กับกรอบรูปบนโต๊ะข้างเตียง อีไลเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงข้างๆเควิน เขามองไปที่กรอบรูปนั้นตามร่างบาง มันเป็นรูปของเควินกับคิบอม รูปที่คิบอมเป็นคนถ่ายเองในวันเกิดของเควิน ที่ทั้งสองออกไปฉลองวันเกิดด้วยกัน2คน
“นายว่าเขาจะรู้ไหม?..” เควินเอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบมาพักใหญ่
“.....................” อีไลยังคงเงียบ
“นายว่าเข้าจะรู้ไหมว่าฉันต้องเจอกับอะไร?.. นายว่าเขาจะรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไง?..” ร่างบางเริ่มตัดพ้อ
อีไลหัวมามองเควินก่อนจะค่อยๆลูบหัวร่างบางเบาๆ
“ฉันก็ไม่รู้.. แต่ฉันเชื่อว่าถ้าเขารู้ ลึกๆแล้วเขาจะต้องเป็นห่วงนาย” อีไลทำได้เพียงปลอบใจร่างบาง ด้วยคำพูดที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้แน่ชัด.. หวังเพียงว่าคำพูดของเขาจะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกดีขึ้นก็เท่านั้น
“ฉันคิดถึงเขา คิดถึงคิบอมมากเลย..” ร่างบางพูดด้วยเสียงสั่น
คนตรงหน้ากำลังจะร้องไห้อีกครั้ง อีไลไม่รู้แล้วว่าจะต้องพูดอะไรต่อ ไม่รู้แล้วว่าจะสรรค์หาคำไหนมาทำให้ร่างบางตรงหน้าไม่ต้องร้องไห้อีก.. เขาจึงเลือกที่จะพูดสิ่งสุดท้ายที่เขาควรจะพูด..ก่อนจะปาดน้ำตาบนแก้มของร่างบาง
“อย่าร้องไห้สิ.. ไม่เห็นเหรอว่าฉันอยู่ตรงนี้ ฉันจะอยู่ตรงนี้เพื่อนาย จนกว่านายจะหายเศร้า จนกว่านายจะผ่านมันไปได้..” สิ้นเสียงของอีไล
ในตาใสที่เต็มไปด้วยน้ำตาเบิกโพลงทันที 'คำพูดเมื่อกี้.. มันหมายความว่ายังไงอีไล? นายคิดอะไร..กับฉันงั้นเหรอ?'
TO BE CONTINUE .. .
_________________________________________________
EDIT BY: เต่าสามัญรักคนพิเศษ
ก่อนอื่นเลย เต่าหายไปนับปี เพราะอัพฟิคครั้งสุดท้ายก็ปี2554
ปี2555 ไม่มีการอัพเดทอะไรเลยทั้งปี คิดถึงกันไหมนะ? 5555555
จะว่าไปนี่เป็นฟิคยูคิสเรื่องแรกเลยนะ สำหรับเต่า ถึงเราจะเป็นเอลฟ์ของพี่ทึก
แต่ขอบอกไว้เลยนะว่าเรามีคู่เดียวในดวงใจ คือคู่ คิบอมกับเควิน
จะกี่เดือนต่อกี่ปี เราก็รู้สึกได้ว่าคู่นี้ REAL อยู่เสมอ 55555555555
Shadow of Plea นี่เป็นฟิคสั้นนะคะ 2 ตอนจบเท่านั้น เดี๋ยวผู้อ่านจะตั้งตัวไม่ทัน
ส่วนคอมเม้นท์มันเป็นเรื่องของกำลังใจหน่ะ เต่าไม่บังคับอะไรอยู่แล้ว
ถ้าผู้อ่านรู้สึกว่าฟิคเรื่องนี้ให้อะไรในใจคุณเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็อยากให้บอกเล่าให้กันฟัง
ยังไงก็ ฝากผลงานเล็กเรื่องนี้ไว้ด้วยนะคะ ;-)
“เมื่อใจของเราเชื่อ เราก็จะได้เห็นในสิ่งที่เราเชื่อ แต่หากเมื่อใดที่ใจเราหมดความเชื่อ เราก็จะไม่เห็นสิ่งใดเลย”
Still believe in KEMARU ♡
ความคิดเห็น