ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : งานที่ 1 ลักพาตัวเรียกค่าไถ่
หน้าโรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง จังหวัด B
"ปิดปาก มัดมือ จับไว้นิ่งๆ" ผมซ้อมแผนอยู่ในใจ ขณะที่ไอ้ชัยกับไอ้สอง กำลังเดินไปทำทีรับน้องโอ๊ต ลูกชายของนายสรเดช นักการเมืองชื่อดังในท้องถิ่น ซึ่งผมรับงานมาจับตัวไปเรียกค่าไถ่ คนที่จ้างวานผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เป็นนายวิพล นักการเมืองคู่แข่งของสรเดชนั่นเอง
ไอ้ชัยกับไอ้สองเดินเข้าไปในโรงเรียนแล้ว พวกเรานัดแนะกันว่าจะบอกน้องโอ๊ตว่าพ่อให้มารับ แล้วเมื่อน้องโอ๊ตเข้ามาในรถก็จะเป็นหน้าที่ของผมที่จะทำให้น้องนิ่งไม่ร้องแหกปากโวยวาย
นั่นไงล่ะ มันมากันแล้ว น้องโอ๊ตไม่มีทีท่าสงสัย คงเพราะพ่อมันให้ลูกน้องมารับเป็นประจำ มันยังเดินมาทั้งๆ ที่หน้าก็ก้มมองแต่สมาร์ทโฟนในมือ ไอ้เด็กเวรเอ๊ย ชะตาชีวิตจะขาดอยู่แล้วยังไม่เสือกสำเหนียกตัวเอง
"กร๊อก" เสียงประตูเปิด น้องโอ๊ตมันมองเข้ามา ไม่ยอมเข้ามาในรถ แล้วพูดว่า "พี่เป็นใคร ทำไมมานั่งข้างผม" ผมยิ้มแล้วบอกว่า "กูเป็นมัจจุราชมารับมึงไง" ว่าแล้วผมก็ยื่นมือไปจับมือมัน ไอ้ชัยรีบวิ่งไปนั่งตรงคนขับ ส่วนไอ้สองผลักน้องโอ๊ตเข้ามา ผมทำตามที่วางแผนอย่างดี รีบเอามือปิดปากของมัน ไอ้สองเอาเชือกมัดมือทั้งสองไพล่หลัง มันพูดว่า "มึงนั่งดีๆ อย่าให้กูต้องทำร้ายมึง กูไม่อยากจะฆ่าเด็ก" รถแล่นออกไปช้าๆ น้องโอ๊ตร้องไห้สะอึกสะอื้นระหว่างทาง ผมเอามือข้างหนึ่งปิดปากมันไว้ แล้วเอามืออีกมือชี้ไปที่หน้ามัน พูดว่า "มึงอย่าร้องเสียงดังนะ ไม่งั๊นกูให้มันเชือดมึงแน่" พูดพลางชี้มือไปทางไอ้สอง มันหยิบมีดพกออกมาจากกระเป๋า น้องโอ๊ตเหมือนรู้งาน เสียงร้องไห้ของมันเงียบลง "ดีมาก ตอนนี้มึงนอนหลับไปเหอะ" พูดจบผมก็เอาถุงผ้าสีดำที่เตรียมไว้คลุมหัวน้องโอ๊ต เสียงร้องไห้ดังขึ้นอีก แต่ไม่มาก เอาเถอะ มันคงกลัวกับเรื่องที่มันต้องเจอในอนาคต ซึ่งถ้าจะลองคิดดู ก็สมเหตุสมผลอยู่นะ
เราขับรถกันมาจนจะออกนอกเมือง ไอ้ชัยร้องขึ้นมาว่า "เชี่ย ซวยแล้ว มีด่านข้างหน้า" ผมมองออกไปเห็นแถวของรถด้านหน้า คาดว่าน่าจะมีการปิดถนน เพื่อตั้งจุดตรวจ ไอ้ชัยหันมามองผม "พี่บอย เอายังไงดีพี่ หรือจะขับฝ่าไป" "ขับฝ่าไปให้พ่อมึงยิงเหรอ!" ผมตวาด ไอ้ชัยทำหน้าจ๋อย
ผมพูดกับน้องโอ๊ต "เดี๋ยวกูเปิดถุงผ้าออก มึงทำตัวดีๆ นะ ถ้ามึงร้องเสียดัง ตุกติกอะไร กูจะเสียบมึงให้ตาย" น้องโอ๊ตพยักหัว ผมจึงเปิดถุงผ้าที่คลุมหัวออก มันนั่งนิ่งไม่เอ่ยเสียงอะไร แต่ยังร้องสะอึกสะอื้นอยู่
ไอ้สองยื่นผ้าให้มันเช็ดหน้าตาที่เปื้อนรอยน้ำตา "เอ้า เช็ดให้เรียบร้อย ถ้ามันจับได้ เดี๋ยวก็ตายห่ากันหมดนี่" น้องโอ๊ตเอาผ้าเช็ดหน้าตา ผมยื่นสมาร์ทโฟนให้มัน บอกว่า "เอ้า มึงทำเป็นเล่นโทรศัพท์ของมึงไป ถ้าเขาถามก็บอกว่า กูเป็นพ่อของมึง" น้องโอ๊ตรับไปถือไว้ มันถือโทรศัพท์ในมือสั่นเทา รถขับเข้าไปถึงจุดตรวจ
ไอ้ชัยเปิดกระจกรถ ทักทายกับเจ้าหน้าที่ว่า "สวัสดีครับพี่ งานเหนื่อยไหมครับ" มันยิ้มกว้าง เจ้าหน้าที่มองหน้ามัน อีกสองนายเดินมาทางด้านซ้ายของรถ มองเข้ามาเห็นน้องโอ๊ตนั่งระหว่างผมกับไอ้สอง เอ่ยปากถามว่า "จะไปไหนกันน้อง" "เพิ่งไปรับลูกที่โรงเรียนครับพี่ เดี๋ยวว่าจะขับไปแวะห้างก่อนค่อยกลับบ้านกันครับ" ผมชิงตอบก่อน เจ้าหน้าที่มองผม แล้วมองไปยังมือที่สั่นเทาของน้องโอ๊ต ก่อนจะพูดว่า "รอตรงนี้เดี๋ยวนะ" แล้วก็พากันเดินออกไปจากรถ ทั้งสามเดินไปยืนคุยกันที่ด้านหน้ารถ
"ไอ้ชัย มึงเหยียบเลย" ผมพูดจบไอ้ชัยไส่เกียร์ เหยียบคันเร่งมิดทันที รถยนต์พุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ทั้งสาม มีสองคนกระโดดหลบไปได้ ส่วนอีกคนหนึ่งโดนจังๆ ล้มลงไปใต้รถ ผมจับน้องโอ๊ตไว้แน่น ใจนึงก็ภาวนาขอให้รอดจากตรงนี้ไปได้ รถยนต์พุ่งต่อไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ด้านหลังวอแจ้งโรงพัก ผมมองย้อนกลับไปเห็นอีกคนหนึ่งกำลังดูเจ้าหน้าที่คนที่ถูกรถทับ
ปัง ปัง เสียงปืนสองนัด ดังมาทางด้านหลัง พวกเรารีบก้มหัว รถยังคงวิ่งไปไม่หยุด จนกระทั่งผมเห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งขี่รถมอเตอร์ไซค์ไล่ตามพวกเรามา ไอ้สองชักปืนจากเอวออกมา ยิงไปที่เจ้าหน้าที่ เขาล้มลงทันที คาดว่าสิ้นใจแน่แล้ว น้องโอ๊ตร้องไห้ไม่หยุด "เพราะมึงคนเดียว เลยตายห่ากันเยอะอย่างนี้ หุบปากได้แล้ว" ผมตวาด น้องโอ๊ตมันยิ่งร้องไห้มากกว่าเดิม
วี๊หว่อ วี๊หว่อ เสียงไซเรนรถตำรวจสองคัน ขับติดตามเรามา มันเร่งมาเรื่อยๆ จนแทบจะทันอยู่แล้ว อยู่ๆ ก็มีแรงกระแทก โครม! รถของเราโดนรถตำรวจคันหนึ่งชนท้าย เราเสียหลักจนจะตกลงข้างทาง โครม! อีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดรถของเราก็เซตกข้างทาง ในสภาพพลิกคว่ำ
ผมค่อยๆ คลานออกมาจากรถ ก้มมองดูในรถ เห็นว่าทุกคนไม่ได้เป็นอะไรมาก ส่วนผมมีแผลที่หัวกระแทกกับกระจก ผมยกมือขึ้น แสดงตัวว่ายอมให้จับกุม เจ้าหน้าที่สามนายเดินลงมาถึงรถของพวกเรา นายหนึ่งเดินเข้ามาทางผม เขาจับมือผมไพล่หลัง ตรวจอาวุธของผม ที่จริงแล้วผมพกปืนไว้ป้องกันตัวหนึ่งกระบอก มันคงหล่นระหว่างที่รถพลิกคว่ำ มันถึงไม่อยู่ในตัวผม เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นตัวไม่พบอะไร ก็เดินออกจากตัวผม กลับไปรวมกลุ่มกับอีกสองคนที่เหลือ
ผมมองไปในรถยังไม่มีใครออกมา ผมจึงถามกับเจ้าหน้าที่ว่า "ในรถน่าจะมีคนเจ็บ พี่ช่วยคนเจ็บออกมาจากรถก่อนได้ไหมครับ" ทั้งสามคนมองหน้ากันแล้ว คนหนึ่งพูดว่า "ไหนคนเจ็บ ที่นี่ไม่มีหรอกคนเจ็บ มีแต่คนตาย มึงแน่นักใช่ไหมวะ" พูดจบก็ควักปืนออกมา เล็งมาที่ผม ผมตกใจสุดขีด "พี่ครับๆ ผมรับจ้างเขามาอีกที พี่อย่าฆ่าผมเลยนะ ผมขอร้อง ผมมีลูกเล็กที่เพิ่งเข้าโรงเรียนนะครับ" ผมก้มลงกราบขอชีวิต "แล้วที่มึงขับรถชน กับยิงทิ้งนั่นเขาไม่มีลูกไม่มีเสียเหรอวะ" เขาตอบ "โทษใครไม่ได้ ต้องโทษตัวมึงเองแล้วนะ" เขาพูดจบก็เหนี่ยวไก เปรี้ยง กระสุนพุ่งทะลุร่างของผม ผมรู้สึกเจ็บที่หน้าอก ล้มตัวลงคุกเข่า มือผมเต็มไปด้วยน้ำเลือดที่ไหลออกจากแผล ในหัวผมมันมืด มืดไปหมด แล้วทุกความรู้สึกก็หมดไป ... จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
"ปิดปาก มัดมือ จับไว้นิ่งๆ" ผมซ้อมแผนอยู่ในใจ ขณะที่ไอ้ชัยกับไอ้สอง กำลังเดินไปทำทีรับน้องโอ๊ต ลูกชายของนายสรเดช นักการเมืองชื่อดังในท้องถิ่น ซึ่งผมรับงานมาจับตัวไปเรียกค่าไถ่ คนที่จ้างวานผมก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เป็นนายวิพล นักการเมืองคู่แข่งของสรเดชนั่นเอง
ไอ้ชัยกับไอ้สองเดินเข้าไปในโรงเรียนแล้ว พวกเรานัดแนะกันว่าจะบอกน้องโอ๊ตว่าพ่อให้มารับ แล้วเมื่อน้องโอ๊ตเข้ามาในรถก็จะเป็นหน้าที่ของผมที่จะทำให้น้องนิ่งไม่ร้องแหกปากโวยวาย
นั่นไงล่ะ มันมากันแล้ว น้องโอ๊ตไม่มีทีท่าสงสัย คงเพราะพ่อมันให้ลูกน้องมารับเป็นประจำ มันยังเดินมาทั้งๆ ที่หน้าก็ก้มมองแต่สมาร์ทโฟนในมือ ไอ้เด็กเวรเอ๊ย ชะตาชีวิตจะขาดอยู่แล้วยังไม่เสือกสำเหนียกตัวเอง
"กร๊อก" เสียงประตูเปิด น้องโอ๊ตมันมองเข้ามา ไม่ยอมเข้ามาในรถ แล้วพูดว่า "พี่เป็นใคร ทำไมมานั่งข้างผม" ผมยิ้มแล้วบอกว่า "กูเป็นมัจจุราชมารับมึงไง" ว่าแล้วผมก็ยื่นมือไปจับมือมัน ไอ้ชัยรีบวิ่งไปนั่งตรงคนขับ ส่วนไอ้สองผลักน้องโอ๊ตเข้ามา ผมทำตามที่วางแผนอย่างดี รีบเอามือปิดปากของมัน ไอ้สองเอาเชือกมัดมือทั้งสองไพล่หลัง มันพูดว่า "มึงนั่งดีๆ อย่าให้กูต้องทำร้ายมึง กูไม่อยากจะฆ่าเด็ก" รถแล่นออกไปช้าๆ น้องโอ๊ตร้องไห้สะอึกสะอื้นระหว่างทาง ผมเอามือข้างหนึ่งปิดปากมันไว้ แล้วเอามืออีกมือชี้ไปที่หน้ามัน พูดว่า "มึงอย่าร้องเสียงดังนะ ไม่งั๊นกูให้มันเชือดมึงแน่" พูดพลางชี้มือไปทางไอ้สอง มันหยิบมีดพกออกมาจากกระเป๋า น้องโอ๊ตเหมือนรู้งาน เสียงร้องไห้ของมันเงียบลง "ดีมาก ตอนนี้มึงนอนหลับไปเหอะ" พูดจบผมก็เอาถุงผ้าสีดำที่เตรียมไว้คลุมหัวน้องโอ๊ต เสียงร้องไห้ดังขึ้นอีก แต่ไม่มาก เอาเถอะ มันคงกลัวกับเรื่องที่มันต้องเจอในอนาคต ซึ่งถ้าจะลองคิดดู ก็สมเหตุสมผลอยู่นะ
เราขับรถกันมาจนจะออกนอกเมือง ไอ้ชัยร้องขึ้นมาว่า "เชี่ย ซวยแล้ว มีด่านข้างหน้า" ผมมองออกไปเห็นแถวของรถด้านหน้า คาดว่าน่าจะมีการปิดถนน เพื่อตั้งจุดตรวจ ไอ้ชัยหันมามองผม "พี่บอย เอายังไงดีพี่ หรือจะขับฝ่าไป" "ขับฝ่าไปให้พ่อมึงยิงเหรอ!" ผมตวาด ไอ้ชัยทำหน้าจ๋อย
ผมพูดกับน้องโอ๊ต "เดี๋ยวกูเปิดถุงผ้าออก มึงทำตัวดีๆ นะ ถ้ามึงร้องเสียดัง ตุกติกอะไร กูจะเสียบมึงให้ตาย" น้องโอ๊ตพยักหัว ผมจึงเปิดถุงผ้าที่คลุมหัวออก มันนั่งนิ่งไม่เอ่ยเสียงอะไร แต่ยังร้องสะอึกสะอื้นอยู่
ไอ้สองยื่นผ้าให้มันเช็ดหน้าตาที่เปื้อนรอยน้ำตา "เอ้า เช็ดให้เรียบร้อย ถ้ามันจับได้ เดี๋ยวก็ตายห่ากันหมดนี่" น้องโอ๊ตเอาผ้าเช็ดหน้าตา ผมยื่นสมาร์ทโฟนให้มัน บอกว่า "เอ้า มึงทำเป็นเล่นโทรศัพท์ของมึงไป ถ้าเขาถามก็บอกว่า กูเป็นพ่อของมึง" น้องโอ๊ตรับไปถือไว้ มันถือโทรศัพท์ในมือสั่นเทา รถขับเข้าไปถึงจุดตรวจ
ไอ้ชัยเปิดกระจกรถ ทักทายกับเจ้าหน้าที่ว่า "สวัสดีครับพี่ งานเหนื่อยไหมครับ" มันยิ้มกว้าง เจ้าหน้าที่มองหน้ามัน อีกสองนายเดินมาทางด้านซ้ายของรถ มองเข้ามาเห็นน้องโอ๊ตนั่งระหว่างผมกับไอ้สอง เอ่ยปากถามว่า "จะไปไหนกันน้อง" "เพิ่งไปรับลูกที่โรงเรียนครับพี่ เดี๋ยวว่าจะขับไปแวะห้างก่อนค่อยกลับบ้านกันครับ" ผมชิงตอบก่อน เจ้าหน้าที่มองผม แล้วมองไปยังมือที่สั่นเทาของน้องโอ๊ต ก่อนจะพูดว่า "รอตรงนี้เดี๋ยวนะ" แล้วก็พากันเดินออกไปจากรถ ทั้งสามเดินไปยืนคุยกันที่ด้านหน้ารถ
"ไอ้ชัย มึงเหยียบเลย" ผมพูดจบไอ้ชัยไส่เกียร์ เหยียบคันเร่งมิดทันที รถยนต์พุ่งเข้าชนเจ้าหน้าที่ทั้งสาม มีสองคนกระโดดหลบไปได้ ส่วนอีกคนหนึ่งโดนจังๆ ล้มลงไปใต้รถ ผมจับน้องโอ๊ตไว้แน่น ใจนึงก็ภาวนาขอให้รอดจากตรงนี้ไปได้ รถยนต์พุ่งต่อไปเรื่อยๆ ได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ด้านหลังวอแจ้งโรงพัก ผมมองย้อนกลับไปเห็นอีกคนหนึ่งกำลังดูเจ้าหน้าที่คนที่ถูกรถทับ
ปัง ปัง เสียงปืนสองนัด ดังมาทางด้านหลัง พวกเรารีบก้มหัว รถยังคงวิ่งไปไม่หยุด จนกระทั่งผมเห็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งขี่รถมอเตอร์ไซค์ไล่ตามพวกเรามา ไอ้สองชักปืนจากเอวออกมา ยิงไปที่เจ้าหน้าที่ เขาล้มลงทันที คาดว่าสิ้นใจแน่แล้ว น้องโอ๊ตร้องไห้ไม่หยุด "เพราะมึงคนเดียว เลยตายห่ากันเยอะอย่างนี้ หุบปากได้แล้ว" ผมตวาด น้องโอ๊ตมันยิ่งร้องไห้มากกว่าเดิม
วี๊หว่อ วี๊หว่อ เสียงไซเรนรถตำรวจสองคัน ขับติดตามเรามา มันเร่งมาเรื่อยๆ จนแทบจะทันอยู่แล้ว อยู่ๆ ก็มีแรงกระแทก โครม! รถของเราโดนรถตำรวจคันหนึ่งชนท้าย เราเสียหลักจนจะตกลงข้างทาง โครม! อีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดรถของเราก็เซตกข้างทาง ในสภาพพลิกคว่ำ
ผมค่อยๆ คลานออกมาจากรถ ก้มมองดูในรถ เห็นว่าทุกคนไม่ได้เป็นอะไรมาก ส่วนผมมีแผลที่หัวกระแทกกับกระจก ผมยกมือขึ้น แสดงตัวว่ายอมให้จับกุม เจ้าหน้าที่สามนายเดินลงมาถึงรถของพวกเรา นายหนึ่งเดินเข้ามาทางผม เขาจับมือผมไพล่หลัง ตรวจอาวุธของผม ที่จริงแล้วผมพกปืนไว้ป้องกันตัวหนึ่งกระบอก มันคงหล่นระหว่างที่รถพลิกคว่ำ มันถึงไม่อยู่ในตัวผม เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นตัวไม่พบอะไร ก็เดินออกจากตัวผม กลับไปรวมกลุ่มกับอีกสองคนที่เหลือ
ผมมองไปในรถยังไม่มีใครออกมา ผมจึงถามกับเจ้าหน้าที่ว่า "ในรถน่าจะมีคนเจ็บ พี่ช่วยคนเจ็บออกมาจากรถก่อนได้ไหมครับ" ทั้งสามคนมองหน้ากันแล้ว คนหนึ่งพูดว่า "ไหนคนเจ็บ ที่นี่ไม่มีหรอกคนเจ็บ มีแต่คนตาย มึงแน่นักใช่ไหมวะ" พูดจบก็ควักปืนออกมา เล็งมาที่ผม ผมตกใจสุดขีด "พี่ครับๆ ผมรับจ้างเขามาอีกที พี่อย่าฆ่าผมเลยนะ ผมขอร้อง ผมมีลูกเล็กที่เพิ่งเข้าโรงเรียนนะครับ" ผมก้มลงกราบขอชีวิต "แล้วที่มึงขับรถชน กับยิงทิ้งนั่นเขาไม่มีลูกไม่มีเสียเหรอวะ" เขาตอบ "โทษใครไม่ได้ ต้องโทษตัวมึงเองแล้วนะ" เขาพูดจบก็เหนี่ยวไก เปรี้ยง กระสุนพุ่งทะลุร่างของผม ผมรู้สึกเจ็บที่หน้าอก ล้มตัวลงคุกเข่า มือผมเต็มไปด้วยน้ำเลือดที่ไหลออกจากแผล ในหัวผมมันมืด มืดไปหมด แล้วทุกความรู้สึกก็หมดไป ... จนกระทั่งเดี๋ยวนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น