คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Secret of Scent by rainbobow
by rainbobow
“ความลับของผม...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แป้งเย็นตราแมว”
“คัท! คัท! เล่นให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วรึไง!?” เสียงก้องของผู้กำกับจอมโหวกเหวกดังออกมาจากโทรโข่งขนาดใหญ่กว่าใบหน้า มือเรียวค่อยๆ ลดมันลงมาให้เห็นแววตาขึงขังและคิ้วบางที่กำลังขมวดอย่างใส่อารมณ์
“นี่! เป็นถึงพระเอกดัง เล่นให้มันดีหน่อยสิคุณ ค่าตัวก็ตั้งแพง”
พระเอกคิวทองได้ยินดังนั้นก็เริ่มอารมณ์เสียที่ถูกสบประมาท นึกเซ็งจัดที่ต้องมาถ่ายโฆษณาแป้งเย็นยี่ห้อโบราณตั้งแต่รุ่นคุณปู่เพราะผู้จัดการ หากแต่เจ้าตัวยังยืนพักขาหน้านิ่งให้สไตลิสท์สองคนคอยมาเช็ดเหงื่อเติมแป้งให้
จะโวยวายอะไรนักหนาวะ หนวกหูชะมัดเลย
“นี่ รอบหน้าขอแอคติ้งเป็นมิตรกว่านี้ ยิ้มตอนพูดด้วย”
หนุ่มร่างเล็กคนเดิมสั่งต่อ ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้กำกับโฆษณามืออาชีพจากโปรดักชั่นเฮ้าส์ดังที่ไหน แต่เขาก็เรียนจบทางด้านนี้มา แล้วไอ้การเมินกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้มันแปลว่าอะไร ดังแล้วหยิ่งงั้นหรอ!?
“นี่ ได้ยินรึเปล่า หูหนวกหรอ!? นั่นก็หยุดซับหน้าได้แล้ว”
ตามหลักการ คนที่ใหญ่ที่สุดในกองถ่ายก็คือตัวเขาที่เป็นผู้กำกับ แล้วทำไมทุกคนต้องเอาแต่สนใจไอ้หลอดไฟนี่วะ นี่ขนาดทุกคนรู้ดีว่าเขาเป็นหลานชายคนโตของเจ้าของแป้งเย็นตราแมวยังทำเมินใส่เขาแบบนี้เลย!
อยู่ที่บ้านเขาเป็นคุณหนูคชามีแต่คนเอาอกเอาใจ แต่พอมาอยู่นี่ทุกอย่างกลับไร้ความหมายสิ้นดี
“นี่ นี่ คุณ”
พยายามควบคุมอารมณ์และเรียกซ้ำอีกครั้ง ทว่ากลับไม่มีแม้แต่การปรายตาจากดาราหนุ่มหล่อและสไตลิสต์อีกสองคนมาทางนี้เลย สองสาวซับหน้าจัดผมให้ดาราหนุ่มเสร็จเป็นที่เรียบร้อยก็ยื่นขวดน้ำให้ดูดสองสามอึกแล้วจึงเดินจากไป
“นี่คุณ!”
ช่วยเห็นหัวเห็ดๆ ของไอ้ผู้กำกับคนนี้สักนิดได้ไหม!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกก” หงุดหงิดจนอดรนทนไม่ไหวจึงต้องยกหัวขึ้นขยี้เส้นผมเป็นการระบายอารมณ์ ทำเอาคนที่ยืนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูนต้องแอบเหล่ตามองพลางกระตุกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยขึ้นบ้าง
“พอดีผมไม่ได้ชื่อ ‘นี่’ แล้วตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยเป็นหนี้ใครที่ไหนด้วย”
กวน ตีน!
คชาถอนหายใจเข้าออกลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์อันครุกรุ่น ก่อนจะกัดฟันพูดออกมาอย่างอดทน “คุณเศรษฐพงศ์ครับ...” เพราะเมื่อกี๊ผู้ช่วยฯ มากระซิบว่าตารางการถ่ายทำมันเลทไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วหรอกนะถึงต้องยอม “เทคต่อไป ช่วยยิ้มบางๆ ตอนพูดคำว่า แป้งเย็นตราแมวด้วย...ครับ” หางเสียงเพียงเติมมาแค่ไม่ให้ฟังดูห้วนไป แต่หากดูจากสีหน้าท่าทางแล้วก็เห็นได้ชัดว่าผู้กำกับหน้าใหม่คนนี้ฝืนพูดมันออกมา
นักแสดงหนุ่มนิ่งพิจารณามองใบหน้าหวานครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณตอบรับ เพียงเท่านั้นก็เหมือนจะทำให้อารมณ์ร้อนๆ ของผู้กำกับคนนี้เย็นลงมาอีกนิดนึง
“แป้งเย็นตราแมว ซีน 2 คัท 3 เทค 3”
สิ้นเสียงตีสเลทดังขึ้น ผู้กำกับร่างเล็กที่นั่งดูอยู่หน้ามอนิเตอร์ก็สั่ง “แอคชั่น” และตอนนั้นนักแสดงหนุ่มก็เริ่มอวดความสามารถทางการแสดงที่มีผ่านหน้ากล้องอีกครั้ง
“ความลับของผม...” ชายหนุ่มลอบยิ้มพลางค่อยๆ โชว์ขวดแป้งสังกะสีที่ซ่อนไว้ออกมาจากด้านหลัง ริมฝีปากฉีกยิ้มกว้างให้สาแก่ใจผู้กำกับจอมวีน ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงหล่อบาดใจ “แป้งเย็นตราแมว”
“คัท!” คนตัวเล็กลั่นเสียงใส่โทรโข่ง ใบหน้ายังคงขมวดคิ้วอย่างแรกเริ่ม “เฟคชะมัด ขอยิ้มธรรมชาติ ไม่เฟคน่ะได้ไหม!?”
ได้ยินดังนั้นนักแสดงหนุ่มก็เริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาอีกรอบ มาหาว่ารอยยิ้มของเขามันเฟคเนี่ยนะ! เต๋าตั้งสติไม่นาน ก็เริ่มการถ่ายทำเทคต่อไปภายใต้การจับตามองถูกฝีก้าวของผู้กำกับคนเดิม
“ความลับของผม... แป้งเย็นตราแมว” หนุ่มรูปหล่อฉีกยิ้มที่เชื่อว่า หากสาวๆ ทั้งประเทศมาอยู่ตรงหน้าคงได้ละลายกันเป็นแถบๆ เต๋านิ่งค้างกับกล้องอยู่สักพัก ก่อนที่ผู้กำกับคนเดิมจะสั่ง
“คัท! เอาใหม่ พูดปากเบี้ยว ยิ้มก็ยังเหมือนเดิม” คนตัวเล็กยังคงวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา
“จะอะไรนักหนา”
“ก็มันเฟค”
“งั้นก็บอกทีว่ายิ้มที่คุณต้องการน่ะเป็นยังไง?”
ได้ยินคำถามดังนั้น ผู้กำกับมือใหม่ก็เดินปรี่ตรงเข้ามาหานักแสดง ถึงจะหงุดหงิดที่อีกคนทำได้ไม่ตรงใจสักที แต่อย่างน้อยก็ยังยอมฟังกันบ้างล่ะ “ก็ยิ้มธรรมดาๆ แบบชาวบ้านทั่วไป ไม่ใช่ยิ้มแบบนี้ คุณน่ะเป็นพรีเซนเตอร์มาตั้งกี่อย่างแล้วก็ยิ้มขายของเหมือนเดิมทุกที”
โดนอีกร่ายใส่ซะยาวขนาดนี้ ก็ถึงกับยืนนิ่งฟัง “ยังเป็นคนอยู่รึเปล่าน่ะ? หรือจริงๆ เป็นหุ่นยนต์? ยิ้มยังกะออกมาจากโปรแกรม”
คชาพูดออกไปตามความคิด จริงๆ มันคงไม่ใช่ความผิดของหมอนี่ซะทีเดียวหรอก คงเพราะการทำงานเป็นคนของประชาชนเลยทำให้ต้องยิ้มแบบนี้อยู่เสมอ แต่สำหรับเขามันก็แค่รอยยิ้มหากินไปวันๆ ซึ่งเขาจะไม่ยอมให้มาอยู่บนโฆษณาชิ้นนี้เด็ดขาด! แป้งเย็นตราแมวนี่น่ะ เป็นสมบัติของคุณตาที่ทิ้งไว้ให้เขาเลยนะ
“เอาใหม่”
“เดี๋ยว” ดาราหนุ่มรั้งผู้กำกับที่กำลังจะกลับไปนั่งที่เอาไว้ “งั้นคุณก็ทำให้ดูหน่อยสิว่าคนปกติเขาต้องยิ้มกันยังไง”
คนตัวเล็กยืนนิ่งไปพักหนึ่งเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดดังนั้น หากแต่ไม่นาน ริมฝีปากบางก็คลี่ออกช้าๆ จนเผยฟันซี่เล็กลอดมาให้เห็น
ตาคู่คมมองภาพรอยยิ้มที่อยู่ด้านหน้า กลิ่นหอมบางเบาโชยออกมาให้เขาได้กลิ่น จนแอบเผลอคิดอยากเป็นผีเสื้อเข้าไปดอมดมดอกไม้แรกแย้มตรงหน้าเหลือเกิน
หากแต่มันกลับหายไปในพริบตา เมื่อรอยยิ้มนั้นหุบลงก่อนที่เจ้าตัวจะไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม
“เข้าใจแล้วใช่ไหม? อย่าให้ต้องเสียเวลาอีกล่ะคุณ ค่าเช่าไฟเช่าอุปกรณ์ไม่ใช่ถูกๆ เลย” ผู้กำกับตัวเล็กพูดสั่งอีกฝ่าย ใบหน้ากลับมาเคร่งขรึมเช่นเดียวกับตอนแรก ด้วยไม่แน่ใจเลยว่าดาราหนุ่มตรงหน้าจะทำได้รึเปล่า
“เริ่มใหม่”
ไม่นานนักหลังจากพูดสั่ง การถ่ายทำก็เริ่มขึ้นอีกหน คราวนี้ดาราหนุ่มคลี่ยิ้มบางเบากว่าหนก่อนหน้านัก “คัท! ค้างไว้อย่างนั้นก่อนซิ”
ผู้กำกับตัวเล็กอดรนทนไม่ไหวเมื่ออะไรๆ ไม่ได้อย่างใจสักที ขาเรียวก้าวดุ่มๆ เข้าไปหาคนในแสงไฟ ก่อนที่แก้มขาวซีดนั้นจะถูกอีกคนจับดึงอย่างที่ไม่สนใจเครื่องสำอางที่ติดอยู่สักนิด
นิ้วมือนุ่มค่อยๆ ดึงแก้มอีกคนให้ฉีกยิ้มออก ตาเรียวทั้งสองจดจ้องใบหน้านั้น ก่อนจะเคลื่อนเข้าใกล้ไปมองริมฝีปากอีกคนอย่างพิจารณา ริมฝีปากอิ่มแถมยังสีแดงดูสุขภาพดีชะมัด นิ้วมือค่อยๆ ดึงแก้มอีกข้างออกบ้างราวกับคนตรงหน้าเป็นตุ๊กตา
แต่เต๋ากลับรู้สึกเหมือนเป็นบ้า!
นี่มันจะใกล้เกินไปแล้ว จะนุ่มเกินไปแล้ว จะหอมเกินไปแล้ว
“นี่ จะเล่นอีกนานไหม?” หากแต่ดาราหนุ่มยังคงเก๊กหน้าเก๊กเสียงต่อไป ทั้งที่ลมหายใจเริ่มติดขัดเสียเต็มที
“โทษที” ว่าแล้วคนกำลังสนุกก็รีบปล่อยมือออกราวกับกำลังจับของร้อน “แค่อยากรู้ว่ายิ้มแบบนี้แล้วจะเป็นยังไง” พูดอธิบายพลางยกมือขึ้นเกาศีรษะ ริมฝีปากผุดรอยยิ้มแก้เก้อ
“เออๆ ยิ้มแบบนี้แหละ ก็ทำได้หนิ” เสียงใสร้องออกมาทันควันเมื่อเห็นคนตรงหน้ากำลังอมยิ้มบางๆ “ยิ้มอีกซิ” ก่อนจะค่อยๆ ผุดรอยยิ้มแสนธรรมชาติออกมาให้ได้เห็นกว้างขึ้น
คชาเอามือตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ ประหนึ่งกำลังลูบหัวชื่นชมสัตว์เลี้ยงที่ยืนสองขาได้ ก่อนจะเดินจากไปด้วยอารมณ์ดี
“เทคต่อไป เริ่มได้!”
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่อีกสองเทคหลังจากนั้น รอยยิ้มโรบอทก็กลับกลายเป็นรอยยิ้มจริงใจและธรรมชาติแทน ผู้กำกับคชายิ้มกว้างอย่างปลาบปลื้ม และหลังจากฉากนั้นผ่านไป ทุกอย่างก็ดูราบรื่นไปเสียหมด ลงล็อคตามตารางพอดี จะมีเลทก็แค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้นตามประสามือใหม่ ซึ่งมันก็ไม่ได้กระทบอะไรมากมาย จะเว้นก็แต่...
“นี่ คุณ เกินมาชั่วโมงนึงไม่เป็นไรใช่ไหม?” ผู้กำกับหน้าใหม่รีบเดินเข้าไปสอบถามอีกคน ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ก็เพราะที่ผ่านมาเขาเคยแค่ถ่ายโฆษณาส่งอาจารย์ นี่มันเรื่องแรกของเขาที่ต้องถ่ายจริงแถมยังใช้ดาราดังแบบนี้ และเขาก็รู้มาว่าตาเศรษฐพงศ์นี่มันงานยุ่งซะด้วยสิ คงไม่ไปขัดตารางงานอะไรเขาเข้าหรอกนะ
ใบหน้าขาวคมที่ก้มดูบางอย่างจากสมาร์ทโฟนคู่ใจค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา คิ้วผูกโบดูเคร่งขรึม “เป็น... รับผิดชอบด้วยครับคุณผู้กำกับ”
เห็นแบบนั้นคชาก็ถึงกับหน้าซีด... แค่ลองถามเล่นๆ ให้ดูมีความรับผิดชอบ ไม่ได้คิดว่าต้องรับผิดชอบจริงๆ ซะหน่อย!
ซวย แล้ว ไง ชา!
เจ้าของรางวัลหนุ่มหล่อขวัญใจมหาชนขึ้นมานั่งอยู่บนรถยนต์คันสีขาวของผู้กำกับหน้าใหม่ มือกดเอนเบาะลงอย่างสบายใจ ตาก็เหลือบมองคนที่ขับรถอย่างใจร้อนเต็มทน
“นี่คุณ สตูดิโอที่บอกนี่มันชื่ออะไร อยู่ไหนนะ? แล้วต้องตรงไปหรือเลี้ยวขวา?” คชาถามรัวซะจนอีกคนต้องอมยิ้มบางๆ “เร็วสิ”
“ใครชื่อนี่?”
“โอเค... คุณเศรษฐพงศ์ครับ บอกผมมาเร็วเข้า”
“เรียกเต๋าก็ได้”
“เออ เต๋าก็เต๋า จะบอกทางได้รึยังวะ?”
หลุดท่าทีหัวเสียออกมาจนได้หลังจากทำสุภาพอยู่นาน ก็มาทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนแบบนี้มันน่าโมโหจะตาย เสร็จงานแล้ว ค่าตัวก็จ่ายแล้วยังวุ่นวายไม่จบไม่สิ้นอีก!
“ตรงไปก่อน ถึงแยกหน้าแล้วค่อยเลี้ยวซ้าย” สุดท้ายนักแสดงหนุ่มจึงต้องบอกทางอีกคนแต่โดยดี สารถีร่างเล็กเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นเท่าที่จะทำได้ ตาเพ่งมองทางอย่างแน่วแน่ ไม่แม้แต่จะสนใจสิ่งอื่นใด
จึงไม่ทันเห็นเลยว่า ภายใต้ใบหน้านิ่งๆ ของอีกฝ่ายมีรอยยิ้มที่มุมปากประดับไว้อยู่
เล่นกับใครไม่เล่น... มาเล่นกับไอ้เต๋าเพียงพอ!
“งานมันแคนเซิลไปแล้วยังจะกินข้าวต่ออีก ว่างมากรึไงนี่คุณ”
เสียงใสโวยเอ็ดชายหนุ่มที่นำเขาเข้ามาในร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดังกลางกรุง หลังจากที่อีกฝ่ายบอกเขาว่าคิวงานเย็นนี้ถูกยกเลิกกะทันหัน เขาก็ถูกอีกคนบังคับให้เข้ามานั่งด้วยกันแบบนี้
เอาแต่ใจชะมัด งานการไม่มีก็กลับบ้านไปพักผ่อนสิ! ได้ยินว่าวันๆ ทำแต่งานไม่ใช่รึไง!?
“บอกแล้วไงว่าให้เรียกเต๋า”
นี่ก็อีก... ก็เขาอยากเรียกแบบนี้ใครมันจะทำไม?
“คร้าบ...ต๋าววววว”
แต่สุดท้ายเขาก็เปล่งเสียงใสเรียกอีกคนเสียงลากยาวเพื่อบ่งบอกความไม่เต็มใจ หากแต่อีกคนกลับหัวเราะร่าออกมา
จะขำอะไรนักหนาวะ!
ไม่ทันที่คนทั้งคู่จะโต้เถียงอะไรกันไปมากกว่านั้น มื้ออาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟโดยพนักงานสาวสวย สปาเกตตี้ พิซซ่า คาโบนาร่า ซุปเอย สลัดเอย ทุกอย่างโชยกลิ่นดูน่ารับประทานไปหมด
“กินสิ มื้อนี้ผมเลี้ยงเองคชา” นักแสดงหนุ่มตรงหน้าเอ่ยเรียบๆ
ยอมรับตรงๆ เลยว่า ตอนแรกหนุ่มร่างเล็กคิดว่าตัวเองโดนหมอนี่หลอกให้รีบขับรถมาเพื่อแกล้งเล่นซะแล้ว แต่พอได้มานั่งกินมื้อเย็นในร้านอาหารสุดหรูฟรีๆ แบบนี้ มันก็คุ้มค่าโดนหลอกอยู่เหมือนกันนะ
จะยังไงก็เอาเถอะ... แต่ตอนนี้เขาจะกินให้คุ้มกับค่าตัวที่เสียตังค์จ้างหมอนี่มาถ่ายโฆษณาซะเลย!
เล่นกับใครไม่เล่น... มาเล่นกับคชา! หึหึหึ
แม้ว่าวันนี้คชาจะเพิ่งได้เจอกับเต๋าเป็นครั้งแรกหลังจากนั่งมองรูปอีกคนผ่านอย่างหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นร้อยเพื่อดูว่าเหมาะสมกับการเป็นพรีเซนเตอร์แป้งเย็นของที่บ้านเขารึเปล่า ทว่าในวันแรกที่เพิ่งเจอกันแบบนี้ คนทั้งคู่กลับมานั่งพูดคุยกันอยู่ในร้านอาหารดังอย่างไม่เก้อเขิน
“ต๋าวววว...เอามาอีกแก้วดิ๊” ร่างเล็กหัวเราะคิกคักเมื่ออีกคนทำตามสั่ง ก่อนจะกระดกน้ำสีแดงเข้มในแก้วทรงสูงขึ้นดื่มลงคอภายในอึกเดียว
ตอนแรกก็เกรงๆ กันอยู่บ้างแหละนะ แต่พอได้แอลกอฮอล์เข้าช่วยหน่อย ทุกอย่างก็ลื่นไหลยังกับรู้จักกันมานานหลายปี
คนตัวเล็กเอามือตบบ่าอีกคนอย่างชอบใจเมื่อเห็นอีกคนรินไวน์ให้ตามที่ขอ “อือ...กินแล้วร้อนดีจัง” ดื่มทั้งหมดลงคอเข้าไปอีกอึกใหญ่ เสียงใสก็เริ่มพูดจาเริ่มไม่เป็นภาษา คชาหันมาโปรยยิ้มหวานใส่อีกฝ่ายที่ทำเอาคนมองต้องแอบสะอึก “เอาอีก..จะเอาอีก”
“พอแล้วมั้งคชา”
“โหยไรว้า แค่นี้ไม่มีตังค์จ่ายรึไง?” คนอยู่ในอาการกึ่มๆ ได้ที่พูดจาประชดใส่อีกฝ่ายเบาๆ “โถ่เอ๊ย คิดว่าเป็นดาราแล้วจะรวย ไม่น่าเล้ยยยย”
“เงินแค่นี้ขนหน้าแข้งฉันไม่ร่วงหรอก แต่นายเมาแล้วต่างหาก”
“ม่ายมาวววววว” เสียงเล็กพูดค้านขึ้นทันที “แต่ถึงเมาก็จะกิน... จะกินให้นายหมดตัวเลย”
“กินให้หมดตัว?”
“ช่าย... จะกินให้หมดตัวเลย ค่าตัวก็แพ้งแพง แถมยังทำตัวขี้เก๊กกวนประสาทดีนัก น่าหมั่นไส้จะตาย คิกคิก”
ได้ยินดังนั้นดาราหนุ่มก็เรียกบริกรเข้ามาเพื่อสั่งไวน์ราคาแพงอีกขวดใหญ่ ตาคมมองร่างเล็กที่นั่งเลื้อยอยู่ที่พนักพิง ยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าเนียนแผ่วเบา
ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปาก
เอาสิ...เดี๋ยวก็ได้รู้กัน...
‘กินหมดตัว’ ของจริงมันเป็นยังไง
- - -
เห็นอีกคนตัวเล็กๆ แบบนี้ แต่ไอ้การจะพยุงคชาขึ้นรถจนขับพามาถึงคอนโดและแบกขึ้นห้องอีกทีก็ไม่ง่ายเลย ก็เล่นหลับใหลไม่ได้สติซะแบบนี้นี่หว่า
ฝ่ามือหนาตีอีกฝ่ายที่ข้างแก้มเบาๆ ...นี่หลับไปจริงๆ หรอวะ?
“ฮื่อ... ทำอารายยยยยย” หากแต่ไม่ทันต้องถามใครให้มากความ เสียงคนเมาก็ดังขึ้นเป็นคำตอบให้ “ร้อนนนนนนน” ริมฝีปากสีแดงสดพูดต่ออย่างไม่สนใจอะไร ตาปรือเหมือนคนง่วงนอน
ไม่รู้ตัวเลย...ว่าสภาพที่เป็นอยู่มันช่างล่อตาล่อใจแค่ไหน
“ร้อนหรอ... งั้นถอดเสื้อให้นะชา”
มือหนาค่อยๆ ไล่แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออก หากแต่ก็ถูกมืออีกฝ่ายปัดป้องอยู่เป็นระยะ “ทำอารายยยยย” คนไม่ได้สติพูดเช่นนั้นทว่าสีหน้ากลับยิ้มกว้างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“ถอดเสื้อไงคชา” คนเจ้าเล่ห์พูดพลางยิ้มกริ่ม
“ถอดตรงนี้ทำไมเล่า” คนเมาพูดเสียงยานคาง “ไปถอดที่เตียงสิ...จะได้นอนนนนนนน”
“โอเคครับ งั้นเราไปถอดเสื้อผ้าที่เตียงกัน”
เบาะโซฟามันไม่นุ่มเท่าเตียงหรอก.. หึหึ
ทว่าสุดท้าย พอตัวเองถอดเสื้อผ้าอีกคนบนเตียงเสร็จ ก็กลายเป็นว่ามานั่งเช็ดตัวให้อีกฝ่ายต่อ เพราะทำงานเหนื่อยมาตั้งแต่เช้า ถึงในสตูดิโอจะมีแอร์และไม่ได้เหงื่อออกมากนักแต่เขากลับนึกไม่อยากให้อีกคนนอนเหนียวตัว
ซะที่ไหนกัน... เต๋าแค่อยากจับผิวนั้นอย่างลื่นมือต่างหาก
“เช็ดตัวแล้วสบายไหมคชา?”
“อืมมมม... สบายยยยยยยยยย” ภาพร่างเปลือยเปล่าขยับซุกกอดหมอนข้างทำเอาเขาแทบทนไม่ไหว...
ก็รู้ว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่อย่ามายั่วกันแบบนี้สิวะ!
เต๋ารีบเอาผ้าห่มคลุมร่างเปลือกเปล่าทันทีก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำไปอาบบ้างอย่างร้อนรน
เสียงซู่ซ่าดังออกมาจากห้องน้ำไม่นาน เจ้าของห้องในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวก็ย่างสามขุมเข้ามาหาคนตัวเล็กที่เปลี่ยนท่านอนเรียบร้อย เข่าชันขึ้นน้อยๆ จนผ้าห่มผืนหนาสีขาวเลื่อนลงมาให้เห็นเรือนกายขาว
ไม่ได้ขาวสว่างอย่างเต๋า แต่ผิวขาวเนียนนุ่มลื่นมือเหลือเกิน หนำซ้ำก้มลงไปใกล้ ก็ได้กลิ่นหอมจางๆ กลิ่นเดิมด้วยอีกต่างหาก
ขนาดไม่ได้อาบน้ำนะเนี่ย!
คนที่นอนอยู่ปรือตามองร่างสูงอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะอมยิ้มบางๆ ที่ริมฝีปากสีสด “สว่างงงงงงง” เสียงใสเรียก โดยที่เต๋าไม่ต้องทำอะไรไปมากกว่านั้น คนตัวเล็กก็ดึงพระเอกหนุ่มไปกอดเสียเอง “มานอนด้วยกันหรอ?”
ฝ่ามือนุ่มค่อยๆ ลูบไปตามแผงอกเบาๆ “ทำไมวันนี้ไม่มีขนแล้วล่ะ ม๊าพาไปตัดขนมาหรอ?”
ได้ยินถ้อยคำไร้เดียงสาที่อีกคนถามมาแบบนั้น เต๋าอยากจะถามเหลือเกินว่า สว่างที่ว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ แต่คงจะหนีไม่พ้นหมาแมวหรอก สายตาตอนที่อีกคนเดินผ่านแมวข้างถนนมันช่างดูอ่อนโยนซะเหลือเกิน
สรุปความได้ว่า... ซุปตาร์อย่างเต๋า เศรษฐพงศ์ กลายเป็นแค่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งของคชา นนทนันท์!
ทำไมไร้ค่าจังวะ...
“เมี้ยววววววววววว” แม้จะคิดอย่างนั้น หากแต่คนตัวโตที่ถูกกอดอยู่กลับแอ๊บเนียนเป็นแมวมันซะเลย “แต่วันนี้สว่างไม่ใช่แมวแล้วนะครับ สว่างเป็นคน”
“หืม... สว่างเป็นคนได้ด้วยหรออออออ?”
“ได้สิ... ไม่ได้ชื่อสว่างแล้ว ชื่อเต๋าด้วย”
“เต๋า...ต๋าวหรอออออออ?”
“ใช่คร้าบ... ชื่อเต๋า”
“อืมมม... ต๋าววววววววววว” ศีรษะกลมค่อยๆ ซุกไซ้แผงอกที่แหวกออกตามรอยเปิดของเสื้อคลุม อ้อมแขนสวมกอดอีกฝ่ายไว้ราวกับกอดหมอนข้าง
“เหม็นนนนน” หากแต่คนตัวเล็กกลับหนีออกห่าง จมูกรั้นทำท่าฟุดฟิดก่อนจะส่ายหน้า “ตัวเหม็นจัง ไม่นอนด้วยล้าวววววว” คำพูดไร้เดียงสาของคนเมาทำเอาดาราหนุ่มเสียความมั่นใจ ทั้งๆ ที่อาบน้ำซะสะอาดเกลี้ยงเกลา แถมยังฉีดโคโลญจน์แบรนด์ดังมาด้วย
เต๋ายกแขนดมกลิ่นตัวเองอีกที...ก็หอมดีนี่หว่า
โบราณเขาบอก ‘อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา’... พระเอกหนุ่มที่ยึดหลักคำพูดนั้นล้มตัวลงไปนอนข้างๆ ก่อนจะซุกไซ้อีกฝ่ายโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด อ้อมหนาโอบรัดอีกคนด้วยความหลงใหลและความต้องการตามประสามนุษย์คนหนึ่ง
“เหม็น!!!!!” หากแต่อีกคนกลับผลักไสออกเต็มแรง “ออกปาย คนตัวเหม็นๆ ไม่นอนด้วยหรอก”
“เหม็นยังไงครับคชา ตัวหอมจะตาย” ฝ่ายคนไม่เมาพูดต่อ “ลองดมใหม่สิ” ซ้ำยังเอาตัวเข้าไปใกล้จมูกรั้นให้ได้กลิ่นชัดๆ อีกรอบ
“แหวะ กลิ่นอึแมวยังหอมกว่าอีก” มือบางปัดป้องตัวเองอีกครั้ง “ไปให้หม่าม๊าอาบน้ำประแป้งเร็วสว่าง แล้วจะให้นอนด้วยยยยย”
“นี่เต๋าแล้วครับ ไม่ใช่สว่าง” เต๋าเอ่ยค้านหากแต่อีกฝ่ายดูจะไม่ได้สนใจเลยสักนิด คนตัวเล็กพลิกตัวหันหลังให้เขาก่อนจะกอดหมอนหนุนอีกใบต่อ ตาคู่ใสหลับพริ้มอย่างสบายด้วยใกล้เข้าสู่นิทราแล้วเต็มทน
อย่าบอกนะว่า... มาทำยั่วให้เขาอยากแล้วชิงหลับไปซะก่อนแบบนี้น่ะ!
ไม่ได้การ... เต๋านึกพลางมองไปรอบๆ ตัว นี่เขาต้องไปอาบน้ำอีกรอบรึไงถึงจะตัวหอมๆ จนอีกคนเข้าใกล้ หรือต้องทำอะไรกันล่ะวะ???
คิดซิคิด...
อาบน้ำ...
ประแป้ง...
จมูกโด่งเคลื่อนลงไปพิสูจน์กลิ่นหอมเตะตาจากเรือนร่างผอมบางอีกที ก่อนจะหลับตาคิดเพียงชั่วครู่แล้วเดินออกไปหยิบเอาสิ่งบางอย่างออกมา
เข็มวินาทีบนนาฬิกาสีดำที่ฝาผนังเพียงเดินไปครบรอบเดียว ประตูห้องนอนสีขาวก็ถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมด้วยเจ้าของห้อง เต๋ากลับเข้ามาหยุดอยู่ปลายเตียงนอนพร้อมกับสิ่งของในมือ กระป๋องแป้งสีขาวรูปร่างเทอะทะที่เมื่อสูดกลิ่นดูแล้วละม้ายคล้ายกลิ่นตัวคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่มีผิด
แป้งเย็นตราแมว! ทำไมเพิ่งนึกได้วะว่าเป็นกลิ่นเดียวกับตัวคชาชัดๆ!
ดาราหนุ่มจัดการเทมันใส่มือก่อนจะโรยที่ตัว แล้วจึงก้าวเท้าขึ้นเตียงไปหาคนตัวเล็กอีกครั้ง
“หลับแล้วหรอคชา... อย่าเพิ่งสิ” กระซิบบอกอีกคนในระยะประชิด
“อืมมมมม...” คนตัวเล็กส่งเสียงออกมาจากลำคออย่างคนกำลังสบาย ก่อนจะพลิกตัวเข้ากอดเขาอีกครั้ง เปลือกตาบางมองคนที่รบกวนการนอนอีกรอบ พิจารณาไม่นานก็ยิ้มหวานใส่ สองมือยกขึ้นจับแก้มขาวซีดของอีกคนก่อนจะดึงมันเล่นไม่ต่างจากตอนกลางวัน
“เมี้ยวววววววว” คนเมาเลียนเสียงแมวซ้ำยังหัวเราะคิกคักไม่หยุด “เหมียวๆๆๆ” เอ่ยเสียงใสเล่นสนุกเหมือนกำลังหยอกล้อลูกแมวที่ตนเลี้ยงไว้
แต่ขอโทษเถอะ...นี่คนนะไม่ใช่แมว!
เต๋ารวบสองมือของอีกคนก่อนจะขยับกายกกกอดร่างเปลือยเปล่าเอาไว้แทน ใบหน้าหวานซุกลงตรงอ้อมอกแกร่งพอดิบพอดี
“หอมจังเลยยยยยยยย”
ได้ผล... หรืออันที่จริงคงต้องบอกว่าได้ผลตั้งแต่ที่อีกคนไม่ขัดขืนแล้วล่ะ
จมูกรั้นทำฟึดฟัดสูดกลิ่นนั้นใกล้ๆ ซะจนคนตัวใหญ่กว่าเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ แน่นอนว่าไม่ใช่ผลพวงของแป้งเย็น แต่เป็นเพราะหลานชายเจ้าของบริษัทแป้งต่างหาก
“หอมก็ดมนะครับชา”
ฝ่ามือหนาเอื้อมแปะป่ายลูบไล้ผิวเนียนของคนที่มาคลอเคลียไม่ต่างจากลูกแมว ก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งขึ้นปิดสวิตช์ไฟที่ตรงหัวเตียง
ห้องทั้งห้องมืดสนิท มีเพียงกลิ่นหอมโชยของแป้งเย็นและเสียงดังอื้ออึงที่ตามมา
คงไม่ผิดหรอก...ถ้าเต๋าจะบอกว่า...
‘ความลับของผม... แป้งเย็นตราแมว’
แถม
โอ๊ยยยยยยยย เวียนหัว ตัวร้อน เป็นไข้... เมื่อคืนผมไปทำอะไรมานะถึงได้ดูลำบากยากเย็นขนาดนี้ แล้วยังรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆ มาพาดไว้ที่ตัวอีก
อะไร ขาวๆ วะ ???
มือบางยกขยี้เอาขี้ตาออกพลางค่อยๆ เบิ่งตามองภาพตรงหน้า
เฮ้ย... คน! คนนี่หว่า!
แถมยังแก้ผ้าอยู่ด้วยอะ
“เฮ้ยยยยย!!!!!” คนตัวเล็กร้องเสียงหลงทันทีที่เห็นใบหน้าอีกคนเต็มๆ ตา ดวงหน้าหล่อเหลาดูดีสมฐานะพระเอกหนุ่มชื่อดัง
ถ้าอย่างนั้น...ก็หมายความว่า...
ฝัน เมื่อ คืน.................................
“อรุณสวัสดิ์ครับคชา”
“อ..ไอ้บ้า! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!” ผมชี้หน้าคาดโทษมัน เอาเสียงดังเข้าข่มทั้งๆ ที่ในใจยังมึนงงกับเหตุการณ์เมื่อคืน แต่ยิ่งเห็นรอยยิ้มเรียบนิ่งของมันแล้วนึกเสียวสันหลังยังไงบอกไม่ถูก
เจ้าเล่ห์ซะไม่มี!
“จะให้ผมออกไปไหนล่ะ ก็ที่นี่มันห้องผม”
เหมือนนกปีกหักหล่นตุ้บลงมากลางอากาศเมื่อรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของตน หากแต่คชากลับยังทำเสียงแข็งต่อไป “เออ แกไม่ไปงั้นฉันไปเอง”
ร่างเล็กผุดลุกขึ้นเพื่อเปลี่ยนท่าจากนั่งเป็นยืน หากแต่ไม่ทันที่จะได้ลุกไปไหนเลย แค่กระเถิบตัวออกไปมันยังเจ็บแปลบไปทั้งส่วนนั้น
“โอ๊ยยยยยยยยยยยย” ก็ส่วนสำคัญ...ของระบบขับถ่ายนี่แหละ
เจ็บ ตูด ว้อย!!!!!!!
สรุปไม่ใช่แค่ฝันจริงๆ ใช่ไหมวะ!??? T-T
“ไปไหนไม่รอดหรอกคชา อยู่นี่ก่อนเถอะ วันนี้ผมว่างครึ่งเช้า” ร่างสูงลุกขึ้นยืนทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น แก้ผ้าโทงๆ จนคนที่อยู่ด้วยเผลอสะดุ้งตกใจ
คชารีบเบือนหน้าเมื่อดวงตาเจ้ากรรมดันไปเห็นร่างกายส่วนนั้นของอีกฝ่าย... นึกต่อว่าในใจ ...เพราะอันเท่านั้นไง เขาเลยเจ็บร้าวไปทั้งร่างแบบนี้!
มือกำหมัดแน่น... ใบหน้าหวานขึ้นสี ไม่รู้จะโกรธหรือจะเขินดี ทั้งสองอย่างมันตีผสมจนเขาแยกไม่ออกแล้ว
- - ฟอดดดดดดดดดดดด - -
และจากที่เป็นสีชมพูระเรื่อ ตอนนี้ใบหน้าหวานแทบจะกลายเป็นสีแดง เมื่อแก้มใสถูกอีกคนชิมเข้าแต่หัววัน
เมื่อคืนลักหลับกันไม่พอ ต่อหน้าก็ยังไม่เว้นด้วย!
- - ฟอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด - -
ไอ้ หน้า ด้าน!
สอง รอบ แล้ว นะ เว้ย!
คุณหนูคชายกมือขึ้นถูแก้มทั้งสองข้างออกแรงๆ ไม่สนหรอกว่ามันจะแดงเป็นปื้นหรือว่าอะไร แต่ตอนนี้มันน่าอายที่สุดที่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ กับคนแบบนี้
“ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต! ไอ้วิปริศผิดเพศ! ไอ้เบี่ยงเบน! ไอ้...”
คำด่าทอของทายาทลำดับหนึ่งของแป้งเย็นตราแมวหายไปกลายเป็นเพียงแค่ลม เมื่อริมฝีปากหยักถาโถมเข้ามากลืนกินทั้งหมดนั้นไว้หมด ลิ้นร้อนดูดดุนริมฝีปากนุ่มหยุ่นจากภายนอกอย่างหยอกล้อซุกซน ก่อนจะผละออกมาอย่างเสียดาย
“ผมชื่อเต๋า”
“เออ... รู้”
“รู้แล้วก็เรียก ‘เต๋า’ สิครับคชา”
“ไม่เรียก.. จะเรียก ‘ไอ้บ้า’ ใครจะทำไม?” คนตัวเล็กยังเอ่ยเสียงแข็งเหมือนเคย หากแต่ไม่กล้าสบตาอีกคน
“ชา...” เสียงทุ้มต่ำกับฝ่ามือที่ค่อยๆ ลูบไล้ผิวเนียนชวนให้รู้สึกหวิวๆ “เรียกชื่อผมแบบเมื่อคืนอีกสิ”
คนฟังแทบจะระเบิดตัวเองทิ้งตรงนั้นเมื่อคำพูดของอีกคนดึงให้ภาพและเสียงจากความฝันเมื่อคืนดังก้องออกมาราวกับดูหนัง 3D เสียงตัวเขาเองที่เรียกชื่ออีกฝ่ายแถมยังร้องขอให้ทำนู่นนี่ ภาพอีกฝ่ายที่ปรนเปรอความสุขทางกามารมณ์ให้แก่เขาด้วยอารมณ์พึงพอใจ
“เรียกอะไร จำไม่เห็นได้” แต่คนอย่างคชาทำไมต้องยอมรับด้วยล่ะ ใบหน้าหวานมองอีกคนพลางยักคิ้วหลิ่วตาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร
แม้จะหน้าร้อนผ่าว แต่ก็ต้องเก๊กทำเป็นไม่รู้อะไรเข้าไว้! ใครจะยอมเสียหน้ากันล่ะวะ!!!
“จำไม่ได้เลยหรอชา?”
“เออ...ก็คนมันเมา จะไปจำได้ยังไง”
“ดีเลย” เต๋าพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ฝ่ามืออ้อยอิ่งอยู่แถวสะดือของอีกฝ่ายชวนให้วาบหวิวไปถึงท้องน้อย กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงชวนจั๊กจี้
“งั้นเรามาทวนความจำกันเถอะคชา”
สงสัยคนตัวเล็กคงต้องเลือกแล้วล่ะว่า...
จะยอมเสียหน้า หรือจะยอมเสียตัว
จบ เถอะ !
E N D
สวัสดีทุกคนค่ะ หลายคนคงไม่คุ้นกะเราเท่าไหร่ แนะนำตัวหน่อยละกัน ชื่อ โบ(โบโบ้) นะจ๊ะ คนเดียวกะที่แต่งเรื่อง My Sassy Boy , TOM (or) BOY เอง แฮ่ๆ (ไปหาอ่านได้)
อ่านแล้วชอบป้ะ มาแนวนี้ เนื้อเรื่องจริงๆไม่มีแก่นสารอะไรเท่าไหร่เลยเนอะ 555
ใครสะดวกเม้นก็เม้นกันหน่อยน้า ไปละ
ขอบคุณทุกคนมากๆ จ้า
ความคิดเห็น