คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ความลับ.. By Auntie Liang [[[ 32% ]]]
Short Fiction : ‘ความลับ’
.
.
เสียงแตรรถสิบล้อดังสนั่นจนแก้วหูของชายร่างเพรียวแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ..
.
นี่น่ะหรือ.. ทริปหน้าร้อน..
.
ดวงตาหวานฉ่ำเพราะต้องสู้กับแสงแดดเปรี้ยงๆกลางถนนโล้นๆมองตามรถสิบล้อที่แล่นมาบีบแตรใส่เพียงเพราะเขายืนอยู่ไหล่ทาง แถมยังบีบแตรลากยาวจนแล่นเลยหายไปลับตากว่าจะหยุด ร่างเพรียวขยับเดินไปที่กลางถนน หันหน้าไปหารถสิบล้อที่ลงเนินไปเรียบร้อยแล้ว
.
“บ้านพ่องผลิตแตรรถยนต์ส่งออกเหรอครับ!! บีบใส่กูทำส้นตีนอะไรของมึงวะ!! ไอ้เชี่ย!!” ร่างเล็กแหกปากตะโกนลั่น เท้าเอวยืนแช่อยู่กลางถนนอย่างหัวเสีย
.
ลำพังเฉพาะกระเป๋าเป้ใบโตที่สะพายอยู่บนบ่าก็กินน้ำหนักไปแทบจะเท่ากับครึ่งหนึ่งของน้ำหนักตัวอยู่แล้ว พอบวกกับเต้นท์อันใหญ่เท่าควายที่แบกอยู่บนบ่าอีกข้างอย่างนี้ ใครไม่หงุดหงิดบ้างให้มันรู้ไป!
คชาก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองเป็นครั้งที่ร้อย ริมฝีปากอิ่มยื่นเป็นเป็ดโดยไม่รู้ตัว เท้าเพรียวย่ำวนไปมาอยู่ที่ไหล่ทางอย่างไม่มีทางเลือก นี่ถ้าต้องคอยนานกว่านี้อีกสิบนาที คชาสาบานว่าไอ้เพื่อนเวรทั้งหลายได้ฟังเขาบ่นจนหูชาไปตลอดการเดินทางแน่นอน
ดวงตาคู่หวานตวัดมองแขนของตัวเองที่กำลังไหม้จนแดงฉาด กว่ามันจะขาวได้ขนาดนี้ก็ต้องพยายามหลบแดดมาหลายปี นี่แม่งตากแดดชั่วโมงเดียว ความขาวที่เคยมีหายวับไปกับลมร้อน.. เพื่อนนะเพื่อน.. เดี๋ยวจะคิดบัญชีให้เข็ด!
.
‘บรื่นนน’
.
เสียงรถฟอร์จูนเนอร์คันโตดังลิ่วมาแต่ไกล คชาเบนตัวไปมองต้นทางของเสียง รถคันใหญ่แล่นเข้ามาด้วยความเร็วสูงก่อนจะแตะเบรคดังเอี๊ยดเสียงสนั่นอยู่ตรงหน้าคนคอย กระจกฝั่งคนขับเลื่อนลงช้าๆ แล้วใบหน้าของเพื่อนก็โผล่มาให้เห็น
.
“โทษทีว่ะ คอยนานป่ะ” ต้นเหล่มองคชาผ่านแว่นกันแดดสีดำสนิท รอยยิ้มกว้างระบายออกให้เห็นทันที
“มึงยังมีหน้ามาถามอีกนะ!” คชาแทบจะตะโกนใส่
“อย่ามาทำเป็นบ่นเลยมึงอ่ะ ขึ้นรถได้แล้วโว้ย เดี๋ยวก็ไปไม่ถึงไหนกันพอดี” ไอ้เพื่อนตัวแสบอีกคนที่นั่งอยู่ข้างคนขับยื่นหน้าออกมา คชาอยากจะเอานิ้วควักลูกตาออกมาให้รู้แล้วรู้รอดไป
“เงียบไปเลยไอ้เต๋า กูคอยพวกมึงมาตั้งสามชาติกว่า ฟังกูบ่นแค่นี้มึงจะตายรึไง” คชาเดินรีบๆมาที่ฝั่งเบาะหลัง ร่างเล็กยื่นมือไหม้แดดไปเปิดประตู แอร์เย็นฉ่ำลอยละล่องออกมาสัมผัสผิวกายของเขาจนเขาอยากจะกระโจนเข้าไปในทันทีทันใด
“มึงบ่นอะไรก็บ่นไป มึงก็รู้กูชินแล้ว แต่มึงรีบๆขึ้นรถเลย เปิดประตูนานๆแม่งร้อน” เต๋าพูดร่ายยาวขณะที่คชากำลังโยนสัมภาระไปที่หลังรถแล้วรีบขึ้นมานั่งข้างๆเฟรมซึ่งตั้งแต่เปิดประตูมามันยังไม่พูดอะไรสักคำ
“ร้อนแค่นี้ทำบ่นนะเชี่ยเต๋า! อย่าให้กูสาธยายบ้าง แม่งให้กูคอยตั้งนาน พวกมึงไปทำอะไรกันมาวะ” คชาปิดประตู พร้อมๆกับต้นที่เหยียบคันเร่งออกเดินทางต่อ
“ก็ไอ้ต้นนั่นแหละ มัวแต่คุยโทรศัพท์กับที่รักมัน” เต๋านอนพิงพนักที่เอนลงมาจนเกือบจะชนเข่าเฟรมซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังแบบไม่แคร์สื่อ
“ไอ้เต๋า.. บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าพูดถึงมัน” ต้นเหลือบมองหน้าเต๋าด้วยสายตาเยียบเย็น บรรยากาศบนรถดูหม่นลงไปถนัดตา
“เฮ้ย.. กูพลาดอะไรไปวะ?” คชาเกาหัวแกรกๆเพราะความสับสน ร่างเล็กเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อนับจำนวนคน
“พอเลยไอ้ต้น เมื่อชั่วโมงก่อนมึงยังจ๊ะจ๋ากับไอ้น้องเจมส์อยู่เลย พอวางโทรศัพท์แม่งก็บอกให้กูเลิกพูดถึงน้องมัน มึงเป็นไรมากป่ะ!?” เต๋าพูดด้วยน้ำเสียงกวนส้นเป็นที่สุด
“อ้าวเฮ้ย ไหนบอกกูว่ามากันห้าคนไง” คชาท้วง เพราะเบาะหลังก็มีแค่เขากับเฟรมสองคน ไม่มีคนที่ห้า
“ก็ไอ้น้องเจมส์นั่นแหละ” เต๋าตอบ
“กูบอกให้หยุดไงไอ้เชี่ยเต๋า! อย่าพูดชื่อมันให้กูได้ยินอีก!” ต้นเหยียบคันเร่งจนรถแล่นฉิวล้อแทบไม่ติดพื้น คชารีบดึงเข็มขัดนิรภัยขึ้นคาดทันทีด้วยหัวใจที่สั่นระรัว
.
มือไหม้แดดจับสายคาดแน่น ทริปหน้าร้อนที่ไม่ได้อยากจะมาตั้งแต่ต้นกำลังจะทำให้เขาบ้าตาย ยืนตากแดดเป็นชั่วโมงยังไม่พอ ดันมาเจออารมณ์ดุเดือดของต้นเข้าไปอีก นี่จะมีชีวิตกลับบ้านป่ะวะเฮ้ย!!
.
“เชี่ยเฟรม.. มึงจะเงียบอีกนานป่ะ?” คชาหันไปเกรียนใส่เฟรมที่นั่งเงียบสงบมาตลอดทาง ความเป็นไปได้ที่จะรักษาความเงียบเอาไว้นานเป็นชั่วโมงๆแบบนี้สำหรับคนอย่างไอ้เฟรม.. เท่ากับศูนย์
.
เฟรมหันใบหน้าไร้อารมณ์มาช้าๆ สบตากับคชานิ่ง แล้วส่ายหน้าเบาๆ
.
“กูไม่ได้เงียบ.. แค่ไม่อยากพูดมาก” เฟรมตอบแล้วเบนสายตาไปมองนอกรถแทน
“อ้าว.. เป็นอะไรวะ” คชามองเฟรมด้วยความเป็นห่วง มันเป็นอะไรของมันวะ.. หรือโดนไอ้ต้นมันจับอัดยานอนหลับมาเพื่อให้มันหยุดลามกไปชั่วขณะ
“อย่าไปยุ่งกับมันเลย ให้มันเงียบอย่างนั้นแหละดีแล้ว ขืนเปิดปากเดี๋ยวจะลากเข้าใต้ร่มผ้าอีก เพลีย!” ต้นเอ่ย รถยังคงแล่นด้วยความเร็วสูง
“เออๆ ถ้าไม่สบายอะไรก็บอกกูแล้วกันนะเฟรม” คชาตบบ่าเพื่อนซี้ร่วมก๊วน
“ชา” เต๋าเรียกเพื่อนสนิททั้งๆที่ยังนอนหลับตาพริ้มอย่างสบายอารมณ์
“อะไร?” คชาตอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่
“มาเที่ยวทะเลยังจะแขวนหูฟังมาอีกนะมึง เดี๋ยวก็เจ๊งกันพอดี” เต๋าลืมตาขึ้นแล้วหันมามองคชาที่นั่งก้มมองหูฟังอยู่
“กูไม่กะลงน้ำว่ะ” คชาตอบเสียงเรียบ
“อ้าวเชี่ย! มึงมาทะเลแต่เสือกไม่อยากลงน้ำเนี่ยนะ!!” เต๋าโวยวายถึงขนาดลุกขึ้นมานั่งตัวตรงเลยทีเดียว
“เออดิวะ กูบอกพวกมึงแล้วว่ากูไม่อยากมา ภาษาไทยพื้นฐานแบบไม่ต้องแปลให้มากด้วย ไม่-อยาก-มา เก็ตป่ะ??” คชาขมวดคิ้วจนยุ่ง เขาไม่ได้อยากมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แต่เพราะไอ้ต้นมันเอาเรื่องงานมาขู่ ขืนไม่ออกมาด้วยวันนี้ มีหวังงานเขาได้ถูกพวกมันสามตัวเผาจนเหลือแต่ผง
.
ไอ้พวกนี้มันเป็นพวกพูดจริงทำจริง แถมยังหัวรุนแรงเป็นไหนๆ คชาเองก็ยังงงๆเหมือนกันว่าตัวเองมาอยู่ร่วมแก๊งค์เดียวกับไอ้พวกนี้ได้ยังไง ตอนเข้ามาปีหนึ่งเขาคงโชคร้ายมากถึงมากที่สุดที่ดันมารู้จักไอ้สามตัวนี้ก่อนคนอื่น เลยสุ่มได้เพื่อนสนิทเป็นไอ้พวกบ้าเลือดไร้ลิมิต
.
ครั้นจะให้กลับไปเลือกใหม่.. คงไม่ทันแล้วล่ะ!
.
“งานกูอยู่ไหนไอ้ต้น” คิดถึงเรื่องนี้คชาก็นึกขึ้นได้ งานที่เขาจะส่งอาทิตย์หน้าซึ่งไปโง่ลืมอยู่บ้านไอ้ต้นอาทิตย์ก่อนต้องอยู่บนรถคันนี้แน่ เพราะมันบอกจะเอามาคืนถ้าเขามาร่วมทริปด้วย
“อยู่เบาะหลังสักที่ กูโยนๆทิ้งอยู่แถวนั้นแหละ” คำตอบของต้นทำให้คชาอยากยกเท้ายันเก้าอี้คนขับมากมาย
“รายงานกู.. มึงเอาไปโยนเล่นซะเหมือนขยะเลยนะไอ้ต้น” คชาหันไปมองหารายงานที่จะเอาไปส่งเพื่อแก้วิชาหลักที่ตกไปเพราะสอบไม่ผ่าน และที่สำคัญมันคือรายงานกลุ่มด้วยนะ
.
เขาต้องทำคนเดียวไม่ว่า.. ไอ้พวกเพื่อนบ้าไม่ช่วยงานแล้วยังเสือกจะเผาทิ้งอีก!
.
“ค่อยหาตอนไปถึงหาดแล้วเหอะว่ะ มึงก้มๆเงยๆเดี๋ยวก็เมารถกันพอดี กูขี้เกียจเก็บอ้วก” เต๋าบ่นอุบไม่ยอมหยุด
“เฮ้ยอย่ามาอ้วกใส่รถกูนะ!” ต้นออกอาการทันทีที่ได้ยินคำว่าอ้วก แค่พูดกสิ่นก็มาแล้ว
“เออๆ แม่ง กูไม่เคยอ้วกใส่รถมึงเถอะต้น มีแต่ไอ้เชี่ยเต๋านู่น” คชายังจำได้ เมื่อปีก่อนตอนไปเที่ยวกัน ไอ้เต๋าแม่งเมาแล้วอ้วกคารถ ไอ้ต้นถึงกับขายรถหนี
“พอๆ มึงจะรื้อฟื้นเพื่อ? จบๆๆ” เต๋าปัดมือไปมากลางอากาศเหมือนว่ามันจะตบประเด็นเดิมๆได้
“กูว่าพวกมึงสองตัวอ่ะเงียบไปเลยดีที่สุด เพราะกูจะฟังเพลง”
.
ต้นหรี่เสียงเพลงบนรถให้ดังขึ้น รถฟอร์จูนเนอร์คันโตแล่นฉิวไปตามทาง วันนี้แม้อากาศจะร้อนแต่ก็ทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น รถไม่ติด ถนนโล่งแสนโล่ง แถมรถสวนก็ไม่ค่อยจะมีให้เห็นสักคัน ขับมาได้เกือบสามชั่วโมง คนบนรถก็พากันหลับเกลี้ยงคัน เหลือแค่เฟรมที่นั่งเงียบๆเหม่อมองไปนอกรถกับต้นที่ยังขับรถอย่างเมามันส์
อากาศนอกรถเริ่มเย็นลงช้าๆพร้อมพระอาทิตย์ที่ใกล้จะตกดิน หาดงามค่อยๆผ่านมาให้เห็นเรียบถนนที่รถแล่นมา แต่หาดที่พวกเขาต้องการจะไปเที่ยวกันนั้นยังไม่ใช่จุดนี้ แล้วไม่นานนักแสงอาทิตย์ก็เริ่มเหือดหายไป พร้อมกับรถยนต์คันโต.. ที่เครื่องยนต์.. ค่อยๆดับตาม..
.
“อ้าว.. อ้าว.. อ้าว!!” ต้นร้องลั่นเมื่อรถขยับกระตุกอยู่หลายครั้งแล้วดับไป
.
คชาปรือตาตื่น อากาศในรถที่เย็นกำลังดีค่อยๆอุ่นขึ้นช้าๆ ร่างเล็กขยับลุกขึ้นนั่งแล้วเปิดปากหาว คชามองไปรอบๆฝ่าแสงริบหรี่ออกไป ตอนนี้เหลือเพียงแสงขาวๆจากไฟริมทางเท่านั้นเอง
.
“เราอยู่ไหนแล้ววะ” คชาถามเสียงเบา ต้นยังคงหัวเสีย ขณะที่เต๋าวิ่งลงไปเปิดกระโปรงหน้ารถเพื่อวัดระดับความเสียหาย
“ไม่รู้ว่ะ แต่ที่ๆกูจะพาไปมันยังไม่ถึง” ต้นพยายามสตาร์ทเครื่องด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ทำไมแถวนี้มันเงียบจังวะ” คชากอดอกแล้วมองไปรอบๆ ที่นี่มีแค่หาดร้างๆแล้วก็ถนนโล่งๆ
“เชี่ย! ควันขึ้นเลยว่ะ” เต๋ารีบวิ่งหลบควันที่ค่อยๆโขมงออกมาจากตัวเครื่องยนต์
“ชิบหาย!” ต้นเปิดประตูแล้ววิ่งไปดูด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“เวร.. กูอยู่ของกูดีดีเสือกลากกูมาลำบาก ไอ้พวกเพื่อนบ้า” คชาเปิดประตูตามลงไปอีกคน
.
สามคนยืนจ้องเครื่องยนต์ที่ร้อนฉ่าจนควันขึ้นอย่างหมดหวัง สุดท้ายได้แต่สบตากันแล้วส่ายหน้า คืนนี้คงไปไม่ถึงไหนแน่นอนแล้ว
.
“เอาไงทีนี้” คชาเท้าเอว ถามแบบเซ็งสุดขีด
“ก็อย่างที่เห็น โทรศัพท์อับสัญญาณ ถนนแม่งก็โล่งเหี้ยๆ” ต้นมองหารถคันอื่นที่อาจจะขับผ่านสักคันแต่แม่งไม่มีให้เห็นเลย
“กูว่าเราช่วยกันเข็นรถมาข้างๆดีกว่าว่ะ จอดกลางถนนแบบนี้มันอันตราย เดี๋ยวรถคันอื่นขับมา แม่งได้เสยกันมันส์” เต๋าออกความเห็น
“ไปเรียกไอ้เฟรมมาช่วยดัน เดี๋ยวกูไปบังคับพวงมาลัย” ต้นวิ่งกลับไปที่ข้างๆพวงมาลัย
.
เฟรมถูกตามลงมาช่วยดันท้ายรถ รถฟอร์จูนเนอร์คันโตค่อยๆขยับเข้ามาจอดข้างทางในที่สุด คชาปัดมือกับชายกางเกงแรงๆ ดวงตากลมที่เพิ่งได้นอนเก็บแรงไปบ้างมองไปรอบๆอีกครั้ง ที่นี่เป็นหาดที่ช่างไม่มีอะไรเลย.. เว้นแต่..
.
“เฮ้ยๆ ตรงนั้นมีบังกะโล” ต้นสะกิดหลังคชาแล้วชี้ไปที่บังกะโลหลังเล็กๆ
“เออว่ะ เอาไงวะ” เต๋าปาดเหงื่อแล้วมองไปยังบังกะโลริมหาด
“ทำไมมันดูเงียบๆจังวะ แล้วพวกมึงคิดดูดิ หาดเงียบอย่างกับป่าช้า แต่ดันมีบังกะโลผุดขึ้นมาแค่หนึ่งหย่อม.. มันแปลกๆป่ะวะ” คชาพึมพำแล้วเดินถอยหลังเพื่อตั้งหลักหนึ่งก้าว.. เขากลัวผีนะโว้้ย!
“อย่าพูดอย่างนี้สิวะไอ้ชา!” ต้นถอยหลังตามคชามาอีกคน
“โห่ยพวกมึง! ป๊อดว่ะ!” เต๋าดึงไอ้เฟรมมายืนกอดคอเพราะเห็นมันยืนเงียบๆอยู่คนเดียว
“กูว่า.. อย่าไปเลย” เฟรมเอ่ยเสียงเย็น.. ทำเอาคชาขนลุกซู่
“หมายความว่าไงวะไอ้เฟรม.. มะ มึง.. มึงจะบอกอะไร” คชาจับชายเสื้อต้นด้วยความกลัว เต๋าตบหัวเพื่อนเฟรมดังป๊าบ
“ปากเสียนะมึง! เชี่ยเฟรม มึงกับไอ้ชาเดินนำไปเลย ไปติดต่อขอพักบังกะโล” เต๋าสั่งเสียงแข็ง
“ทำไมต้องเป็นกู!” คชาชี้หน้าตัวเอง อยู่ๆเขาก็ซวยโดนใช้งานอีก บ้าแล้ว!
“เดี๋ยวกูกับไอ้ต้นจะขนของตามไปไง หรือมึงจะยกของพวกนี้ไปเอง” เต๋าถาม
“กูยอมยก!” คชาตอบแบบไม่ต้องคิด
“พอเลยๆ ชา มึงไปกับไอ้เฟรมอ่ะดีแล้ว กูขี้เกียจตามมาช่วยขนของ ตัวมึงก็บอบบางแค่นี้ หน้าที่มึงคือจดเลคเชอร์กับให้พวกกูลอกงานก็พอ เข้าใจ๊!?”
“พวกมึงจะนอนบังกะโล.. แล้วให้กูขนเต้นท์มาทำซากอ้อยอะไรวะครับ!!”
“มึงจะนอนเต้นท์ยังไงวะชา ที่เงียบๆมืดๆไร้ผู้คนแบบนี้ ขืนนอนเต็นท์ได้โดนจี้ปาดคอตายห่ากันหมดพอดี กว่าจะมีคนมาเจอศพก็เน่าแล้วมึง” เต๋าส่ายหัวแรงๆ
“แต่..”
“กูหิวแล้ว!!” ต้นผลักคชาไปข้างหน้า เป็นจังหวะเดียวกับที่เต๋าผลักเฟรมตามไปเช่นกัน
“เชี่ยยย~” คชาอยากจะวิ่งกลับแต่เฟรมเอื้อมมือมาจับแขนเล็กเอาไว้แน่น
“ไม่ต้องกลัว มาด้วยกัน” เฟรมพยักหน้าให้คขาที่ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า
“แต่.. มัน.. เชี่ยยยย~”
.
คชาถูกเฟรมลากไปด้วยกัน อากาศรอบกายเย็นลงถนัดตา มือเฟรมที่แสนจะเย็นเฉียบกุมข้อมือของคชาเอาไว้ไม่ปล่อย ร่างเล็กเดินตามไปแบบฝืนใจเต็มทน จนกระทั่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูของบังกะโลหลังใหญ่ที่สุดซึ่งเดาว่าเป็นออฟฟิศหลัก เฟรมปล่อยมือเล็กเป็นอิสระ คชายืนกระโดดโหยงๆเอามือกอดอกเพื่อลดอาการสั่นเบาๆของร่างกาย
.
“เคาะเลย” เฟรมหันมาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ทะ.. ทำไมต้องเป็นกูอีกแล้ววะ” แค่มายืนจังก้าที่หน้าประตูก็อยากสิ่งกลับไปใจแทบขาดแล้ว.. ยังจะให้กูเคาะอีกเหรอ!!
“เคาะสิวะ.. ชักช้าเดี๋ยวก็โดนไอ้ต้นมันเล่นงานหรอก” เฟรมดันร่างของคชาไปที่หน้าประตู
“ไอ้พวกเพื่อนเชี่ยยยย~”
.
คชาหลับตาปี๋.. มือเล็กเย็นเฉียบและสั่นเทาเอื้อมขึ้นมาช้าๆ.. ก่อนจะออกแรงเคาะ..
.
‘ก็อก ก็อก’
.
พอเคาะได้สองทีคชาก็กระตุกตัวเองออกห่างจากประตูทันที ร่างเล็กกอดอกแน่นเพราะลมหนาวริมหาดที่พัดเข้าหาไม่ทิ้งช่วง สองคนยืนคอยอยู่เพียงครู่เดียว.. แล้วประตูไม้ก็ค่อยๆเปิดออก..
.
“เฮ้ย!” คชาผงะถอยหลังฉับพลันเพราะคุณลุงแก่ๆคนนึงโผล่ออกมาอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
“มีอะไร!” ใบหน้ายับย่นมองมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“เอ่อ.. คือ.. เอ่อ..” คชาปากสั่นจนฟังแทบจะกระทบกันอยู่แล้ว อยากถามใจจะขาดว่าลุงเป็นผีหรือคนกันแน่
“บอกไปสิ.. ว่าพวกเราต้องการอาหารกับที่พัก” เฟรมกระซิบเสียงเบา แล้วมายืนหลบข้างหลังคชา
“เชี่ยเฟรม.. ทำไมมึงไม่พูดเองวะ!” คชาจะวิ่งหนี แต่ถูกเฟรมดันเอาไว้ให้ยืนที่เดิม
“เร็วๆดิวะ หรือมึงไม่หิว” เฟรมกระซิบต่อ คชากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก.. หิวไหมเหรอ.. ตอบเลยว่ามาก!!
“เอ่อ.. คุณ.. คุณลุงครับ พวกผมอยากจะทราบว่า.. คือ..”
“จะเข้าพัก?” คุณลุงสวนขึ้นมา
“ชะ.. ใช่ครับ!” คชาพยักหน้าหงึกๆ
.
ใบหน้ายับย่นมองไปรอบๆ สีหน้าบึ้งตึงนั้นยังคงไม่แผ่วจางลงจนคชาสงสัยจริงๆว่าคุณลุงไปโกรธไปแค้นใครมานักหนาหรือเขาไปทำอะไรให้กันแน่ มือเหี่ยวค่อยๆล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะดึงกุญแจออกมาหลายดอก ดวงตาแสนดุคู่นั้นก้มลงมองหากุญแจดอกหนึ่งแล้วคุณลุงก็ยื่นมาด้านหน้าช้าๆ คชาเอื้อมมือสั่นเทาไปรับกุญแจด้วยหัวใจที่หวิวและว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก
.
“หลังเล็กสุด ติดริมหาด ดูเลขห้องเอาแล้วกัน ส่วนอาหารจะมีแม่บ้านเอาไปให้”
.
‘ปัง!’
.
แล้วประตูไม้ก็ปิดใส่หน้าคชาดังปัง.. ทุกอย่างรอบข้างเงียบกริบ.. มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งเท่านั้นที่ยังคงดังอย่างสม่ำเสมอ..
.
.
32%
ความคิดเห็น