ตอนที่ 35 : Chapter 28 ปล่อยวาง (1)
“แม่ มันอึดอัดมากเลย”
แบมแบมออกมาจากห้องน้ำได้ก็บ่นกับแม่ทันที
“อ่า ยัยหนูมาแล้ว” แบมแบมเดินไปหาลูกสาวที่นอนในเตียงเล็ก
“ทนหน่อยสิจ๊ะ” อังศนาที่ก้มอยู่เหนือร่างยัยหนู แตะผิวบางเบามือ
“แบมไม่อยากใส่ไอ้ผ้ารัดหน้าท้องนี่เลย” แบมแบมเดินไปนั่งบนเตียง อังศนาอุ้มยัยหนูออกจากเตียงเล็ก
“ยังไงก็ต้องใส่ อย่าบ่นสิ นี่ใส่ถูกหรือเปล่าน่ะ”
“ถูกสิครับ” แบมแบมยืดตัวขึ้น ลูบท้องและเอวผ่านเสื้อของโรงพยาบาล
ตอนนี้บนตัวมีผ้ายืดแผ่นใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับผ้าพันข้อมือหรือข้อเท้าสำเร็จรูปของนักกีฬารัดหน้าท้องเอาไว้ ขนาดพอดีตัว หลังคลอดได้หนึ่งวัน พอแบมแบมฟื้นจากฤทธิ์ยาสลบ คุณหมอก็สั่งให้เขาลุกเดินทันทีเพื่อให้แผลที่ผ่าคลอดด้านในไม่ยึดติดเป็นพังผืด และยังให้พยาบาลนำผ้ารัดหน้าท้องมาให้ใส่พร้อมแนะนำวิธีใช้เสร็จสรรพ
คุณหมอบอกว่าควรใส่ผ้ารัดหน้าท้องนี่ไว้ตลอด ถึงแม้จะรู้สึกอึดอัดหรือรำคาญก็ต้องทน ตอนนอนก็ต้องใส่ จะถอดได้แค่ตอนเช็ดตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าหรืออาบน้ำเท่านั้น แม้กลับบ้านแล้วก็ยังต้องใส่ต่อไปอีกระยะหนึ่งจนกระทั้งถึงวันนัดตรวจหลังคลอด หมออาจพิจารณาให้ถอดออกได้
“ใส่ไว้น่ะดีแล้ว มันดีกับแบมนะลูก” อังศนาส่งยัยหนูให้แม่ป้อนนม
แบมแบมถอนหายใจ กำลังทำใจอยู่ แต่ไอ้ผ้ารัดหน้าท้องนี่มันก็ดีนั่นล่ะ เพราะหลังผ่าคลอดแบมแบมเดินแทบไม่ได้ เพราะพุงเหี่ยวๆ ย้อยไปทับแผลผ่าตัด เจ็บแผลมากมายจนแทบไม่อยากขยับตัวเลย
คุณพยาบาลบอกว่าปกติหลังคลอด ท้องที่เคยมีขนาดใหญ่จะยุบตัวลงอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังไม่ยุบไปทั้งหมดและไม่กระชับ ผนังหน้าท้องจะโยนตัวไปมาระหว่างเคลื่อนย้ายลำตัว โดยเฉพาะคุณแม่ผ่าคลอดที่มีแผลเย็บบริเวณท้องน้อย เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายอาจทำให้เจ็บแผลผ่าตัดคลอดได้ ผ้ารัดหน้าท้องจะช่วยให้ท้องโยนตัวน้อยลง พอเคลื่อนไหวท้องก็จะไม่แกว่งไปมาทำให้เจ็บแผลหน้าท้องน้อยลง
แต่มันก็มีประโยชน์แค่นั้นล่ะเพราะผ้ารัดหน้าท้องก็ไม่ได้ช่วยป้องกันแผลผ่าคลอดหรือช่วยลดอาการพุงย้อยพุงห้อยแต่อย่างใด ถ้าอยากท้องแบนราบเหมือนก่อนท้องก็ต้องทำกายบริหาร ออกกำลังกาย ซึ่งแบมแบมยังทำไม่ได้เพราะผ่าคลอด ต้องรอสักสามอาทิตย์ไปแล้ว พอร่างกายพร้อมก็ต้องเลือกท่าที่เหมาะสมสำหรับคนหลังคลอดอีก
แต่ก็ใช่ว่าแบมแบมจะทำอะไรไม่ได้เลย ยังสามารถขึ้นลงบันไดบ้านได้ พอคลอดครบ 1 เดือนก็สามารถขับรถได้เหมือนเดิมแล้วล่ะ
“แม่ มันจะลดยากไหมอ่ะ” แบมแบมรู้สึกเหมือนตัวเองยังมีลูกอีกคนอยู่ในท้องเลย
“น้ำหนักแบมก็ขึ้นมาไม่เท่าไรเองอย่าไปคิดมาก ให้นมลูกเองก็ช่วยลดได้นะ เพราะร่างกายจะดึงเอาไขมันในร่างกายมาสร้างเป็นน้ำนมด้วย ถ้าเราลดอาหารพวกไขมัน แป้งและน้ำตาลเข้าหน่อย ร่างกายก็จะดึงเอาจากที่มีอยู่ไปใช้ พอรวมกับตอนเลี้ยงลูกด้วยแม่ว่าคงลดเร็วอยู่นะ เลี้ยงลูกน่ะเหนื่อยนะจ๊ะ เตรียมใจไว้เลยว่าไม่ค่อยได้นอนหรอก ถ้ากลัวจะลดไม่ทันใจก็ทำงานบ้านหรือโยคะตอนลูกนอนด้วยแป๊บๆ ก็หุ่นเป๊ะเหมือนเดิมแล้ว อยู่ที่ว่าเราจะไหวหรือเปล่า”
“อย่างนั้นเหรอครับ แต่ถ้าลดอาหารสารอาหารจะพอผลิตนมให้ยัยหนูกินเหรอแม่”
แบมแบมถอนหายใจอีกเฮือก คลอดแล้วก็มีความสุขอยู่นะ มากด้วย แต่ชีวิตหลังคลอดไม่ง่ายเลยล่ะ
“แม่จะทำอาหารให้เอง รับรองว่ามีประโยชน์ นมเยอะแน่”
“ขอบคุณนะครับ” แบมแบมดีใจจังเลยที่มีแม่เป็นที่ปรึกษา
“คืนนี้มาร์คมานอนเป็นเพื่อนใช่ไหม แม่จะได้กลับไปนอนบ้าน พรุ่งนี้เช้าจะได้ทำอาหารมาให้ด้วย”
อังศนานั่งปอกผลไม้อยู่ไม่ไกล ปล่อยให้ลูกให้นมหลานตามสบาย
“ครับแม่” พรุ่งนี้วันเสาร์ พี่มาร์คเลยจะมานอนด้วยตั้งแต่คืนวันศุกร์เลย แต่ก็ดีแล้วล่ะ แบมแบมเหงา อยากให้พี่มาร์คมาอยู่เป็นเพื่อนเหมือนกัน
“พรุ่งนี้พี่เขาจะมาถึงกี่โมงก็ไม่รู้สิ ถ้าเอารถส่วนตัวมาแม่จะได้มาตั้งแต่เช้า แต่ถ้าเขานั่งเครื่องมาแม่จะรอรับเขาที่สนามบินก่อนค่อยมาโรงพยาบาล”
อังศนาพูดไปถึงนิชคุณ หลังจากโทรไปบอกลูกว่าน้องคลอดก็บอกว่าจะมาเยี่ยมทันที
“แม่ลองโทรไปอีกสิครับ”
“โทรไปทีแล้วแต่เขางานยุ่งบอกว่าจะถามโซมีก่อนค่อยโทรบอกแม่ นี่รอนานแล้วนะ”
“งานคงยุ่งมากจริงๆ มั้งครับ รออีกหน่อยก็ได้”
แบมแบมเตรียมใจไว้แล้วว่าเสาร์อาทิตย์นี่ต้องป่วนมากแน่เพราะวันหยุด ใครก็อยากมาเยี่ยม แต่เขาประกาศกฎในการเยี่ยมลงSNSแล้วล่ะ
“แบมยังไม่นอนอีกเหรอ”
มาร์คเข้ามาในห้องพิเศษเดี่ยวเอาตอนสองทุ่ม แบมแบมเงยหน้าจากหนังสือมองสามีที่เดินมาหา พอกินมื้อเย็นด้วยกันเสร็จพี่มาร์คก็หนีไปหายัยหนูเลย
“อ่านอีกนิดจะนอนแล้วครับ พี่จะนอนแล้วเหรอ”
“ยังหรอกครับ” มาร์คเดินไปหยิบแม็คบุ๊กในกระเป๋าออกมานั่งทำงานใกล้แบมแบม
“ป่านนี้แล้วยังจะทำงานอีกเหรอครับ”
แบมแบมไม่ค่อยพอใจที่เห็นสามีมานั่งทำงานอยู่ใกล้ๆ ช่วงเวลาพักผ่อนก็ควรจะต้องพักผ่อนสิไม่ใช่มาทำงาน
“อ่า นิดเดียวเองจ้ะ นิดเดียว” มาร์คยิ้มเจื่อนแต่มือก็ยังไม่หยุดในสิ่งที่ทำ
“แค่ชั่วโมงเดียวนะ”
“โธ่ น้อยไปหน่อยนะครับ”
“งั้นก็ไว้ทำพรุ่งนี้ตอนกลางวัน” มือเรียวปิดหนังสือฉับ มาร์คยิ้มเจื่อน
“งานมันด่วนนี่นา” แบมแบมมองค้อน มาร์คตัดสินใจไม่พูดอะไรแล้วก้มหน้าทำงาน
แบมแบมถอนหายใจก่อนจะเปิดหนังสือขึ้นอ่านอีกครั้ง เขาควรจะชินได้แล้วว่าพี่มาร์คเป็นคนบ้างานแต่เห็นทีไรก็ขัดใจทุกที ชีวิตคนเรามีอย่างอื่นให้ทำอีกมากนะนอกจากงาน แต่พี่มาร์คไม่ได้คิดเหมือนเขานี่นะ ชอบทำงานล่วงเวลาบ่อยๆ เขาก็ไม่อยากงี่เง่าบ่นมากนัก ที่บ่นก็เพราะห่วงนะ
ต่างคนต่างอยู่ในความเงียบไม่ได้คุยกันสักคำแต่ก็ไม่ได้อึดอัดอะไร
“พี่มาร์ค แบมนอนแล้วนะ” แบมแบมวางหนังสือลงบนโต๊ะ บอกสามีแล้วล้มตัวนอน นาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มแล้ว
“นอนแล้วเหรอ พี่ทำงานเสร็จพอดี นอนด้วย”
“ทำถึงเช้าก็ได้นะครับ”
มาร์ครู้สึกเหมือนมีอะไรแทงใจดังจึ้กเลยทีเดียว
“งานน่ะไม่ทำถึงเช้าหรอกครับ แต่ถ้าทำอย่างอื่นถึงเช้านี่ไม่แน่นะ”
แบมแบมตัดสินใจไม่ต่อความเพราะรู้ว่าต้องเข้าตัวแน่ ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวพลางบอกสามี
“พี่มาร์คลดแอร์ให้หน่อย แบมหนาว”
“หนาวเหรอ พี่ว่าเย็นกำลังดีเลยนะ” ถึงจะค้านแต่มาร์คก็ทำให้อยู่ดี
“ขยับไปหน่อยพี่นอนด้วย” มาร์คเดินกลับมาหาภรรยาที่เตียง
“ทำไมต้องนอนกับแบมด้วยล่ะครับ” ที่นอนในห้องก็มี
“พี่อยากนอนกอดแบมนี่นา ขยับเร็ว”
แม้จะงงว่าพี่มาร์คจะมานอนเบียดเขาให้ตัวเองไม่สบายตัวทำไม แต่แบมแบมก็ขยับไปทางซ้ายเพื่อให้เหลือที่พอให้อีกคนขึ้นมานอน
“ยังเจ็บแผลมากอยู่หรือเปล่า” มาร์คขยับตัวนอนตะแคงหันไปหาแบมแบม
“อื้อ ยังเจ็บมากอยู่เลยครับ” แบมแบมบอกไปตามตรง
“หรือเราจะมีลูกแค่คนเดียวดีนะ” มาร์ครำพึง จับมือนิ่มไว้แล้วไล้นิ้วบนหลังมือแผ่วเบา
“ทำไมหรือครับ” แบมแบมมองหน้ามองสามีอย่างงุนงง
“ก็..” มาร์คถอนหายใจ จับมือแบมแบมยกขึ้นจูบเบาๆ
“จะมีลูกสักคนแบมต้องลำบากมากนะ ตั้งแต่อุ้มท้องจนถึงคลอดเลย จะคลอดทีก็ทรมานต้องเจ็บปวดมากพอคลอดก็ยังต้องเจ็บตัวอีก กว่าจะหายก็เป็นเดือนเลยนะครับ”
การมีชีวิตน้อยๆ ในครอบครัวก็เป็นเรื่องน่าปิติยินดี แต่สิ่งที่แบมแบมต้องพบเจอก็ทำให้มาร์คต้องคิดหนักกับการที่จะมีลูกอีก ก่อนนี้เขาเคยคิดว่าอยากจะมีลูกหลายคนแต่ถ้าการมีลูกสักคนมันต้องแลกมาด้วยความยากลำบากของแบมแบมเขามีเพียงเมเบลคนเดียวก็ได้
“พี่มาร์ค..ถึงมันจะลำบากแต่มันก็มีความสุขไม่ใช่หรือครับ”
แบมแบมว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ลำบากอะไรมากนัก เขาสามารถผ่านมันมาได้ก็เพราะมีพี่มาร์คและแม่คอยดูแล รวมไปถึงความรักที่มีต่อยัยหนูด้วย
“พี่เข้าใจ แต่พี่รักแบมนี่ครับ..รักจนไม่อยากให้แบมแบมเจ็บตัวอีก”
สำหรับมาร์ค ภรรยาเป็นคนสำคัญเป็นคนที่เขาต้องปกป้องดูแลให้ดีที่สุด ในเมื่อตอนนี้เขามีลูกสาวสมใจแล้ว เขาจะยอมให้ภรรยาเจ็บปวดอีกทำไมล่ะ มีลูกแค่คนเดียวก็พอแล้วนี่
“ขอบคุณนะครับ”
แบมแบมดีใจมากเลยที่พี่มาร์คเข้าใจในสิ่งที่เขาเผชิญแต่เขาไม่อยากให้พี่คิดมาก เขาทนได้ การมีเมเบลแม้ต้องผ่านอะไรหลายอย่างแต่แบมแบมไม่เคยท้อเลยนะ
ตอนได้เห็นหน้าคนที่เราเฝ้าฟูมฟักทะนุถนอมมาหลายเดือนมันเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก มันดีมากจนทุกอย่างที่ผ่านมาเทียบอะไรกันไม่ได้เลย
“ถึงเมเบลเป็นลูกคนเดียวแกก็ไม่เหงาหรอกนะ แกยังมีพี่จินฮวานและน้องในท้องคุณยองแจอีก ถ้าเรามีแค่เมเบล เราก็จะทุ่มเทความรักและการดูแลเอาใจใส่ให้แกได้อย่างเต็มที่ไง”
มาร์คคิดในฐานะลูกคนเดียว แม้จะไม่มีพี่น้องพ่อแม่เดียวกันแต่เขาก็มีพี่จินยองคอยอยู่เคียงข้าง ความรักและความปรารถนาดีที่เรามีต่อกันก็ไม่แพ้พี่น้องคลานตามกันมา
“ถ้าพี่ไม่อยากมีอีกเราพักไว้ก่อนก็ได้นี่ครับ รออีกสักพักพี่อาจจะเปลี่ยนใจแล้วเราค่อยคุยกันอีกที ใจแบมน่ะอยากมีอีกสักคน รอจนเมเบลเข้าโรงเรียนก่อนค่อยมีน้องให้แกก็ได้ แบมเข้าใจว่าพี่กลัวแทนแบมว่าแบมจะลำบาก แต่แบมคิดว่าการที่เรามีน้องไว้เป็นเพื่อนแกอีกคนมันก็ดีนะครับ ให้พวกแกเติบโตไปด้วยกัน คอยดูแลกัน ถึงเมเบลจะมีพี่จินฮวานและลูกพี่ยองแจเป็นเพื่อน แต่การมีพี่น้องพ่อแม่เดียวกันด้วยก็ยิ่งดีไม่ใช่เหรอครับ ถ้าวันข้างหน้าเมเบลไม่มีพ่อแม่อยู่ด้วยแกก็ยังมีน้องเอาไว้คอยช่วยเหลือกันนะ”
แบมแบมให้เหตุผลในฐานะที่มีพี่น้อง ในเวลาที่พ่อแม่ทำงานหนัก เขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยวก็เพราะมีนิชคุณคอยอยู่ด้วยเสมอ เราดูแลกันและกันมาตลอด
“ที่แบมพูดมาพี่พอเข้าใจ อย่างไรซะพี่ก็ยังไม่อยากมีลูกอีกหรอก พี่เคยคิดนะว่าถ้าเรามีลูกด้วยกันหลายคนก็คงดีไม่น้อย แต่อย่างที่บอกไปพี่ว่าตอนนี้เราดูแลเมเบลให้ดีที่สุดก่อนดีกว่า”
“ก็ได้ครับ การเลี้ยงลูกสักคนมันคงเป็นเรื่องที่ยากมากเลี้ยงไปทีละคนก็ดี เราจะได้ให้สิ่งที่ดีที่สุดกับเขาได้เต็มที่”
ในเวลานี้มีแค่เมเบล แบมแบมกับพี่มาร์คก็ต้องดูแลแกให้ดีก่อนละนะ
“นอนเถอะ แบมต้องพักผ่อนเยอะๆ นะ” มาร์คเอ่ยแล้วจูบที่หน้าผากแบมแบมเบาๆ
“ครับ ราตรีสวัสดิ์”
แบมแบมดึงมือคืนจากมือมาร์คแล้วกอดเอวเขาไว้ก่อนจะหลับตาลง
“เอ..เมเบลของแม่ตาสวยจังเลยนะลูก แม่เพิ่งสังเกตนะเนี่ย ตาสวยเหมือนคุณพ่อเลย”
แบมแบมที่นอนเล่นกับลูกบนพื้นเขี่ยแก้มใสเบาๆ มองหน้าลูกน้อยที่เริ่มกลมขึ้นแล้ว ยัยหนูเริ่มพองกลมจนน่ารักแล้วนะ
เมเบลนอนเล่นกับแม่บนฟูกเล็กสีชมพู ห้องนั่งเล่นกลายเป็นห้องเลี้ยงเด็ก แบมแบมใช้เวลาอยู่กับลูกที่นี่ทั้งวัน กลางคืนเมเบลถึงจะย้ายไปนอนห้องพ่อแม่
พี่มาร์คทำห้องข้างห้องนอนเป็นห้องเด็กไว้ให้ลูกด้วยเหมือนกัน ข้าวของทุกอย่างครบครันและติดตั้งอินเตอร์คอมในห้องลูกด้วย แต่ถ้าจะให้ลุกไปที่ห้องลูกทุกครั้งที่ลูกร้องคงไม่ไหวเลยย้ายเปลยัยหนูมาไว้ในห้องนอนพ่อแม่แทน
“ถ้าโตมามีแต่ตาที่เหมือนพ่อแต่หน้าเหมือนแบมหมดเลยล่ะ” อังศนาเอ่ยแซวพลางวางของว่างแบบกินแล้วไม่อ้วนให้ลูกชาย แบมแบมหัวเราะ
“ถ้าได้แบบนั้นก็ดีน่ะสิครับ ถ้าได้ความหน้าตาดีของแบมบวกความละมุนของผู้หญิงเมเบลคงโตมาสวยหวานมากๆ”
แบมแบมตอบแม่แล้วคุยกับยัยหนูอายุสองอาทิตย์ มือน้อยปัดป่ายแม่ก็จับมาจูบอย่างแสนรัก
“เด็กหลงตัวเอง” อังศนาหัวเราะน้อยๆ กับคำชมตัวเองของลูก ไม่ว่าหลานเธอจะไปทางไหนก็คงน่ารักน่าเอ็นดูทั้งนั้น
“แม่ช่วยดูเมเบลหน่อยนะครับ แบมจะไปซักผ้าอ้อม”
ของใช้ลูกทุกอย่างแบมแบมเป็นคนทำความสะอาดเอง ไม่รบกวนแม่ แค่แม่ช่วยดูยัยหนูให้ตอนเขางีบหลับระหว่างวันก็พอแล้ว เพราะตอนกลางคืนแบมแบมต้องลุกขึ้นมาดูยัยหนู คอยป้อนนมและเปลี่ยนผ้าอ้อมคืนละหลายหน จะใช้พี่มาร์คก็ไม่ได้เพราะรายนั้นต้องตื่นเช้าไปทำงาน ถ้าต้องอดนอนมาช่วยดูลูกด้วยคงแย่
“กินก่อนสิลูกค่อยไป”
อังศนาไม่ห้ามถ้าลูกจะทำงานบ้าง แค่ไม่ยกของหนักให้แผลฉีกก็พอแล้ว ขยับตัวทำโน่นนี่บ่อยๆ ถือเป็นการลดน้ำหนักไปในตัว
ตอนนี้บ้านมาร์คพ้นช่วงรับแขกไปแล้ว อาทิตย์แรกที่พาเมเบลกลับบ้านญาติพากันมาเยี่ยมไม่ขาดสาย ของเด็กอ่อนที่ได้มาจากทุกคนเต็มบ้านไปหมดแล้ว
แบมแบมละมือจากขนมเพื่อรับโทรศัพท์ แปลกใจที่พี่ชายโทรมากลางวัน
ทุกวันพี่จะวีดิโอมาช่วงค่ำๆ เพื่อดูหลานผ่านหน้าจอ
“ครับพี่คุณ”
<พรุ่งนี้พี่กับโซมีจะไปหานะ>
“มาอีกแล้วเหรอ”
<ไอ้คำพูดนั้นมันหมายความว่ายังไงห๊ะ ฉันไม่ได้ไปหาแก ฉันไปหาเมเบลโว้ย>
“ถ้ารักขนาดนั้นย้ายมาอยู่โซลเลยมะ พี่ยูคยอมคงดีใจ”
<ฉันไม่ต่อล้อต่อเถียงกับแกหรอก น่าเบื่อ>
“พี่ยูคยอมก็มาหาเมเบลวันเว้นวันเลย”
<แค่นี้นะ> แบมแบมหัวเราะคิกเมื่อพี่ชายรีบตัดสายไป กลัวว่าเขาจะแกล้งอะไรอีกล่ะสิ
คุณยายอุ้มแม่ตัวเล็กพลางส่ายหน้าน้อยๆ กับลูกทั้งสองที่คงตีฝีปากกันอีกแล้ว พอกันทั้งคู่
“เมเบล คุณพ่อมาแล้ว คิดถึงจังเลย”
เป็นคำพูดที่อังศนาและแบมแบมได้ยินจนชิน พอมาร์คกลับมาถึงบ้านก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมาหาลูกทันที และจะครองลูกไว้เองด้วย ตอนลูกหิวนมยังไม่ยอมให้แบมแบมเอาเข้าอก ต้องเอานมแม่ในขวดไปป้อนให้ลูกทุกที
ตารางการเลี้ยงเมเบลแบ่งกันเป็นสามกะ กลางวันหนักที่คุณอังศนา มีแบมแบมช่วยบ้างเพราะต้องทำอย่างอื่นด้วย ช่วงค่ำเป็นเวรคุณพ่อ ส่วนกลางคืนคือหน้าที่แบมแบมคนเดียว
ร่างสูงก้มจูบเท้าน้อยๆ ของลูกด้วยความรักและเอ็นดู ที่จริงก็จูบไปหมดนั่นล่ะ ไม่ว่าจะแก้ม หน้าผาก มือ เท้า เห่อเป็นที่สุด เห่อจนแบมแบมค่อนเอาหลายครั้งแล้วว่าจะกวนอะไรลูกนัก
แต่มีพี่มาร์คคอยเล่นคอยเลี้ยงลูกให้บ้างก็แบ่งเบาความเหนื่อยลงไปได้บ้างล่ะนะ
แบมแบมหาว ช่วยแม่เตรียมอาหารเย็นให้คนที่อยู่กับลูกไม่ยอมห่าง อังศนาหันมอง
“ไปนอนไหม ตรงนี้แม่ทำเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วๆ พรุ่งนี้เราก็มีคนช่วยเลี้ยงเมเบลแล้ว แบมจะนอนทั้งวันเลยคอยดู”
อังศนาเห็นสภาพลูกชายแล้วสงสารเบาๆ บอกแล้วว่าเลี้ยงลูกน่ะมันเหนื่อยมาก
“หลานของลุงยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะบัว”
แบมแบมเอนกายเอกขเนกบนโซฟายาว มองพี่ที่อุ้มหลานไม่ยอมปล่อยให้น้องอุ้มบ้าง ยัยหนูโซมีงอนจนตะบึงตะบอนมาฟ้องอยู่ข้างหู
“ใครบัว อย่ามาเปลี่ยนชื่อลูกฉันตามใจชอบนะพี่คุณ” แบมแบมบ่นใส่พี่ชาย
“ชื่อเล่นไง น้องบัว น่ารักจะตาย เมเบลควรมีชื่อไทยบ้าง แม่แบมลูกบัว น่ารักดีนะ”
นิชคุณตัดมาจากชื่อจริงของหลานสาว บัวมาจากชื่อบัวบุษบาที่คุณยายตั้งให้
“เมเบลก็ไม่ได้ยาวอะไรนี่ นั่นก็เป็นชื่อเล่นไปในตัวอยู่แล้ว ถ้าจะตัดเรียกก็เมหรือไม่ก็เบลไปสิ โตไปหลานไม่สับสนแย่หรือคุณ”
อังศนาแย้งว่าจะมีหลายชื่อให้ยุ่งยากไปทำไม
“ทุกคนจะเรียกยัยหนูว่าเมเบลก็เรียกไปสิครับ ผมจะเรียกหนูบัว”
นิชคุณยืนกรานความตั้งใจ อังศนาและแบมแบมมองหน้ากันอย่างอ่อนใจ ในเมื่อค้านไม่ได้คงต้องปล่อยเลยตามเลย
“นี่ใจคอจะอยู่กับเมเบลอย่างเดียวไม่ไปหาพี่ยูคยอมบ้างเหรอ”
“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้ แดดร้อนไม่อยากไปไหน”
แบมแบมร้องเฮอะ นั่นน่ะคำแก้ตัวชัดๆ
“ถ้ารักหลานได้มากขนาดนี้น่าจะแต่งงานมีลูกกับเขาสักทีนะ พี่ยูคยอมก็รออยู่นี่”
“ไม่ล่ะ ถ้าไม่รวยกว่านี้อีกหน่อยพี่ไม่แต่งหรอก เดี๋ยวคนจะดูถูกเอา”
“เมื่อก่อนพี่ไม่ใช่คนที่แคร์คำนินทาชาวบ้านนี่”
พี่ชายเขานี่แข็งแกร่งดังเหล็กกล้า คำนินทาอะไรไม่สะเทือนคนอย่างนิชคุณ ภูวกุลหรอก
“หมายถึงดูถูกเด็กหมูต่างหาก แต่งช้านิดช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก ทางคิมก็เข้าใจว่าพี่สร้างเนื้อสร้างตัวอยู่ อีกอย่างอายุยูคยอมก็ยังไม่มาก รอพี่ได้อยู่แล้ว”
“จ้ะ มั่นใจมากเลยนะ” แบมแบมยื่นแขนออกไปให้น้องสาวนวด โซมีก็นวดให้ไม่อิดออด
“พี่แบม หนูอยากอุ้มหลาน”
“พี่คุณ เอาเมเบลมานี่มั่งซิ”
“แหม่ ขออีกหน่อยน่า”
อังศนาส่ายหน้าระอาสามพี่น้อง เกิดศึกแย่งเมเบลอีกแล้ว ขอให้วันนี้ไม่มีแขกมาหาเมเบลเพิ่มก็แล้วกัน หลานยายนี่ฮอตจริงๆ
“พี่มาร์คไปไหนเหรอคะ” โซมีมานานแล้วนะยังไม่เห็นพี่เขยเลย
“ไปทำธุระกับคุณปู่น่ะจ้ะเดี๋ยวก็กลับ รายนั้นห่างลูกได้ที่ไหน พอเขามานะหนูหมดโอกาสอุ้มหลานแน่”
แบมแบมเห็นใจน้องสาว ลุงและพ่อต้องแย่งเมเบลกันอย่างไม่มีใครยอมใครแน่
เกิดมาเป็นแก้วตาดวงใจก็ต้องลำบากแบบนี้ล่ะนะลูกแม่
“มาร์คกลับมาแล้วมั้งจ๊ะ” อังศนาเอ่ยพร้อมจะลุกไปเปิดประตูเมื่อเสียงออดหน้าบ้านดัง โซมีรีบลุกตัดหน้าแม่
“หนูไปเปิดให้เองค่ะแม่” เด็กสาวบอกกับแม่แล้วก้าวยาวๆ ไปเปิดประตูต้อนรับพี่เขย
แต่เมื่อประตูถูกเปิดออก คนที่ยืนรอกลับไม่ใช่พี่เขยอย่างที่คิด โซมีอึ้งไปนิดก่อนจะปิดประตูตามเดิมแล้วเดินมารายงานพี่ชาย
“พี่แบมคะ พี่ดามา”
“ดามาเหรอ ให้เข้ามาสิครับโซมี” แบมแบมอนุญาตเมื่อรู้ว่าเป็นลูกผู้น้องที่คุ้นเคยกันดี
ตอนเมเบลคลอดแบมแบมก็ส่งข่าวไปหาดาริกาเช่นกัน เธอติดเรียนเลยส่งเพียงคำยินดีมาให้ บอกอีกว่ามีเวลาว่างเมื่อไรจะมาเยี่ยม
“พี่ดาไม่ได้มาคนเดียวค่ะ” เด็กสาวเอ่ยต่อ ทำให้ทุกคนในครอบครัวหันมองเป็นตาเดียว
“พี่ดามากับผู้ชายอีกสองคน น่าจะเป็นพ่อและพี่ชายของพี่ดา”
“อะไรนะ?!”
“คุณไม่ไปทำงานหรือไง”
ยองแจเอ่ยกับสามีที่เอาหูฟังมาคุยกับลูกแล้วยังเอาถุงเท้าคู่จิ๋วใส่นิ้วมาเดินบนท้องเขาอีก นี่ลูกนะไม่ใช่ของเล่น
“วันนี้ไม่มีนัดครับ”
“ว่าไงนะ หมายความว่ายังไงครับ ไม่มีเลยสักเคสเหรอ” ยองแจแปลกใจ
“อื้อ ไม่มีเลย” แจ็คสันตอบแล้วหันมาสนใจสิ่งมีชีวิตอายุ 18 สัปดาห์ในท้องกลมต่อ ท่าทางมีความสุขเหลือเกิน
“อธิบายหน่อยสิครับ”
ยองแจตีไหล่กว้างแรงๆ ดีใจนะที่คุณแจ็คสันรักลูกแต่ช่วยสนใจเขามากกว่าลูกหน่อยเถอะ คนเป็นพ่อนี่เป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า ต้องไปปรึกษาบอสซะแล้ว
“ผมส่งต่อคนไข้ให้แพทย์คนอื่นน่ะ”
“ทำไมทำแบบนั้นล่ะครับ คนอื่นเขาก็ยอมเหรอ”
“แค่เคสที่ใกล้จะหายดีหรือคนที่ต้องติดตามอาการเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มีความผิดปกติเท่านั้นเองครับ ส่วนคนไข้อาการหนักผมยังรับดูแลทุกคนอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ทิ้งไปไหน”
“คนไข้ยอมเหรอครับ”
“ยอมสิ ผมต้องการมีเวลาว่างได้อยู่ดูแลลูกและคุณบ้างนะ แต่ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ว่างทั้งวันแค่วันเสาร์ล่ะนะ วันอาทิตย์ก็ยังต้องทำงานครึ่งวันอยู่ดี ความจริงผมก็อยากมีเวลาว่างให้คุณกับลูกได้มากกว่านี้นะแต่ผมทำได้แค่นี้เอง ไม่โกรธใช่ไหม”
ยองแจฟังสิ่งที่แจ็คสันบอกแล้วตะลึงไปเล็กน้อย คุณแจ็คสันที่มีงานเต็มเจ็ดวันหาเวลาว่างได้ตั้งวันครึ่งเพื่อเขากับลูกอย่างนั้นเหรอ
“คุณคิดดีแล้วหรือครับที่ทำอย่างนั้น”
“คิดดีแล้วสิครับ ผมจะพยายามจัดสรรเวลาเพื่อเราให้ดีกว่านี้นะ เราต้องเริ่มปรับปรุงตัวกันได้แล้ว ตอนนี้อาจยังชิลๆ ทำงานหนักได้แต่พอใกล้คลอดผมต้องการมีเวลาให้คุณอย่างเต็มที่ คุณเองก็ต้องลดงานเช่นกัน ผมอยากให้คุณลาตั้งแต่แปดเดือนด้วยซ้ำ เลี้ยงลูกอีกสักสามเดือน”
“ผมรู้ว่าเราต้องเปลี่ยนเพื่อลูกแต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้นะ ถ้าลาคลอดคงต้องเข้าเดือนที่เก้าไปแล้ว และผมจะใช้สิทธิ์ลาหลังคลอดแค่สองเดือนก็พอ”
ยองแจวางมือลงบนท้อง แย้งสามี
“คุณจะบ้างานเกินไปแล้วนะ ผมยังยอมลดงานเลยคุณก็ควรทำด้วย งานเลขานุการทั้งหนักและเหนื่อย ผมกลัวคุณเครียดมากเกินไปและมันจะส่งผลกระทบกับลูกนะครับ”
แจ็คสันเป็นห่วง เขาก็อยากทำอย่างมาร์คหักดิบไม่ยอมให้ภรรยาทำงาน แต่คนแอคทีฟที่รักงานเท่าชีวิตอย่างเลชาชเวไม่มีทางยอมหยุดงานอยู่กับบ้านให้เขาเลี้ยงดูแน่นอน และเพราะรู้แจ็คสันถึงไม่เคยพูดเรื่องลาออกจากงานให้ยองแจได้ยินเลยสักครั้ง ทั้งที่เขาสามารถดูแลยองแจได้เป็นอย่างดี
“ผมเข้าใจและขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ผมชอบทำงานและไม่เคยคิดว่ามันเครียดเลยสักวัน ถึงจะทำงานแต่ถ้ามีเวลาว่างให้เราได้อยู่ด้วยกันบ้างมันก็ดีแล้วนี่ครับ”
ยองแจไม่ได้คาดหวังชีวิตที่แสนเลิศหรูอะไร ขอแค่ได้ใช้เวลาร่วมกันเหมือนครอบครัวทั่วไปก็พอ
“เอาเถอะตามใจคุณ ผมไม่เคยขัดคุณได้อยู่แล้วนี่นา”
แจ็คสันยอมรับการตัดสินใจของยองแจ เพราะยังไงมาร์คก็ไม่ใจร้ายใช้งานยองแจนอกเวลาหรือเบียดเบียนวันว่างเสาร์อาทิตย์
“อีกสองอาทิตย์ก็จะได้รู้แล้วน้าว่าหนูผู้หญิงหรือผู้ชาย พ่อจะได้เตรียมตั้งชื่อและซื้อของให้หนูได้สักที”
คุณหมอแนบแก้มกับท้องกลม คุยกับลูก ยองแจอมยิ้ม
แม้ชีวิตยองแจตอนนี้จะเรียบง่ายไม่หวือหวาเหมือนตอนเป็นโสด แต่ความสุขที่มีมันก็ไม่น้อยไปกว่ากันเลย ถึงจะเหนื่อยเป็นเท่าตัวเพราะมีคนต้องดูแลแต่มันก็ไม่เหงาเท่าตอนอยู่คนเดียวนะ
ยองแจคิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปเยอะเลยล่ะ จากสายปาร์ตี้เป็นสายแฟมิลี่ จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงคนในครอบครัวก่อน และโชคดีที่คุณหมอก็คิดเหมือนกัน ถึงต่างคนต่างมีเวลาให้กันและกันน้อยแต่เขากับหมอก็ไม่เคยคิดว่าเรารักกันน้อยลงนะ
“แม่จะให้พวกเขาเข้ามาไหมครับ”
นิชคุณถามแม่ที่เงียบไปหลังจากโซมีบอกว่าใครมากับดาริกา อังศนาถอนหายใจ หันไปมองเจ้าของบ้านที่นั่งหน้านิ่ง
“ต้องถามแบมว่าจะให้เข้าบ้านไหม”
แม่ พี่ชาย และน้องสาวพากันมองไปที่แบมแบม รอการตัดสินใจของเขาเพียงคนเดียวเพราะที่นี่คือบ้านแบมแบม จะเปิดต้อนรับใครก็ได้
“ถ้ากล้ามาก็ให้เข้ามาเถอะครับ แบมก็อยากรู้ว่ามาทำไม”
แบมแบมเอ่ยเสียงเรียบ ขนาดวันแต่งงานยังถือทิฐิไม่ยอมไป ก็อยากรู้นักว่าผ่านไปไม่กี่เดือนถึงเปลี่ยนใจมาหาถึงบ้าน
โซมีเดินไปเปิดประตูอีกครั้งแล้วเชิญแขกเข้าบ้าน รับของฝากจากดาริกาไปเก็บ
ดาริกาเห็นอังศนาและนิชคุณนั่งอยู่บนพื้นกับหลานก็รวบกระโปรงย่อกายนั่งพับเพียบกับพื้น ยกมือไหว้ทั้งสามคน มีเพียงแบมแบมและอังศนาที่รับไหว้เพราะนิชคุณอุ้มหลานอยู่
“ขอโทษที่มารบกวนโดยไม่บอกนะคะพี่แบม”
ดาริกาจงใจเอ่ยกับแบมแบม ยิ้มหวานดูเจื่อนเหมือนกลัวจะถูกดุ
แบมแบมรู้ว่าที่ดาริกาขอโทษเพราะเธอพาอีกสองคนมาโดยไม่บอกเขาล่วงหน้า เขาคิดว่าน้องก็คงอยากบอกแต่คงมีเหตุผลให้บอกล่วงหน้าไม่ได้
“ไม่เป็นไรจ้ะ” แบมแบมยิ้มให้ดาริกา หญิงสาวใจชื้นเมื่อไม่ถูกดุ
อังศนาและนิชคุณลุกขึ้นไปนั่งบนโซฟายาวตัวเดียวกับแบมแบม ดาริกาเลยลุกไปนั่งโซฟาทางซ้ายมือกับพี่ ส่วนพ่อนั่งที่โซฟาเดี่ยวขวามือคนเดียว
โซมีกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นพร้อมน้ำดื่มสำหรับแขก เสิร์ฟตามมารยาทเท่านั้น ก่อนจะรีบไปเก็บถาดแล้วมานั่งรวมกับครอบครัว
ภายในห้องนั่งเล่นเกิดความเงียบที่น่าอึดอัดขึ้นมา ทางฝั่งดาริกาก็ไม่พูด ทางฝั่งแบมแบมก็ไม่รู้จะทักอะไร เรียกว่ามองหน้าก็ยังไม่มองกันเลยจะดีกว่า
“คือว่า..นอกจากวันนี้ดาจะมาเยี่ยมหาหลานแล้ว พ่อกับพี่ดลมีเรื่องอยากจะมาคุยกับพี่แบมน่ะค่ะ พี่มาร์คไม่อยู่หรือคะ”
ดาริกาทนความอึดอัดได้เพียงสองนาทีก็เอ่ยขึ้นก่อน เพราะแน่ใจแล้วว่าพ่อและพี่ชายคงไม่พูดขึ้นมาก่อนแน่
“ขอบใจนะที่คิดถึงหลาน พี่มาร์คออกไปทำธุระน่ะเดี๋ยวก็กลับ พ่อกับพี่ของดาอยากคุยเรื่องอะไรล่ะ”
แบมแบมเมินดิเรกและดลธีเพราะยังทำใจมองหน้าไม่ได้ ดาริกามองพี่และพ่อที่นั่งนิ่ง
“มีอะไรจะคุยกับลูกฉันก็พูดมาเถอะ” อังศนาเอ่ยขึ้น จะมานั่งเป็นรูปปั้นกันทำไม
“พี่จะมาคุยเรื่องบริษัทน่ะอัง”
ดิเรกเอ่ยขึ้น เขาไม่กล้าพูดกับหลานชายเพราะเห็นท่าทางปั้นปึ่งถือดีนั้น เข้าใจว่าแบมแบมยังเคืองโกรธเขาอยู่มาก ไม่มีลดน้อยลงเลย
“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ แบมแบม พี่อยากจะขอซื้อบริษัทของบ้านพี่คืนจากนาย”
ดลธีเอ่ยกับอังศนาแล้วตามด้วยเจ้าของบ้าน แบมแบมเอนกายพิงพนักโซฟา กอดอก ยกขาขึ้นไขว่ห้าง มองสบตาคมของดลธี
“หาเงินได้แล้วเหรอครับ ผมก็ไม่รู้ว่าพี่มาร์คเขาจะขายคืนหรือเปล่านะ”
“อย่าพูดอย่างนั้นน่าแบม พี่รู้ว่าเจ้าของในตอนนี้คือแบม แค่แบมไม่ได้เข้าไปบริหารงานเองก็เท่านั้น”
ดลธีสืบรู้มาว่าชื่อเจ้าของคือกันต์พิมุกต์ไม่ใช่อี้เอิน
แบมแบมหน้านิ่ว นิ่งนึกทบทวนความทรงจำ เหมือนจะเคยได้ยินพี่มาร์คบอกให้เขาไปเป็นประธานบริษัทของดิเรกหลังเรียนจบอยู่ แต่ตอนนั้นเขาโกรธมากจนไม่อยากฟังเรื่องราวของทางดิเรกอีก แม้แต่เรื่องบริษัทก็ไม่รับฟัง ไม่คิดว่าพี่มาร์คจะยกบริษัทเป็นของเขาเลยนะ ถ้ารู้คงจะบอกให้เอาไปให้คนอื่นเทคโอเวอร์เสียตั้งนานแล้ว
“พวกคุณก็เป็นแค่พนักงานในอดีตบริษัทของตัวเองจะไปหาเงินมาซื้อคืนได้ยังไง”
นิชคุณสงสัยเรื่องนี้ที่สุด ได้ยินว่าต้องชดใช้เงินคืนพวกเขามาจนแทบหมดตัวเลยนี่นา
“ลุงก็วิ่งหาจากหลายๆ ทางน่ะคุณ เลยต้องใช้เวลานานหลายเดือนขนาดนี้กว่าจะหาได้มากพอ”
ดิเรกต้องพยายามอย่างมากในการที่จะหาเงินมาอย่างถูกกฎหมาย ขายอะไรได้ก็ขาย กู้อะไรได้ก็กู้หมดเพื่อรวบรวมเงินมาเอาบริษัทคืน กระทั่งอ้อนวอนขอร้องญาติทั้งของตนและของภรรยาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่เรื่องที่เขาทำนั้นกระจายไปถึงหูญาติทุกคนไม่เว้นแม้แต่ญาติที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาทำอะไรไว้กับธามบ้าง จึงไม่มีใครยอมช่วยเหลือเลย ได้แต่ไปพึ่งญาติภรรยา
“คงไม่ได้ไปโกงใครเขามาอีกนะครับ”
แบมแบมเอ่ยขัดขึ้นก่อน สามพ่อลูกถึงกับหน้าชา
ดาริกาก้มหน้านิ่ง ดลธีกอดอกมองทางอื่น เหลือเพียงดิเรกที่พยายามทำใจกับคำดูถูกแล้วเอ่ยต่อ
“ไม่หรอก ไม่ใช่ ลุงรู้แล้วล่ะว่าการทำร้ายคนอื่นมันเจ็บปวดขนาดไหน เพราะสิ่งที่ทำสักวันมันก็ต้องย้อนมาทำลายตัวเอง เมื่อรู้ผลจากการกระทำครั้งแรกแล้วก็ไม่มีเหตุผลต้องทำผิดพลาดซ้ำสองไม่ใช่หรือแบม ความยากลำบากในการหาเงินเพื่อตั้งตัวให้ได้อีกครั้งทำให้ลุงรู้ซึ้งแล้วว่าที่ผ่านมาแบมแบมกับครอบครัวต้องลำบากมากขนาดไหน การพยายามหาเงินด้วยตนเองมันยาก มันเหนื่อย ขนาดลุงไม่ได้หาเพื่อใช้หนี้ยังเหนื่อย แบมและทุกคนคงเหนื่อยกว่าลุงหลายเท่า
ลุงไม่รู้หรอกนะว่าแบม คุณ และแม่จะเชื่อลุงไหม แต่ลุงรู้แล้วจริงๆ และลุงก็อยากจะขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ลุงขอโทษจริงๆ หลังจากที่แทบหมดตัวลุงโกรธมาก ลุงแค้น ลุงโทษทุกคน ลุงไปหาธามที่สุสานแล้วต่อว่าเขาว่าทำไมถึงไม่ดลใจให้แบมสงสารลุงและครอบครัวบ้าง แต่พอผ่านไปหลายเดือนเข้าลุงก็คิดได้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะแค้นเพราะลุงทำผิดเอง ถ้าลองลุงเป็นธาม ลุงคงไม่มานั่งยอมรับในโชคชะตาแล้วก้มหน้าใช้หนี้ ลุงอาจคว้าปืนไปยิงคนโกงให้ตายตกไปทั้งบ้านเลยก็ได้ นั่นล่ะที่ทำให้ลุงคิดได้ แม้จะอยู่ในสถานการณ์เดียวกันแต่วิธีแก้ปัญหากลับต่างกัน มันตอกย้ำให้รู้ว่าลุงนั่นล่ะที่เลวเอง ลุงขอโทษ”
แบมแบมมองชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายของพ่อ เห็นดวงตาคมแดงและวาวไปด้วยหยาดน้ำตา ถ้าเขาเล่นละครว่าสำนึกผิดก็คงเล่นละครได้อย่างดีเยี่ยมจนน่าจะได้รางวัล
“พวกคุณรู้ได้ยังไงว่าต้องซื้อบริษัทคืนจากผมเท่าไร ผมอาจจะเรียกมากกว่าเงินที่คุณมีเป็นเท่าตัวหรืออาจจะสองเท่าก็ได้”
“นายต้องการเท่าไรก็บอกมาสิ เราจะพยายามหามาให้ได้”
ดลธีดีใจที่แบมแบมเอ่ยเรียกราคา เพราะหมายความว่ามีหวังที่จะได้บริษัทคืน
“เราจะเชื่อได้ยังไงว่านายไม่ได้เกลียดเราอยู่ ขนาดวันแต่งงานไอ้แบมยังไม่ยอมให้ดาไปเลย” นิชคุณจำได้หรอกนะ
ดาริการีบเงยหน้าขึ้นพูดก่อนพี่ชายจะตอบคำถามพี่คุณ
“เรื่องนั้นดาอธิบายแทนได้นะคะ พ่อกับทุกคนก็แค่ละอายใจและไม่อยากให้ดาไปงานใหญ่แบบนั้น งานแต่งงานพี่แบมใหญ่และหรูหรามากน่ะค่ะ มีแต่แขกรวยๆ หรือไม่ก็คนใหญ่คนโต ทุกคนกลัวว่าพี่แบมจะแค่เชิญดาไปตามมารยาทแล้วก็ไม่สนใจดา อีกอย่างดาเองก็ไม่มีชุดสวยๆ ใส่ไปงานแต่งงานของพี่แบมด้วย..พ่อไม่มีเงินซื้อให้ดา ชุดเก่าที่เคยมีไว้สำหรับไปงานเลี้ยงก็ขายไปหมดแล้ว จะให้ซื้อชุดราคาถูกใส่ไปงานก็กลัวว่าอาจจะมีคนดูถูกดา ดาก็อธิบายแล้วนะคะว่าพี่แบมเชิญเพราะอยากให้ดาไปจริง เรื่องชุดดาก็ทนได้ แต่เห็นว่าที่บ้านไม่สบายใจที่จะให้ไปดาเลยไม่ไป ต้องขอโทษพี่แบมด้วยนะคะ”
อังศนาฟังแล้วได้แต่ถอนหายใจ พอเข้าใจความคิดดิเรกและซอยุนที่ไม่อยากให้ลูกสาวด้อยกว่าใครแม้จะเป็นงานแต่งงานญาติตัวเองตาม ก็ไม่ใช่ญาติที่รักใคร่กลมเกลียวกันดีนี่นา
“แบมจะเอายังไงล่ะลูก” อังศนาหันไปถามลูกชาย
แบมแบมเองก็คิดไม่ตก ถึงจะมีปราการความโกรธสูงท่วมหัวใจ แต่ฝั่งเหตุผลมันก็มีและทำให้ความโกรธสั่นคลอนได้เหมือนกัน
จะให้เขาปล่อยวางให้ทั้งหมดเลยมันก็ไม่ได้ แต่จะให้เมินเฉยก็ทำไม่ได้อีก เขาดันรู้สึกสงสารคนที่เคยทำร้ายตัวเอง มันไม่น่าเกิดขึ้นได้เลย เพราะเขาเป็นคนใจอ่อนเกินไปหรือไงนะ
“แม่ล่ะครับว่ายังไง” แบมแบมโบนไปให้แม่ช่วย อังศนาตีแบมแบมที่โยนภาระมาให้
“เราไม่รอถามพี่มาร์คดูอีกคนล่ะคะ นี่เรื่องใหญ่ไม่ใช่เหรอ พี่มาร์คเป็นคนเอาบริษัทมาให้พี่แบม ถึงมันจะเป็นของพี่แบมแล้วถามความเห็นเขาหน่อยก็ดีนะคะ”
โซมีช่วยออกความเห็น และคำพูดของโซมีก็ทำให้ทุกคนในห้องนั่งเล่นเกิดปฏิกิริยาต่างกันไป
ทางด้านดิเรกดูเหมือนจะอึ้งไป ดลธีหน้าเครียด มองสบตาพ่อที่นั่งตรงข้าม รู้กันด้วยสายตาว่าถ้าลองให้มาร์คต้วนมาช่วยตัดสินใจคงไม่มีหวังจะได้บริษัทคืนแน่ คราวที่เจอกันปีก่อนผู้ชายคนนั้นก็ท่าทางโกรธแทนแบมแบมมาก และยังข่มขู่พวกเขาไว้ด้วย
“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรอมาร์คกลับมาก่อน” นิชคุณตัดสินใจให้ว่าจะรอมาร์ค
“แบมจะไปให้นมเมเบล ระหว่างนี้ถ้าพี่มาร์คกลับมาก็ไปตามแบมที่ห้องแล้วกัน”
แบมแบมลุกขึ้น รับลูกจากพี่ชายแล้วพากันไปที่ห้องนอนชั้นล่าง ทิ้งให้คนอื่นๆ รับมือบ้านดิเรกต่อ
อังศนาลุกไปเอาของว่างมาให้สามพ่อลูก ไม่ได้อยากจะต้อนรับนักแต่จะให้นั่งเฉยๆ ก็ไม่รู้จะพูดอะไรด้วยเหมือนกัน
“เมเบลน่ารักจังเลยค่ะ อยากขอพี่แบมอุ้มบ้างแต่ไม่กล้า” ดาริกาเอ่ยทำลายความเงียบ
“ทำไมไม่ลองขอดูล่ะ พ้นช่วงอาทิตย์แรกไปแล้วแบมมันไม่หวงลูกแล้วล่ะ” นิชคุณตอบรับคำพูดของเธอเพื่อไม่ให้ห้องเงียบ เดี๋ยวจะอึดอัด
“น่ารักแบบนั้นก็น่าหวงอยู่นะคะ”
“เฮอะ มันหวงเกินมนุษย์มนาเขาน่ะสิ”
นิชคุณยังเหลือความบอบช้ำในจิตใจอยู่เลยนะ
ตอนหลานคลอดเขาอุตส่าห์รีบไปหาหลานที่โรงพยาบาลแต่โดนน้องขู่ไม่ยอมให้แตะลูกแม้แต่ปลายก้อย ขนาดสามีมันยังไม่ค่อยยอมให้จับเลย
“คงเป็นปกติของแม่ล่ะมั้งคะ เพิ่งคลอดนี่นา ดารู้มาจากพี่แบมว่าพี่ลาออกจากงานไปทำไร่ได้หลายเดือนแล้ว กิจการไปได้ดีไหมคะ..ขอบคุณค่ะอาอัง”
ดาริกาเอ่ยกับนิชคุณแล้วขอบคุณอังศนาที่เอาขนมมาให้ เธอส่งให้พ่อและพี่ชายก่อนกินเอง ถ้าเธอไม่ส่งให้ก่อนก็คงไม่หยิบกินกัน
“ดีนะดีขึ้นเรื่อยๆ ไร่พี่สวยนะไว้ว่างๆ ไปเที่ยวสิ” นิชคุณโฆษณาไร่ที่ลงแรงมาสี่เดือน
“ถ้าปิดเทอมจะชวนเพื่อนไปนะคะ”
“ได้ จะไปเมื่อไรก็บอก โซมีไปเปิดประตูซิ มาร์คมาแล้วมั้ง” นิชคุณใช้น้องสาวที่กำลังกินขนมเมื่อมีคนมาบ้านอีกแล้ว โซมีก็ว่าง่าย โดนใช้ก็ไป
“โอ้โห ซื้ออะไรมาเยอะแยะคะพี่มาร์ค” โซมีช่วยแบ่งของมากมายที่พี่เขยถือมา มาร์คยอมให้เธอช่วยหิ้วบ้างบางส่วน
“คุณปู่ซื้อมาฝากทุกคนน่ะครับ”
มาร์คตอบแล้วจะเอาของไปเก็บในครัว แต่สายตากลับเห็นว่ามีแขกมา และเป็นแขกที่เคยเจอกันมาก่อนเสียด้วย คิ้วเข้มขมวดมุ่นทันที
“พวกเขามาทำไม”
“มาคุยเรื่องบริษัทกับพี่แบมน่ะค่ะ พี่แบมยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรรอถามพี่ก่อน พี่แบมให้นมน้องอยู่ในห้องชั้นล่าง พี่มาร์คไปหาพี่แบมสิคะ” โซมีรีบเล่าให้ฟัง
มาร์คพยักหน้ารับรู้แล้วเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปหาภรรยาโดยที่ไม่ทักทายใครเลย
มาร์คปิดประตูห้องเบามือ เดินไปนั่งกับภรรยาที่ให้นมลูกสาวอยู่ที่เก้าอี้นวมตัวใหญ่
“มาไวจังเลยครับ” แบมแบมทักโดยไม่เงยหน้าจากยัยหนูมองสามีที่นั่งเก้าอี้ตรงข้ามกัน
“พวกเขามาทำไมน่ะแบม เราให้เข้ามาเหรอ” มาร์คเพียงถามไม่ได้ตำหนิ
“ครับ”
“ทำไมครับ” มาร์คแปลกใจว่าภรรยาสามารถยอมรับที่จะพบเจอคนพวกนั้นได้แล้วหรือ
“แบมก็ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันครับ”
“พวกเขาต้องการอะไรอีก” มาร์คอยากรู้ แบมแบมจับมือน้อยของลูกไว้ มองหน้ามาร์ค
“พวกเขาต้องการบริษัทคืนน่ะครับ ที่พี่มาร์คไปยึดมา เขาจะซื้อคืน”
“พวกเขาไปเอาเงินมาจากไหน”
ตั้งแต่ได้บริษัทของดิเรกมามาร์คก็ส่งคนเข้าไปดูแลแต่ไม่ได้สนใจอีก เพราะเคยเสนอให้แบมแบมแล้วแต่ตอนนั้นภรรยาไม่สนใจและไม่ต้องการรับรู้อะไรเกี่ยวกับครอบครัวดิเรก
“เขาบอกว่าหาจากหลายทาง แบมเลยถามว่าได้ไปโกงใครมาอีกหรือเปล่า ดิเรกปฏิเสธและขอโทษแบมกับทุกคน…ดิเรกบอกว่าเขาไปหาพ่อมา เหมือนเขาจะสำนึกในสิ่งที่ทำกับพ่อได้แล้วแต่แบมไม่แน่ใจ..แบมไม่รู้จะเชื่อเขาได้อีกหรือเปล่า”
มาร์คเห็นท่าทางกล้ำกลืนน้ำตาของภรรยาก็รู้สึกเห็นใจ เอื้อมมือมาจับมือแบมแบมไว้
“ถ้าไม่สบายใจพี่ให้คนไปสืบให้ดีไหมว่าทางดิเรกไปเอาเงินจากไหนมาซื้อบริษัทคืน”
แบมแบมนิ่งคิดไปกับข้อเสนอของสามี คิดเงียบๆ อยู่อึดใจก็ส่ายหน้า
“ไม่ดีกว่าครับ”
“ทำไมล่ะครับ พี่ทำให้ได้นะแค่ไม่กี่วันก็รู้เรื่องแล้ว วันนี้ให้เขากลับไปก่อน รอจนได้เรื่องแล้วเราค่อยนัดเขามาคุยกันอีกครั้ง แบมจะได้แน่ใจไงครับว่าเขาไม่ได้ไปทำร้ายใครมาอีก”
“แบม..” แบมแบมลังเล กระชับอ้อมกอดที่โอบประคองยัยหนูราวกับจะให้ความอบอุ่นจากแกทำให้แม่รู้สึกดีขึ้นบ้าง นัยน์ตากลมหลับลงพยายามกลั้นน้ำตา
“แบมก็อยากรู้ครับ..บริษัทนั้นมันไม่มีค่าสำหรับเราแต่ก็มีค่าสำหรับเขา แบมคิดว่าจะขายให้เขาไปเพราะเห็นแก่ดาและน้ำตาของเขาตอนที่พูดถึงพ่อออกมา..ตลอดหลายปีที่ผ่านมาแบมโกรธและแค้นเขาก็เพราะเขาไม่รู้สำนึกในสิ่งที่ผิดต่อพ่อ ดิเรกทำเหมือนพ่อไม่ใช่น้องตัวเอง กระทั่งพ่อเสียก็ไม่มีแม้แต่คำขอโทษ มันเป็นเหมือนสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจแบม เงินร้อยล้านพันล้านไม่มีค่ากับแบมเลยแบมแค่อยากได้คำขอโทษของเขาเท่านั้น คำขอโทษจากใจ..”
แบมแบมสะอื้นออกมา ไม่อาจเก็บกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป
“แต่วันนี้เขามาบอกว่าขอโทษพ่อไปแล้ว สำนึกถึงสิ่งที่ทำได้แล้ว..แบมก็ไม่รู้ว่าจะเชื่อเขาได้แค่ไหน แต่เหมือนบางอย่างที่ติดอยู่ในใจมันคลายออกไปแล้ว ถึงจะอภัยให้ไม่ได้ทั้งหมดแต่ใจแบมรู้ว่าต่อไปนี้เราคงต่างคนต่างอยู่กันได้โดยไม่มีอะไรติดค้างกันอีก แต่ถ้าคนของพี่มาร์คสืบเจอเรื่องราวร้ายๆ ของเขาอีกแม้จะเพียงเรื่องเดียว ความรู้สึกของแบมก็คงพังทลาย แบมคงทำใจเชื่อว่าเขาขอโทษพ่อจากใจไม่ได้อีกและแบมก็คงรับไม่ได้..ดังนั้นแบมไม่ขอรู้ดีกว่าครับว่าเขาจะไปได้เงินมาจากไหน แบมจะเชื่อเขาสักครั้งว่าเขากลับตัวแล้วจริงๆ”
แบมแบมเช็ดน้ำตาที่หยดโดนผิวของลูก มองแกผ่านน้ำตา ความรู้สึกมากมายในตอนนี้มันทำให้แบมแบมกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้
มาร์คลุกไปหาภรรยา คุกเข่าลงตรงหน้าแล้วกอดแบมแบมไว้
เขานับถือใจแบมแบมจริงๆ ที่ยังอุตส่าห์อภัยให้ดิเรกได้ เขาคิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่สุดที่จะสามารถให้อภัยคนที่เราชิงชังมานานหลายปีได้
“เมื่อตัดสินใจแล้วก็ทำอย่างที่ตั้งใจเถอะครับ”
ระหว่างที่รอ ภายในห้องนั่งเล่นก็เงียบอย่างน่าอึดอัดเพราะไม่มีใครคุยกันอีก ดิเรกย้ายไปนั่งกับลูกชาย คุยกันเบาๆ ท่าทางเคร่งเครียด เตรียมใจแล้วว่าอาจผิดหวังกับการมาคุยครั้งนี้
ผ่านไปอีกพักใหญ่แบมแบมก็ออกจากห้องมาพร้อมสามีที่อุ้มยัยหนูตามมา พอเห็นหลานออกมาแล้วคุณลุงก็ชูมือขออุ้มต่อจากน้องเขยทันที มาร์คส่งลูกให้นิชคุณ ดาริกาอยากจะขออุ้มบ้างแต่เกรงใจ และบรรยากาศตอนนี้ก็คงไม่เหมาะที่จะเล่นกับหลานด้วย
“ผมตัดสินใจได้แล้วนะ”
แบมแบมกลับมานั่งที่เดิม เพิ่มเติมคือมีสามียืนกอดอกอยู่ใกล้ๆ ทุกคนมองมาที่แบมแบมเป็นตาเดียว
“ตกลง..แบมจะขายให้ลุงไหม”
“การเปลี่ยนผู้บริหารคงส่งผลกระทบต่อตัวบริษัทไม่มากก็น้อย แต่ถ้าคุณอยากได้จริงๆ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว ตอนนี้มีคนของต้วนคอร์ปเปอร์เรชั่นเข้าไปดูแลอยู่หลายคน ซึ่งผมจะเอาคนของผมกลับมา และมันอาจส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทอยู่มาก นั่นก็เป็นปัญหาที่คุณต้องแก้เอาเอง ผมคืนให้แต่บริษัทไม่คืนบุคลากรคนสำคัญของเราด้วย
ส่วนเรื่องผู้ถือหุ้นคนอื่นๆ ที่เข้ามาหลังการบริหารจากคนของผม นั่นเป็นเรื่องที่คุณก็ต้องรับผิดชอบเอาเองว่าจะรักษาไว้ได้หรือเปล่า ถ้ามีคนจะขอถอนหุ้นก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของทางนี้เหมือนกัน คุณยอมรับได้หรือเปล่า”
แบมแบมและพี่มาร์คได้ติดต่อไปกับซีอีโอของบริษัทแล้วพบว่าบริษัทตอนนี้กำลังรุ่งเรืองสุดๆ ทำกำไรได้มากทีเดียว แล้วยังจะงานที่ได้จากลูกค้าที่เข้ามาเรื่อยๆ อีก ทำให้กลายเป็นบริษัทรับออกแบบและตกแต่งภายในที่กำลังมาแรงในวงการอยู่ตอนนี้
เหตุผลส่วนหนึ่งอาจเพราะคนเชื่อถือในศักยภาพของตระกูลต้วนด้วยนั่นล่ะ ถ้าดิเรกเอากลับไปบริหารเองก็ต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมากว่าจะทำได้ดีเท่าคนของพี่มาร์คหรือเปล่า
แบมแบมเอาคนของตนกลับมาเพราะทรัพยากรบุคคลเป็นของมีค่า ไม่จำเป็นต้องทิ้งไว้ส่งเสริมเกื้อหนุนดิเรก เขาเริ่มของเขามาอย่างไรก็ให้คืนกลับไปอย่างนั้น
“ได้! อะไรก็ได้แบม ลุงพร้อมจะจัดการทุกปัญหาเอง ขอเพียงได้มันกลับคืนมาก็พอ แบมยอมคืนให้ลุงแล้วใช่ไหม”
ดิเรกยิ้มกว้างอย่างดีใจ ในที่สุดสิ่งที่สร้างมากับมือก็กลับคืนสู่มือเขาแล้ว
“เรื่องรายละเอียดอื่นๆ คุณไปคุยกับพี่มาร์คที่ทีบีเอนเตอร์ไพรซ์ในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
“เอ่อ..” ดิเรกอึ้งไปนิด ไม่คิดว่าหลานจะส่งต่อความรับผิดชอบไปให้สามี ให้ตายสิเขาไม่อยากเจรจากับผู้ชายคนนี้เลย
“พรุ่งนี้ผมว่างแค่ตอนสิบโมงเช้า จะคุยได้แค่ชั่วโมงเดียวครับเพราะมีงานสำคัญทั้งวัน ไปให้ตรงเวลาด้วยก็แล้วกันครับ”
มาร์คนัดเวลาให้เลย ทั้งที่ไม่ค่อยอยากจะคุยด้วยสักเท่าไร
“ได้ครับ” ดิเรกมีแต่ต้องตกลงเท่านั้น
“ขอบคุณมากนะแบม” ดลธีที่นั่งเงียบมานานเอ่ยกับแบมแบมโดยตรง ร่างบางมองไปทางเขา ก่อนตอบกลับด้วยท่าทางเฉยเมย
“ไม่ต้องหรอกมันก็แค่การซื้อขาย”
“แต่ถ้านายไม่ยอมฉันก็ไม่มีวันได้มันคืนมา…ยังไงฉันก็ต้องขอโทษนายเรื่องที่ผ่านมาด้วยนะ..ขอโทษในหลายๆ เรื่องน่ะ”
คนท่ามากอย่างดลธีขอโทษได้แข็งกระด้างจนแบมแบมคิ้วขมวด แต่พยายามไม่ถือสา
“ช่างมันเถอะ เรื่องแย่ๆ พรรค์นั้นมันมีเยอะซะจนฉันไม่อยากจะจำ”
“ลุงก็ต้องขอบคุณแบมด้วยเหมือนกัน ขอบคุณมากนะ”
เมื่อแบมแบมไม่ตอบอะไรทั้งห้องเลยตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ดาริกาโล่งอกที่เรื่องผ่านไปด้วยดี เธอจึงอาศัยช่วงเวลานี้ยกมือขึ้นเหมือนนักเรียนขออนุญาตคุณครู
“พี่แบมคะ”
“หืม?”
“หนูขออุ้มเมเบลหน่อยได้ไหมคะ ถ้าไม่ได้ขอจับหน่อยก็ได้”
แบมแบมแปลกใจไม่คิดว่าเธอจะขออะไรแบบนี้
“อือ เอาสิ”
“ขอบคุณค่ะ!” ดาริการีบเข้าไปหานิชคุณ เธอทรุดลงนั่งคุกเข่าข้างเขาแล้วเอื้อมมือจะแตะทารกน้อยแสนน่ารักแต่นิชคุณเบี่ยงตัวหนี หญิงสาวชะงัก
“ไปล้างมือของเธอก่อน หรือไม่ก็ไปกดน้ำยาฆ่าเชื้อบนโต๊ะนั่นเลย”
นิชคุณบุ้ยปากไปทางโต๊ะวางโทรศัพท์ที่มีขวดใสแบบปั๊มบรรจุของเหลวสำหรับทำความสะอาดมือ ดาริการีบลุกไปกดน้ำยาฆ่าเชื้อ
“พี่แบมใจร้าย หนูมาตั้งนานยังไม่ได้อุ้มเลยนะ” โซมีออกอาการน้อยใจ โดนพี่ชายแย่งหลานไปไม่พอ พี่ดายังมาตัดหน้าเธออีก
“จะให้พี่ทำยังไงล่ะ เมเบลมีคนเดียวนี่นา”
โธ่ ถ้ามีลูกแฝดได้จะคลอดมาให้เลยเอ้า ใครมาเยี่ยมจะได้ไม่ต้องแย่งกันอุ้ม
“ดาจะกลับพร้อมพ่อเลยไหม” ดิเรกเห็นว่าหมดธุระแล้วก็ไม่รู้จะอยู่ต่อทำไม ไม่รู้จะคุยอะไรกับน้องสะใภ้และหลานด้วย
“อ่า..พ่อกับพี่ดลกลับก่อนเลยค่ะ ดาจะกลับหอเองค่ะ”
ดาริกานั่งพับเพียบข้างนิชคุณ จับขาน้อยๆ นุ่มนิ่มของหลานไว้ ดิเรกกับดลธีไม่ว่าอะไร บอกลาทุกคนแล้วกลับไป
“ดาอยู่ทานมื้อเที่ยงด้วยกันก่อนนะ” อังศนาเอ่ยกับหลาน ดาริกาเกรงใจ จะปฏิเสธ
“ไม่เป็น..”
“อยู่ด้วยกันก่อนเถอะ เพิ่งจะมาเอง แบมก็คงจะอยากคุยกับดาด้วย”
มาร์คอนุญาตให้เธออยู่อีกสักพัก แบมแบมเอ็นดูเธออยู่ไม่น้อย
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอรบกวนหน่อยนะคะ”
อังศนาลุกไปทำอาหารเที่ยงสำหรับทุกคน มาร์คเลยตามไปช่วยด้วย
“ถ้าว่างๆ ก็มาเล่นกับน้องได้นะดา กลับหอดีๆ ล่ะ”
แบมแบมยิ้มให้น้องสาวที่ขอตัวลากลับหลังจากทานมื้อเที่ยงกับทุกคนแล้ว
“ค่ะ ไว้จะมารบกวนอีกนะคะ ขอบคุณสำหรับมื้อกลางวันค่ะ หนูไปนะคะ”
ดาริกาโค้งให้ทุกคนก่อนจะยกมือโบกลาโซมี เด็กสาวเดินไปส่งดาริกาที่หน้าประตู โค้งลาเธอก่อนปิดประตู
“ดาริกานี่มารยาทดีจังเลยนะ” นิชคุณอดชมไม่ได้ นี่ใช่ลูกตาดิเรกจริงๆ เรอะ
“เพราะแกเป็นเด็กน่ารักนี่ล่ะแบมถึงไม่เคยรู้สึกติดลบกับแกเลย” แบมพูดแล้วปิดปากหาว น้ำตาซึม มาร์คโอบเอวภรรยาพาไปนั่งที่โซฟา
“แบม..เรื่องที่ดิเรกพูดน่ะ แม่คิดว่าจริงนะ เขาไม่ได้โกหกหรอก”
อังศนาตบก้นของหลานสาวเบาๆ กล่อมให้แกนอน แบมแบมเดินไปนั่งที่โซฟายาว กะใช้มันเป็นที่นอนกลางวัน
ลูกๆ ทั้งสี่หันมองแม่ เหมือนจะให้แม่อธิบายเพิ่มเติมว่าหมายถึงเรื่องอะไร
“เรื่องไหนเหรอครับ” แบมแบมถามพลางรับหมอนอิงจากสามีมาหนุนเตรียมนอน
“เรื่องที่เขาไปหาพ่อที่สุสาน”
“แม่รู้ได้ไง” นิชคุณสงสัย รู้สึกไม่ต่างจากทุกคน
“แม่ไปหาพ่อเขาบ่อยๆ ไปทีไรคนดูแลมักจะมาคุยกับแม่ตลอด และป้ายหลุมศพก็สะอาดสะอ้าน ดอกไม้ก็สดใหม่เหมือนมีคนไปหาพ่อก่อนแม่เสมอ แม่เลยถามคนดูแลว่าเขามาทำให้หรือเปล่า เขาบอกว่ามีผู้ชายไปหาพ่อบ่อยมาก ไปทีก็อยู่นาน บางทีก็ทั้งวัน และผู้ชายคนนั้นเป็นคนทำความสะอาดให้พ่อ เอาดอกไม้มาให้ รูปร่างลักษณะรวมถึงอายุของผู้ชายที่ผู้ดูแลบอกแม่มาตรงกับดิเรกทุกอย่าง”
สิ่งที่แม่เล่าทำให้สองพี่น้องมองหน้ากัน นิชคุณถอนหายใจเฮือก
“เรื่องจริงเหรอครับเนี่ย ผมคิดว่าเขาแสร้งทำเพื่อให้เราเห็นใจ ผมก็พยายามจับผิดเขาอยู่ตอนที่เขาพูดกับแบมแบม ถ้าเขาสำนึกผิดได้จริงๆ ก็ดีแล้วล่ะ อายุป่านนั้นแล้วก็สมควรจะคิดได้สักที ไม่ควรสร้างเวรสร้างกรรมกับใครแล้ว”
“พี่คิดเหมือนแบมเลย”
“ใช่มะ” นิชคุณดีดนิ้วเปาะ พยักหน้าหงึกหงัก
“ตอนแรกแม่ก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันเลยให้เบอร์ผู้ดูแลไว้ และบอกให้เขาโทรบอกแม่ถ้าผู้ชายคนนั้นไปหาพ่ออีก แม่เคยไปครั้งหนึ่งเห็นว่าเป็นเขาจริงๆ ก็กลับ ตอนนั้นแม่ก็ไม่รู้หรอกว่าเขาไปหาพ่อด้วยเหตุผลอะไร แต่แม่ไม่อยากเจอไม่อยากคุยด้วยเลยไม่ได้ทักน่ะจ้ะ”
“สบายใจขึ้นบ้างหรือยังล่ะแบม” มาร์คหันไปถามภรรยา แบมแบมพยักหน้า
แบมแบมพอใจนะที่ได้ยินเรื่องนี้ มันช่วยเสริมความมั่นใจให้เขาว่าเขาไม่ได้ตัดสินใจเรื่องของดิเรกผิดไป รู้สึกปลอดโปร่งและโล่งใจมากๆ
ร่างสูงอุ้มยัยหนูวัยหนึ่งเดือนไว้กับอก พยายามปลอบให้เมเบลที่ร้องไห้โยเยหยุดร้อง ตอนอยู่บ้านก็ออกจะเลี้ยงง่าย ทำไมพาออกมาข้างนอกแล้วงอแงนักนะ
“ส่งมาให้แบมมา” แบมแบมที่ถือกระเป๋าของลูกยื่นมือไปหาสามีเพื่อรับลูกมากล่อมเอง
“พี่ใจไม่ดีเลย” มาร์คส่งลูกให้แบมแบมรับไปอุ้ม จากนั้นก็รับของของลูกมาถือให้
“แกอาจจะไม่ชอบออกมาข้างนอกล่ะมั้งครับ”
แบมแบมคิดว่าอย่างนั้นมั้ง ตอนเลี้ยงอยู่ในบ้านจะมีสภาพแวดล้อมแบบหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเงียบสงบ แต่ออกข้างนอกมันมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อีกมากทั้งเสียงดังและคนเยอะ ลูกคงตกใจ ตอนครบเจ็ดวันที่พามาตรวจเลือดและตรวจสุขภาพตามหมอนัดก็เป็นแบบนี้มาทีหนึ่งแล้ว คิดว่าแกอาจจะยังเล็กเกินไปเลยไม่ชินกับสิ่งรอบตัว พอครบหนึ่งเดือนแกก็โตขึ้นมาอีกนิดแล้วนะแต่ก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่เลย
“คนดีของแม่ไม่ร้องนะ คุณพ่อจะพากลับบ้านแล้วนะคะ”
“เมเบลที่รัก งอแงจังเลย ร้องมากๆ จะเหนื่อยหรือเปล่า” มาร์คจับมือน้อย มองแก้วตาดวงใจอย่างกังวล เห็นลูกร้องไห้ไม่ยอมหยุดมาร์คก็อดห่วงไม่ได้
“เรารีบกลับบ้านกันเถอะครับ” แบมแบมเร่งฝีเท้าเพื่อพาลูกออกจากโรงพยาบาล
ไม่จำเป็นเขาก็ไม่พาลูกมาข้างนอกหรอก แม่บอกว่าเด็กเล็กยังภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่สบายง่าย เขาและพี่มาร์คเลยให้ลูกอยู่แต่ในบ้าน ใครอยากเจอต้องไปบ้านเท่านั้นไม่พาไปหาใครเด็ดขาด
แบมแบมวางยัยหนูลงบนคาร์ซีทอย่างระมัดระวังและแน่ใจว่าใส่เข็มขัดอย่างถูกวิธีแล้วจึงเดินไปนั่งคู่คนขับ มาร์คมองยัยหนูที่ครอบครองเบาะหลังคนเดียวแล้วขึ้นไปนั่งในรถ
“โอ๊ะ..น้ำตายัยหนูนี่เปิดปิดได้หรือไงกันนะ พอขึ้นรถก็เงียบเลย”
มาร์คเอ่ยกับแบมแบมเบาๆ ยัยหนูหยุดร้องไห้แล้วเหลือเพียงเสียงสะอื้นน่าสงสารดังมาเข้าหูพ่อและแม่ แบมแบมอมยิ้ม
“ดีแล้วไม่ใช่เหรอครับ ไม่ร้องน่ะดีแล้ว”
“จะแวะร้านขนมใช่ไหมครับ”
“ครับ แวะหน่อยก็ได้ แม่ให้แบมลดของหวานมาเดือนนึงแล้วแน่ะ แบมจะลงแดงตายแล้ว”
แบมแบมทำเสียงครวญครางให้น่าสงสารแต่แทนที่จะสงสารมาร์คกลับหัวเราะขำ
ตั้งแต่คลอดแบมแบมก็ไม่ได้กินของหวานเลย กินแต่อาหารที่คุณแม่ทำให้ แต่คนที่บอกว่าจะลดน้ำหนักก็คือแบมแบมเองนี่นา มาร์คก็เห็นนะว่าได้ผล ทั้งควบคุมอาหารและเลี้ยงลูกเองตลอดหนึ่งเดือนแบมแบมผอมลงจนเกือบจะเท่าเดิมแล้ว และยังจะแบ่งเวลาตอนลูกหลับเริ่มกลับมาเล่นโยคะตั้งแต่อาทิตย์ก่อนด้วย และยังบังคับให้เขาทำโยคะเป็นเพื่อนอีกต่างหาก
“อย่าตบะแตกกินจนมากเกินไปนะ” มาร์คอดเย้าไม่ได้ แบมแบมหัวเราะ
“ไม่หรอกครับ แค่พอหายอยากเท่านั้นล่ะ กินมากเดี๋ยวกลับมาอ้วนอีก กว่าจะลดได้ลำบากจะแย่”
แบมแบมเอื้อมมือไปเปิดเพลงเบาๆ คลอ ใช้กล่อมยัยหนูที่นอนข้างหลังด้วย
“พี่มาร์ค แบมมีเรื่องจะถาม”
“อะไรเหรอครับ”
“พี่ดูกังวลอะไรบางอย่างมาสักพักแล้วนะ มีอะไรก็คุยกับแบมได้นะ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า หรือว่าเรื่องงาน”
แบมแบมช่างสังเกตและเป็นห่วง แม้พี่มาร์คจะทำตัวปกติทุกอย่างแต่เขาก็เห็นว่าพี่มาร์คชอบทำหน้าเครียดตอนเผลอ
“ดูออกด้วยเหรอครับ พี่ไม่เคยปิดแบมได้เลยสินะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ระบายได้นะ”
“อืม..” มาร์คนิ่งคิดไปนิด ก่อนตัดสินใจเล่าสิ่งที่ทำให้รู้สึกว้าวุ่นมาตลอดสองอาทิตย์
“ตั้งแต่วันที่คุณดิเรกไปหาแบมที่บ้าน พี่ก็คิดมาตลอดถึงเรื่องของพี่และคุณจีอันน่ะ”
“ครับ?”
“พี่คิดถึงเรื่องเธอว่า..จะมีสักวันไหมที่พี่จะสามารถทำได้อย่างแบมบ้าง”
“พี่อยากจะให้อภัยเธอหรือครับ”
แบมแบมถามเข้าตรงประเด็น มาร์คถอนหายใจพลางพยักหน้ารับ
“พี่เหนื่อยกับการที่ต้องมีเรื่องเธอติดค้างอยู่ในใจ”
“เหนื่อยก็ปล่อยวางสิครับ”
“พี่ไม่รู้ควรจะทำยังไง แบมทำได้ยังไงเหรอครับบอกพี่หน่อยสิ” มาร์คถามกันตรงๆ
“แนะก็ได้แต่พี่จะทำได้หรือเปล่านี่สิครับ” แบมแบมอมยิ้ม
“ลองแนะมาก่อนสิ..พี่อาจจะทำได้ก็ได้นะ” มาร์คเอ่ยอย่างไม่แน่ใจในตัวเองนัก
“ในเมื่อตัดกันไม่ได้ก็ลองยอมรับดูไหมครับ”
“ยอมรับ? ยังไงครับ”
“ถึงจะยอมรับว่าเธอเป็นแม่ไม่ได้ก็ลองยอมรับว่าเธอมีตัวตนสิครับ เกลียดชังไปก็เท่านั้น เราทำอะไรไม่ได้แล้ว เราเปลี่ยนอดีตไม่ได้ ไม่แค่เราหรอกครับที่อยากจะย้อนเวลากลับไป ผมคิดว่าในตอนนี้คุณจีอันคงรู้สึกอยากจะแก้ไขสิ่งที่เธอทำผิดพลาดเช่นกัน ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ เธอและพี่ต่างก็ทำได้แค่สิ่งที่สามารถทำได้ในตอนนี้..ติดต่อเธอไปก่อนสักครั้งสิครับ”
“จะติดต่อไปเรื่องอะไรครับ พี่ไม่มีเรื่องจำเป็นที่ต้องคุยกับเธอ” เขาตัดขาดเธอไปแล้วจะให้ติดต่อกันอีกมันไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“ถ้าพี่ไม่รู้จะเริ่มยังไง..ให้ยัยหนูช่วยสิครับ”
แบมแบมหันไปมองลูกสาวที่นอนหลับปุ๋ยไปแล้ว เด็กหนอเด็ก หลับง่ายหลับดายซะจริง
“เกี่ยวอะไรกับลูกล่ะครับ”
“ยังไม่รู้จะเผชิญหน้ากันยังไงก็ให้ยัยหนูออกหน้าแทนไปก่อน ส่งรูปแกไปให้เธอดูบ้าง เธอคงดีใจมาก”
แบมแบมคิดว่าพี่มาร์คเองก็คงรู้สึกก้ำกึ่ง เวลามันก็ผ่านมาสักพักแล้ว พอได้สติและนิ่งคิดทบทวนกับตัวเองมากๆ เข้าความคิดก็ตกผลึกไปเองนั่นล่ะ
พี่มาร์คแค่ไม่อยากทำความเข้าใจจิตใจตัวเอง เพราะไม่อยากทำลายกำแพงที่ตัวเองสร้างขึ้น อาจเพราะทิฐิด้วย บางทีพี่มาร์คและคุณจีอันอาจจะมีอะไรหลายๆ อย่างที่เหมือนกันอยู่บ้างก็ได้ แต่จะเป็นอะไรเขาก็ไม่รู้หรอก
“พี่ไม่อยากทำขนาดนั้น ไม่ได้อยากให้เธอเป็นแม่หรือมายุ่งวุ่นวายกับเราและลูก พี่แค่อยากสลัดเรื่องของเธอทิ้งไปน่ะครับ”
“เธอติดอยู่ในใจพี่เพราะพี่เกลียดเธอ ถ้าทำใจให้เลิกเกลียดได้พี่จะดีขึ้นนะครับ”
“นั่นล่ะ พี่ทำไม่ได้ไงครับ”
“ทำไม่ได้ก็ต้องทำครับ จะเลิกเกลียดก็มีแต่ต้องยอมรับให้ได้ ไม่ต้องถึงกับทำใจไปชอบเธอ แค่ไม่รู้สึกอะไรเลย เฉยๆ แบบนั้นก็น่าจะพอนะ”
“แล้วจะเฉยกับเธอได้ยังไง ต่อให้พูดกันไปอีกหลายวันพี่ว่าเราก็หาข้อสรุปไม่ได้หรอก”
“ส่งข้อความไปสิครับว่าต่อจากนี้พี่จะเลิกเกลียดเธอแล้ว ยังไงก็ต่างคนต่างอยู่อยู่แล้วนี่”
“ยากจัง” แค่คิดมาร์คก็รู้สึกลำบากแล้ว
“สิ่งที่พี่อยากได้จากเธอคืออะไร ที่แบมยอมปล่อยวางเรื่องพ่อของดาได้เพราะแบมต้องการให้เขาขอโทษ พอเขาทำจากใจก็เหมือนทุกสิ่งในใจแบมมันถูกล้างออกไปด้วย พี่ต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าต้องการให้เธอทำอย่างไรพี่ถึงจะหายเกลียดเธอ พอคิดออกค่อยติดต่อเธอไป ถ้ามีเรื่องอยากถามเธอก็ถามซะให้รู้เรื่อง มีแต่ต้องคุยกันให้รู้เรื่องเท่านั้น”
เพื่อให้จบการสนทนาที่หาบทสรุปไม่ได้แบมแบมก็ชี้ทางให้ว่าควรจะทำอะไรก่อนดี
พี่มาร์คหนีคุณจีอันมาตลอด ถ้าหยุดและลองเผชิญหน้ากันสักครั้งอาจดีก็ได้ คราวก่อนที่เจอกันพี่มาร์คยังมีทิฐิ จากที่มีเรื่องของเธอติดอยู่ในใจมาตลอดหลายปีพยายามลืมอย่างไรก็ลืมไม่ได้ พอได้มาเจอกันอีกเลยทำให้พี่มาร์ครู้สึกว่าแผลเป็นมันถูกเปิดออก และก็ค้างคาใจอย่างนั้นเรื่อยมา คงยังทรมานอยู่ พอเห็นเขาหลุดจากดิเรกได้พี่เลยอยากลบเรื่องของคุณจีอันออกไปบ้าง
“พี่จะเอาไปคิดดู ขอบคุณนะแบม”
“ยินดีครับ เรื่องแค่นี้เอง ถ้าพี่หลุดพ้นจากเรื่องของเธอได้แบมก็จะได้สบายใจไปด้วย”
แบมแบมหวังว่าพี่มาร์คคงจะลบเรื่องของคุณจีอันออกไปได้ในเร็วๆ เขาอยากเห็นพี่มาร์คมีความสุขมากกว่าที่เป็นอยู่นี้
TBC.
**
มีหนังสือหลุดจองหนึ่งชุดค่ะ
สนใจรบกวนสอบถามทางเมลก่อนโอนนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทำไมคนเลวๆถึงได้รับการอภัยง่ายจัง แค่เขาสำนึกผิดก้พอแล้วหรอ สิ่งที่เขาทำมันร้ายแรงมากเลยนะ ให้อภัยง่ายดีจัง ตอนแรกก็เห็นโกธรดีอยู่หรอก ทำไมตอนนี้ง่ายจังวะ รำบากมาตั้งกี่ปี เขาแค่สำนึกผิดแค่แป็ปเดียวก็หายโกธรสะงั้น คืออะไรวะงง ทำไมนินยายส่วยใหญ่ต้องเป็นแบบนี้วะ โดนเขากระทำมาตั้งนานสุดท้ายเขาขอโทษก็ให้อภัย แถมยังญาตดีกันอีก แล้วจะโกธรทำไมตั้งแต่แรก ก้มหน้าก้มตารับกรรมไปสิ จะแค้นเขาทำไม ถ้าจะอภัยง่ายขนาดนี้
พอหมดหนี้แล้วตั้งตัวได้ก็หายเลยเนาะ -ความแค้นนี้ (อินจัด)
ไรท์อย่าทำร้ายเราแบบแน้!!!!😭😭
อย่าทิ้งเราไว้กลางทางเลยนะคะ เศร้าาาา
ดีมากค่ะชอบมากรอนะคะรอติดตามค่ะ
เป็นตอนที่อบอุ่นมาก