ตอนที่ 32 : Chapter 25 ยัยหนูชื่อ?
“วะ..ว่าไงนะ” จินยองผุดลุกขึ้นยืน ตบโต๊ะเสียงดังจนทุกคนสะดุ้ง
“แล้ว..ชายหญิงคู่นั้นอยู่ไหนหรือโซมี” ซังวูมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
จีอันร้ายนัก รอเวลาก่อนจะเลิกงานอย่างนี้เลยเหรอ นึกว่าจะยอมถอดใจกลับไปแล้วเสียอีก
แบมแบมวางมือบนแขนมาร์ค เป็นห่วงสามี ไม่รู้ตอนนี้พี่มาร์คกำลังคิดอะไรถึงได้นิ่งไป
“นั่นน่ะค่ะ” โซมีชี้มือไปทางโต๊ะที่จีอันและไบรอันนั่ง
ซังวูและจินยองหันไปมอง รวมถึงทุกคนในโต๊ะที่ต่างก็สงสัยกับท่าทางที่แปลกไปของครอบครัวต้วน
“มาร์คไม่ต้องคิดมากนะ พี่จะไปไล่ผู้หญิงคนนั้นกลับไปเอง” จินยองเอ่ยกับน้องชายแล้วจะเดินไปหาจีอันแต่มาร์คจับมือไว้
“พี่มาร์ค…” แบมแบมกังวล มองสามีที่ลุกขึ้นยืนท่ามกลางสายตาเป็นห่วงของทุกคน
“มาร์คไม่ต้องไปหรอก ปู่จะให้การ์ดมาพาออกไปเอง” ซังวูเป็นห่วงหลานนัก
“นั่นสิครับพี่มาร์ค ให้ทุกคนจัดการกันไปเถอะนะ”
แบมแบมเห็นด้วยกับคุณปู่ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมแม่พี่มาร์คต้องมาวันนี้ด้วย พี่มาร์คคงไม่คิดมากจนแย่ไปอีกหรอกนะ
“ทั้งที่ไม่ได้แจกการ์ดเชิญแต่ก็ยังอุตส่าห์มา..พี่ควรจะไปต้อนรับเธอหน่อยไม่ใช่เหรอ”
มาร์คฝืนยิ้มให้ภรรยา แบมแบมมองสบสายตาที่แฝงความเจ็บปวดเอาไว้แล้วใจไม่ดีเลย
“ถ้าพี่ไม่พร้อมเจอก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองนะครับ”
แบมแบมไม่อยากให้ไปเผชิญหน้ากันตอนนี้ มันจะเกิดผลดีกับใครหรือ เขานึกไม่ออกเลย มีแต่เกิดผลเสียกับพี่มาร์คคนเดียว
“ไม่เป็นไร” มาร์คจับมือนิ่มที่คล้องแขนตนไว้ จะแกะมือออกเพื่อไปหาแขกที่ไม่ได้รับเชิญแต่แบมแบมไม่ยอมปล่อย
“แบมไปเป็นเพื่อน” แบมแบมเอ่ยหนักแน่นว่าจะไปด้วย มาร์คพยักหน้า
จีอันค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าลูกชายเดินมาทางนี้ ในใจนั้นทั้งตื่นเต้นและกังวลกับการเผชิญหน้ากันในรอบสิบกว่าปี
“มาร์ค..” หยาดน้ำใสเอ่อคลอในดวงตาสวยของจีอัน นัยน์ตาที่เหมือนกับชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนตรงหน้าเธอไม่ผิดเพี้ยน
ด้วยความลืมตัวเธอยื่นมือไปเพื่อที่จะสัมผัสชายหนุ่มที่สง่างาม แต่มือเรียวกับแตะได้เพียงความว่างเปลาเมื่ออีกคนก้าวถอยหนีเธอไป
“แม่คิดถึงมาร์คนะ”
จีอันเอ่ยออกมาอย่างเจ็บปวดเมื่อเธอไม่สามารถไขว่คว้าจับตัวเขาได้ทั้งที่เรายืนอยู่ใกล้กันเพียงไม่กี่ก้าว มือสวยค่อยๆ ลดลงไว้ข้างตัวเหมือนเดิม
มาร์คยืนนิ่งมองหญิงกลางคนที่ยังคงรูปโฉมไว้เหมือนเมื่อหลายปีก่อนได้ไม่มีเปลี่ยน เขาไม่สามารถมองหน้าเธอได้นานนัก หัวใจบีบรัดราวกับกำลังถูกบดขยี้ด้วยมือที่มองไม่เห็น ทั้งเจ็บปวดและทรมานอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เธอเป็นคนทิ้งเขาไป..แล้ววันนี้เธอจะกลับมาอีกทำไม เธอเป็นคนที่ทำให้โลกของเขาพังทลายยับเยินด้วยความเห็นแก่ตัวของเธอเอง คำว่า แม่คิดถึง มันมีอิทธิพลกับเขามากมายนัก มันคือถ้อยคำแสนเลวร้ายที่ทำให้หายใจไม่ออกราวกับถูกหยุดลมหายใจไป
“คุณเคยบอกผมว่าคุณตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ..วันนี้คุณกลับมาทำไม”
มาร์คกลั้นน้ำตาแห่งความชิงชังเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา เขาเกลียดเธอ เกลียดมากเหลือเกิน
“มาร์คแม่ขอโทษ..ฮึก ยกโทษให้แม่เถอะนะ..นะลูกนะ” จีอันก้าวเข้าไปหามาร์คแล้วฉวยมือเขาไปกุมไว้ ขอร้องให้เขาอภัยแม้รู้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
“หยุดนะ! อย่าแตะต้องเขา” จินยองแทรกมากระชากมือจีอันออกไปแล้วเอาตัวบังน้องชายไว้ น้ำเสียงกราดเกรี้ยวดังขึ้นพร้อมสายตาไม่พอใจที่จ้องหน้าเธอ
“จินยอง..คือว่าป้า..”
“ใครเป็นหลานคุณ ผมไม่ได้นับญาติกับคุณไม่ต้องมาเรียกตัวเองว่าป้า กลับไปซะก่อนผมจะให้รปภ.มาพาคุณไป”
จินยองโกรธนัก ทำไมผู้หญิงใจร้ายคนนี้ถึงได้กล้าเสนอหน้ามาเหยียบในงานแต่งของน้องเขา ตัวเองทำอะไรไว้จำไม่ได้เลยหรือไง
“วันนี้วันแต่งงานของลูกนะ เธอมาทำลายความสุขของเขาทำไม ฉันเตือนเธอแล้วไม่ใช่หรือจีอัน”
ซังวูอยากจะบีบคอผู้หญิงตรงหน้านัก ทำไมถึงใจร้ายขนาดนี้
“เป็นคุณนี่เอง…” แบมแบมเงียบไปเพราะตกใจด้วยนึกไม่ถึงว่าคุณป้าจีอันผู้ใจดีจะเป็นแม่ที่แท้จริงของพี่มาร์ค..เขาไม่อยากจะเชื่อเลย เธอจงใจไม่บอกเขา
“แบมเคยเจอเธอเหรอ” มาร์คถามแบมแบมที่จับแขนเขาไว้แน่น แบมแบมพยักหน้า
“แบมบังเอิญเจอเธอเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน เธอรถเสียแบมเลยช่วยเธอไว้..แล้วเธอก็ขอเบอร์แบมไว้ แบมกับเธอคุยกันเรื่องยัยหนูเยอะมาก แบม..แบมไม่เคยคิดเลยว่าเธอคือแม่พี่มาร์ค”
มาร์คได้ฟังแบมแบมแล้วนึกโกรธจีอัน เขาดันพี่ชายถอยไปแล้วเผชิญหน้ากับเธออีกครั้ง
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณจำคำพูดของตัวเองไม่ได้หรือเปล่าถึงมางานแต่งของผม แต่ผมจำทุกคำพูดของตัวเองได้ดี ผมเคยบอกคุณแล้วว่าถึงไม่มีคุณผมก็อยู่ได้ และผมก็อยู่อย่างมีความสุขมากด้วย ผมจะขอพูดกับคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ..อย่ามาหาผมอีกเลย อย่ายุ่งกับครอบครัวของผม คุณต้องไม่ติดต่อแบมแบมอีก คุณเสียผมไปตั้งแต่คุณเลือกสามีของคุณคนนั้น ดังนั้นแบมแบมไม่ใช่ลูกสะใภ้ของคุณ ลูกผมก็ไม่ใช่หลานคุณ..เพราะผมไม่ใช่ลูกชายคุณอีกแล้ว”
จีอันตกตะลึง คำตัดขาดของลูกชายเป็นดั่งหนามแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจเธอจะขาดวิ่น
มาร์คหันหลังกลับโดยไม่มองเธออีก พาแบมแบมกลับไปที่โต๊ะ จีอันผวาตามแต่ถูกซังวูขวางและจับแขนทั้งสองของเธอเอาไว้
“ตั้งสติหน่อยจีอัน! เธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องนะเพราะเธอเป็นคนที่ไม่ต้องการเขาเอง!”
“ฮึก..ฮือ..ฉันขอโทษ..ฉันผิดไปแล้วค่ะคุณพ่อ ฉันผิดเอง..ฮึก..คุณพ่อกรุณา..ฮือ..กรุณาพูดกับมาร์คให้ฉันสักหน่อยเถอะค่ะ ให้เขาให้อภัยฉันสักครั้งเถอะนะคะ..ฮึก”
จีอันปล่อยโฮ ขอร้องเจ้าสัวอย่างไม่อาย จินยองทำท่าจะพูดอะไรแรงๆ แต่แจบอมห้ามไว้
“จะด่าคุณจีอันไปก็ไม่มีประโยชน์ ควรไปบอกให้ทุกคนช่วยกันปิดข่าวไม่ให้แพร่เรื่องนี้ออกไปจะดีกว่า”
แจบอมกลัวว่าจะมีคนอัดวีดิโอหรือถ่ายภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ไปเผยแพร่ จินยองเห็นด้วยกับสามี มองจีอันอย่างตำหนิแล้วเดินไปจัดการบรรดาแขกเหรื่อที่ยังอยู่กันเต็มงาน
“ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก มาร์คตัดสินใจไปแล้วเธอก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา ตอนเธอทิ้งเขาไปเขายังยอมรับการตัดสินใจของเธอและไม่เคยขอร้องอ้อนวอนสักคำ เธอทิ้งเขามานานเกินไป นานจนตอนนี้เขามีคนที่สามารถให้ความรักและดูแลเอาใจใส่เขาได้ดีกว่าเธอแล้ว เธอมีบุญคุณที่คลอดเขามาแต่ก็อย่าลืมว่าเธอเป็นคนฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็นด้วยมือเธอเอง..พาเจ้านายกลับไปเถอะ”
ซังวูเอ่ยกับจีอันและไบรอันในท้ายประโยค ชายที่เงียบมานานแตะแขนนายเบาๆ
“กลับเถอะครับ ผมเตือนคุณแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้” ไบรอันสงสารเจ้านายเหลือเกิน มาเองก็เจ็บเอง สิ่งที่เธอทำนั้นร้ายแรง ไม่ว่าใครก็ยากจะอภัยจริงๆ
อังศนามองสาวสวยที่ถูกลูกน้องประคองออกไป เห็นใจแต่ก็เข้าใจทั้งสองฝ่าย มาร์คเองก็มีเหตุผลที่จะไม่ให้อภัย ก็ได้แต่หวังว่าแบมแบมจะช่วยทำให้มาร์คลืมความเศร้าได้นะ
หลังจากส่งแขกทั้งหมดกลับบ้านแล้ว คนในครอบครัวและคนสนิทก็ยังคงอยู่ในห้องจัดปาร์ตี้กัน
ทุกคนมองไปยังเจ้าบ่าวที่ควรจะมีความสุขที่สุดในงานแต่งงานของตน แต่ตอนนี้เขากลับนั่งนิ่งไม่พูดไม่จากับใคร แบมแบมเองก็ไม่อยากรบกวนเลยแยกตัวไปขอบคุณและส่งเพื่อนๆ ที่มาร่วมงานกลับบ้าน พอเพื่อนกลับไปหมดสามีก็ยังคงนิ่งอยู่เหมือนเดิม
“พี่มาร์ค กลับบ้านกันเถอะแบมง่วงแล้วล่ะ” แบมแบมทรุดลงนั่งข้างสามี
“ครับ กลับกันเถอะ”
ทุกคนถอนหายใจอย่างโล่งอก พยายามชวนคุยอย่างไรมาร์คก็ไม่ตอบสักคำ พอแบมแบมมาก็คุยเลย
“กลับไหวไหม เราพักที่นี่กันสักคืนเถอะค่อยกลับพรุ่งนี้ พวกปู่ก็จะนอนที่นี่เหมือนกัน”
ซังวูเสนอให้หลานอยู่ที่นี่ก่อน ตน จินยอง แจบอมและหนูจินฮวานก็นอนที่เดอะแกรนด์ริชด้วย
นายอนให้กำลังใจมาร์คแล้วลากลับเพราะใกล้จะได้เวลาไฟท์กลับนิวยอร์กของเธอแล้ว
“ขอบคุณนะครับคุณนายอนที่มา ผมให้คนไปส่งนะ คุณคลาร่าล่ะครับจะกลับเลยไหมจะได้ให้คนไปส่งพร้อมกันครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแบมแบม ฉันกลับได้ เดี๋ยวจะแวะไปส่งคุณนายอนที่สนามบินให้เองไม่ต้องห่วงเลยค่ะ” คลาร่ารับอาสา เธอก็สนิทสนมกับนายอนมานาน ขามาก็มาด้วยกัน
“ขอบคุณนะครับ” แบมแบมขอบคุณคลาร่าและนายอน
พอสองสาวกลับไปแล้ว คุณเจย์และพี่ทั้งสี่ของแบมแบมขอตัวกลับเป็นกลุ่มต่อไป ตามด้วยแจ็คสันและคุณยองแจ ซึ่งหมอบอกแบมแบมว่าถ้ามาร์คไม่สบายใจยังไงก็โทรหาเขาได้ตลอดเวลาไม่ต้องเกรงใจ แบมแบมซึ้งใจจริงๆ
“แบมนอนละนะ”
แบมแบมเดินมานั่งบนเตียงและสอดตัวใต้ผ้าห่ม เขาให้พี่มาร์คอาบก่อนเพราะเขาอาบน้ำนานกว่า แต่ขนาดอาบเป็นชั่วโมงพี่มาร์คยังไม่นอนเลย
“ครับ”
แบมแบมนอนมองแผ่นหลังกว้างของคนที่ขัดสมาธิ ผ้าห่มผืนเดียวกันกองบนตัก
“พี่มาร์คยังคิดเรื่องคุณแม่อยู่เหรอ”
“ไม่ต้องเรียกเขาว่าแม่”
น้ำเสียงยามเอ่ยถึงคุณจีอันยังคงเกรี้ยวกราดอยู่เหมือนเดิมเลย
“พี่ไม่เคยเล่าเรื่องของเขาให้แบมฟังเลยใช่ไหม”
“ถ้าพี่ไม่อยากเล่าก็ไม่เป็นไร” แบมแบมไม่อยากทำให้พี่มาร์คไม่สบายใจ
มาร์คนั่งเงียบไปจนแบมแบมถอดใจว่าจะได้ยินอะไรจากสามีอีกในคืนนี้
ร่างบางขยับตัวหาท่าสบายแล้วหยิบหมอนที่มาร์คมารองท้องตอนนอนตะแคงใช้แก้ขัดแทนหมอนคนท้อง ในเมื่อยังไม่นอนแบมก็ขอยืมก่อนแล้วกัน
“คุณพ่อกับคุณจีอันแต่งงานกันเพราะความรับผิดชอบน่ะ”
จู่ๆ ตอนแบมแบมจะเคลิ้มหลับเพราะความเหนื่อยและอ่อนเพลียมาร์คก็เอ่ยขึ้นมา แบมแบมขยับตัวมองแผ่นหลังกว้าง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
“ความรับผิดชอบเหรอครับ”
“ตั้งครรภ์ในวัยที่ไม่พร้อมไงล่ะ ขนาดตอนเกิดพี่ยังเกิดมาจากความผิดพลาดเลย”
มาร์คถอนหายใจเฮือกใหญ่ แบมแบมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ยันมือไว้กับพื้นเตียงข้างหนึ่ง อีกมือจับท้องไว้
“คุณอาหญิงเคยเล่าให้พี่ฟังว่าคุณพ่อกับคุณจีอันมีเหตุผลที่อยู่ด้วยกันไม่ได้ ทั้งสองอยู่กันมาสักพักแล้วคุณจีอันก็ขอเลิก แต่เธอท้องเสียก่อน ระหว่างนั้นคุณพ่อพยายามเปลี่ยนใจเธอเพื่อให้เธออยู่ด้วยกันต่อไป พอคลอดพี่ได้อาทิตย์เดียวเธอก็ขอหย่า คุณพ่อรั้งไม่ได้ก็ไม่บังคับ ยอมให้เธอไป เธอจะเอาทรัพย์สินไปมากแค่ไหนคุณพ่อก็ยอมแต่เธอต้องทำหน้าที่แม่..ซึ่งเธอไม่เอาสมบติของเราไปสักวอน..รวมถึงตัวพี่ด้วย”
ในฐานะคนเป็นแม่ แบมแบมไม่เข้าใจการกระทำของคุณจีอันเลย ต่อให้ไม่รักพ่อของลูกแต่เธอก็ควรรักลูกบ้างไม่ใช่หรือ ทำไมเธอถึงทิ้งลูกตัวเองที่เพิ่งคลอดได้ไม่กี่วันได้ลงคอนะ..
“แล้วเธอ..ไม่เคยมาหาพี่เลยหรือครับ”
“มาสิ..มาตอนพี่สี่ขวบ..ตั้งแต่ตอนนั้นพี่ได้เจอเธอบ่อยๆ แต่เธอจะมาหาแค่หน้าประตู เอาของขวัญมาให้แต่ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นใคร พี่ถามเธอทุกครั้งว่าชื่ออะไรแต่เธอไม่บอก พี่รู้แค่ว่ามีคุณน้าใจดีมาหา เอาของเล่นมาให้ตลอด คุณปู่ก็อนุญาตให้รับไว้ได้ ตลอดหลายปีที่เธอทำอย่างนั้นมันเกิดความผูกพัน พี่เก็บของของเธอไว้ทุกชิ้น เธอจะอ้างว่าซื้อให้ลูกเลยซื้อมาให้พี่ด้วย มันเป็นอย่างนั้นเรื่อยมาจนพี่อายุสิบสาม วันที่พี่ได้รู้ความจริงว่าเธอเป็นแม่คือวันที่เธอมาบอกคุณปู่ว่าขอร้องให้บอกพี่ว่าแม่ตายไปแล้ว..
เธอพูดอย่างนั้นเพราะอะไรรู้ไหม เพราะเธอกำลังจะแต่งงานใหม่และไม่อยากให้สามีใหม่รู้ว่าเคยมีลูก พี่ไม่เข้าใจเลยว่าเธอคิดอะไรอยู่ ถ้าเธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอมีพี่แล้วทำไมต้องมาหาพี่ตลอดสิบปีด้วย..มันไม่ใช่เวลาน้อยๆ เลยไม่ใช่เหรอ ตอนนั้นพี่ยังเด็ก พี่เคยคิดว่าชอบเธอแต่ไม่ใช่ พี่รักเธอ พี่เอาเธอเป็นตัวแทนของแม่..แต่เรื่องมันกลับพลิกกลายเป็นว่าเธอคือแม่ที่แท้จริงของพี่เอง”
มาร์ครู้สึกแย่มาก ความทรงจำครั้งนั้นมันเลวร้ายจริงๆ
แบมแบมนึกไม่ออกหรอกว่าพี่มาร์คต้องเผชิญเหตุการณ์เหล่านั้นมาด้วยความรู้สึกทนทุกข์เพียงใด แต่แค่ฟังเขายังเจ็บปวดไปด้วยเลย
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่าคิดมากเลยนะ” มือทั้งสองของแบมแบมลูบบ่ากว้างไล่ลงไปที่ต้นแขน และทำซ้ำอย่างนั้นไปมาพร้อมให้กำลังใจไปด้วย
“ครับ” มาร์คฝืนยิ้มให้ภรรยา ทาบมือลงบนมือนิ่มที่วางบนบ่าของตนแล้วบีบเบาๆ รู้สึกดีขึ้นที่มีแบมแบมอยู่ด้วยกัน
“แม่ทำอะไรเหรอคะ” เด็กสาวเดินมาหาแม่ที่กำลังพิมพ์อะไรบางอย่างในคอมพิวเตอร์
“อ่อ แม่กำลังหาข้อมูลตามที่พี่คุณกับพี่แบมให้มาอยู่น่ะจ้ะ”
“ข้อมูลอะไรเหรอคะ” โซมีวางมือถือลงบนโต๊ะแล้วนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามแม่
“แม่ว่าจะขยายงานน่ะ จะทำผลิตภัณฑ์ในไร่ส่งขายเพิ่ม”
“ว้าว ยอดไปเลยค่ะ แต่แม่จะทำไหวเหรอ งานมันจะหนักไปไหม” โซมีตื่นเต้นที่เราจะมีรายได้มากขึ้น แต่งานเพิ่ม เงินเพิ่ม ก็เหนื่อยเพิ่ม
“ไว้รอแม่กับพี่ๆ เราวางระบบงานใหม่ให้ดีก่อนจ้ะ เราค่อยประกาศรับสมัครงาน”
“อ๋อ มีอะไรให้หนูช่วยไหม”
“ตอนนี้ยังไม่มีจ้ะ มีเมื่อไรจะบอกนะ แล้วคุยกับพี่แบมว่าไงบ้าง”
“สบายดีค่ะ พี่แบมบ่นอึดอัดนิดหน่อย น้องดิ้นบ่อย นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เที่ยวกันซะเพลินเลย แม่ดูสิคะ สวยๆ ทั้งนั้นเลยอ่า หนูอยากไปบ้าง พี่แบมบอกว่าปิดเทอมจะพาไปล่ะ”
โซมีเปิดรูปที่พี่ส่งมาให้แม่ดู อังศนาละจากคอมพิวเตอร์แล้วรับมือถือลูกมาเลื่อนดูรูป
“บรรยากาศสวยจริงๆ ด้วยนะจ๊ะ”
“ใช่ม้า น่าไปเที่ยวเนอะ”
“พี่เขาบอกแล้วเหรอว่าจะพาไป”
“ก็ใช่น่ะสิคะ แต่พี่บอกว่าคราวนี้ก็เอาแต่ของฝากไปก่อน”
“แล้วขออะไรไปล่ะจ้ะ ที่นั่นมีอะไรน่าซื้อบ้าง เสื้อผ้า กระเป๋า หรือว่ารองเท้า”
“ช็อกโกแลตค่ะ แล้วก็ขนมอร่อยๆ พี่แบมบอกว่าของหวานที่นั่นก็อร่อยนะ หนูเลยขอให้พี่เขาซื้อมาฝากบ้าง แค่คิดก็น้ำลายจะไหลแล้วนะคะเนี่ย”
เด็กสาวเอามือประคองแก้มทั้งสอง หลับตาพริ้มคิดไปถึงของที่จะได้กินในอนาคต ทำหน้ามีความสุขไปล่วงหน้าแล้ว
อังศนาหลุดขำ ลูกเธอแต่ละคนนี่เรื่องกินเรื่องใหญ่มาก ชอบกันที่สุด
“โธ่เอ๊ย คิดได้แต่เรื่องของกินหรือไงเราน่ะ”
“ชีวิตนี้จะได้กินขนมต่างประเทศสักกี่ครั้งกันเชียวคะ มีโอกาสก็ต้องลองสิคะ เราเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศกันบ้างดีไหมคะ เอาใกล้ๆ แล้วตะเวนชิมของอร่อยให้พุงกางกันไปเลย”
“เอาสิจ๊ะ อยากจะไปไหนล่ะ ต้องหาวันเวลาที่พี่ๆ เขาว่างด้วย”
“หนูสอบปลายภาคตอนมิถุนาแล้วก็ปิดเทอมฤดูร้อน พี่เขาจะไปกันได้หรือคะ หรือว่าจะไปตอนปิดเทอมฤดูหนาวดีล่ะคะ”
“ถึงหนูจะปิดเทอมหน้าร้อนแม่ว่าคงไปไม่ได้หรอกนะ กำหนดคลอดพี่แบมเดือนสิงหา ตรงกับช่วงปิดเทอมหนู แม่ว่าถ้าจะไปก็คงต้องรอปลายปี แต่ต้องดูอีกว่าหลานเดินทางได้หรือยัง”
“พูดถึงหลานแล้วอยากให้คลอดเร็วๆ จังเลยนะคะ แกต้องน่ารักมากแน่เลย อยากรู้ชื่อด้วย พี่เขายังตั้งชื่อไม่ได้เลยล่ะค่ะ” โซมีตื่นเต้น เธอจะเป็นคุณน้าโซมีแล้วนะ
“นั่นสินะจ๊ะ” อังศนาว่าอย่างไรหลานก็ต้องออกมาน่ารัก แต่ขอให้แข็งแรงปลอดภัยทั้งแม่และลูกก็พอแล้วล่ะ
ร่างสูงเดินไปตามพื้นที่ถูกยกระดับขึ้นเป็นลานกว้างยื่นออกมาจากตัวบ้าน ถมพื้นที่ด้านหลังเป็นสวนเล็กและใส่ลูกเล่นคือบันไดวนสวยงาม ชั้นบนสุดของบันไดคือมุมที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ยามเช้าได้สวยที่สุด และมีอีกคนนั่งเล่นอยู่ที่เก้าอี้ตัวนุ่มบนนั้นแล้วด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่หมอ ปกติดีทุกอย่างนะ”
<เหรอ ดีแล้วล่ะ พี่เป็นห่วงน่ะเลยโทรไปกวนบ่อยๆ พี่บอกให้มาร์คโทรหาบ้างเขาก็ไม่โทรเลยเนี่ย โทรไปก็ไม่รับ น่าเตะนัก>
“แบมจะบอกให้นะครับว่าพี่อยากคุยด้วย อ่า พี่มาร์คมาพอดีเลยครับ”
แบมแบมรับปากหมอแล้วมองไปเห็นสามีเดินมาพอดี มาร์คมองเป็นเชิงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
“พี่หมออยากคุยด้วยครับ” แบมแบมยื่นโทรศัพท์ไปให้สามีที่ก้าวมาใกล้ๆ
“มีอะไรหมอ” มาร์คนั่งลงข้างภรรยาแล้วคุยกับปลายสาย
<เป็นห่วง ฉันบอกให้นายมาหาหลังงานแต่งไม่ใช่เหรอ นี่หนีไปฮันนีมูนซะได้ จะไปเที่ยวก็ไม่ว่าหรอก แต่โทรมาคุยหรือปลีกตัวหาเวลามาหาสักชั่วโมงสองชั่วโมงไม่ได้หรือไง>
“ทำไมต้องไปด้วย ไม่ได้เป็นอะไรแล้วสักหน่อย”
<ติดตามอาการไง เกิดเรื่องช็อกทั้งงานขนาดนั้นนายยังเฉยได้อยู่อีกหรือ นี่รู้สึกเศร้าซึมอะไรบ้างไหม เล่าให้ฟังหน่อยสิมาร์ค>
“เศร้าแค่คืนนั้นคืนเดียวนั่นล่ะ พอนอนหลับตื่นมาฉันก็พยายามลืมๆ ไม่คิดถึง”
<ทำได้จริงๆ เหรอ>
“แน่นอน ฉันมีแบมแบมอยู่ด้วยจะเอาเวลาไปคิดถึงคนอื่นทำไม”
<ดีใจนะที่ได้ยินอย่างนี้ ฉันกลัวว่าเรื่องคุณจีอันจะทำให้นายเสียศูนย์ซะอีก กลัวจะเหมือนครั้งแบมแบมที่นายทรุดเร็วมากเลยน่ะ>
“นายคิดผิดแล้วแจ็คสัน คุณจีอันกับแบมแบมมีความสำคัญกับฉันไม่เท่ากันเสียหน่อย มันก็จริงอยู่ที่ฉันยังเจ็บปวดกับการกลับมาของเธอ..แต่มันเป็นเพียงความแค้น ความชิงชัง หมดสิ้นเยื่อใยและความผูกพันกันไปหมดแล้ว ถ้าฉันปล่อยวางได้ก็คงจะดีขึ้นเอง ซึ่งตอนนี้กำลังพยายามอยู่ ถ้าไม่เห็น ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกัน ฉันก็จะเป็นปกติของฉันแบบนี้นั่นล่ะ”
<เพราะมีแบมแบมหรือเปล่านะ นายถึงทำใจได้เร็วขนาดนี้ ฉันคิดว่าเพราะแบมแบมและลูกเป็นหลักยึดให้นายแน่เลย>
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
มาร์คหันมองคนที่มองมาเช่นกัน เอื้อมมือไปจับมืออีกฝ่ายที่วางบนตัก สอดนิ้วประสานเข้าด้วยกัน
“ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้สิ่งที่โหยหามาตลอดแล้วน่ะ คุณจีอันจะกลับมาหรือไม่กลับก็ไม่มีค่าอะไรกับฉันแล้ว”
<แน่ใจนะ>
“อือ ขอบใจที่เป็นห่วงนะหมอ นายไม่เคยทิ้งฉันเลยจริงๆ นะเนี่ย” มาร์คหัวเราะน้อยๆ
<เห็นกันมานานมากจนจะเสนอตัวเป็นเมียให้อยู่แล้วนะ ดีที่นายเจอแบมแบมก่อน>
“อ่า..ขนลุกไปหมดแล้ว” มาร์คหลุดหัวเราะเสียงดังกับคำล้อเล่นของหมอ
แบมแบมมองอย่างสนใจ อยากรู้ไปด้วยว่าคุยอะไรกันพี่มาร์คถึงหัวเราะดังขนาดนี้ แต่หัวเราะได้ก็ดีแล้วล่ะนะ
<ถ้านายยืนยันว่าสบายดีฉันก็ไม่รบกวนแล้ว อย่าลืมของฝากนะ บาย>
“อืม ไม่ลืมหรอก”
“พี่หมอเขาเป็นห่วงพี่มากนะครับ” แบมแบมเอ่ยขึ้นเมื่อมาร์ควางสายแล้ว
“เรารู้จักกันมานานเหมือนคนในครอบครัวแล้วน่ะเขาเลยห่วงพี่มากเป็นพิเศษ แต่หมอก็เป็นคนขี้ห่วงมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะนะ”
ถึงหมอจะชอบกวนประสาทเขาบ่อยๆ ก็เถอะ
“แล้ว..เรื่องคุณจีอัน พี่ไม่เป็นไรแล้วแน่เหรอครับ” แบมแบมถามเสียงเบา เขาอยากถามเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว แต่เห็นพี่มาร์คไม่พูดเขาเลยไม่ถาม
“เป็นสิ” แบมแบมแปลกใจที่พี่มาร์คยอมรับออกมาตามตรง
“ถึงพี่เกลียดเธอแต่ลึกๆ แล้วพี่ยังต้องการความรักจากเธอนะ ไม่มีใครไม่อยากได้รับความรักจากแม่หรอกใช่ไหม แต่พี่กลัวน่ะแบม ถ้าพี่เปิดใจรับเธออีกเธอจะทิ้งพี่ไปอีกหรือเปล่า พี่เลยคิดว่าอยู่ต่อไปแบบนี้ก็ดีนะ เกลียดเธอต่อไป ไม่รู้สิแบม ถ้ายัยหนูคลอดพี่อาจจะรู้สึกถึงความเป็นพ่อแม่มากกว่านี้แล้วให้อภัยเธอได้ แต่ตอนนี้น่ะพี่ยังทำใจไม่ได้ พี่คิดไม่ออกเลยนะว่าจะมีเรื่องอะไรทำให้พี่ทิ้งยัยหนูไปได้ พี่เลยไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอทำ และเพราะแบบนี้พี่ถึงไม่ให้อภัยไงล่ะ”
“คำถามนั้นแบมก็ถามตัวเองเหมือนกัน แต่เรื่องผ่านไปแล้ว พี่พร้อมเมื่อไรก็ลองให้อภัยดูสิครับ เมื่อก่อนเธอคงทำไปโดยไม่นึกถึงผลข้างหน้า แต่เวลานี้เธออายุมากแล้วคงคิดได้แล้วล่ะ”
“พี่ว่าคงเป็นแค่ความรู้สึกผิดในใจเท่านั้น เธอเองก็มีลูกใหม่ไปแล้ว จะมารักอะไรกับเด็กที่เธอทิ้งไปตั้งเป็นสิบปี”
“พี่ก็ยังตามข่าวคุณจีอันอยู่นี่ครับ” แบมแบมพูดยิ้มๆ มาร์คถอนหายใจ มองไปทางอื่น
“เปล่าสักหน่อย สามีคุณจีอันเป็นนักธุรกิจที่ดังมากเหมือนกันนะ เรื่องของเขาก็เคยผ่านเข้าหูของพี่มาบ้าง”
มาร์คน่ะหรือจะติดตามสนใจเรื่องของจีอัน ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเธอด้วยซ้ำ
“อย่างนั้นพี่มาร์คก็มีน้องน่ะสิครับ”
“เปล่าหรอก ลูกใหม่ของเธอเป็นลูกติดสามีน่ะ เธอไม่มีลูกกับสามีใหม่”
“เพราะเธอไม่มีลูกเองหรือเปล่าครับถึงได้คิดถึงพี่ขึ้นมา ลูกเลี้ยงจะเหมือนลูกตัวได้ยังไง ต่อให้เธอจะรักและเลี้ยงดูอย่างดีเหมือนลูกแท้ๆ แต่ก็ไม่ใช่เลือดในอกของเธออยู่ดี”
“จะมาเสียดายตอนนี้ไม่ช้าไปหน่อยหรือ”
“ถ้าเธอสำนึกผิดได้จริงๆ พี่ค่อยลองคิดดูอีกทีก็ได้นี่ครับ”
“เรื่องนั้นเอาไว้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกันครับ”
“อื้อ โอ๊ะ..” แบมแบมร้องเบาๆ แล้วก้มมองท้อง ปฏิกิริยาคุณแม่ทำให้คุณพ่อมองตาม
“ยัยหนูดิ้นแล้วเหรอ”
ไม่ว่าจะกี่ครั้งมาร์คก็ยังตื่นเต้นเหมือนครั้งแรกที่อยู่กับยัยหนูตอนแกดิ้น มาร์คขยับหันไปหาแบมแบมแล้ววางมือลงบนท้อง เลื่อนมือหายัยหนู และคงจะไม่พอใจถึงกับลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นแล้วเอาหูมาแนบท้องเพื่อคุยกับลูกไปด้วย
“ทำไมลูกสาวดิ้นนิดเดียวเอง หรือว่าแค่หลับแล้วสะดุ้งกันนะ” มาร์คพึมพำ
แบมแบมวางมือลงบนไหล่กว้าง ลูบไปมาผ่านเสื้อเชิ้ตเนื้อดี รู้สึกดีที่พี่มาร์ครักและเอ็นดูยัยหนูขึ้นทุกวัน
“พี่คิดชื่อลูกได้อีกชื่อแล้วล่ะ” คนที่นั่งกอดเอวที่เริ่มจะหาไม่เจอของแบมแบมเงยหน้าขึ้นคุยด้วยพร้อมรอยยิ้ม
“ภาษาไหนครับ”
“อังกฤษน่ะ ชื่อน่ารักด้วยล่ะ”
แบมแบมหัวเราะคุณพ่อขี้อวด ถ้าจะมีอะไรทำให้หลงรักท่านได้มากขึ้นก็คงการเป็นผู้ชายที่ดูแลเขาอย่างดีและเป็นคุณพ่อที่น่ารักนี่ล่ะ
“ชื่ออะไร บอกหน่อยสิครับ”
“พี่ลองเอาชื่อพี่กับแบมมาผสมกันดูน่ะ พ่อมาร์ค แม่แบมแบม ลูกเมเบล”
“เมเบล..น่ารักจังครับ แบมชอบจัง ออกเสียงเพราะดี แปลกหูดีด้วยนะ”
“Mabel แปลว่าคนสวย ยัยหนูเมเบลคนสวยของพ่อมาร์คไงล่ะ”
นิ้วเรียวนั่นเขียนชื่อลูกบนท้องกลมช้าๆ จนแบมแบมจั๊กจี้
“รู้ได้ยังไงครับว่าสวย”
“ลูกสาวต้องเหมือนแม่สิครับ”
“พ่อแม่หน้าตาดีลูกมักจะไม่น่ารักนะ” แบมแบมหมั่นไส้คนที่มั่นใจจังเลย
“เอาทฤษฏีนั้นมาจากไหนกันครับ ลูกสาวพี่ต้องน่ารักที่สุด น่ารักกว่าเด็กทุกคนในโลกนี้เลย โตมาก็ต้องสวยมากๆ”
แบมแบมขำเสียงดังอย่างอดไม่อยู่ เขาว่าตัวเองก็รักหลงยัยหนูในท้องนี่มากแล้วนะ แต่ท่าทางจะสู้พี่มาร์คไม่ได้เลย
“ถ้าลูกสวยก็ต้องมีคนมาจีบน่ะสิครับ ยอมเหรอ” แบมแบมลองกระเซ้าแหย่ดู สีหน้าพี่มาร์คเปลี่ยนทันทีเลย
“พี่จะจ้างการ์ดคอยตามทั้งวันทั้งคืนเลย”
บ้าไปแล้ว ลูกยังไม่ทันจะคลอดเลยนะ
“ไว้หนวดเอาไว้ขู่หนุ่มๆ ด้วยนะ” แบมแบมเอ่ยกลั้วหัวเราะ
“ได้ ไม่เป็นไร ถึงพี่ไว้หนวดหวงลูกสาวพี่ก็ยังหล่ออยู่ดีนั่นล่ะครับ”
“คนหลงตัวเอง”
“พี่ไม่ได้หลงตัวเองนะ”
“ยังจะมาแก้ตัว” ได้ยินอยู่ชัดๆ คนอะไรชมตัวเองได้หน้าตาเฉย ถึงจะหล่อจริงๆ ก็เถอะ
“พี่ไม่ได้หลงตัวเองจริงๆ นะครับ พี่หลงแบมมากกว่า”
แบมแบมฟังแล้วอ่อนใจนัก แต่ถึงอย่างนั้นรอยยิ้มกว้างก็ยังแต่งแต้มใบหน้าหวานอยู่ดี
“โอเค..เราไปหาอะไรกินกันดีกว่า แบมหิวละ”
“เขินพี่เหรอครับ” คนถามยืดตัวขึ้น แบมแบมหันหน้าหนีตาคมที่ส่งสายตาอบอุ่นมาให้
“เปล่า แบมแค่หิวข้าว”
“ทำไมเปลี่ยนเรื่อง” มือสวยจับคางอีกคนให้หันมา แบมแบมตีมือเพียะ
“บอกว่าเปล่าไงครับ”
“ฮะฮะ โอเคๆ อยากกินอะไรล่ะครับ” มาร์คขยับตัวจะลุกขึ้นแต่ก่อนลุกก็จูบที่ริมฝีปากอิ่มไปหนึ่งทีเบาๆ
“อะไรก็ได้ที่อร่อย”
“โธ่ นี่พี่ต้องคิดให้อีกแล้วเหรอ” มาร์คดึงแขนคนที่ยื่นมือมาให้จับเพื่อฉุดให้ลุกขึ้น
“คิดแล้วลองเสนอมาสิครับ”
“ถ้าคิดแล้วแบมไม่อยากกินสักอย่างเลยล่ะ”
“ก็คิดไปจนกว่าแบมจะถูกใจนั่นล่ะครับ”
“เอาอย่างนั้นเลยเหรอ”
“นี่แบมไม่ได้แกล้งนะ แบมพูดจริง”
มาร์คหัวเราะเบาๆ แล้วโอบไหล่คุณแม่พาไปกินของอร่อยที่เจ้าตัวบ่นอยากจะกิน ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะกินอะไรก็เถอะนะ
“นะ? ขอร้องล่ะ”
นิชคุณมองเจ้านายควบสถานะแฟนที่มายืนกุมมือขอร้องด้วยท่าทางที่เจ้าตัวคงคิดว่ามันน่ารัก
เออ ก็น่ารักนั่นล่ะนะ
“ไม่”
ยูคยอมชะงักเมื่อแฟนแก่ปฏิเสธกันทันทีโดยไม่เสียเวลาคิด
“นิชคุณ!”
“ทำตัวน่ารักได้ไม่กี่นาทีจริงๆ นะ” นิชคุณบ่น ดันยูคยอมให้ถอยไปจากวิถีจอทีวี ยูคยอมเซไปแล้วขยับมาขวางใหม่ ตรงไปกระชากคอเสื้อยืดย้วยของอีกคนแล้วเขย่า
“คุณช่วยฉันหน่อยสิ! อย่างกนักเลยน่า”
“ขี้เกียจ” นิชคุณตอบนิ่งๆ ดึงมือยูคยอมออก เสื้อเก่ายังมากระชากเดี๋ยวได้ขาดกันพอดี
“พี่นิช..” ยูคยอมเบะปาก บีบน้ำตา ก่อนน้ำตาจะหยดก็หน้าหงายเมื่อนิชคุณใช้มือผลักหน้าผากอย่างแรง
“โอ๊ย ซาดิสม์ คุณใจร้ายกับฉันมากเลย ทำไมก่อนเป็นแฟนกับหลังเป็นแฟนมันไม่ต่างกันเลยล่ะ”
ยูคยอมผิดหวังหน่อยๆ มีแต่ยูคยอมใช่ไหมที่คิดไปว่าพอเป็นแฟนกันเลขาปากจัดจะอ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษกับตนบ้าง
“ผมเป็นคนแบบนี้คุณจะให้เป็นแบบไหนเล่า อย่าเรื่องมาก ไม่สอนคือไม่สอน อยากได้ไปซื้อเอา”
นิชคุณดูทีวีพร้อมหยิบข้าวโพดจากชามแก้วเข้าปาก ยูคยอมถอนหายใจ
“ฉันแค่อยากทำอะไรให้คุณแม่บ้าง ตอนแรกตั้งใจว่าจะสั่งเค้กจากร้านดังเอาให้อลังการสมกับเป็นวันเกิดคุณแม่แต่มันนึกแวบขึ้นมาว่าอยากทำให้เองน่ะ”
“ทำไมไม่ไปเรียนตามโรงเรียนสอนทำอาหาร”
คุณหนูจะเรียนคอร์สแพงแค่ไหนก็ได้นี่
“ไม่ได้จริงจังขนาดนั้น อยากทำในโอกาสพิเศษ แบบนานๆ ทำทีไม่ได้จะเรียนเพื่อทำได้ทุกวัน เข้าใจมะ”
ยูคยอมทำมือประกอบคำอธิบาย ถ้านิชคุณพูดไม่เข้าหูอีกจะบีบคอแล้วนะ
“จะทำเค้กอะไรนะ” นิชคุณเกาหัว จู่ๆ ยูคยอมก็เอางานยากมาให้เขา เรื่องเค้กหรือเบเกอรี่นี่ต้องไอ้แบมนะ เขาทำไม่ค่อยอร่อย ลืมสูตรของแม่ไปหมดแล้ว
“ยอมช่วยแล้วเหรอ?”
“รำคาญ ถ้าไม่ยอมคุณก็ต้องมาเซ้าซี้กระเง้ากระงอดอยู่ใกล้ๆ หูอีก”
คนที่ตอนแรกมีรอยยิ้มกลับไปเบะปากอีกเมื่อโดนว่า ใช่สินะ เขามันน่ารำคาญ
นิชคุณลุกไปที่ครัวเพื่อดูว่าแบมแบมทิ้งของสำหรับทำขนมอะไรไว้บ้าง พอลงมือค้นดูตามตู้เขาพบว่ามีแค่อุปกรณ์แต่วัตถุดิบไม่มีเลย
ร่างสูงเดินมาหยิบกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์มือถือแล้วไปเอาเสื้อแขนยาวที่แขวนไว้กับราวใกล้ประตู ยูคยอมรีบลุกขึ้นยืน
“เราจะไปซื้อของกัน” นิชคุณบอกสั้นๆ แล้วนั่งลงสวมรองเท้า ยูคยอมอมยิ้ม
“ใจอ่อนแล้วเหรอ”
“บอกว่ารำคาญไง”
“อ่อ รำคาญเนาะ” ยูคยอมลากเสียงล้อจนโดนสายตาดุตวัดฉับ ยูคยอมรีบยกมือปิดปาก
ยูคยอมเข็นรถเข็นเดินตามนิชคุณในแผนกซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่เคยมาเดินเลย
ถ้าต้องมาห้างสรรพสินค้าก็มาซื้อแค่เสื้อผ้า รองเท้า หรือไม่ก็กระเป๋า ไม่เคยมาซื้อของทำอาหารหรอก
“ไอ้เค้กอลังๆ น่ะผมทำไม่เป็นหรอกนะ เอาเค้กธรรมดาแล้วกัน ได้หรือเปล่า”
“ได้สิ ขอแค่อร่อยก็พอแล้ว”
“ถ้าคุณเป็นคนทำก็ไม่รู้ว่าสูตรที่อร่อยมันจะกลายเป็นไม่อร่อยหรือเปล่านี่สิ”
นิชคุณเปรยเบาๆ ไม่แน่ใจว่าพูดจริงหรือแค่ล้อเล่น แต่นั่นก็ทำให้โดนแฟนฟาดไปหลายทีเลยทีเดียว
“ซี้ด เจ็บนะ!” นิชคุณปัดมือขาวออกแล้วหยิกแก้มจนยืดเพื่อเอาคืน
“อ่อยอ๊ะ!”
“มือไวนัก เอาเป็นว่าผมจะพยายามสอนคุณให้ได้มากที่สุดแล้วกัน ถ้าถึงวันงานคุณแม่แล้วคุณยังทำไม่อร่อยผมจะทำให้เอง ตกลงไหม”
“เย้! พูดแล้วห้ามคืนคำนะ ฉันไม่ไปสั่งเค้กร้านดังเผื่อไว้หรอกนะรู้ไหม”
“ไม่ต้องไปสั่งให้มันเปลืองเงินหรอก ของแค่นี้เอง”
“แต่ว่า..คุณทำอร่อยใช่ไหม ไม่ใช่ว่าทำได้แค่อาหารคาวหรอกนะ?”
ยูคยอมเคยกินแต่อาหารที่นิชคุณทำ ขนมยังไม่เคยกินสักที
“ไม่มั่นใจแต่จะลองดูน่า” นิชคุณหยิบถุงแป้งเค้กลงจากชั้น จากนั้นมองรายการของที่โน้ตเตือนความจำไว้ในโทรศัพท์มือถือ
“คุณอย่าพูดว่าลองสิ หรือฉันจะไปขอให้แบมแบมสอนดีนะ เขาทำขนมอร่อยมากเลย”
“ถ้าแบมแบมมันว่างน่ะนะ”
“งั้นก็ไม่ต้องไปรบกวนแบมแบมหรอก กวนคุณนี่แหละดีที่สุดแล้ว”
“จ้าๆ ผมมันเป็นทาสคุณนี่นะเจ้านาย”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว” ยูคยอมหัวเราะคิก นิชคุณอมยิ้ม
นอกจากวัตถุดิบสำหรับทำขนมนิชคุณซื้อของสำหรับทำอาหารด้วย มียูคยอมมาเดินซื้อของด้วยไม่ต่างจากมีเด็กมาเดินด้วยเลย ต้องคอยสอนตลอดว่าควรจะเลือกของยังไง ซื้อของที่นอกเหนือความตั้งใจไปตั้งหลายอย่างเพราะยูคยอมอยากกินและขอให้เขาทำให้
“เออคุณ ภายในเดือนนี้คุณเปิดรับสมัครเลขานุการใหม่ด้วยนะ”
นิชคุณเอ่ยกับยูคยอมระหว่างรอสัญญาณไฟจราจร ยูคยอมหันมอง นึกว่าหูฝาดหรือไม่ก็นิชคุณพูดเล่น
“ทำไมต้องรับคนใหม่ล่ะ? หรือว่าคุณจะรับข้อเสนอคุณพ่อ จะไปทำงานกับท่านเหรอ”
“เปล่า ผมจะกลับไปทำงานกับแม่น่ะ”
“อะไรนะ! คุณจะกลับบ้านเหรอ?”
“อือ ผมจะไปทำฟาร์มแทนแม่น่ะ”
“หมายความว่าคุณจะย้ายกลับไปทัมยางเหรอ ย้ายไปถาวรเลยน่ะนะ?” ยูคยอมยังตั้งตัวไม่ทัน จู่ๆ ก็มาบอกกันอย่างนี้
“อื้อ ผมจะย้ายกลับไปอยู่บ้านน่ะ”
“ถ้าคุณกลับทัมยาง แล้วฉันล่ะ” ยูคยอมหน้าเสีย รู้สึกใจหายเหมือนกำลังจะโดนทิ้งเลย
“คุณทำไมล่ะ”
“เราจะต้องเลิกกันเหรอ”
“ทำไมเราต้องเลิกกัน?”
“อ่าว! อยู่ไกลกัน ไม่ได้เจอกัน ไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเลย มันจะเรียกว่าคบกันเหรอคุณ..โอ๊ย”
ยูคยอมผงะเมื่อโดนดีดหน้าผาก
“นี่คุณ เราไม่ได้อยู่ในยุคหินก่อนประวัติศาสตร์นะ สมัยนี้เทคโนโลยีมันไปไกลขนาดไหนแล้ว ทำหน้าอย่างกับเราอยู่ไกลกันคนละซีกโลก ตอนผมกลับไปบ้านช่วงแรกๆ คุณอาจจะยังไม่ชิน แต่สักพักเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น”
นิชคุณปลอบใจคนที่ทำสีหน้าไม่สู้ดี
“ฉันรู้ว่ามันไม่ไกลกันมาก แต่คุณจำเป็นต้องรีบกลับด้วยเหรอ ทำไมไม่ทำงานกับฉันอีกสักปีสองปีล่ะ”
ยูคยอมไม่อยากให้นิชคุณกลับไปทัมยาง กลัวการที่จะไม่ได้เจอกันอีก
“ผมมีเหตุผลอยู่สองข้อที่ทำให้ผมตัดสินใจไปและผมก็อยากจะให้คุณรับมันให้ได้ด้วย”
“อะไรเหรอ”
“ข้อแรก ผมจะกลับไปดูแลแม่ หลังจากแม่ป่วยผมก็คิดมาตลอดว่าอยากมีเวลาดูแลท่าน ผมกับแบมคุยกันตลอดเลยว่าเราน่าจะให้แม่เลิกทำงานสักที ถึงจะรักษาโรคหัวใจแล้วและท่านสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ในความรู้สึกของลูก ถ้าทำได้เราก็ต้องการให้ท่านพักผ่อนสบายๆ มากกว่า ไม่ผมกับแบมแบมต้องมีใครสักคนดูแลแม่บ้าง
แม่มีโซมีอีกคนก็จริงแต่อีกไม่กี่ปีน้องต้องไปเรียนต่อที่อื่น แล้วจากนั้นแม่จะอยู่กับใครล่ะ ถ้าจะกลับบ้านผมก็ต้องเริ่มตอนนี้เลย แบมน่ะจะพาแม่มาอยู่ที่โซลด้วยซ้ำจะได้คอยดูแลได้ แต่เราก็ทิ้งคนงานที่นั่นไม่ได้อยู่ดี ไม่มีแม่คนงานจะอยู่ยังไง เมื่อกิจการต้องดำเนินไปต่อ มันก็ต้องมีคนทำแทน แบมไปอยู่กับแม่ไม่ได้หรอกเพราะมีสามีและลูกต้องดูแลที่นี่เหมือนกัน ดังนั้นก็เหลือแค่ผมที่ต้องกลับไป”
“อืม..ข้อนี้ฉันเข้าใจ แล้วเหตุผลข้อที่สองล่ะ” ยูคยอมเข้าใจดีว่าพี่น้องภูวกุลรักแม่มากขนาดไหน พี่มาร์คเองก็เคยพูดให้ฟังบ่อยๆ
“ข้อที่สอง ผมทำเพื่อคุณ”
“อะไรนะ..เพื่อฉันเหรอ? หมายความว่ายังไงน่ะ” ยูคยอมนึกไม่ถึง การที่เราต้องอยู่ห่างกันมันคือการทำเพื่อเขาตรงไหนกันล่ะ
“คุณน่าจะรู้ว่าผมเป็นคนรักศักดิ์ศรีมากแค่ไหน และไม่ใช่แค่ศักดิ์ศรีตัวเองแต่รวมไปถึงหน้าตาทางสังคมของคุณด้วย ถึงคุณจะเคยบอกว่าไม่แคร์อะไรที่มีแฟนจนแต่ผมแคร์ ผมอยากประสบความสำเร็จด้วยตนเองไม่ใช่ประสบความสำเร็จจากการสนับสนุนของพ่อแม่แฟน
ผมคิดมากนะ และผมก็ไม่อยากแบมือรับจากคุณพ่ออย่างเดียว ผมอยากทำให้คุณภูมิใจไง และอยากจะทำตัวเองให้ทัดเทียมคุณด้วย ผมรู้ว่ามันอาจจะยากและมันคงไปได้ไม่ถึงความมั่งมีของบ้านคุณได้ แต่อย่างน้อยผมต้องมีอะไรเป็นของตัวเองที่ทำให้คนอื่นไม่ดูถูกคุณและผมได้ เรารักกันด้วยใจก็จริงแต่คนเขาไม่มามองที่ความรู้สึกหรอก เขามองที่ความเหมาะสม”
นิชคุณต้องการกลับไปช่วยแม่ทำงาน พัฒนาหลายๆ ด้านให้มันดีมากขึ้น ไม่ใช่แค่ปลูก เก็บเกี่ยว แล้วขายไป ทำอย่างนั้นวนเวียนไปมาต่อให้ไม่มีหนี้มันก็ไม่รวย
“คุณอยากพิสูจน์ตัวเองสินะ” ยูคยอมซึ้งใจที่นิชคุณจะทำเพื่อตน ความน้อยใจมลายหาย
“ใช่”
“เอาสิ ถ้าคุณอยากทำก็ตามใจ ฉันเข้าใจแล้วล่ะ คุณตั้งใจจะรับงานต่อจากคุณแม่ก็คงไม่ว่างมาหาฉัน เดี๋ยวฉันจะไปหาคุณเอง”
ถ้าเป็นเหตุผลอย่างที่พูดมายูคยอมนั้นยอมรับได้
“ขอบคุณนะครับ” นิชคุณหันมายิ้มให้นิดหนึ่งก่อนมองทางข้างหน้าต่อ ยูคยอมชะงักไปเล็กน้อย ชี้หน้าสั่ง
“ฉันให้เวลาคุณหนึ่งปี ไร่คุณต้องดังนะ”
“จำกัดเวลาอย่างนี้ผมก็ลนแย่สิ คุณคิดว่ามันทำง่ายนักหรือไง” นิชคุณหัวเราะน้อยๆ เวลาหนึ่งปีไม่เท่ากับว่าต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอ
“ไม่รู้ล่ะ ยิ่งคุณทำให้ไร่อยู่ตัวและอยู่รอดได้เร็วเท่าไรมันก็ยิ่งดีกับเราทุกคนไม่ใช่เหรอ คุณคงไม่ทำแต่งานจนไม่สนใจฉันอีกเลยหรอกนะ”
อยู่ไกลกันยูคยอมก็กลัวโดนทิ้งนะ
“ผมจะไม่สนใจคุณได้ยังไงล่ะ นอกจากผมจะมีใครทนคุณได้อีก”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว ฉันก็ไม่อยากหาแฟนใหม่หรอก ฉันชอบผู้ชายโหด” ยูคยอมหัวเราะ คนที่กลายเป็นคนโหดทำหน้าไม่ถูกเลย
“ในสายตาคุณนี่ผมโหดร้ายนักหรือไง”
“ก็คงงั้นมั้ง ถ้าคุณกลับทัมยางฉันคงเหงาแย่เลย คุณพ่อก็คงผิดหวัง ท่านอยากให้คุณช่วยงานที่บริษัทมากกว่า”
ยูคยอมซบหน้ากับต้นแขนนิชคุณ แม้จะห้ามไม่ได้แต่ก็ยังจะขอรั้งเอาไว้ ถ้าไม่มีนิชคุณคอยดุทุกวันเขาต้องเหงาตายแน่ ใครจะว่าเขาแปลกก็เถอะ
“เอาน่า ต้องมีคนที่เก่งกว่าผมสิ พอไปอยู่บ้านผมก็คงเหงาเหมือนกัน ไม่มีคนให้บ่น”
“คนเราก็มีหน้าที่ต่างกัน ถึงไม่มีคุณฉันก็ทำตัวดีๆ ได้หรอกน่า”
“ผมขออัดเสียงเอาไว้เป็นหลักฐานได้ไหม”
“นิชคุณ!” คนโดนล้อทุบไหล่กว้างอีกที
คนโดนทุบแทนที่จะเจ็บหัวเราะร่วนยั่วอารมณ์อีกคนไปอีก แค่ยูคยอมเข้าใจนิชคุณก็สบายใจแล้ว เขาก็เป็นห่วงเด็กหมู หวังว่าในช่วงเวลาที่เราห่างกันยูคยอมจะโตขึ้นบ้าง
“พ่อ! หม่าม้า ว่างเหรอฮะ”
เด็กชายแปลกใจที่ไม่เห็นพี่เลี้ยงและการ์ดมารับอย่างทุกวัน รีบสะพายกระเป๋าแล้ววิ่งมาหาพ่อกับแม่ที่มารับ
“ใช่จ้ะ วันนี้พ่อเขาเสนอว่าน่าจะมาเซอร์ไพรซ์ลูกแล้วเราก็ไปทานไอศกรีมกันน่ะ”
จินยองโดนแจบอมลากออกมาจากที่ทำงานก็เลยมา ความจริงก็ตั้งใจจะมารับลูกเองอยู่แล้วแต่แจบอมก็คิดตรงกัน
“เย้!” จินฮวานดูดีใจและร่าเริงขึ้น เล่าเรื่องที่พบเจอในโรงเรียนใหม่ให้พ่อแม่ฟังเสียงดัง
จินยองที่เดินตามหลังสองพ่อลูกมองทั้งสองคนที่เดินจูงมือแล้วคุยกันสนุก การได้มองภาพแบบนี้ก็มีความสุขเหมือนกันนะ
การมีสามีที่ดี มีลูกที่น่ารัก มันเป็นชีวิตครอบครัวที่มีความสุขอย่างที่ใครหลายๆ คนอิจฉา และตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีที่ได้รับมัน
“พ่อครับ เมื่อไรจะพาไปหาคุณย่าล่ะ อยากไปจังเลย” จินฮวานหมายถึงคุณอังศนาที่รู้จักคุ้นเคยกันดีแล้ว
“รอปิดเทอมก่อนนะ เราจะได้ไปเที่ยวไร่คุณย่าหลายๆ วันเลยไง”
“ไปนอนที่ไร่เลยใช่ไหมครับ”
“ใช่แล้วครับ” คุณย่าของจินฮวานต่อเติมบ้านใหม่ทำห้องไว้รับรองแขกเพิ่มด้วย
“ตกลงปิดเทอมไปบ้านคุณย่าเหรอ หม่าม้ากะว่าจะพาไปทะเลสักหน่อย”
จินยองเรียกร้องความสนใจของลูก จินฮวานหันมาจับมือแม่ด้วย
“อยากไปครับ อยากไปหมดเลย ไปบ้านคุณย่าแล้วก็ไปทะเลด้วยนะ”
“ได้เลย ถ้าจินฮวานไม่ดื้อจะไปไหนก็ได้ทั้งนั้น”
“จินฮวานเป็นเด็กดีมากเลยนะหม่าม้า” จินฮวานยืนยันหนักแน่นจนพ่อแม่หัวเราะขำ
“ใครเขาชมตัวเองกันล่ะเด็กคนนี้” จินยองขยี้ผมนุ่มอย่างหมั่นเขี้ยว หนูน้อยหัวเราะคิก
“ลูกน่ะเหมือนคุณเปี๊ยบ” แจบอมเปรยขึ้นเบาๆ ภรรยาหันขวับ
“นี่คุณว่าฉันเหรอ” จินยองแค่เงื้อมือแต่ไม่ฟาด แจบอมหัวเราะ
“ร้อนตัวจังเลยที่รัก”
“เรียกฉันแบบนี้อีกแล้วนะ” จินยองหยิกหมับเข้าที่เอวร่างสูงจนสามีหลุดร้องโอ๊ยเบาๆ ให้จินฮวานมองอย่างสงสัยว่าพ่อแม่ทำอะไรกัน
“บังเอิญจังเลยนะ”
จินยองหยุดเดินแล้วหันไปมองด้านหลังตามเสียงเรียก
“ครอบครัวสุขสันต์จังเลยนะ มาซื้อของกันเหรอ” จีวอนทักทาย จินยองมุ่นคิ้วน้อยๆ
“ฉันจะมาทำอะไรเกี่ยวอะไรกับคุณ” จินยองไม่ค่อยพอใจ
บังเอิญอะไรขนาดนี้นะ ห้างสรรพสินค้ามีตั้งเยอะ ทำไมต้องมาเดินที่เดียวกันเวลาเดียวกันแบบนี้
จินยองเป็นคนจำฝังใจ ยังไม่ลืมสิ่งที่ปู่จีวอนทำกับแจบอม และเขาก็พาลมาถึงจีวอนด้วย ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจีวอนไม่รู้เรื่อง และเขาไม่ใช่คนแสนดีเหมือนแจบอมที่จะอภัยและลืมได้ง่ายๆ
“ผมทักดีๆ นะ” จีวอนตัดพ้อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็ยังชอบจินยองอยู่ดีนั่นล่ะ
“ไม่ได้อยากรู้จักสักหน่อย” จินยองกอดอกมองไปทางอื่น ท่าทางห่างเหินนั้นช่างคุ้นเคยและจีวอนก็เคยชินแล้ว
“ไม่เอาน่าจินยอง เขาพูดด้วยดีๆ นะ”
จีวอนหันไปสนใจแจบอมที่เตือนภรรยา นึกหมั่นไส้ จะมาทำตัวเป็นคนดีอะไรแถวนี้ ไม่ได้คุยด้วยสักนิด
“ใครเหรอครับ เพื่อนหม่าม้าเหรอ”
จินฮวานที่ยืนมองจีวอนอยู่ตลอดเอ่ยขึ้น เงยหน้ามองคนตัวสูง จีวอนส่งยิ้มให้เด็กน้อย เดินเข้าไปหาแล้วเอื้อมมือจะไปจับแก้มแต่คุณแม่จอมหวงกลับดึงลูกหลบไปข้างหลัง
“อะไรของคุณน่ะจินยอง ผมแค่จะทักทายหลาน”
“อย่ามายุ่งกับลูกฉันนะ”
“จินยองอย่าน่า จินฮวานทักทายอาจีวอนสิครับ คนนี้น่ะเพื่อนของหม่าม้านะ”
“ไม่ใช่เพื่อนฉัน” จินยองหันไปแหวใส่แจบอมที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง
“นี่ต่อหน้าลูกนะ ควบคุมอารมณ์หน่อย” แจบอมจับแขนภรรยา กระซิบ จินยองเม้มปากแน่น มองไปทางจีวอนที่ย่อกายลงนั่งแล้วจับมือจินฮวานไว้
“น่ารักจังเลยนะ”
“ขอบคุณครับ” จินฮวานยิ้มสดใส มีคนชมก็ต้องขอบคุณนะ
“ลูกคุณนิสัยดีผิดคุณเลยนะ”
“หึ แล้วคุณจะมาวุ่นวายกับลูกชายของคนนิสัยไม่ดีอย่างฉันทำไม”
“ผมว่าเราต่างคนต่างไปดีกว่าไหมครับ คุณจะไปทำธุระที่ไหนก็แยกไปเถอะ”
แจบอมตัดบท ไม่อยากฟังสงครามน้ำลาย จีวอนปรายตามอง ถอนหายใจแล้วกลับมาสนใจจินฮวานอีกครั้ง
“โตไปต้องสวยเหมือนแม่แน่เลยเนอะ”
“จินฮวานหล่อเหมือนพ่อต่างหากล่ะครับ” จินฮวานค้าน จีวอนยิ้มขำเด็กน้อย
“ไปหาแฟนคุณได้แล้วมั้ง ยืนรอนานแล้วน่ะ”
จินยองชี้ไปที่หญิงสาวตัวเล็กหน้าสวยที่มาด้วยกันกับจีวอนแต่ยืนห่างออกไปเพื่อให้จีวอนมาทักทายพวกตน ตัดบทเพื่อจะได้แยกกันไปสักที
“ไม่ใช่ แค่ญาติห่างๆ”
“จนป่านนี้ยังไม่มีใครอีกหรือไง” จินยองแค่ไม่อยากให้จีวอนชอบตนอีกแล้วก็เท่านั้น
“น่าแปลกใจนักหรือไง” จีวอนถอนใจ ทำไมต้องยัดเยียดเขาให้คนอื่นทั้งที่ไม่รู้ความจริง
“เปล่า จะมีไม่มีก็เรื่องของคุณเถอะ”
“คุณไม่ต้องห่วงผมหรอกว่าจะไม่มีใคร ผมรอจินฮวานก็ได้ สัก15 ปีผมรอไหว ตอนนั้นจินฮวานก็22เราจะอายุห่างกันแค่20ปีเอง”
จีวอนแค่หยอกเล่นแต่แจบอมและจินยองนี่อึ้งไปเลย
“คิมจีวอน” จินยองจะกระชากคอเสื้อจีวอนแล้วเชียวถ้าแจบอมไม่จับแขนรั้งไว้เสียก่อน
“คุณหยุด อย่ามีเรื่องนะ”
แจบอมลากภรรยาที่จะโวยวายไปอีกทาง มือหนึ่งลาก มือหนึ่งปิดปากกันเสียงด่า จินฮวานตกใจนิดๆ แต่ยังมีมารยาทโค้งให้จีวอนแล้วเดินตามพ่อแม่ไป
จีวอนมองตามครอบครัวจินยองพลางหัวเราะ ก่อนเสียงหัวเราะจะหายไปในคอเมื่อสาวที่มาด้วยตีไหล่เสียงดังจนสะดุ้ง
“พี่พูดจาอะไรไม่เกรงใจพ่อแม่เด็กเลยนะ” เมื่อถูกญาติสาวตำหนิ จีวอนแค่ไหวไหล่นิดๆ
“แค่หมั่นไส้ก็เท่านั้น”
“ไม่ใช่คิดจริงจังเหรอ พลาดจากแม่ก็รอลูกโต” หญิงสาวเหล่มองลูกผู้พี่หนุ่มที่ดูไม่มีท่าทางล้อเล่นหรือพูดไปเพราะแค่หมั่นไส้สักนิด
“อาจจะรอก็ได้ถ้าฉันไม่ตายไปซะก่อน”
“คุณปู่รู้เข้าต้องหัวใจวายแน่ พี่คิดจะญาติดีกับพวกต้วนหรือ”
เพราะความบาดหมางมาแต่อดีตของสองตระกูล ทำให้เธอไม่สนิทใจจะเดินไปทักทายสามคนพ่อแม่ลูกจึงยืนรออยู่ห่างๆ
“ไม่รู้สิ ยังคิดอยู่”
จีวอนคิดเอาไว้เหมือนกัน ถ้าวันไหนไม่มีคุณปู่อยู่อีกแล้ว และทุกอย่างตกเป็นของเขา เขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ไหมนะ
“แม้เราจะหยุดแต่ทางนั้นจะหยุดหรือเปล่า”
จีวอนหันไปมองน้องสาว เธอดูจริงจังมาก
“เธอคิดอย่างนั้นเพราะไม่เชื่อใจพวกต้วนใช่ไหม”
“ฉันคิดว่าพวกเขาเองก็ไม่เชื่อใจเราหรอก”
“บางที..” จีวอนเอ่ยแล้วนิ่งไป
“บางที?”
“ฉันอาจจะลองคุยกับจินยองดูสักครั้งก็ได้ถ้าเขายอมคุยกับฉันนะ จินยองเป็นคนจำฝังใจจะตายไป เขาอาจจะเกลียดฉันมากขึ้นเพราะเรื่องที่แจบอมถูกยิงคราวนั้น”
“แต่พี่พยายามห้ามแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉันห้ามไม่ให้ทำจินยองแต่ไม่ได้ห้ามไม่ให้ทำแจบอม”
จีวอนแค่นยิ้มด้วยรอยยิ้มเย็นจนน้องสาวสะท้านเลยทีเดียว
“ถ้าพี่ยังไม่เลิกเกลียดแจบอม ต้วนจินยองก็คงไม่มีวันยอมญาติดีกับพี่หรอก”
“ถ้าการเป็นมิตรกันมันยาก การเป็นศัตรูกันไปเรื่อยๆ อาจจะดีที่สุดแล้วก็ได้”
จีวอนทำใจแล้ว คงต้องรอดูท่าทีในอนาคตก่อนล่ะนะ ว่าฝ่ายไหนจะเป็นยังไง
TBC.
**
ยังมีหนังสือเหลือพร้อมส่งทั้งแบบธรรมดาและ Box set นะคะ
ดูรายละเอียดการสั่งซื้อได้ในตอนที่ 26 เปิดรอบสต็อกค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงสารมาร์คมาก จีอันก็เห็นแก่ตัวตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้เลย
ชอบบรรยากาศครอบครัวจินยองตอนนี้มากเลย น่ารักสุดๆ แต่ยังต้องการให้จินยองยอมสามีมากกว่านี้อีกอยู่นะคะ ทีมคุณพ่อค่ะ55555555
ก็นะความรักชนะได้ทุกอย่างจริงๆ
ยูคกับพี่คุนก็เช่นกันเวลาคุยกัน เข้าใจกันอะไรๆมันก็ดีไปหมด
ไม่ต้องขัดกันไม้ต้องทะเลสะกันเป็นเรื่องที่น่ายินดี
บีเนียร์ก็เช่นกันเพราะสายใยแห่งรัก จินฮวาน ทำให้ทั้งคู่
ยอมรับและเข้าใจกันขึ้นมาเรื่อยๆ
น่าสงสารจีวอนอ่ะเราว่าเค้าพูดจริงนะพลาดจากแม่แล้วรอลูกนี่ สุดยอดไปเลย ถึงตอนนั้นเรื่องความบาดหมางรุ่นคุณปู่น่าจะหมดไปเเล้ว