ตอนที่ 31 : Chapter 24 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
จีอัน
“ตอนงานแต่งแบมจะให้แม่และโซมีมาค้างบ้านเรานะครับ”
“ตามใจแบม ให้คุณแม่มาอยู่ที่นี่น่าจะสะดวกกับคุณแม่และโซมีมากกว่าอยู่บ้านคุณปู่ใช่ไหมครับ”
“ครับ” แบมแบมผูกเนคไทให้มาร์คเสร็จก็เดินไปหยิบกระเป๋า วันนี้ครบห้าเดือนต้องไปโรงพยาบาล คุณหมอจะอัลตร้าซาวด์ให้ด้วย
“แบมว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” คุณพ่อดูอารมณ์ดีแต่เช้าเพราะวันที่รอคอยมาถึงแล้ว วันนี้ล่ะจะได้รู้สักที
“ไม่รู้สิครับ ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็ดีนะ แบมอยากเอาไว้ลุ้นตอนคลอดมากกว่า”
แบมแบมเดินออกจากห้องนอนเพื่อลงไปที่ชั้นล่าง มาร์คหยิบสูทตัวนอกเดินตามออกไป
“พี่ใจร้อนอยากรู้เร็วๆ นี่นา เราจะได้เตรียมของให้ลูกถูกไง พี่อยากซื้อของให้ลูกน่ะ”
“พอทุกคนรู้ว่าลูกเป็นเพศไหนก็คงขนซื้อของมาให้จนเก็บไม่หวาดไม่ไหวแน่ เราดูเพศลูกวันนี้ก็ได้แต่พี่มาร์คต้องบอกทุกคนนะครับว่ายังไม่ต้องซื้ออะไรให้หลานมากนัก”
“ได้เลย พี่จะบอกให้ เดี๋ยวพี่ซื้อคนเดียวพอ”
“ซื้อแค่พอประมาณก็พอนะครับ เด็กเล็กน่ะโตไวจะตาย ของซื้อมาใช้ได้แป๊บๆ ก็ใช้ไม่ได้แล้ว เสียดาย”
แบมแบมเคยมีประสบการณ์เป็นพี่เลี้ยงเด็กมาบ้าง เป็นรายได้พิเศษ ช่วยเลี้ยงลูกให้คนข้างบ้านเช่าหลังที่อยู่กับพี่คุณ
แบมแบมทำมาแทบทุกงานแล้วล่ะจนมาหยุดที่ร้านขนมพี่เฟยและทำยาวจนเรียนจบ
“โธ่ มาดักกันไว้ก่อนแบบนี้พี่จะซื้ออะไรได้ล่ะ ซื้อเยอะก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ครับ อะไรที่ลูกเราใช้ไม่ได้แล้วเราก็แค่เอาไปบริจาคตามมูลนิธิเด็กอ่อน พอเรามีลูกใหม่ก็ซื้อใหม่”
“จริงด้วย แบมลืมไปเลย” แบมแบมเพิ่งนึกออก
พี่มาร์คเคยพูดกับเขาอยู่เหมือนกันว่าทุกปีทีบีจะบริจาคเงินให้องค์กรการกุศลหลายแห่ง ไม่เน้นสถานที่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมีคนช่วยเหลือเยอะ แต่กระจายไปตามมูลนิธิที่ไม่ค่อยได้เงินจากรัฐหรือไม่ก็มีผู้สนใจบริจาคน้อยแทน ซึ่งหน้าที่นี้ตกเป็นของเลขานุการคนสวยเจ้าเดิมที่ทำงานให้เจ้านายได้ทุกอย่างตามแต่จะบัญชา ใครมีเลขานุการอย่างพี่ยองแจนี่รักตายเลยล่ะ
“แบมไปรถพี่นะ ตรวจเสร็จแล้วพี่จะแวะมาส่งที่บ้านก่อนค่อยเข้าไปทำงาน”
“ไม่เอา ไปรถคนละคันดีกว่าครับ เสร็จจากหาหมอแบมต้องไปร้านเวดดิ้งกับพี่คุณด้วย”
“ที่บอกว่าจะต้องแก้ชุดน่ะเหรอ ไปวันหลังก็ได้นี่นา”
“ใกล้วันงานจะยิ่งยุ่งนะครับ ไปวันนี้น่ะดีแล้ว ถ้ามีอะไรต้องแก้จะได้ไม่ลำบากช่างให้เขาเร่งทำงานไง” แบมแบมนั่งลงที่เก้าอี้ปล่อยให้มาร์คเป็นคนเสิร์ฟอาหารเช้าเพราะเขาตื่นแต่เช้ามาทำอาหารไว้แล้ว
“โอเค”
“ตัวพี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคงไม่ต้องแก้อะไรแล้วมั้งครับ” แบมแบมมองคนที่รูปร่างคงเดิมเป๊ะ มีแต่เขานี่ล่ะที่ขยายออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขอคลอดก่อนค่อยแต่งก็ไม่มีใครยอมฟังเขาเลย
“ของพี่เดี๋ยวนัดไปลองก็ได้ จะไปวันไหนก็ได้ล่ะมั้งครับ”
ตอนแรกที่เริ่มวางแผนว่าจะแต่งงานก็ตื่นเต้นกันอยู่หรอกนะ แต่พอเหลือเวลาอีกแค่สองอาทิตย์นี่ทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมด ทั้งที่เตรียมงานกันมาร่วมสองเดือนแล้ว ปัญหามีเข้ามาเรื่อยๆ ดีที่มีคนรอบข้างคอยจัดงานให้ แต่ถึงจะมีคนช่วยว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ยังเครียดกันอยู่ดี เวลาต้องแก้ต้องปรับอะไร มาร์คเลยกันแบมแบมออกเพื่อไม่ให้แม่แกะต้องมากังวลไปด้วย
“น้องซนดีนะคะวันนี้ ดิ้นใหญ่เลย คุณแม่รู้สึกตัวบ้างไหมคะ” คุณหมอตรวจครรภ์ตามปกติแล้วเอ่ยแซวเจ้าตัวเล็ก แบมแบมพยักหน้า
“รู้บ้างครับ”
“ที่โรงพยาบาลมีคอร์สอบรมคุณแม่ตั้งครรภ์ด้วยนะคะ คุณแม่สนใจหรือเปล่า”
คุณหมอแนะนำและสอบถามขณะทาเจลเย็นๆ ลงบนท้องโตเพื่ออัลตร้าซาวด์ แบมแบมและมาร์คมองหน้ากันก่อนแบมแบมจะหันมาพยักหน้ากับหมอ
“สนใจครับ”
“ถ้าอย่างนั้นหมอจะให้พยาบาลแนะนำรายละเอียดให้ทราบนะคะ ถ้าคุณพ่อว่างก็สามารถเข้าร่วมได้ด้วยนะ”
คุณหมอแจ้งก่อนคุณพ่อจะถามเพราะรู้ว่าคุณต้วนนั้นดูแลเอาใจใส่ภรรยาดี มาหาหมอเป็นเพื่อนภรรยาทุกครั้งที่นัดเลยด้วย
“อยากได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชายคะ” คุณหมอมองภาพบนจอมอนิเตอร์ มาร์คและแบมแบมพยายามเพ่งมอง
“จะเพศไหนก็ได้ครับ ผมได้ลูกผู้หญิงหรือผู้ชายครับหมอ” มาร์คดูจะเก็บอาการตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ขณะที่แบมแบมนั้นลุ้นอยู่เงียบๆ
“ผู้หญิงค่ะ”
“Yes!”
คุณหมอและแบมแบมหันมองคุณพ่อที่ดูดีใจสุดๆ พร้อมกัน หญิงสาวหนึ่งเดียวหัวเราะเบาๆ เป็นภาพที่ชินตาที่สามีจะดีอกดีใจเสียยิ่งกว่าภรรยา แต่เห็นทีไรก็อบอุ่นใจได้ทุกที
“ท่าทางจะสมใจคุณพ่อนะคะเนี่ย คุณแม่ดูเงียบจัง อยากได้ผู้ชายเหรอคะ”
“ครับ เด็กผู้ชายคงน่ารักดี แต่เด็กผู้หญิงก็ดีครับ” จะเพศไหนแบมแบมก็รักทั้งนั้น
ลูกสาวของแม่..อยากเจอเร็วๆ จังเลย อีกตั้งสี่เดือนแน่ะที่รักกว่าเราจะได้พบกัน
“จริงสิ..คุณปู่อยากได้เหลนสาวนี่แบม พี่ว่าคุณปู่ต้องดีใจมากแน่ๆ เลย” มาร์คจับมือแบมแบมไว้ขณะมองภาพลูกสาวที่เป็นแบบสี่มิติ
“แสดงว่าอยากได้ลูกสาวกันทั้งบ้านเลยสินะคะ เว้นคุณแม่แค่คนเดียวหรือเปล่า”
“เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ” แบมแบมมองลูกสาวที่เห็นทุกส่วนชัดมาก พอมองเค้าโครงหน้าได้แล้วนะเนี่ย จมูกโด่งมากด้วยล่ะ
“หมอครับ ช่วงนี้นี่นั่งเครื่องบินไปต่างประเทศได้ใช่ไหมครับ”
“จะไปเมื่อไรคะ ถ้าจะเดินทางหมอไม่อยากให้ไปหลังครรภ์หกเดือนนะ”
“อีกสักสามอาทิตย์นี่ล่ะครับ” มาร์คคำนวณเวลาในใจ แบมแบมมองหน้ามาร์คเป็นคำถามว่าจะพาเขาไปไหน
“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นไม่มีปัญหาค่ะ แต่คุณแม่ก็ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากๆ นะคะ”
“แน่นอนครับ” คนที่รับปากหมอเป็นมั่นเหมาะคือมาร์คอีกตามเคย
“พี่จะพาแบมไปไหน” แบมแบมถามมาร์คเมื่อทั้งคู่ออกจากห้องตรวจแล้ว มาร์คมองภาพลูกสาวที่ได้มาจากคุณหมอแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาบันทึกภาพนั้นเพื่อส่งไปให้คุณปู่ดู
“แต่งงานแล้วก็ต้องไปฮันนีมูนสิจ๊ะ”
“ไปที่ไหนครับ”
“อังกฤษไงครับที่รัก ไปนอนเล่นบ้านใหม่ที่นั่นหน่อยดีกว่า บ้านปรับปรุงเสร็จตั้งนานแล้วนะ”
แบมแบมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะสะดุ้งเมื่อกำลังมองจอที่พี่มาร์คพิมพ์ข้อความเพลินๆ แล้วจอเปลี่ยนตัดไปว่ามีสายเรียกเข้า
“ครับคุณปู่”
<พาแบมมาหาปู่ที่เดอะแกรนด์หน่อย ปู่อยากกอดหลานสะใภ้มากเลย ในที่สุดปู่ก็มีเหลนสาวสมใจสักที!>
มาร์คและแบมแบมมองหน้ากันเมื่อคุณปู่ส่งเสียงดังอย่างตื่นเต้นมาให้ เสียงดังจนลอดออกมาให้แบมแบมได้ยินเลยล่ะ
“ได้ครับ เดี๋ยวจะให้แบมไปหานะครับคุณปู่ แต่ผมคงไปไม่ได้นะ มีงานครับ”
<อือ แกจะไปไหนก็ไปเจ้ามาร์ค แบมแบมมาคนเดียวพอ>
มาร์คถอนหายใจอย่างอ่อนใจเหลือแสน แบมแบมหัวเราะคิก
“ครับ จะส่งแบมไปคนเดียวนะ”
<ดีมาก แค่นี้นะ>
มาร์ควางสายแล้วมองหน้าแบมแบมที่กลั้นยิ้ม
“คุณปู่คงตื่นเต้นจนขี้เกียจพิมพ์เลยโทรมาแน่ๆ”
“ความสุขของท่านนี่ครับ ท่านเอ็นดูยัยหนูก็ดีแล้วนี่”
“นั่นสินะ ว่าแต่เรายังไม่ได้คิดเรื่องชื่อลูกเลยนะ จะตั้งชื่อว่าอะไรดีล่ะ”
“พี่จะตั้งชื่อภาษาอะไรล่ะครับ”
“ต้องภาษาอังกฤษสิ หรือจะภาษาจีนดีนะ แบมว่าอยากได้ภาษาไหนล่ะ อังกฤษ จีน ไทย เกาหลี”
เป็นคำถามที่มาพร้อมภาระมากๆ แบมแบมคิดหนัก เรื่องชื่อเป็นเรื่องสำคัญมากนะ
“พี่กับแบมก็หาชื่อที่ตัวเองชอบแล้วมาแชร์และเลือกด้วยกันดีไหมครับ มันต้องมีชื่อที่เราชอบกันทั้งคู่บ้างล่ะ” แบมแบมเสนอทางเลือก ในเมื่อเป็นลูกของเราก็ต้องเห็นชอบด้วยกันสิเนอะ
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ”
“ครับแม่..” แบมแบมวางสายมารดา เก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า โทรบอกข่าวเรื่องหลานกับแม่หลังจากคุยกับคุณปู่เรื่องเหลนอยู่นานราวครึ่งชั่วโมง ไม่แค่เรื่องยัยหนูแต่คุยเรื่องอื่นกันด้วย
“หนูแบมแบม” เสียงจากด้านหลังทำให้แบมแบมหันไปมองจึงพบคุณป้าจีอันส่งยิ้มมาให้
“อ่าว คุณป้า สวัสดีครับ” แบมแบมยิ้มตอบ หลังจากได้เบอร์เขาไปคุณป้าก็ติดต่อมาเรื่อยๆ แม้ไม่ได้เจอกันอีกก็เหมือนสนิทคุ้นเคยกันแล้ว
“สวัสดีจ้ะมาทำอะไรที่นี่เหรอ หรือว่ามาทานข้าวจ๊ะ” จีอันมีรอยยิ้ม คนสนิทติดตาม
“เปล่าครับ มาทำธุระนิดหน่อย” แบมแบมแปลกใจที่อีกฝ่ายอยู่เกาหลีนานเหมือนกัน
“ท้องโตขึ้นแล้วนะ ตัวเล็กดิ้นเก่งขึ้นหรือยัง” จีอันมองท้องอีกคนที่ใหญ่ขึ้น
“ครับแกดิ้นบ่อยเลย คุณหมอบอกว่าแกซนด้วย” คุณแม่เล่าไปยิ้มไป ดูอิ่มเอิบมีความสุข
“ดีจัง นี่ห้าเดือนหรือยังจ๊ะ น่าจะถึงแล้วเนอะ” ความจริงจีอันรู้ว่าแบมแบมท้องได้ห้าเดือนแล้ว เธอนับจากวันเวลาที่ได้เจอแบมแบมครั้งแรก
“ห้าเดือนแล้วครับคุณป้า”
“อย่างนี้ก็อัลตร้าซาวด์ได้แล้วสิ ได้ทำไหมจ๊ะ รู้หรือยังว่าเพศอะไร”
จีอันถามอย่างตื่นเต้น แบมแบมค่อนข้างแปลกใจทีเดียว เขาไม่ใช่ลูกหลานเธอทำไมต้องตื่นเต้นด้วยนะ?
“เพิ่งไปหาหมอก่อนมาเดอะแกรนด์นี่เองครับ แกเป็นเด็กผู้หญิงครับ สมใจคุณพ่อเขาเลย”
แบมแบมวางมือบางบนท้อง เล่าให้จีอันฟัง
“เด็กผู้หญิงเหรอจ๊ะ! มาร์คอยากได้ลูกสาวงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ แต่เอ๊ะ คุณป้ารู้ชื่อแฟนผมได้ยังไงครับ” ถึงเราจะติดต่อกันทางโทรศัพท์แต่แบมแบมจำได้ว่าไม่เคยบอกว่าสามีชื่ออะไรนะ
จีอันชะงัก เผลอหลุดปากไป
“วันแรกที่เราเจอกันไงจ๊ะ หนูเรียกแฟนว่า..พี่มาร์ค” จีอันลองเดาดูว่าแบมแบมจะเรียกมาร์คอย่างนี้ เพราะเขาก็เรียกลูกเธอว่าพี่ทุกคำ
“อ่อ อย่างนั้นเหรอครับ” แบมแบมขี้ลืม เขาจำไม่ได้หรอกว่าตอนที่เจอเธอเขาคุยอะไรกับพี่มาร์คไปบ้าง จำได้แค่เรื่องหลักๆ ว่าโทรไปบอกเรื่องลูกดิ้นก็แค่นั้น
“นี่คิดชื่อกันไว้บ้างหรือยังจ๊ะ”
“ยังเลยครับ แต่ผมกับแฟนตกลงกันแล้วว่าจะต่างคนต่างตั้งชื่อที่ชอบแล้วเอามาแชร์กัน ผมก็คาดหวังอยู่เหมือนกันนะครับว่าคุณพ่อเขาจะตั้งชื่อได้เพราะกว่าผม”
“ถ้าตั้งได้แล้วอย่าลืมบอกป้าบ้างนะจ๊ะ”
“ได้ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับต้องไปทำธุระที่อื่นต่อ” แบมแบมลาเธอแล้วเดินจากมา
จีอันถอนหายใจ อยากบอกออกไปเหลือเกินว่าเธอเป็นใคร ใจจริงอยากจะขอรูปอัลตร้าซาวด์มาดูสักครั้งแต่กลัวแบมแบมจะสงสัยเอา
“ในที่สุด..สิ่งที่ฉันคิดไว้ก็ไม่ผิดว่าเธอต้องไม่มาเที่ยวได้ประจวบเหมาะกับงานแต่งมาร์คอย่างนี้ แต่เธอมีจุดประสงค์และตั้งใจจะมาช่วงนี้เพราะมาร์คแน่”
จีอันยืนตัวแข็งเมื่อได้ยินเสียงทรงอำนาจของพ่ออดีตสามี แม้อยากลืมก็ลืมไม่ลง
ไบรอันโค้งให้เจ้าสัว จีอันค่อยๆ กลับไปมองซังวู ก่อนจะก้มหน้าแล้วโค้งทักทาย
“คนอย่างเธอนี่มันเชื่อคำพูดไม่ได้จริงๆ กลับกลอกที่สุด ยอมกลืนน้ำลายตัวเองเพื่อละทิ้งสัญญา”
ซังวูใบหน้าเรียบเฉยแต่สายตาติเตียนอย่างหนักหน่วงจนจีอันสะท้านกลัว
“ฉันแค่อยากเห็นมาร์คแต่งงานเท่านั้นเองค่ะ..เจ้าสัวรู้นานแล้วใช่ไหมคะว่าฉันอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่อยากให้ฉันเจอลูกหรือแบมแบมทำไมไม่ไล่ฉันไปเสียตั้งนานแล้วล่ะคะ”
“เพราะฉันอยากจะรู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อไปน่ะสิ เธอจะมาหาทุกคนที่นี่ก็ได้ แต่ควรมีขอบเขตบ้าง แค่มองดูอยู่ห่างๆ ก็พอทำไมต้องแสดงตัว ทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายกับหลานสะใภ้ของฉัน เธอรับปากฉันแล้วว่าจะออกไปจากชีวิตมาร์คก็ไม่ควรเสนอหน้ากลับมาที่นี่อีก เธอไม่ควรพูดคุยกับแบมแบมด้วยซ้ำ เด็กในท้องเขาไม่ใช่หลานของเธอเพราะเธอไม่มีลูกชายอีกแล้ว สมองเสื่อมหรือไงถึงจำไม่ได้น่ะ”
ถ้อยคำเย็นชาของเจ้าสัวกรีดใจจีอันขาดเป็นริ้ว เธอเจ็บเสียดในอกยามนึกถึงเรื่องที่ผ่านมา เธอ..ทำเรื่องเลวร้ายจริงๆ นั่นล่ะ จะมาเรียกร้องอะไรอีกก็คงหน้าไม่อาย
“ฉันรู้ว่าเรื่องระหว่างเธอกับวิลเป็นเรื่องของความรับผิดชอบเท่านั้น และมันจบไปตั้งแต่เธอหันหลังจากเขาไป เธอไม่มีวิลและมาร์คในชีวิตอีกแล้ว กลับไปเถอะถือว่าฉันขอร้อง อย่าอยู่ให้ลูกเห็นหน้าเลย มาร์คกำลังมีความสุข อย่าพรากความสุขเขาไปได้ไหม ฉันไม่อยากให้เขาทุกข์ใจ”
“ฉัน..” จีอันลังเล ซังวูขมวดคิ้วเริ่มไม่ชอบใจ
“นี่เธอจะดื้อดึงอยู่ต่อหรือ”
“เจ้าสัวคะ…”
“ไม่ว่าจะขอยังไงเธอก็จะอยู่ต่อไปใช่ไหม เธอมันใจร้ายและเห็นแก่ตัวมากเกินกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก ถ้าอยากจะอยู่ก็อยู่ไป แต่เมื่อไรที่เจอมาร์ค..เธอจะรู้ซึ้งเองว่าความเจ็บปวดมันเป็นยังไง”
ซังวูข่มกลั้นความโมโหเดินผ่านเธอไปโดยไม่มองแม้แต่หางตา เลขานุการของเจ้าสัวปรายตามองจีอันเล็กน้อยก่อนจะรีบก้าวตามนายไป
“โดนด่าขนาดนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ” ไบรอันถามเสียงเรียบ จีอันเชิดหน้า
“ฉันไม่สนหรอก” ไบรอันส่ายหน้าน้อยๆ ถอนหายใจกับความดื้อของจีอัน
“เฮ้อ ทำไมจะแต่งงานทั้งทีมันยุ่งยากอย่างนี้นะ” นิชคุณนั่งบนโซฟาสีครีมเอ่ยกับน้องชายที่กำลังลองชุดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนงานอาทิตย์หน้า
“พี่จะบ่นทำไม ฉันเป็นคนแต่งยังไม่บ่นเลย”
“เหนื่อยแทนน่ะ เตรียมงานเป็นเดือนๆ แต่งทีแป๊บๆ ก็เสร็จ”
นิชคุณรู้จากน้องมาว่างานแต่งงานนี่เจ้าสัวให้งบไม่อั้น และจินยองบอกว่าน่าจะเกินสามพันล้านวอน แค่ชุดเจ้าสาวที่อยู่บนตัวน้องปาไปสี่ร้อยล้านวอนแล้ว ดีที่แบมแบมไม่ใช้ห้องเสื้อต่างประเทศ ไม่งั้นเผลอๆ สี่ร้อยล้านเอาไม่อยู่ และราคานี่แค่ชุดเดียวเพราะแบมแบมต้องใส่สองชุดแน่ะ
นิชคุณยังคิดเลยว่างานแต่งเขากับเด็กหมูต้องระดับนี้ไหม ถ้าต้องจ่ายค่าชุดแต่งงานเป็นร้อยล้านเขาพาเด็กหมูหนีตามกันไปง่ายกว่า
“ทำไงได้ ฉันก็อยากจัดงานเล็กๆ อยู่หรอก” แบมแบมถอนหายใจ
งานแต่งของตนที่คุณปู่แพลนไว้หรูหรามาก เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะออกมาอย่างไร เพราะแค่ดูรายละเอียดของงานแยกส่วนตามที่คนอื่นรับผิดชอบแบมแบมยังแทบลมจับกับงบที่ตัวเลขพุ่งไม่หยุด
“แกใส่ชุดแต่งงานแบบนี้ก็เหมาะดีนะ” นิชคุณอมยิ้ม มองน้องที่สวมชุดแต่งงานที่ออกแบบได้สวย เรียบหรู และดูดีมากๆ
ไอ้ตัวแสบของเขากำลังจะแต่งงานแล้ว รู้สึกเหงาเหมือนกันแฮะ
“ชุดมันใหญ่มากเลย”แบมแบมก้มมองท้อง อยากใส่ชุดหล่อๆ เหมือนพี่มาร์คมากกว่า
“ทำไงได้ก็แกท้องป่องอยู่นี่นา” ชุดแต่งงานมันก็ต้องออกแบบมาให้พอดีกับสรีระคนใส่สิ
“ว่าแต่พี่ออกมาเป็นเพื่อนฉันแบบนี้ พี่ยูคยอมไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“ถามช้าไปหรือเปล่า จะว่าอะไรได้ล่ะฉันขอออกมาแป๊บเดียว พอแกเสร็จธุระฉันก็กลับ”
“หลังแต่งงานแล้วฉันอยากให้แม่กับโซมีมาอยู่ด้วยกันจังเลย”
“แม่ไม่ยอมมาหรอก ไหนจะไร่อีก”
“แต่ทำไร่มันเหนื่อยนะ ฉันไม่อยากให้แม่ลำบากทำงานหนักนี่นา”
“ให้แม่ทำเถอะ ถึงที่ดินไม่ใช่ของเราเองแต่รอให้ทุกอย่างมันดีกว่านี้แล้วพี่จะรับสมัครคนเพิ่มไว้ช่วยงานแม่ ให้แม่เป็นเจ้าของไร่อย่างเดียวพอ ถ้าแม่ไม่ทำไร่แล้วมาอยู่กับแก คนงานเป็นสิบๆ ก็จะเดือดร้อน พวกเขาก็มีภาระต้องกินต้องใช้ เรารักแม่คิดถึงแม่ก็จริงแต่ต้องมองคนอื่นด้วย”
“อ่อ โอเค..ฉันลืมบอกอะไรพี่ไปอย่างหนึ่งแน่ะ”
“เรื่องอะไร”
“ไอ้ที่ดินตรงที่เป็นไร่และบ้านของเราน่ะ คุณปู่ซื้อให้แบมแล้วแหละ เป็นชื่อแบมด้วย แบมไปเซ็นรับมาเรียบร้อยแล้ว”
แบมแบมสารภาพเสียงเบา นิชคุณชะงัก
“อะไรนะ คุณซังวูเขาซื้อที่ของบ้านเราให้แกเหรอ ตั้งแต่เมื่อไร แล้วคุณมุนเขายอมขายได้ยังไง ที่ตรงนั้นสวยมากเลยนะ เขาหวงจะตายใครมาซื้อก็ไม่ยอม เขาให้เช่าอย่างเดียว”
“ก็..คุณปู่ให้ราคามากกว่าที่นายหน้าค้าที่ตีราคาไว้ตั้ง..” แบมแบมชูสามนิ้ว
“สามเท่าเหรอ…” นิชคุณตาโต ครางออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“อือ สามเท่า และก็ได้ที่แถวๆ นั้นที่ติดกับไร่มาอีกนิดหน่อย คุณปู่จะบอกแม่หลังงานแต่งฉันน่ะ ตอนแรกฉันก็ไม่อยากรับแต่คุณปู่บังคับให้รับและบอกว่านี่เป็นของขวัญสำหรับคนนี้น่ะ”
แบมแบมจิ้มลงบนท้องกลมของตนเพื่อบอกว่านี่น่ะคือเจ้าของที่แท้จริง
“อื้อหือ..นี่ยิ่งกว่าหนูตกถังข้าวสารแล้วล่ะแบม แกนี่ได้มาทั้งโรงสีเลยมั้ง”
“นั่นแค่ของขวัญชิ้นแรกนะ วันนี้คุณปู่บอกว่าพอยัยหนูเกิดจะให้ของรับขวัญต่างหาก” แบมแบมไม่อยากได้อะไรหรอกนะ แต่คุณปู่บังคับอีกแล้ว จะปฏิเสธก็ไม่ได้
“ทั้งทวดทั้งพ่อนี่โคตรหลงยัยหนูเลยนะ พ่อก็ซื้อคฤหาสน์ที่อังกฤษไว้รอ ปู่ยังซื้อฟาร์มให้อีก ต่อไปจะได้อะไรอีกวะ”
นิชคุณไม่ได้ตื่นเต้นดีใจเลย แต่กังวลและเป็นห่วงมากกว่า นี่ยังไม่คลอดเลยนะ ถ้าคลอดจะโดนตามใจขนาดไหนไม่อยากจะนึกภาพตามเลย
“เดาไม่ได้เหมือนกัน คงมาอีกเรื่อยๆ มั้ง เฮ้อ! ช่างเถอะ นึกแล้วเครียด”
แบมแบมหยุดบทสนทนาไว้กลางคันเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ร้านนี้อร่อยมากเลยนะเนี่ย” แบมแบมถูกใจกับรสชาติอาหารมื้อเที่ยงที่พี่ชายพามาทาน นิชคุณนึกครึ้มอะไรไม่รู้ถึงพาน้องมาเลี้ยงข้าว
“อร่อยก็กินเยอะๆ”
“พี่รู้จักร้านนี้ได้ยังไงน่ะ บรรยากาศดี๊ดี ท่าทางจะแพงอยู่นะ” แบมแบมชอบการตกแต่งของร้านนี้ มันสบายๆ อบอุ่นดี
“เด็กหมูพามากินน่ะ พี่ก็อยากให้หลานสาวได้กินของอร่อยบ้างน่ะสิ” นิชคุณเองก็เห่อหลานสาวเหมือนกันนะ ที่จริงก็เห่อมาตั้งแต่รู้ว่าน้องท้องแล้ว
“นี่เลี้ยงหลานแต่ไม่ได้เลี้ยงแบมหรอกเหรอ อุตส่าห์ดีใจ” แบมแบมหัวเราะ
“จะเลี้ยงหลานหรือแกมันก็ได้กินกันทั้งคู่นั่นแหละ” แม่กินอะไรลูกก็กินด้วยนี่นา
“เหมือนนานแล้วเนาะที่เราไม่ได้นั่งกินข้าวกันสองคนน่ะ”
“อือ ไม่ใช่แค่มากินข้าวนอกบ้านนะ ที่บ้านก็ด้วย คิดถึงตอนแกยังไม่ได้ฝึกงานชะมัดเลยว่ะ เป็นพรหมลิขิตรึไงนะที่ทำให้แกเลือกไปฝึกงานทีบีแล้วได้ประธานเป็นผัวเนี่ย”
นิชคุณถอนหายใจเฮือก คิดแล้วก็เหงาขึ้นมาอีก เหมือนมันผ่านมานานแสนนาน
แบมแบมทำหน้าไม่ถูกเมื่อพี่ชายพูดตรงเหลือเกิน
“โถ..แต่ถึงแบมไม่อยู่พี่ก็ไม่เหงาแล้วนี่นา มีพี่ยูคยอมอยู่ด้วยนะ”
“น้องกับแฟนมันไม่เหมือนกันเว้ย”
“เราต่างคนต่างไม่ว่างนี่ พอช่วงหลังฉันว่างพี่ก็ไม่ให้ไปหา มาว่าฉันฝ่ายเดียวไม่ได้นะ”
“ก็ไม่อยากให้ขับรถไปมาบ่อยๆ บ้านพี่กับบ้านแกก็ใช่จะใกล้กันนัก”
แบมแบมฟังแล้วก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกันนะ หลายเดือนก่อนบ้านเช่ายังเป็นบ้านของเราพี่น้องอยู่เลย
“พี่ก็ไปหาฉันบ้างก็ได้ เอารถฉันไปใช้ไหมล่ะเดี๋ยวฉันไปขอยืมรถที่บ้านคุณปู่มาขับสักคัน”
แบมแบมยินดียกรถให้พี่ ถ้าไปขอยืมรถคุณปู่มาใช้ท่านคงให้ เผลอๆ อาจได้คนขับรถมาอีก
“ไม่ล่ะเกรงใจ ถ้าจะซื้อพี่ซื้อเองดีกว่า”
“พูดจริงใช่ไหมเนี่ย?” แบมแบมตื่นเต้นทีเดียวล่ะที่พี่ชายจอมงกจะซื้อรถ
“อือ ความจริงแม่พูดกับพี่เหมือนกันว่าจะดาวน์รถให้ก่อน แต่พี่ไม่อยากรบกวนเงินที่บ้านเลยปฏิเสธแม่ไปน่ะ แล้วพี่ก็ขี้เกียจมีหนี้มานั่งผ่อนรถด้วย เงินเดือนมันก็ไม่ได้เยอะอะไร”
“ถ้าพี่จะซื้อตอนนี้มันก็ดีนะ คิดซะว่ามีหนี้เพื่อตัวเองไปสิ ทนผ่อนไปก่อนสุดท้ายมันก็เป็นของเรา ขนาดหนี้คนอื่นเรายังทนใช้แทนมาได้ตั้งหลายปี”
แบมแบมยุให้พี่เปลี่ยนใจ นิชคุณถอนหายใจ
“เพราะไอ้ความรู้สึกนั้นนั่นล่ะที่ทำให้พี่ตะขิดตะขวงใจที่จะซื้ออะไร มันเป็นความเคยชินไปแล้วนะแบมที่ต้องอยู่แบบประหยัด ต้องเก็บออมโดยที่เงินออมพวกนั้นก็ไม่ได้ใช้ พี่ขยาดกับการสร้างหนี้น่ะ”
แบมแบมมองหน้าพี่ชาย เข้าใจดีเลยล่ะ เราลำบากมามากจนมันกลัวฝังใจไปแล้ว..
“ฉันเข้าใจนะแต่พี่ควรจะทำใจยอมรับชีวิตใหม่สักที เราดีขึ้นแล้วนะ เงินเดือนของพี่จากนี้มันก็เป็นของพี่แล้ว นอกจากส่งให้แม่พี่ก็ใช้อะไรตามใจได้แล้วนะคุณ”
ชีวิตใหม่ของเราคือชีวิตที่ไม่มีหนี้ ทำได้เท่าไรก็เป็นของเราเท่านั้น แค่ขยันทำขยันเก็บหน่อยเราก็ไม่ลำบากเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
ก่อนนี้ต่อให้ขยันแค่ไหน ทุกอย่างก็ว่างเปล่าเพราะเงินเราต้องไปอยู่ในมือคนอื่นหมด ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย ถ้าพี่จะรู้สึกเข็ดและเหน็ดเหนื่อยก็ไม่แปลกเลย
“ใจพี่ก็อยากซื้อนะ ไปหาแม่สะดวกดี จะไปหาตอนไหนก็ได้ แต่พอมาคิดแล้วคิดอีกนั่งรถไฟมันก็ประหยัดนะ” นิชคุณลังเลใจ คิดอยู่หลายตลบแล้วเนี่ย
“โทรไปลาพี่ยูคยอมทั้งวันเลยเถอะ กินเสร็จเราไปดูรถกัน”
“เฮ้ย! อย่าเพิ่งรีบสิ พี่ขอคิดดูก่อนสักสองสามวัน” นิชคุณส่ายหน้า แบมแบมไม่เห็นด้วย
“รอนานกว่านี้สองสามวันถ้าพี่ไม่อยากซื้อขึ้นมาอีกก็เท่านั้น เงินดาวน์น่ะถ้าพี่ไม่อยากเอาเงินที่บ้านใช้ก็เอาเงินฉันก่อน หรือไม่ก็ซื้อแบบไม่ต้องผ่อนไปเลย มันถูกกว่ามานั่งผ่อนนะ”
แบมแบมกระตือรือร้นหาทางเลือกให้ นิชคุณมุ่นคิ้ว
“เงินแกเนี่ยนะ ยังไม่ได้ทำงานจะไปเอามาจากไหน หรือว่าเป็นเงินที่ผัวแกให้ใช้ ไม่เอาอ่ะ! มันก็ไม่ต่างกับฉันใช้เงินมาร์คน่ะสิ” นิชคุณคิดว่าต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน
“จุ๊ๆ โน ไม่ใช่อย่างที่คิดเลยจ้ะ เงินฉันเองจริงๆ” แบมแบมยกนิ้วส่ายไปมา
“แล้วแกมีเงินได้ไงถ้าไม่ใช้เงินมาร์ค”
“ฉันเล่นหุ้น” แบมแบมยิ้มกว้าง
“หา? ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ แกเล่นเป็นด้วยเหรอ”
นี่คือเรื่องแปลกใหม่สำหรับนิชคุณเลย เขาเพิ่งรู้เหมือนกันว่าน้องชายเล่นหุ้นเป็นกับเขาด้วย ไอ้หุ้นนี่คนรวยเขาเล่นกันไม่ใช่เหรอ
“สักพักแล้วล่ะ ฉันว่างน่ะ วันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร เล่นเน็ตอย่างเดียวก็เบื่อเลยลองเอาจริงเรื่องหุ้นดู เรื่องนี้ฉันสนใจมาตั้งแต่ตอนเรียนแล้ว ฉันอยากจะลงทุนอะไรสักอย่างหาเงินมาใช้หนี้ให้แม่แต่ตอนนั้นไม่กล้าเสี่ยงใช้เงินเก็บไปลงทุนเลยตัดใจแล้วศึกษาเอาไว้ก่อน ก็ตั้งแต่เรียนปีสองแน่ะ พอท้องพี่มาร์คก็ห้ามฉันไปทำงานข้างนอกใช่มะ เขาแนะให้ฉันไปร่วมหุ้นกับจีมินทำกิจการอะไรสักอย่างที่จีมินอยากทำฉันจะได้ไม่เบื่อ แต่คิดไปคิดมาไม่เวิร์กอ่ะ
ถ้าทำสิ่งที่จีมินชอบแต่ฉันไม่ชอบฉันก็คงทำไม่ไหว แล้วเรื่องเงินทองเนี่ยนะต่อให้เป็นเพื่อนรักกันแค่ไหนมันก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ฉันเลยล้มเลิกไปและคิดถึงเรื่องหุ้นขึ้นมาได้ พอคิดได้ปุ๊บฉันเลยปรึกษาพี่มาร์คดู พี่เขาก็เล่นอยู่นะ พี่มาร์คแนะนำโบรกเกอร์ดีๆ ให้ ฉันเลยใช้ค่าขนมที่พี่เขาให้มาไปลงทุน ของจริงสำหรับมือใหม่นี่มันยากมากเลยแหละ แต่พี่มาร์คสนับสนุนให้ลอง ถ้าขาดทุนก็ถือเป็นประสบการณ์ แต่โชคดีที่มันไปได้ดีน่ะ ถ้าพี่ต้องการเงินไปซื้อรถฉันจะขายหุ้นให้ ตอนนี้ที่มีอยู่ในมือ ขายไปนิดหน่อยก็ซื้อรถได้สักคันแล้วล่ะนะ”
นิชคุณฟังแล้วทึ่งและอึ้งนิดๆ รู้นะว่าแบมแบมมันเก่งแต่ก็ไม่คิดว่าจะทำอะไรแบบนี้ได้นะ ขนาดเขาเองยังไม่เคยคิดจะลองเล่นหุ้นเลยสักนิด กลัวขาดทุนแล้วหมดตัว
“พี่ไม่อยากรบกวนเงินแกนะแบม”
“พี่คุณ เราพี่น้องกันนะอย่าคิดเล็กคิดน้อยหน่อยเลย พี่จะเกรงใจคนอื่นน่ะทำไปเหอะ แต่อย่าทำแบบนี้กับฉันนะเว้ย ถ้าจะคิดกันจริงๆ พี่เลี้ยงฉันมานะ ดูแลฉันมาหมดไปตั้งเท่าไรแล้ว”
“แต่มันเป็นเงินที่แกหามาเอง แกก็ต้องเก็บไว้ใช้เองสิ”
นิชคุณไม่อยากได้เงินของน้อง ถึงมาร์คมันรวยแต่ถ้าแบมแบมมีเงินใช้ส่วนตัวมันก็น่าภูมิใจกว่าให้สามีเลี้ยงดูอย่างเดียวนะ ส่วนเรื่องเลี้ยงน้องเป็นหน้าที่ของพี่อย่างเขาอยู่แล้วที่ต้องช่วยแม่แบ่งเบาภาระ
“พี่นี่ดื้อจริง ถ้าพี่ไม่เอาเงินฉันไปใช้เปล่าๆ ก็ถือว่ายืมก่อนก็ได้ แล้วพี่อยากจะคืนเมื่อไรก็ค่อยคืนแล้วกัน แบบนี้โอเคไหมอ่ะ ฉันเข้าใจนะว่าพี่ไม่อยากเอาเปรียบพี่น้อง แต่คิดว่ามันเป็นการช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่ได้เหรอ เราก็มีกันอยู่แค่นี้นะ ถ้าพี่มีเงินพี่จะให้ฉันกับโซมีไหมล่ะ พี่ก็ต้องให้เหมือนกันแหละ”
“อืม..” นิชคุณครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี แบมแบมตบโต๊ะปังจนพี่สะดุ้ง
“เอาไง”
“เออ ยืมแกก่อนก็ได้”
“โอเค” แบมแบมพยักหน้าหงึกหงัก พอใจในคำตอบ
ตั้งแต่พ่อเสียไป นอกจากแม่แล้วบ้านเขาก็มีพี่คุณนี่ล่ะที่เป็นเสาหลักอีกคน แบมแบมแค่อยากตอบแทนพี่ชายบ้างก็เท่านั้นเอง แม้มันจะเทียบไม่ได้กับสิ่งที่พี่ทำให้เขาก็เถอะ
“จินยอง หลังจากงานแต่งงานของน้องน่ะ เราเข้ามาเรียนรู้งานต่อจากปู่ได้แล้วนะ”
ซังวูเอ่ยกับหลานที่นั่งกับพื้นเล่นเลโก้เป็นเพื่อนลูก
ตอนนี้จินยองเปลี่ยนตัวเองเพื่อจินฮวานได้แล้ว ลดงานสังคมลง ไปเฉพาะงานที่สำคัญเท่านั้น งดปาร์ตี้ ถึงไปกับเพื่อนก็ไปแค่เดือนละครั้ง ใช้เวลาหลังกลับจากทำงานอยู่กับจินฮวาน พาลูกเข้านอน อ่านนิทานให้ฟัง และไม่ชวนแจบอมทะเลาะแล้วด้วย
“ได้ครับ คุณปู่จะให้เริ่มวันไหนก็บอกแล้วกัน”
“เอาที่เราสะดวกสิ ต้องส่งงานต่อให้แจบอมนี่นา”
“ครับ เสร็จเมื่อไรผมจะบอกคุณปู่อีกทีครับ”
“หม่าม้าต่อไม่ถูกนะฮะ” พ่อหนูเงยหน้ามองแม่ที่ต่อเลโก้ฐานทัพของเขามั่วไปหมดแล้ว
“แหม แค่มันเข้ากันได้ก็พอแล้วนี่ลูก ไม่เห็นจะไม่ถูกตรงไหนเลย เนี่ยเห็นไหม”
จินยองกดตัวเลโก้สี่เหลี่ยมลงไปให้ปุ่มมันเข้ากันได้ พอมือแม่ละไปจินฮวานก็แกะออกทันที
“แต่มันไม่ใช่นี่ฮะ”
“ยากจังเลย เล่นอย่างอื่นกันมั้ย”
“แม่อดทนหน่อยสิฮะ พอต่อเสร็จก็จะได้ฐานทัพเท่ๆ แล้วนะ”
“หึหึ โดนลูกสอนเข้าแล้วสิ” ซังวูหัวเราะขำ จินยองค้อนคุณปู่แล้วนั่งขัดสมาธิมองลูกชายต่อของเล่นเอง
“ไปเล่นเกมออนไลน์กันเถอะ สนุกกว่าตั้งเยอะ”
“ได้เหรอฮะ”
“อื้อ!”
“พอเลย! วันนี้ไม่ใช่วันเล่นคอมนะ” แจบอมที่เดินไปเอาขนมและผลไม้สำหรับทุกคนมาเอ่ยขัดก่อนจินยองจะช่วยลูกเก็บเลโก้ใส่กล่อง
“แหม แค่วันเดียว หยวนๆ หน่อยเถอะน่า อย่าเคร่งนักเลย”
“อาทิตย์นี้คุณขอมาสองวันแล้วนะ ให้เล่นคอมบ่อยๆ เดี๋ยวลูกก็เป็นเด็กติดเกมกันพอดี”
“ไม่หรอกน่า คิดมากเกินไปหรือเปล่า มาร์คเป็นเด็กติดเกมยังโตเป็นประธานได้เลย”
“คุณต่างหากที่คิดน้อยเกิน มาร์คเป็นข้อยกเว้น”
“ชิ”
“ต่อไม่เป็นก็ไปนั่งกินเลยไป ผมจะช่วยลูกเอง” แจบอมทรุดลงนั่งใกล้จินฮวาน
“อ๋อ นี่กีดกันฉันเหรอ” จินยองกระแทกไหล่ไปชนใหล่ คนที่ไม่ได้ระวังตัวเอียง
“เล่นไม่เป็นไม่ใช่เหรอ?” แจบอมไม่ยอมแพ้ดันกลับแต่เพราะตัวหนากว่าจินยองเลยตัวเอียงฟุบไปหาคุณปู่ที่นั่งบนโซฟา
ซังวูส่ายหน้าเมื่อหลานเล่นกันเป็นเด็กๆ ขยับขาหลบมาห่างๆ
“นี่แน่ะ” จินยองออกแรงชนซ้ำไปอีก คราวนี้แจบอมเริ่มเจ็บจริง
“เล่นอะไรกันอยู่ฮะ” จินฮวานมองพ่อและแม่อย่างงุนงง ว่าทำอะไรกัน จินยองตาเป็นประกายเมื่อคิดอะไรขึ้นได้
“เรามาเล่นมวยปล้ำกันดีกว่า”
“เอ๋? เล่นยังไงฮะ”
จินยองปรายตามองแจบอมที่เริ่มรู้ตัวแล้วว่าจินยองต้องการทำอะไร
“อย่านะ ไม่เล่น เดี๋ยวลูกก็ติดไปใช้กำลังกับคนอื่นหรอก”
“หม่าม้าฮะเล่นยังไง สอนหน่อย” จินฮวานลุกไปหาแม่ แจบอมดึงลูกมาหาตัวเอง
“มาเล่นเลโก้กันเถอะ อย่าไปสนใจใจแม่เขามากเลย” แจบอมพยายามเรียกร้องความสนใจจากลูกขณะที่จินยองเปิดคลิปในโทรศัพท์มือถือให้ลูกชายดู
“เขาเล่นกันแบบนี้ไงจินฮวาน”
“โอ้โห!”
“คุณปู่ดูสิครับ จินยองสอนอะไรแปลกๆ ให้ลูกอีกแล้ว” แจบอมฟ้องคุณปู่ ซังวูอมยิ้ม ส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน
“จินฮวานอยากลองไหมลูก” เมื่อดูไปได้สิบนาทีจินยองก็ถามลูก
“อยากฮะ” จินฮวานพยักหน้าหงึก
“ชวนพ่อเล่นสิ” จินยองยกมุมปากเป็นรอยยิ้มกวนประสาทแบบที่แจบอมเคยชินในช่วงนี้ จินฮวานโดนยุปุ๊บก็กระโดดใส่พ่อปั๊บเลย
“โอ๊ะ”
“แล้วทำไงต่อฮะ”
“กดตัวไว้เลย”
“ฮึบ” ร่างจิ๋วๆ พยายามล็อคตัวแบบที่ดูจากคลิปเมื่อกี้ ดูแล้วทำตามเลย แจบอมพลิกตัวแล้วกอดจินฮวานไว้ไม่ยอมเล่นด้วย
“เล่นแบบนี้เจ็บตัวนะจินฮวาน ไม่เล่นนะครับ”
“จินฮวานไปเป็นกรรมการ” ในเมื่อยืมมือลูกไม่ได้จินยองจัดการเอง
“1 2 3! หม่าม้าชนะแล้ว” จินฮวานนอนคว่ำลงกับพื้นแล้วตีพื้นพรม
“โฮะๆ แน่นอนอยู่แล้วจ้ะ”
“ลงไปสักทีผมหนัก..” แจบอมที่โดนภรรยานั่งทับจากด้านหลังแล้วล็อกคอกดไว้กับพื้นเพื่อให้ลูกนับเอ่ยขึ้นเบาๆ
“จะว่าฉันอ้วนเหรอ”
“ส่องกระจกทุกวันนี่ไม่รู้เหรอ”
“อะ..” จากที่จะหาทางตบตีสามีแก้หงุดหงิดแบบไม่มีพิรุธให้จินฮวานจับได้กลายเป็นไม่สบอารมณ์เพิ่มขึ้นซะอย่างนั้น
จินยองจิกผมนุ่มของสามีทึ้งไปมาไม่แรงนักข้อหาพูดจาขวางหูโดยมีเสียงประกอบเป็นเสียงโอดโอยด้วยความเจ็บปวดของสามี จินฮวานนึกว่าแม่เล่นต่อก็โดดมาร่วมลงด้วย
ซังวูมองแม่ลูกที่รุมพ่ออยู่คนเดียวอย่างสนุกสนานแล้วอมยิ้ม ถึงจินยองยังติดนิสัยชอบตีแจบอมแต่ความรู้สึกมันคนละอย่างกับเมื่อก่อนเลยนะ จะเรียกว่าเอ็นดูแจบอมก็ได้(มั้ง)
“ขอรบกวนหน่อยนะครับ”
“เชิญเลยจ้ะ มาๆ นี่ซื้ออะไรกันมาเต็มเลยล่ะ ที่บ้านก็ของเยอะแยะ” คุณแม่ของยูคยอมเอ่ยชวนนิชคุณ ก่อนคนรับใช้จะเดินมารับของจากคุณหนูไปเก็บ
“แวะไปเดินเล่นกันมาน่ะครับเลยซื้อของมาด้วย”
“เหรอจ๊ะ มาไวจัง อาหารเย็นยังไม่เสร็จเลยล่ะ” คุณนายของบ้านสวมผ้ากันเปื้อนด้วย
“คุณแม่เข้าครัวเองเหรอครับวันนี้” นิชคุณลังเลระหว่างนั่งเล่นรอที่ห้องนั่งเล่นหรือจะไปช่วยเธอในครัวดี ถ้าอาสาจะโดนหาว่ายุ่งวุ่นวายไหม
“จ้ะ วันนี้คุณพ่ออยากทานฝีมือแม่น่ะ”
“ให้ผมเข้าไปช่วยในครัวไหมครับ”
“อยากช่วยเหรอจ๊ะ มาๆ ได้เลย” เยอึนแตะแขนร่างสูงแล้วเดินนำไปทางห้องครัว
ยูคยอมเลยแยกเดินไปนั่งกับคนอื่นในห้องนั่งเล่น ถึงแม้ยูคยอมจะหลอกทุกคนว่าคบกับนิชคุณมานานจนกระทั่งคบกันจริงๆ แล้ว นิชคุณก็เพิ่งมาบ้านคิมได้ไม่กี่ครั้ง มาทุกครั้งก็ยังเกร็งและเกรงใจทุกคนอยู่มาก ยังไม่กล้าทำตัววุ่นวาย แต่มาครั้งนี้ขอไปช่วยในครัวคงจะเป็นสัญญาณที่ดีว่านิชคุณพยายามจะทำตัวให้ต่างจากแขกทั่วไปอยู่ละนะ
“แกหาของขวัญให้คุณแม่หรือยัง”
พี่ชายที่ดูแบบสวยในหนังสือกับภรรยาจนหัวแทบจะชนกันเอ่ยกับน้องชายโดยไม่มองหน้าน้องสักนิด ยูคยอมเบ้ปาก อิจฉานัก
“ยังไม่รู้เลย พี่จะให้อะไรล่ะ”
“เมียฉันจัดการแล้ว”
“อะไรเหรอ”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพรซ์น่ะสิ”
“ขี้งกจัง” พูดถึงเรื่องของขวัญคุณแม่แล้วเครียดขึ้นมานิดๆ แฮะ ไม่รู้จะซื้ออะไรดี
“นี่คุณพ่อไปไหน”
“ห้องทำงาน”
ยูคยอมถอนหายใจ พี่ชายถามคำตอบคำ ตัวติดเมียแทบจะสิงแล้วจ้ะ รักกันมากไม่สนใจน้องเลย
“ขอบใจนะจ๊ะคุณที่ช่วย แม่รบกวนหน่อยนะ วานไปตามคุณพ่อที่ห้องทำงานมาที จะได้ทานข้าวกัน” เยอึนพูดพลางกระตุกสายผ้ากันเปื้อนที่ผูกเอวไว้ นิชคุณรับคำแล้วเดินไปตามให้
ระหว่างทางที่เดินไปร่างสูงก็ครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ เป็นเรื่องที่เขาคิดมานานสักพักแล้วแต่คิดไม่ตกว่าควรจะทำไหม และควรจะปรึกษาหรือบอกกล่าวเด็กหมูก่อนดีหรือเปล่า
ถ้าไม่บอกออกไปมันต้องเป็นเรื่องที่ติดค้างในใจเขาไปตลอดแน่ แต่ถ้าบอก บางทีทุกคนอาจจะรับไม่ได้แล้วเขากับเด็กหมูอาจต้องเลิกกันและเด็กนั่นก็คงไปคบกับคนที่พ่อแม่หาให้อีก
เฮ้อ ยิ่งคิดยิ่งหนักอกหนักใจเหลือเกิน
ระหว่างมื้ออาหารนิชคุณเงียบและแปลกไปจนยูคยอมที่ไม่ค่อยใส่ใจอะไรยังสังเกตเห็น วันนี้ไปหาน้องมาน่าจะอารมณ์ดีมีความสุขสิ ขนาดพ่อแม่เขาชวนคุยเรื่องหลานในท้องของแบมแบมนิชคุณยังยิ้มได้ไม่เต็มที่เลยนะ หรือว่ามีปัญหากับแบมแบมมา อาจจะเป็นไปได้ก็ได้
เมื่ออาหารเย็นผ่านพ้นไปนิชคุณก็ตัดสินใจได้สักทีว่าจะทำอย่างไร
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย รบกวนเวลาสักครู่ได้ไหมครับ”
“ได้สิ” ดัลกูพยักหน้า อนุญาต นิชคุณมองไปยังลูกบ้านคิม
“ขอคุยเป็นการส่วนตัวได้ไหมครับ” ดัลกูและเยอึนมองหน้ากัน
“เป็นความลับหรือคุณ ทำไมไม่คุยกันตรงนี้ล่ะ”พี่ชายของยูคยอมสงสัยใคร่รู้ไปด้วย ไม่ต่างกับภรรยาและน้องชายสักนิด
“ครับ”
“พี่นิช..” ยูคยอมเริ่มใจไม่ดี ทำไมเขาถึงคิดว่ามันจะไม่ใช่เรื่องดีอย่างไรก็ไม่รู้สิ
“ไม่มีอะไรมากหรอก” นิชคุณยิ้มให้คนที่นั่งข้างกายพลางลูบผมนุ่มเบามือ
“แต่พี่ดูเครียดๆ นะ”
“มีเรื่องต้องคิดนิดหน่อยน่ะ”
“อ่า..ถ้าคุณอยากคุยก็เชิญจ้ะ เราไปคุยกันที่ห้องหนังสือดีกว่าเนอะ”
เยอึนตามใจชายหนุ่ม ดัลกูพยักหน้าว่าไปห้องหนังสือก็ได้แล้วลุกนำไปก่อน
เมื่อทั้งสามออกไปจากห้องนั่งเล่น ยูคยอมก็ถอนหายใจเฮือกจนพี่ชายและพี่สะใภ้สงสัย
“เป็นอะไรไป”
“แค่กังวลใจนิดหน่อยน่ะครับ อยากรู้จังว่าจะคุยอะไรกัน”
“ไปแอบฟังสิ”
“แอบไปก็ไม่ได้ยินอยู่ดี” จะรอถามตอนนิชคุณจะกลับก็แล้วกัน
“อ่าวคุณ! ลงไปนั่งกับพื้นทำไมจ๊ะ”
เยอึนตกใจเมื่อจู่ๆ นิชคุณก็ย่อกายลงนั่งคุกเข่ากับพื้นพรมหนา ดัลกูทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา มองชายหนุ่มว่าต้องการจะทำอะไร
“ผมมีเรื่องอยากจะขอโทษคุณพ่อคุณแม่น่ะครับ” นิชคุณเกริ่นขึ้นมาก่อน
ดัลกูนั่งรอฟังเงียบๆ เยอึนแปลกใจว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไรต้องขอโทษกัน เขาไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับเธอและสามีสักหน่อย
นิชคุณนั่งตัวตรงอกผายไหล่ผึ่ง มองสบตาดัลกูและเยอึนก่อนจะก้มหัวขอโทษ
“เรื่องของผมกับยูคยอม..ความจริงแล้วนั้นมันเริ่มมาจากยูคยอมขอร้องให้ผมช่วยแกล้งเป็นแฟนเพื่อหลบเลี่ยงการดูตัวน่ะครับ”
อ่า..ในที่สุดก็พูดออกไปแล้ว!
ดัลกูเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย ตกใจกับเรื่องที่ออกมาจากปากชายหนุ่มที่เขาเอ็นดู ส่วนเยอึนยกมือปิดปาก ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“แสดงว่า..ที่ทำมาทั้งหมดคือการหลอกเท่านั้นหรือ” ดัลกูคิ้วขมวด นิชคุณพยักหน้ารับ
“ใช่ครับ”
“ทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น แสดงว่าตลอดหลายเดือนที่ผ่านมานายก็..”
“ได้โปรดฟังผมให้จบก่อนเถอะนะครับ” นิชคุณขัดขึ้นก่อนเยอึนจะเข้าใจผิด
“จะแก้ตัวหรือนิชคุณ”
“เปล่าครับ ผมแค่อยากจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คุณพ่อคุณแม่ฟังก่อนจะตัดสินอะไร เรื่องมันเริ่มขึ้นตอนงานวันเกิดท่านรัฐมนตรีฮวางเมื่อปีก่อนครับ ยูคยอมมาขอร้องผมว่าไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก ผมสงสารเลยรับปากจะช่วย..ตอนแรกผมก็อยากจะเลิกนะครับ ต้องบอกตามตรงว่าที่ผมเลิกไม่ได้เพราะยูคยอมขู่เรื่องงานและเงินเดือนน่ะครับ ผมมีภาระต้องรับผิดชอบอีกมากเลยไม่อาจถอนตัวกลางคันได้ และผมก็รู้สึกผิดมากที่ต้องร่วมมือกับยูคยอมเพื่อหลอกทุกคน มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายยากมากเลยครับ บางทีก็อยากบอกความจริงทั้งที่บอกไม่ได้ ยิ่งได้อยู่กับคุณพ่อ โดนพาไปไหนมาไหนด้วย และทุกคนในบ้านนี้ก็เอ็นดูผมจริงๆ มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกแย่มากและอยากจะเลิก แต่พอผมกับยูคยอมอยู่ด้วยกันนานเข้า ความรู้สึกก็เริ่มเปลี่ยนไปน่ะครับ จากเรื่องหลอกมันดันกลายเป็นความรู้สึกจริงๆ ขึ้นมา
ยูคยอมเคยขอให้เราคบกันจริงจังอยู่หลายครั้งแต่ผมลังเลครับ เพราะด้วยความที่เราแตกต่างกันมากในหลายเรื่อง ผมคิดว่าเราอาจไปกันไม่รอด และผมก็คงไม่มีปัญญาดูแลเขาอย่างดีในแบบที่เขาควรจะได้จากคนที่เพียบพร้อมกว่าผมด้วย แต่สุดท้ายผมก็เลิกคิดถึงอุปสรรคทุกอย่างนั่นไปแล้วขอเขาเป็นแฟนจริงๆ เมื่อตอนปีใหม่น่ะครับ..เรื่องที่อยากพูดก็มีแค่นี้ล่ะครับ คุณพ่อคุณแม่จะดุด่าอย่างไรก็เชิญได้เลย”
นิชคุณเล่ารวบรัดได้ใจความแล้วยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น
ดัลกูและเยอึนต่างก็อึ้งไปกับเรื่องราวแท้จริงจากปากนิชคุณ แต่ด้วยประสบการณ์ของคนผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน ทั้งคู่ดูออกว่านิชคุณพูดเรื่องจริง
แม้ดัลกูจะนึกเคืองที่ความสัมพันธ์ของลูกชายคนเล็กและนิชคุณมันเริ่มต้นมาด้วยเหตุผลที่น่าด่าเหลือเกิน แต่ก็ต้องนับถือใจนิชคุณที่ยอมเล่าความจริงทั้งที่จะไม่บอกเรื่องนี้ก็ได้ ในเมื่อตอนนี้ทุกคนในบ้านก็ยอมรับเขาได้และยินดีที่จะต้อนรับเขาเข้ามาเป็นสมาชิกอีกคน
"ทำไมถึงบอกเราล่ะ เก็บต่อไปก็ได้ไม่ใช่หรือ ถ้าลูกฉันกับนายไม่บอกเราก็ไม่มีทางรู้”
“ไม่ได้ครับยังไงก็ต้องบอก ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ติดอยู่ในใจผมไปตลอดชีวิต”
“แล้วไม่กลัวว่าพ่อกับแม่จะสั่งให้เราสองคนเลิกกันเหรอ ถ้าเกิดเราไม่เชื่อที่คุณบอกล่ะ”
เยอึนถามขึ้นมาบ้าง นิชคุณมองสบตาคู่สวยของเธอและตอบอย่างหนักแน่น
“ผมเตรียมใจไว้แล้วครับ ยังไงผลมันก็มีอยู่แค่สองทางคือผมจะมียูคยอมอยู่ด้วยกันต่อหรือเสียเขาไป แต่เพราะผมต้องการให้ยูคยอมอยู่กับผมตลอดไปนี่ล่ะครับผมถึงต้องเล่าเรื่องจริงทั้งหมดให้คุณพ่อคุณแม่ทราบ ผมไม่ได้จะคบกับเขาเล่นๆ แล้วเลิก ผมตั้งใจจะคบเขาเป็นคนสุดท้ายและแต่งงานกัน เรื่องที่น้องผมกำลังจะแต่งงานทำให้ผมคิดได้ครับว่าผมอยากจะมีความสุขอย่างเขาบ้าง ผมอยากได้ลูกชายคุณพ่อคุณแม่นี่ครับ มันคงจะไม่ดีถ้าผมมีความลับกับคุณพ่อคุณแม่น่ะครับ”
คำพูดตรงไปตรงมาที่แสนจะจริงใจทำให้ใบหน้าเรียบเฉยของผู้สูงวัยเริ่มมีรอยยิ้ม
เยอึนประทับใจมากทีเดียว
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอยู่ครู่ท่ามกลางความตึงเครียดของนิชคุณที่เครียดกับคำตอบจนมวนท้องไปหมด
ดัลกูมองหน้าภรรยา เพียงมองตาก็เข้าใจ เมื่อเยอึนพยักหน้าดัลกูก็หันมาหานิชคุณ
“ขอบใจนะที่พูดกันตรงๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงเก็บเงียบไว้เพราะไม่อยากให้เราสองคนไม่พอใจ นายแสดงให้เราเห็นว่าจริงใจกับยูคยอมจริงๆ..ต่อจากนี้ก็ฝากยูคยอมด้วยนะ ดูแลเขาให้ดีๆ”
“ขอบใจนะจ๊ะ แม่ดีใจที่ได้ยินเรื่องนี้”
“ขอบคุณมากครับ” สีหน้าเคร่งเครียดของนิชคุณคลายลงพร้อมมีรอยยิ้มเข้ามาแทนที่
“ออกไปหายูคยอมเถอะจ้ะ เด็กคนนั้นคงห่วงแย่แล้ว”
“ครับ” นิชคุณโล่งใจเหมือนยกภูเขาทั้งลูกออกจากอก
เมื่อนิชคุณออกไปจากห้องหนังสือ ดัลกูและเยอึนก็สนทนากันต่อถึงคนที่เพิ่งออกไป
“นิชคุณเป็นคนดีกว่าที่ฉันคิดนะคะ ก่อนหน้านี้ฉันยังกังวลใจอยู่แต่ตอนนี้สบายใจขึ้นละ”
“ใช่ ผมยิ่งมั่นใจว่าจะฝากยูคยอมและกิจการอีกครึ่งของเราให้เขาช่วยดูแลได้ เขาก็บอกเองว่าเตรียมใจไว้แล้วว่าอาจจะต้องเลิกกับยูคยอมแสดงว่าเขารักยูคยอมที่ตัวลูกจริงๆ ไม่ใช่ที่ฐานะหรืออะไร เพราะแรกเริ่มพวกเขาก็เริ่มกันมาด้วยผลประโยชน์ และการเป็นเขยของเราก็หมายถึงผลประโยชน์มหาศาลที่จะได้ด้วยนะ จะว่าไปก็เป็นโชคดีของยูคยอมด้วยที่เจอผู้ชายดีๆ แบบนี้ เลือกจ้างได้ถูกคนเหลือเกิน”
“นั่นสินะคะ ยูคยอมนี่โชคดีจริงๆ”
เยอึนหัวเราะเบาๆ เธอห่วงแสนห่วงยูคยอมที่แสนเอาแต่ใจ เธอสบายใจขึ้นแล้วล่ะที่จะมีคนมาดูแลยูคยอมได้สักที
งานแต่งงานของหลานชายเจ้าสัวต้วนถูกจัดขึ้นภายในห้องบอลลูมหรูหราและใหญ่โตของโรงแรมเดอะแกรนด์ริชที่รองรับคนหลายร้อยคน เพราะเป็นครอบครัวใหญ่และต้องต้อนรับแขกจำนวนมาก สัดส่วนแขกของเจ้าบ่าวต่อแขกของเจ้าสาวนั้นแปดสิบต่อยี่สิบเลยทีเดียว
ในงานจะมีการแบ่งออกเป็นสองห้องคือห้องพิธีการ และห้อง After Party Wedding ซึ่งห้องปาร์ตี้มีขนาดเล็กกว่าเพราะเจ้าบ่าวเจ้าสาวจำกัดจำนวนคนเข้าแค่ 150 คน เฉพาะญาติและคนสนิทให้มาสนุกด้วยกัน ทางด้านห้องพิธีการเป็นหน้าที่ของนิชคุณที่ต้องดูแลรับผิดชอบร่วมกับผู้จัดงานคนอื่น และในส่วนของปาร์ตี้เป็นหน้าที่ของจินยองที่ถนัดเรื่องงานเลี้ยงสุดๆ
หน้าที่ต้อนรับแขกก่อนเข้างานก็เป็นคนในครอบครัวและเจ้าบ่าวนี่ล่ะ เจ้าสาวต้องเก็บตัวอยู่ในห้อง แต่เจ้าสาวไม่ได้เดียวดายเพราะมีสาวๆ อยู่เต็มห้อง
จีมินตามติดอยู่ข้างกายแบมแบมเพื่อคอยดูแลทุกอย่างโดยมีโซมีคอยเป็นมือช่วยพี่จีมินหยิบโน่นทำนี่ จีมินล่วงหน้ามางานก่อนและฮยองวอนจะตามมาทีหลัง
“พี่แจบอมมายืนแทนหน่อยสิ”
มาร์ครั้งแขนพี่เขยที่เดินวุ่นไปทั่ว คนที่เพิ่งผละจากนิชคุณมาหน้างานถูกน้องเมียรั้งไว้ตอนจะกลับเข้าไปในงานก็ชะงัก
“พี่ยุ่งน่ะมาร์ค อยู่เป็นเพื่อนคุณปู่กับคุณแม่ไปสิ”
“งั้นไปตามจินยองมายืนแทนหน่อย”
“แล้วนายจะไปไหน?”
“ไปหาแบม” แจบอมกลอกตาพลางถอนหายใจ ซังวู อังศนา และญาติคนอื่นอดขำไม่ได้
“ปล่อยน้องไปเถอะ นี่จินฮวานอยู่กับแม่หรือเปล่า”
ซังวูรั้งหลานเขยไว้และให้มาร์คไป
“จินยองพาลูกไปกินข้าวน่ะครับ แกงอแงบอกว่าหิว”
“โซมี พี่หิวน้ำ” แบมแบมที่นั่งตัวกลมอยู่บนโซฟาเดี่ยวสีครีมที่ออกแบบอย่างหรูหราเอ่ยกับน้องสาวที่นั่งคุยกับจีมิน เด็กสาวรีบลุกไปยังโต๊ะที่วางข้าวของจิปาถะของสาวๆ เพื่อรินน้ำให้
แบมแบมนั่งตรงกลาง ทางโซฟาซ้ายมือคือเพื่อนรักและน้องสาว ทางโซฟาขวามือคือคามิลาและซูจีที่งานนี้ไม่พลาด
ตั้งแต่เช้าซูจีก็ไม่ได้อยู่เฉย คอยช่วยงานเหมือนกัน เว้นคามิลที่ยังรักษาตาไม่หายดีจึงยังไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากมาอยู่คุยเป็นเพื่อนแบมแบม
ถ้าใครเข้ามาในห้องเจ้าสาวคงจะเคลิ้มไปพักใหญ่เพราะมีแต่คนสวยน่ารักเต็มห้องไปหมด แต่ที่เด่นสุดเห็นจะเป็นเจ้าสาวในชุดฮันบกสีน้ำเงินเข้มแบบเรียบ และที่ชุดแต่งงานมาลงตัวที่ชุดเจ้าสาวแบบเกาหลีเพราะเจ้าสาวมีเจ้าตัวเล็กอยู่ ส่วนชุดafter party จะเป็นเสื้อสีขาวและกางเกงแบบเรียบหรูธรรมดาแต่ราคาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
“เด็กๆ พี่ฝากจินฮวานแป๊บนึงนะ คุณปู่เรียกตัว”
จินยองเปิดประตูเข้ามาพร้อมลูกชาย พอลูกปล่อยมือปุ๊บก็ออกไปปั๊บ ท่าทางรีบจริง
จินฮวานมองคนโน่นคนนี้ทีเหมือนชั่งใจเลือกว่าจะไปหาใครดี มีลังเลว่าจะไปหาพี่สาวที่เป็นเพื่อนกันอย่างโซมีดีไหม แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะวิ่งเข้าหาอ้อมกอดของคุณน้าแบมแบมผู้ที่ตนสนิทสนมด้วยที่สุด
แบมแบมอ้าแขนออกรอรับเด็กชายที่วิ่งมาหา แต่ส่งเสียงเตือนแกก่อน
“จินฮวานอย่าโถมใส่น้านะครับ เดี๋ยวน้องตกใจนะ”
พอสิ้นเสียงหวานจินฮวานก็หยุดกึกเปลี่ยนเป็นเดินไปกอดแล้วซบหน้ากับท้องนูนภายใต้ชุดแต่งงานแสนสวย
“โอ๊ย..ตัวแค่นี้รู้จักอ้อนแล้วนะ”
จีมินทั้งเอ็นดูและหมั่นเขี้ยวพ่อหนูน้อย แบมแบมก้มลงเล็กน้อยเพื่อกอดหลานไว้ ซูจีที่นั่งใกล้แบมแบมเอื้อมมือเขี่ยแก้มใสของหนูน้อยหน้าหวาน
เด็กน้อยวางมือบนท้องแบมแบมแล้วคุยกับน้อง บ่นให้น้องฟังว่าเบื่อ และเจอคนเยอะแยะเลย บรรดาน้าๆ ในห้องฟังแล้วก็อดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้
“พี่คะ พี่ดาส่งของขวัญมาให้นะแต่ตัวไม่ได้มา” โซมีเพิ่งนึกได้ว่าแม่บอกมาแต่เช้าแล้ว
“ทำไมเหรอ ดาฝากข้อความอะไรมาบ้างไหม” แบมแบมมองน้องสาวพลางกอดหลานไว้
งานนี้ไม่มีญาติของพ่อมาเลยเพราะแม่ไม่ได้บอกใครแต่เชิญญาติทางแม่ ซึ่งบางคนก็มาไม่ได้แต่ยังอวยพรมา ส่วนดาริกานั้นแบมแบมเชิญเธอเป็นการส่วนตัว
“ฝากขอโทษมาค่ะ บอกว่าจะโทรมาหาพี่อีกที ที่มาไม่ได้เพราะที่บ้านรู้ว่าพี่ชวนพี่ดาเขาเลยไม่ให้พี่ดามา”
โซมีไม่ค่อยพอใจนัก เดาว่าบ้านนั้นคงโกรธอยู่
“แย่จริงๆ เลยคนพวกนั้น” แบมแบมไม่พอใจเช่นกัน ทำไมต้องกีดกันขนาดนี้นะ
“เจ้าสาวแกอย่าคิดมาก เดี๋ยวน้องรู้จะไม่สบายใจเปล่าๆ”
จีมินปลอบใจเพื่อน ทุกเรื่องในชีวิตเพื่อนเธอก็รู้ทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่เรื่องดาริกา เจ้าสาวพยักหน้าอย่างขอไปที
“โอ๊ะ..” ทุกคนหันมองไปทางหน้าประตูที่มีผู้มาใหม่เปิดเข้ามาอีกแล้ว
“อ่าวพี่มาร์ค มาทำไมครับ” แบมแบมแปลกใจ ทำไมไม่อยู่ช่วยทุกคนข้างนอกล่ะ
“ทักได้น่ารักมากจ้ะ” มาร์คหัวเราะ ก่อนจะมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อึ้งปนขำนิดหน่อย
ที่เขาว่ากันว่า เวลาเราเจอปัญหาอะไร ในช่วงเวลานั้นมักคิดว่ามันหนักที่สุดในชีวิตเสมอ พอเวลาผ่านไป เมื่อเราดีขึ้นและมองมันใหม่เราจะยิ้มให้มันได้..ความรู้สึกเป็นอย่างนี้เองมั้ง
คนที่เขาเคยรักสองคนและคนที่เขารักตอนนี้นั่งอยู่ด้วยกันภายในงานแต่งงานของเขา
“นี่ช่างภาพไปไหนครับ” มาร์คมองไปทางเก้าอี้และโต๊ะมุมห้องที่เป็นมุมส่วนตัวของช่างภาพหนึ่งในทีมช่างภาพหลายคนที่มาประจำจุดนี้
“ไปห้องน้ำค่ะเดี๋ยวก็มา พี่มาร์คมีอะไรคะหรือว่าจะถ่ายรูปกับพี่แบม”
โซมีสงสัยจัง นี่ตั้งแต่เช้าก็ถ่ายคู่กันไปเยอะแล้วนะ
“เปล่า จะมาถ่ายพวกเราทุกคนนั่นล่ะครับ”
“เอ๋? หมายถึง..ทุกคนตรงนี้เหรอ” ซูจีชี้วนไปรอบคนหกคนรวมตัวเธอและยกเว้นมาร์ค
“ใช่ไง”
“เพื่ออะไร?”
“การที่แฟนเก่ามานั่งเป็นเพื่อนเจ้าสาวของตัวเองมันไม่น่าเก็บไว้เป็นที่ระลึกหรอกเหรอ”
มาร์คคิดว่านี่น่ะน่าจะเป็นความทรงจำดีๆ อีกอย่างหนึ่งของงานนี้เลยนะ
“ใช้มือถือถ่ายไปก่อนสิคะ” คามิลาเสนอ
“ไม่ได้น่ะสิครับ มือถือผมฝากไว้กับคุณยองแจ นี่ก็ตามหาตัวไม่เจอ ไม่รู้ไปอยู่ตรงไหน”
สัมภาระข้าวของอะไรต่างๆ ของมาร์คฝากไว้ที่เลขานุการคนสวยหมด
“งั้นใช้ของหนูก่อนก็ได้ค่ะ” โซมีหันไปหยิบกระเป๋าถือใบยาวแล้วเอามือถือส่งให้พี่เขย
“ขอบคุณครับ” มาร์ครับโทรศัพท์มาจากเด็กสาว ทุกคนเลยเริ่มจะขยับหามุมนั่งให้ได้องศาที่สวยที่สุดกันแม้จะไม่สวยเท่าเจ้าสาวก็เถอะ
“จะถ่ายก็นับด้วยนะคะ จะได้ยิ้มทัน” จีมินเอ่ยขึ้นก่อนจะยิ้มหวานๆ สู้กล้อง
มาร์คหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเริ่มนับให้พวกเธอมีเวลาตั้งตัว แบมแบมให้จินฮวานยิ้มให้กล้อง เด็กน้อยก็ถนัดเลยเพราะแม่ชอบถ่ายรูปตนบ่อยๆ
“เป็นไงยองแจ เรียบร้อยดีนะ”
เจ้าสัวเอ่ยกับเลขานุการของหลานที่เดินมาหา เขาสั่งให้ยองแจและจุนเคแยกกันไปสั่งกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ รอบงานและรอบโรงแรมเพื่อให้คอยดูว่าจีอันจะมาร่วมงานไหม ถ้ามาก็จะต้องห้ามเธอไม่ให้เข้ามาในงานเด็ดขาด
“เรียบร้อยแล้วครับท่าน”
“ดีมาก ขอบใจนะ” เจ้าสัวโล่งใจไปเปาะหนึ่ง
แม้จะเป็นการกระทำที่ใจร้ายต่อจีอัน แต่เพื่อปกป้องหลานชายที่รักในวันสำคัญที่สุดซังวูยอมเป็นคนใจร้าย
“เจ้าสัวคิดว่าเธอจะมาจริงหรือคะ”
อังศนาคิดว่าจีอันอาจไม่มาก็ได้ ถ้าเป็นเธอ ต่อให้รักลูกแค่ไหน ถ้าเธอเป็นต้นเหตุทำให้ลูกหัวใจสลายเธอจะไม่มีวันมาให้ลูกเห็นหน้าอีกเด็ดขาด
ต่อให้รัก ต่อให้ทรมาน ต่อให้คิดถึงแทบจะขาดใจ ถ้าลูกไม่ต้องการเธอก็จะไม่ดันทุรังมา
“ผมคิดว่าเธอต้องมาแน่ จีอันเป็นคนดื้อรั้นที่สุด เมื่อเธอเลือกจะทำอะไรเธอจะทำโดยไม่ลังเลและไม่ยอมแพ้แม้จะมีอุปสรรค และผมไม่เคยห้ามเธอได้ไม่ว่าจะเป็นเมื่อ 27 ปีก่อนหรือ 15 ปีก่อน”
ในเมื่อจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ซังวูจึงไม่ปิดบังเรื่องแม่ของมาร์คและเล่าเรื่องราวแต่หนหลังให้อังศนาได้ฟัง และเมื่ออังศนารู้เธอยิ่งรักและสงสารสามีของลูกจับใจ
จีอันมองการ์ดของงานด้วยสายตาไม่พอใจ ไม่ว่าเธอจะเดินไปจุดไหนประตูไหนก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องพิธีการได้เลย และตอนนี้ก็สายมากแล้วด้วย ดูจากเวลาแล้วงานน่าจะผ่านไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว ต่อให้ไม่ทันพิธีการตั้งแต่เริ่มแรกก็ขอให้เธอได้เห็นพิธีการช่วงสุดท้ายก็ยังดี
“เจ้าสัวมีคำสั่งห้ามคุณเข้าไปในงานเด็ดขาดครับ กรุณากลับไปด้วย”
การ์ดชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ตอบอย่างที่ได้รับมอบหมายงานมา จีอันได้ฟังอีกครั้งก็ตัวสั่นเทิ้มไปหมด
เล่นไม้นี้กับฉันหรือคะคุณพ่อ ยังไงฉันก็ต้องเข้าให้ได้ ไม่ได้เข้าไปในพิธีไปปาร์ตี้ก็ได้!
“เรากลับกันเถอะครับ” ไบรอันที่ยืนอยู่ด้านหลังจับแขนดึงเธอให้กลับ จีอันสะบัดแขนออกแล้วมองหน้าการ์ดด้วยความไม่พอใจ
“ท่านครับ คุณจีอันเธอมาจริงๆ”
จุนเคที่นั่งอยู่บนเก้าอี้แถวสองด้านหลังนายเอ่ยขึ้นเบาๆ หลังจากได้รับข้อความลูกน้องหน่วยรักษาความปลอดภัยด้านนอก
“อือ” ซังวูรับทราบแล้วไม่สนใจอีก ทุ่มความสนใจไปยังหลานชายและหลานสะใภ้ที่กำลังเข้าสู่ช่วงแลกแหวนแต่งงานกัน
ได้เห็นมาร์คแต่งงานเขาก็สุขใจมากแล้ว แค่หลานมีความสุขอย่างคนอื่นเขาสักทีชีวิตนี้ซังวูก็ไม่อยากได้อะไรแล้วล่ะ
พิธีการดำเนินไปเรื่อยๆ อย่างราบรื่นและมีความสุข แขกที่มาร่วมงานทุกคนต่างชื่นชมถึงความเหมาะสมของบ่าวสาว ยิ่งคนสนิทยิ่งปลื้มใจเป็นพิเศษที่คนที่ตนรักได้แต่งงานสักที
บริเวณที่นั่งของผู้ร่วมพิธีทางซ้ายมือแถวแรกนั้น อังศนา จินยอง และยองแจเหมือนจะแข่งกันร้องไห้ มันเป็นความรู้สึกล้วนๆ มีคุณเจย์คอยส่งผ้าเช็ดหน้าให้ซับน้ำตา
อังศนาสบายใจเมื่อเห็นลูกมีคนดูแล ส่วนจินยองและยองแจนั้นดีใจมากที่ในที่สุดมาร์คก็สมหวังแล้ว ต่อจากนี้ก็มีแต่ต้องประคองชีวิตครอบครัวกันต่อไปให้ได้
“โหย..ไร่คุณแม่สวยขึ้นหรือยังไงเนี่ย ตอนเราไปปีก่อนก็ว่าสวยแล้วนะแต่ในรูปนี่สวยกว่ามากๆ”
เซฮุนมองภาพพรีเวดดิ้งที่จัดตกแต่งได้สวยและน่าสนใจ
บ่าวสาวสวยหล่อเป็นเรื่องธรรมดาแต่ฉากหลังแต่ละภาพนั้นมาจากทุกมุมสวยๆ ในไร่ของคุณแม่ บรรยากาศอย่างกับไปถ่ายเมืองนอกแน่ะ
“เห็นแล้วอยากไปเที่ยวอีกเลยอ่ะ” ฮันบินยืนมองอีกภาพที่สวยไม่แพ้กัน
“อยากแต่งงานขึ้นมาบ้างเลยเนาะ ฉันนึกว่าท่านประธานจะพาแบมแบมไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ต่างประเทศเสียอีก” เจียเปรยขึ้นบ้าง
“อยากมีโมเม้นท์แบบนี้บ้างเลยว่ะ ถ้าหาสามีได้จะไปเช่าสถานที่คุณแม่ถ่ายแบบนี้มั่ง”
“มันเป็นแผนโปรโมทไร่ให้แม่แบบเนียนๆ น่ะครับ แขกถามกันแทบทุกคนว่าถ่ายที่ไหน”
มินสะดุ้งโหยงเมื่อมีคนมาพูดใกล้หูแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว หันไปมองจึงเห็นเจ้าสาวยืนหัวเราะอยู่ รวมเพื่อนอีกสามด้วย
“โธ่แบม พี่ตกใจหมดเลย ทำไมมาเงียบๆ ล่ะจ๊ะ”
“อยากแหย่เล่นเองครับ” เจ้าสาวยิ้มสดใส เพิ่งมาหาพี่ๆ เพราะหนีไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดสำหรับปาร์ตี้มา มินตีแขนเจ้าสาวเบาๆ ด้วยความเอ็นดู
“เอ้าทุกคนมาอยู่นี่เอง ย้ายห้องกันเร็ว ไปปาร์ตี้กัน”
มาร์คที่เปลี่ยนชุดแล้วเช่นกันเดินมาตามเจ้าสาวของตนที่อยู่ร่วมกับพนักงานของตน แบมแบมหันไปมองเจ้าบ่าวที่เดินมาโอบเอว
“พี่ส่งแขกผู้ใหญ่กลับไปหมดแล้วหรือครับ”
“อื้อ หมดแล้วครับ เพื่อนแบมก็ทยอยไปไวท์รูมแล้วนะ”
ห้องจัดปาร์ตี้อยู่ใกล้เดินกันนิดเดียวก็ถึง ห้องพิธีการจะมีแขกผู้ใหญ่ของทางมาร์คเยอะ ส่วนปาร์ตี้มีเพื่อนแบมแบมเยอะกว่า
“ไปกันเถอะครับ” มาร์คชวนพี่ๆ กลุ่มของแบมแบมไปด้วยกัน ทั้งสี่พยักหน้าพร้อมเพรียงกันทีเดียว
งานปาร์ตี้นั้นจัดต่อเนื่องจากงานแต่งเลยเพื่อไม่ให้เพื่อนๆ ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกลับบ้านกันเสียก่อน และเจ้าสาวก็ชวนเพื่อนที่สนิทตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมรวมถึงมหาลัยมางานแต่งแล้วอยู่สนุกกันต่อหลังงานด้วย
งานแต่งเลือกวันเสาร์จัดตามฤกษ์สะดวกเพราะเพื่อนๆ ส่วนใหญ่อยู่ต่างจังหวัด บางคนอยู่ต่างประเทศ จะได้มากันได้โดยไม่เสียงานเสียการ
งานปาร์ตี้นั้นสนุกขึ้นเรื่อยๆ เพราะนักร้องนักดนตรีเอนเตอร์เทนแขกเก่ง รวมไปถึงเพื่อนเจ้าสาวที่ขึ้นไปร่วมแจมกับนักร้องก็เป็นคนที่เอนเตอร์เทนสนุกด้วยเหมือนกัน
เพื่อนส่วนใหญ่ของเจ้าสาวเป็นผู้ชายมีทั้งชายแท้และเพศที่สาม ผู้หญิงมีประปราย
เพราะผู้หญิงในคณะก็น้อยอยู่แล้ว ทุกคนเลยสนุกกันเต็มที่แบบไม่ต้องเหนียมอายอะไรกันทั้งนั้น ไอ้ที่ว่าจะร้องเพลงดีหรือไม่ดีไม่เป็นไรเพราะมีนักร้องคอยช่วยร้องเสริม
“เชิญเจ้าสาวขึ้นมาหน่อยครับ มาร้องเพลงด้วยกันหน่อยซิ เพลงนี้เราเคยร้องด้วยกันนี่นา ยังจำเนื้อได้หรือเปล่าเอ่ย”
เพื่อนสนิทที่เรียนสาขาเดียวกันชี้ลงไปที่เจ้าสาวที่นั่งอยู่โต๊ะหน้าสุดขยับไหล่ไปตามจังหวะในขณะที่คนสนิทลุกมาเต้นหน้าเวทีกันหมดแล้ว
“เอาจริงเหรอวะ?”
“เอาจริงสิวะ เฮ้ยๆ ไอ้พวกที่เต้นข้างหน้านี่ช่วยพาเพื่อนขึ้นมาหน่อย ทะนุถนอมยิ่งกว่าชีวิตพวกแกเลยนะเว้ยเดี๋ยวหลานตกใจ”
เพื่อนชวนทั้งทีมีหรือแบมแบมจะปฏิเสธ งานแต่งมีแค่ครั้งเดียวก็ต้องสนุกให้สุดๆ ไปเลยละนะ เมื่อเจ้าสาวขึ้นไปร่วมด้วยก็เรียกเสียงเฮจากแขกเหรื่อได้อีกมาก
“แบมแบมก็เป็นเด็กเกรียนๆ เหมือนกันนะเนี่ย นึกว่าจะเรียบร้อยอ่อนหวานอย่างเดียวซะอีก”
แจ็คสันที่นั่งอยู่กับนายอนและคลาร่าในกลุ่มเพื่อนของเจ้าบ่าวเอ่ยขึ้น มองไปบนเวทีที่มีเพื่อนเจ้าสาวหลายคนขึ้นไปร้องเพลงและมีเจ้าสาวอยู่ตรงกลาง ท่าทางสนุกสนานเฮฮากันมาก
“เจ้าสาวขึ้นไปแล้วทำไมเจ้าบ่าวยังนั่งอยู่ตรงนี้ล่ะครับเนี่ย”
ยูคยอมที่พักเหนื่อยเพราะเต้นไปหลายเพลงเดินมาหาน้ำดื่มแล้วได้ยินคำพูดของแจ็คสันเข้าพอดี เขาหันไปมองพี่ชายที่แค่โยกตัวไปตามจังหวะเพลง ไม่ได้ออกไปหน้าเวทีเหมือนคุณเลขาเลย นี่ยูคยอมก็ไปเต้นกับพี่ยองแจมานะ คนนั้นนี่ยูคยอมยอมแพ้เลยล่ะ
“พี่ก็เต้นอยู่”
“แค่นี้เขาไม่เรียกว่าเต้นหรอกนะคะ” นายอนเอ่ยยิ้มๆ
“เราขึ้นไปร้องเพลงกันสักเพลงไหมคะ”
คลาร่าเอ่ยชวน เธอก็เพิ่งแยกตัวจากจินยองและซูจีที่เต้นกันเมามันมานั่งเมื่อครู่นี้เอง นึกครึ้มอยากร้องเพลงอยู่เหมือนกัน
“จะดีเหรอครับ” มาร์คไม่แน่ใจว่าจะไปดีไหม
“ดีสิคะ ไปขอสนุกกับเขาเถอะ งานแต่งของตัวเองทั้งทีจะมายอมแพ้คุณแบมแบมไม่ได้นะ”
คลาร่าลากแขนมาร์คให้ลุกขึ้นแล้วพากันไปที่เวทีที่เจ้าสาวร้องเพลงที่สองจบไปแล้ว
ตอนเจ้าบ่าวขึ้นไปบนเวทีกับนางแบบสาวนั้นเสียงกรี๊ดเฮลั่นกว่าตอนเจ้าสาวเสียอีก
“อ่าว มาร์คก็ร้องเพลงได้ด้วยเหรอครับเนี่ย” แจบอมที่นั่งดูแลลูกอยู่ที่โต๊ะเพื่อให้ภรรยาออกไปเต้นแปลกใจทีเดียว ไม่เคยรู้ว่ามาร์คร้องเพลงเป็น
“จะร้องเป็นไม่เป็นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ แค่สนุกไปกับเพลงให้มากๆ ก็พอ”
คามิลาที่นั่งข้างกันเอ่ยขึ้นยิ้มๆ ซังวูมองไปยังกลุ่มเด็กๆ ที่กำลังสนุกแล้วก็ตัดสินใจลุกไปร่วมสักหน่อย
“คุณอังไปเต้นกันเถอะ”
“หา? ไม่เอาหรอกค่ะฉันไม่ถนัด” อังศนาตกใจที่จู่ๆ เจ้าสัวก็หันมาชวนเธอ
“อะไรกันครับ งานแต่งลูกทั้งทีนะไม่สนุกให้เต็มที่หน่อยเหรอ”
“แหม ขอผ่านได้ไหมคะ เอาคุณเจย์ไปแทนสิคะ”
อังศนาพยักเพยิดไปทางร่างสูงที่นั่งกินไม่สนใจใคร ซังวูเลยเปลี่ยนเป้าหมายเป็นดึงคุณเจย์ไปเป็นเพื่อนแทน
“เอ่อ ผมยังกินไม่หมด” คุณเจย์หาข้ออ้างปฏิเสธแต่โดนคุณซังวูลากออกไปจนได้
“เจ้าสัวกับคุณเจย์ก็จะเต้นด้วยหรือคะ มาค่ะหนูเต้นเป็นเพื่อน”
กลุ่มนักเต้นด้านหน้าเห็นเจ้าของโรงแรมมาก็ตกใจแหวกทางกันอัตโนมัติ จีมินรีบเดินเข้ามาหาแล้วอาสาเต้นด้วย ทุกคนที่รายรอบหายเกร็งแล้วกลับมาสนุกกันต่อ
“งานสนุกดีเหมือนกันนะครับ”
ไบรอันเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องจัดAfter party แล้วเห็นว่างานสนุกสนานครื้นเครงมากกว่าที่คิด จีอันมองไปทางด้านหน้าเวทีก่อนเป็นอันดับแรก
ที่จีอันเข้ามาในห้องจัดงานเลี้ยงได้เพราะด้านนอกไม่มีการ์ดแล้ว เวลานี้เป็นเวลาเที่ยงคืน งานเลี้ยงก็ใกล้เลิกเต็มที ที่ประตูหน้าห้องจัดเลี้ยงจึงเหลือเพียงพนักงานต้อนรับของทางโรงแรม
เจ้าสาวที่นั่งอยู่กับเจ้าบ่าวและครอบครัวที่โต๊ะ หัวเราะมุกตลกของเพื่อนๆ ที่ยังมีแรงเหลือเฟือ คนที่ร่วมแจมกับนักร้องสลับกันไป และปิดท้ายงานที่พี่ทั้งสี่ จีมินและคุณหมอนะ ไม่รู้ไปสนิทกันตอนไหน
“เมื่อยจังเลย” เจ้าสาวแอ่นตัวไปข้างหน้าเพื่อจับเอวที่ปวดเมื่อย
“เมื่อยเหรอ เดี๋ยวงานก็เลิกแล้วนะ” มาร์คช่วยบีบนวดให้จนเจ้าสาวที่หน้านิ่วเริ่มยิ้มออกอีกครั้ง
“พรุ่งนี้แบมแบมต้องหลับยาวแน่ๆ เลย”
อังศนาหยิกแก้มลูกเบาๆ วันนี้ทั้งงานแต่งงานเลี้ยงสนุกจัดเต็มดูไม่เป็นไรแต่พรุ่งนี้เถอะจะเหนื่อยมาก
“แบมกินอะไรหน่อยไหม พี่ไปเอาให้”
นิชคุณกลัวน้องจะหิว นี่อยู่ดึกมากเลยนะเนี่ย ปกติแบมแบมนอนไวมาก เขาคุยเฟสไทม์ด้วยบ่อยๆ ตั้งแต่ท้องก็เห็นมันนอนสามสี่ทุ่มไม่เกินนี้
“ไม่ล่ะพี่คุณ แบมกินไม่ไหวแล้ว”
“น้ำผลไม้หน่อยไหมล่ะ” ซังวูก็ห่วงหลานสะใภ้เหมือนกัน
“ก็ได้ครับ”
“เดี๋ยวพี่ไปเอาให้” นิชคุณจะลุกขึ้นแต่โซมีจับแขนเขาไว้
“หนูไปเอาให้เองค่ะ ทุกคนจะทานอะไรกันไหมคะ”
“พี่ขอขนม อะไรก็ได้นะ” จินยองยกมือว่าต้องการของกิน นอกจากเขาก็ไม่มีใครวานอีกโซมีจึงลุกไปเอาน้ำและขนมมาให้
“คุณจะนั่งใจเย็นอยู่ต่อทำไมครับ ไหนว่าแค่ได้เห็นคุณมาร์คและคุณแบมแบมก็จะกลับแล้วไง”
ไบรอันกอดอกถามเจ้านายที่นั่งเอ้อระเหยในปาร์ตี้ต่อ ทั้งที่บอกว่าจะมาแป๊บเดียวก่อนที่เจ้าสัวและคุณมาร์คจะรู้ตัวไง
“ช่างฉันเถอะน่า”
“คุณคิดว่าคุณมาร์คจะดีใจหรือที่แม่มา”
“เงียบเถอะน่า!”
โซมีที่กำลังเดินผ่านโต๊ะของจีอันชะงัก นึกว่าหูฝาด เธอหยุดมองไบรอันและจีอัน หญิงกลางคนรู้ตัวว่ามีคนมองอยู่จึงหันไปมองบ้าง เห็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยในชุดเดรสยาวมองมา
“เธอชื่อโซมีน้องของคุณแบมแบม”
ไบรอันกระซิบกับเจ้านาย จีอันร้องอ๋อ ยิ้มให้เด็กสาว โซมียิ้มตอบอย่างงุนงงแล้วเดินกลับไปหาครอบครัว
“พี่มาร์คคะ..” โซมีเรียกพี่เขยเบาๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดเรื่องที่ได้ยินมาดีไหม
“มีอะไรเหรอครับ”
“อ่า..” โซมีวางแก้วน้ำผลไม้ตรงหน้าพี่ชายและจานขนมตรงหน้าก่อนจะนั่งลง
ถ้าเป็นแม่ของพี่มาร์ค ทำไมเธอไม่มาตอนพิธีล่ะ มาทำไมตอนนี้ นี่งานเลี้ยงก็ใกล้จะเลิกแล้วด้วย
“มีอะไรกับพี่ก็พูดมาเถอะโซมี” มาร์คถามอีกครั้ง
โซมีมองหน้าพี่เขยแล้วเอ่ยคำที่ทำให้หลายคนในโต๊ะตกตะลึงโดยเฉพาะพี่เขยของเธอเอง
“ตอนจะเดินกลับมาที่โต๊ะหนูได้ยินผู้ชายคนนึงพูดกับผู้หญิงที่สวยมากๆ ว่าเธอเป็นแม่พี่มาร์คค่ะ”
TBC.
**
ยังมีหนังสือเหลือพร้อมส่งทั้งแบบธรรมดาและ Box set นะคะ
รายละเอียดการสั่งซื้ออยู่ในตอนที่ 26 เปิดรอบสต็อกค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อาจตกใจที่เจอแม่แบบไม่คาดฝัน แต่มาร์คมีความเข้มแข็งพอก็กำลัใจจากแบมและลูกงัย
เราว่านะถ้ามาร์คมีปัญหา คุณปู่ต้องจัดการจีอันแน่เลยในฐานะเข้ามาทำลายความสุขของมาร์ค
ในวันสำคัญนี้ แต่เราว่าผลกระทบอาจจะมีบ้างแต่คงไม่ลามไปใหญ่โต เพราะมีแบมเข้ามาไกล่เกลี่ยงัย
อย่างน้องแบมก็รู้จักจีอันและคุ้นเคยดี และแบมรู้ว่าจีอันไม่ได้เป็นบุคคลอันตรายกับมาร์ค
ถ้ารู้ความจริงแล้ว ยิ่งเป็นคุณแม่ของมาร์คด้วยแล้วแบมคงไม่ปล่อยผ่านแน่ค่ะ
แบมอยู่ข้างๆมาร์คนะ
กลัววว
ไรท์หายไปนาน คิดถึงงง
มาต่อนะ ชอบเรื่องนี้
รักฟิคเรื่องนี้อ้ะ คือแบบบบบบ