ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจจอมบงการ by วรฤทัย E-Book version

    ลำดับตอนที่ #2 : อุบัติเหตุที่มาถูกจังหวะ

    • อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 56


    กนกอรลืมตาด้วยความยากเย็น เธอเจ็บแปลบไปทั่วสรรพางค์ เปลือกตาหนักอึ้งราวกับมีก้อนหินถ่วงทับเอาไว้ทั้งสองข้าง

                    “อูย...”

                    ความกังวลว่าจะไปทำงานไม่ทัน ทำให้เธอฝืนความเจ็บปวดทางกายลุกขึ้นนั่ง ทว่าการขยับตัวเพียงนิดเดียวกลับทำให้เธอเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก

    “อย่าเพิ่งขยับตัวครับ คุณบาดเจ็บอยู่”

    “ใครคะ ใครบาดเจ็บ คุณเป็นใครกัน ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนอนของฉัน”

    เสียงของกนกอรแหบเครือจนเธอเองฟังเกือบไม่รู้เรื่อง ไม่น่าเชื่อว่าการโหมงานหนักจะทำให้ตัวเองเจ็บป่วยเพียงชั่วข้ามคืน

    “คุณอยู่ในห้องนอนที่บ้านผม ตอนนี้คุณกำลังบาดเจ็บอยู่ครับกนกอร คุณโดนรถชน”

    “ฉันโดนรถชนหรือคะ อูย...”

    กนกอรหันไปมองยังทิศที่มาของเสียง ทว่าการเคลื่อนไหวทำให้เธอเกิดอาการวิงเวียน ความเจ็บปวดราวเหล็กแหลมหลายเล่มพุ่งปราดมาทิ่มแทงในศีรษะ ทำให้เธอต้องกลั้นหายใจด้วยความหวังว่ามันจะจากไปหรือเป็นเพียงแค่ความฝัน

    “ครับ ผมเจอคุณนอนอยู่ข้างถนนมืดๆ โชคดีจริงๆ ที่คุณไม่เป็นอะไรมาก แค่มีแผลที่ศีรษะและบนใบหน้านิดเดียว”

    “คุณ...คุณเป็นใครคะ”

    อาการคลื่นเหียนยังคงพุ่งขึ้นมาเป็นระลอก น้ำดีขมๆ แล่นขึ้นมาเต็มปาก เหงื่อเหนียวหนึบจับเต็มหน้า แม้จะไม่เห็นตัวเอง เธอก็พอจะนึกออกว่าตัวเองคงจะดูแย่เต็มที เวลาที่กนกอรทำงานหนักเกินกำลัง เธอมักเป็นลมบ่อยๆ จนรู้ว่าหน้าตาตัวเองจะมีสภาพเช่นไร แต่เธอก็ไม่เคยโดนรถชน ความเจ็บปวดที่กำลังแล่นปราดทั้งตัว จู่โจมมาพร้อมกับความปวดศีรษะ เมื่อรวมกับความคลื่นเหียนที่ยังคงมีอยู่ กนกอรก็อยากให้ตัวเองอยู่ในห้องน้ำ เธอจะได้กำจัดน้ำขมๆ ในปากออกไปให้หมดเสียที เผื่อว่าจะได้รู้สึกสบายตัวมากกว่านี้ เธอไม่อยากขาดงานเพราะมันหมายถึงรายได้ที่จะต้องลดลง กนกอรกลืนน้ำลายขมๆ ลงคอ เธอไม่คิดว่าตัวเองรู้จักผู้ชายที่กำลังพูด เธอไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อน ดวงตาของเธอมืดมิด เปลือกตาก็หนักจนเปิดไม่ขึ้นจึงไม่สามารถมองเห็นหน้าคนพูด แม้จะพยายามเบิ่งตาสักเท่าไร

    “ผมชื่อควินน์ ควินน์ เมเยอร์ เป็นคนที่ช่วยคุณเมื่อคืนนี้ ที่นี่คือบ้านของผม อย่าเพิ่งขยับตัวหรือคิดอะไรมากเกินไป ร่างกายของคุณต้องการพักผ่อน ผมแวะมาดูคุณก่อนว่าอาการเป็นอย่างไรบ้าง เดี๋ยวผมต้องไปทำงานแล้ว แม่บ้านจะเป็นคนคอยดูแลคุณในระหว่างที่ผมไม่อยู่”

    “คุณชื่อควินน์หรือคะ ฉันไม่เห็นรู้จักคุณเลย แต่ทำไมคุณพูดเหมือนจะรู้จักฉัน...”

    ปึง!

    กนกอรถามด้วยน้ำเสียงแหบเครือ ทว่าคำตอบที่ได้คือเสียงประตูปิดเบาๆ

    “อ้าว...”

    “คุณควินน์ไปทำงานแล้วค่ะ ฉันชื่ออันนา เป็นแม่บ้านของบ้านเมเยอร์ มีหน้าที่คอยดูแลคุณ ฉันจะเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณก่อนที่คุณหมอจะมาตรวจนะคะ กรุณาให้ความร่วมมือด้วยการอยู่นิ่งๆ ฉันไม่อยากให้คุณพูดหรือเคลื่อนไหว เพราะอาจจะทำให้ฉันทำงานได้ช้าลง เข้าใจไหมคะคุณกนกอร”

    เสียงของแม่บ้านดุมาก กนกอรนิ่วหน้าน้อยๆ เธอไม่น่าจะมีชีวิตที่สะดวกสบายกระทั่งรู้จักใครที่มีแม่บ้านประจำบ้านเช่นนี้

    “ฉัน...เรียกฉันว่า อร เฉยๆ ก็ได้ค่ะ”

    “ค่ะ คุณอรกรุณานอนนิ่ง ฉันจะได้เริ่มงานที่ต้องทำเสียที คุณหมอจะมาถึงที่นี่ในอีกครึ่งชั่วโมง เมื่อคืนนี้ฉันเช็ดตัว ทำความสะอาดแผลเท่าที่จำเป็นให้คุณไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าคุณจะมีแผลมากกว่าที่ฉันเห็น เมื่อคืนนี้คุณควินน์บอกว่าคุณน่าจะมีแผลแค่ที่หน้าผากและบนศีรษะ แต่สะโพกคุณช้ำมาก ช้ำทั้งสองข้างเลย คุณต้องหกล้มแรงแน่ๆ แผลบนหน้าผากของคุณก็ดูน่ากลัว เอ๊ะ! ฉันไม่ควรจะพูดอะไรให้มากความสินะ เดี๋ยวคุณจะใจเสีย”

    แม่บ้านเงียบเสียงไปหลังจากนางรำพึงกับตัวเอง กนกอรเองก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก เธอนอนนิ่งให้อันนาเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตามที่นางบอก ทว่าในความเงียบความคิดของเธอกำลังวิ่งวนด้วยความสับสน ทำไมกนกอรจึงได้บาดเจ็บ ทำไมเธอจึงมาอยู่ที่นี่ และ ควินน์ เมเยอร์ เป็นใคร เหตุใดเขาจึงดีกับเธอทั้งๆ ที่เธอไม่น่าจะรู้จักเขาสักนิด   

     

    รถสปอร์ตซุปเปอร์คาร์สีดำด้านกึ่งเงา ลัมเบอร์กินี รีเวนตัน (Lamborghini Reventon) แล่นไปจอด ณ จุดจอดรถประจำตำแหน่งของสารถีหนุ่ม รอยยิ้มบนมุมปากทำให้ใบหน้าหล่อเหลาลดความกระด้างลงไปได้บ้าง ดวงตาสีเขียวอยู่ด้านหลังแว่นกันแดดสีดำสนิท วันนี้ควินน์อารมณ์ดีกว่าเมื่อวานมาก เขาจึงเพียงแค่หันไปมองรถสปอร์ตสีแดงที่เคยขวางหูขวางตาทุกครั้งยามเห็นด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ

    “หึ! มาทำงานแต่เช้าทุกวัน ตั้งแต่รู้ว่าฉันมีเวลาเหลือไม่มาก”

    ควินน์เปิดประตูลงจากรถไปยืนรอบุรุษซึ่งได้ชื่อว่าเป็น พี่ชาย ทว่าเขาไม่เคยคิดจะนับญาติ

    “อรุณสวัสดิ์ควินน์”

    “อรุณสวัสดิ์มาร์ก”

    มหาเศรษฐีหนุ่มยิ้มตอบคนทักทายเขาก่อน ดวงตาสีน้ำตาลมีประกายยิ้ม ริมฝีปากของมาร์กก็มีรอยยิ้มประดับอยู่ประหนึ่งว่าเขามีความสุขอยู่เสมอ

    “วันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันมีเวลาที่ดีมาก นายล่ะ เป็นไงบ้าง”

    “ผมก็มีเวลาที่ดีที่สุดตั้งแต่เกิดมา”

    ควินน์แอบหัวเราะในใจกับการเลิกคิ้วของคนถาม มาร์กประหลาดใจตั้งแต่เห็นน้องชายต่างมารดายืนรออยู่ข้างรถแล้ว ปกติควินน์จะหลีกเลี่ยงการพบปะกับเขา หากเลี่ยงไม่ได้จริงๆ จึงจะยอมเสวนาราวกับเสียไม่ได้ เห็นทีว่าวันนี้คงจะเป็นวันโชคไม่ดีมากวันหนึ่งของเขา

    “ฉันดีใจด้วย เห็นนายเครียดมานาน ได้มีเวลาที่ดีซะบ้าง จะได้ไม่เสียสุขภาพจิต”

    “หึ! ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผม ผมจะพยายามประคองชีวิตจิตใจตัวเองให้ดีที่สุด จนกว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรม”

    พินัยกรรม ซึ่งถูกเอ่ยอ้างถึง มีเนื้อความสำคัญที่ไม่ใช่ความลับ หลังจากที่บิดาของคนทั้งสองเสียชีวิต ทนายความได้แจ้งให้ทายาทโดยชอบธรรมทราบแล้วว่า หากควินน์ไม่แต่งงานภายในห้าปีหลังบิดาเสียชีวิต หรือภายในเวลาที่เขามีอายุครบสามสิบปีบริบูรณ์ สมบัติของตระกูลเมเยอร์จะตกเป็นของมาร์ก บุตรชายคนโตซึ่งเกิดจากภรรยานอกสมรสของอดีตมหาเศรษฐีเควิน เมเยอร์ กับ ภรรยาลับ ทว่าควงกันออกงานอย่างเปิดเผย

    “อีกไม่นานแล้วสินะ เราก็จะได้รู้เหตุผลว่าทำไมพ่อถึงระบุเงื่อนไขแปลกๆ แบบนั้นในพินัยกรรม ทั้งที่สมบัติของตระกูลเมเยอร์ก็งอกเงยมาจากสมบัติของคุณนายเมเยอร์แท้ๆ”

    “พ่อคงมีเหตุผลที่ดีในการกระทำของท่าน เดี๋ยวเราคงจะได้รู้กันแน่”

    ควินน์นับถือคนตีหน้าซื่อได้ทุกยาม เขารู้ดีว่ามาร์กและมารดาต้องการครอบครองสมบัติของตระกูลเมเยอร์มากแค่ไหน ภายใต้สีหน้ายิ้มๆ ของคนทั้งสอง คือยาพิษอันร้ายกาจที่ทำให้ครอบครัวอันแสนสุขต้องแตกแยก โดยเฉพาะบริทาเนียที่แย่งเควินไปครองได้สำเร็จ เมื่อเมลานีตรอมใจตายในวัยเพียงสามสิบแปดปี เพราะสามีเดินมาบอกนางว่าจะพาภรรยาเก็บซึ่งให้กำเนิดทายาทก่อนหน้าภรรยาตามกฏหมายถึงสองปีเข้ามาอยู่ในบ้าน การเสียชีวิตของคุณนายเมเยอร์ผู้อาภัพ ช่วยให้บ้านเมเยอร์หรืออันที่จริงคือบ้านดไวท์ตามชื่อดั่งเดิมไม่ต้องต้อนรับบริทาเนียและมาร์ก นับเป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่าสักนิด เด็กชายวัยเพียงสิบขวบต้องเรียนรู้ชีวิตเร็วเกินไป ความเจ็บแค้นที่ต้องเห็นมารดาโดนทำร้ายจากคนไร้ยางอาย โดนสามีทอดทิ้งถูกเก็บเอาไว้ในใจอย่างเงียบงัน กระทั่งวันที่ควินน์บรรลุนิติภาวะได้ครอบครองสมบัติส่วนตัวของเมลานีอย่างถูกต้อง เขาจึงได้ประกาศความรู้สึกที่แท้จริงให้บิดารับรู้ด้วยความสาแก่ใจ

    “อีกไม่กี่อาทิตย์แล้ว เอ๊ะ! อีกแค่ยี่สิบวันเอง ใช่ไหมควิน์”

    “ใช่ อีกแค่ยี่สิบวัน หึ! ฉันกำลังตั้งหน้าตั้งตาหาผู้หญิงมาแต่งงานด้วยอย่างเต็มที่ เพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ครอบครองสมบัติของตระกูลเมเยอร์และตระกูลดไวท์ เพราะว่าจริงๆ แล้ว ก็เป็นอย่างที่นายรู้อยู่แก่ใจว่าทำไมตัวเองไม่ควรได้ครอบครองมัน ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะจะได้ไม่เสียเวลาเพิ่มพูนมูลค่าของสมบัติที่น่ากลัวว่ากำลังจะตกเป็นของคนนอกครอบครัวในอีกไม่กี่วัน”

    ควินน์เดินจากมา เขาไม่สนใจว่ามาร์กจะคิดเช่นไรกับการทำตัวแปลกไปจากเดิม คนซึ่งคิดอยู่เสมอว่าตัวเองกำลังจะได้ทุกอย่างดังต้องการ คงจะสามารถคิดหาเหตุผลมาลบล้างความสงสัยของตัวเองได้

    “มันกำลังกลัวจนเพี้ยน ฮ่ะๆ อีกแค่ยี่สิบวัน นายจะไปหาใครมาแต่งงานได้ทันวะควินน์ คุณชายเรื่องมากอย่างนาย จะไปคว้าใครที่ไหนมาแต่งงานด้วยได้ ในเมื่อคนที่นายหมายตาเอาไว้ทั้งหลาย โดนฉันฉกมาหมดแล้ว”

    มาร์กหัวเราะเยาะตามหลังคนที่กำลังจะตกจากสวรรค์ อีกแค่ยี่สิบวันเขาจะกลายเป็นบุรุษที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งรูปสมบัติและทรัพย์สมบัติ เขาจะกลายเป็นเทวดาองค์ใหม่ของวิมานอันอุดมไปด้วยสมบัติพัสถานที่ใช้ไปหลายสิบชาติก็ไม่มีวันหมด มาร์กเบื่อการต้องลุกมาปั้นหน้ายิ้มแย้มและการทำงานงกๆ เต็มทีแล้ว เขาต้องทำงานมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย แต่ไม่มีอภิสิทธิ์เท่าคนที่เกิดภายใต้การรับรองของกฎหมาย ควินน์ไม่เคยต้องเหนื่อยยากลำบากกายในเรื่องใดๆ แต่มีสิทธิ์ได้ครอบครองทุกสิ่งโดยที่ไอ้แก่พวกนั้นไม่คิดคัดค้าน ทั้งที่เห็นอยู่ว่ามันอ่อนด้อยกว่าเขาไปเสียทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการทำงานหรือว่าประสบการณ์ชีวิต

    “อีกไม่นาน นายจะเป็นเจ้าชายเมเยอร์ที่ได้กลับไปสู่ปราสาท ไม่ต้องอาศัยอยู่ในอพาร์ทเม้นท์รูหนูอีกต่อไป”

    มาร์กเชิดหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เขากับมารดาต้องอยู่กับสภาพคนเป็นรองมานานเต็มที แม้จะได้รับความเอาใจใส่จากผู้เป็นบิดา ทว่ามันก็แค่ความสบายทางกาย ไม่เคยสักครั้งที่เขาจะยิ้มด้วยความสุขจริงๆ เพราะรู้สภาพตัวเองดีว่าถูกสังคมประทับตรา ลูกเมียน้อย เอาไว้ที่กลางแสกหน้า ทั้งที่เขาเป็นทายาทคนโตของเควิน เมเยอร์

    “อีกแค่ยี่สิบวัน หึหึ อีกแค่ยี่สิบวัน นายจะกลายเป็นคุณชายเมเยอร์อย่างถูกต้องเสียที”

    มาร์กกำลังจะได้ทุกสิ่งที่ควรจะเป็นของเขามาตั้งนาน เขาจำต้องใช้นามสกุลมารดาเพราะบิดาไม่ต้องการทำร้ายจิตใจภรรยาตามกฎหมายมากเกินไป อีกแค่ยี่สิบวัน เขาจะได้เป็นมหาเศรษฐีมาร์ก เมเยอร์ สมบัติทุกอย่างที่ควินน์ครอบครองอยู่ในตอนนี้จะเป็นของเขา รวมถึงรถยนต์สปอร์ตคันหรูที่จอดอยู่ตรงหน้าและคันอื่นๆ ที่บ้านเมเยอร์ก็ต้องตกจะเป็นของเขาด้วย

    “จากรถสปอร์ตธรรมดาๆ จะกลายเป็นซุปเปอร์คาร์ หึหึ ส่วนนายควินน์ หึหึ น้องชายสุดที่รักของฉัน จะได้เรียนรู้เสียทีว่า อย่าทะนงว่าเหนือกว่าคนอื่นนัก เพราะเวลาที่ต้องตกจากสวรรค์จะทำใจไม่ได้ ขอให้นายมีความสุขกับการเป็นประธานบริษัทในเวลาที่เหลืออยู่ให้เต็มที่ เพราะคงไม่มีทางหาใครมาแต่งงานและอยู่ด้วยได้นานเท่าที่พ่อต้องการแน่ๆ ฮ่ะๆ”

    แค่คิดถึงเวลาเปิดพินัยกรรมฉบับสมบูรณ์ที่กำลังใกล้เข้ามา มาร์กก็อารมณ์ดีจนยิ้มได้มากกว่าเดิม แม้จะยังตะขิดตะขวงใจกับการยืนรอเพื่อทักทายเขาของน้องชายต่างมารดา แต่ก็นั่นแหละ คนที่กำลังจะหมดอำนาจคงจะรู้ว่าตัวเองควรทำอะไร ควินน์ไม่ใช่คนโง่ เมื่อรู้ตัวว่าอาจจะต้องหลุดจากตำแหน่งในเร็ววัน คงจะคิดสานไมตรีกับคนที่กำลังจะอยู่เหนือกว่า แม้จะยังไม่สามารถละท่าทางผยองได้ แต่อีกไม่นาน น้องชาย ที่เขาไม่เคยรัก คงจะรู้ว่าต้องทำตัวเช่นไรจึงจะมีโอกาสได้เดินอยู่ที่เมเยอร์กรุ๊ปโดยไม่ต้องอับอายพนักงานคนอื่นๆ มากเกินไป

    ...
    หวัดดีค่ะ ไม่เคยอัพนิยายที่เว็บเด็กดีเลย ยินดีรับฟังคำติชมและคำแนะนำจากทุกๆ คนนะคะ 
    หากตัวหนังสือเล็กไปหรือพิมพ์ตกหล่น จะรีบมาแก้ไขในทันทีที่อัพคราวต่อไปค่ะ
    ฝากผลงานเรื่อง ดวงใจจอมบงการ ในนามปากกา วรฤทัย ด้วยนะคะ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×