ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอยอาญา

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอน ๗

    • อัปเดตล่าสุด 21 ต.ค. 52


    ตอน ๗
     
    ตกช่วงบ่ายแก่ ๆ หลังจากติดรถกับสมพรไปรับดอนเสร็จแล้ว
    ระพีพรรณก็ต้องรีบกลับมาที่เรือนกุหลาบต่อเพื่อช่วยยุพิน
                                                        
    อ้าว....เพลงมาแล้วหรือจ๊ะ พี่กำลังจะไปอาบน้ำพอดีเลย
    ยุพินทักเมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องของดรุณี พบว่าระพีพรรณนั่งรออยู่เก้าอี้ห้องนั่งเล่น
     
    ค่ะ....เพลงมาได้สักพักแล้ว แต่ไม่กล้าเข้าไปข้างในค่ะ กลัวเป็นเหมือนเมื่อวานค่ะ เธอบอก
                                                                                           
    ดีแล้วหละค่ะ ตอนนี้คุณดาหลับอยู่ยังไม่ตื่น งั้นเพลงรอดูตรงนี้แล้วกัน ให้พี่ไปอาบน้ำก่อน แล้วจะไปเอาอาหารมาให้คุณดา แต่ความจริงแล้ว ไม่ต้องมาช่วยพี่ก็ได้นะ พี่ดูแลคนป่วยมาก็เยอะแล้ว แค่นี้พี่เอาอยู่จ๊ะ ยุพิออกตัว
     
    ไม่เป็นไรค่ะ คุณดำสั่งมา เพลงก็ต้องทำตามค่ะ พี่ยุไปอาบน้ำเถอะค่ะ เพลงจะรออยู่ตรงนี้ แล้วเราค่อยเข้าไปหาคุณดาด้วยกันนะคะ เธอบอก แล้วยุพินก็เดินเข้าห้องของตัวเองไปโดยดี
     
    ใบหน้าของระพีพรรณบ่งบอกความไม่สบายใจนัก เมื่อเห็นความไม่รู้สึกรู้สาของดรุณี หลังจากที่ตามยุพินเข้ามาในห้องนอน ก็พบว่าดรุณี ตื่นแล้ว และก็นั่งอุ้มตุ๊กตาตัวเดิม อยู่เก้าอี้ชุดเดิม แล้วก็พร่ำพูดถึงลูกอยู่เช่นนั้น ดวงตาที่เหม่อลอย หาความหมายใด ๆ ไม่มีอีกแล้ว
     
    คุณดาจะมีโอกาสหายไหมคะ พี่ยุ เธอถามออกไป
                                                        
    พี่ก็ไม่รู้ค่ะ คุณหมอบอกพี่ว่า อาจจะหายเป็นปกติ หรืออาจจะไม่หายเลยก็ได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา และกำลังใจของคนรอบข้างค่ะ ยุพินบอก
                                                        
    เพลงอยากให้คุณดาหายจังเลยค่ะ เพลงอยากให้เธอกลับมาสดใสเหมือนเดิมค่ะ เหมือนสมัยเด็ก ๆ ที่เพลงเคยรู้....เอ่อ...รู้มาจากคนในบ้านเล่าให้ฟังค่ะ ว่าคุณดาเป็นคนสดใสน่ารักค่ะ
     
    ระพีพรรณเกือบลืมตัวไปแล้ว เรื่องเมื่อยังเยาว์วัย ที่เธอเคยวิ่งเล่นกับดรุณีและเด็กคนอื่น ๆ แต่ภาพเหล่านั้น ก็เลือนลางเต็มที เพราะด้วยอายุยังน้อยอยู่นั่นเอง
     
    พี่ก็อยากให้เธอหายเหมือนกันค่ะ....เพลงรอพี่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่จะไปยกอาหารมาให้คุณดาก่อน ยุพินบอก
     
    ให้เพลงไปยกให้ก็ได้ค่ะ
                                                        
    ไม่เป็นไรค่ะ ให้พี่ไปเดินออกกำลังกายบ้าง วัน ๆ อยู่แต่ในนี้ พี่จะได้ไปพบปะคนอื่น ๆ ด้วย จะได้เปลี่ยนบรรยากาศ สงสัยคุณดำคงกลัวพี่จะเหงามั้งคะ จึงให้เพลงมาคอยช่วยตอนเย็น ๆ รอที่นี่นะ ยุพินบอกแล้วก็ออกไปจากห้อง
     
    ลูก....ลูกแม่....ลูกอยู่ไหน....
    เสียงดรุณีพร่ำพูดออกมาอีก เมื่อยุพินหายไปได้สักพักแล้ว
                                                        
    ดา....ดาจำเพลงได้ไหม....ตอนเด็ก ๆ เราเคยเล่นด้วยกันไง.....เพลงที่เคยเอาตุ๊กตาให้ดาเล่นไง จำได้มั้ย
    ระพีพรรณค่อย ๆ เดินไปนั่งใกล้ ๆ ดรุณี
                                                        
    เพลง....เพลง....นี่ร้องเพลงให้ลูกเราฟังสิ....ลูกเราชอบฟังเพลง...ร้องสิ...ร้อง
    ดรุณีพูดด้วยสายตาที่เหม่อลอย ทำให้สีหน้าที่พอจะดีใจของระพีพรรณ ที่คิดว่าดรุณีพอจะจำเธอได้นั้น ค่อย ๆ จางหายไป
                                                        
    ดา...ดาจำเพลงไม่ได้เหรอ เมื่อก่อนเราเคยเล่นด้วยกันไง ดา....ดูหน้าเพลงสิ จำได้ไหม
    เธอยังไม่ละความพยายาม แล้วดรุณีก็หันมามองหน้าเจ้าของเสียงที่พร่ำพูดอยู่ตรงหน้า
                                                        
    ดูสิ จำเพลงได้ไหม
    เธอบอก และค่อย ๆ เอามือเอื้อมไปจับมือดรุณี ที่ยังคงอุ้มตุ๊กตาเอาไว้ด้วยความหวงแหน
                                                        
    อย่านะ...แก ไอ้คนใจร้าย อย่าเอาลูกฉันไปนะ อย่า...อย่าเข้ามา ฉันกลัวแล้ว ช่วยด้วย ช่วยด้วย อย่า....อย่าเข้ามา ไป ๆ ไปให้พ้น ฉันเกลียดแกไป...ไปให้พ้น ฉันเกลียดแก ไป ๆ ไป
     
    ดรุณีเริ่มมีอาการหวาดกลัวเมื่อมองหน้าระพีพรรณ
     
    ดา...เพลงไม่ทำอะไรหรอก เราเคยเป็นเพื่อนกันนะ
    เธอบอกและมีอาการที่กลัวดรุณีไม่แพ้กัน
                                                        
    ไป ๆ ไปให้พ้น ฉันเกลียดแก ไอ้คนใจร้าย ฉันเกลียดแก ไป
    ดรุณีตะโกนด่าแล้วก็เริ่มขว้างตุ๊กตาในมือใส่ระพีพรรณ และก็ตามเข้ามาตบตีไปตามตัว
     
    อย่า ดาอย่า เพลงเจ็บ อย่า
    เธอปกป้องตัวเอง พร้อม ๆ กับลุกออกจากเก้าอี้
                                                        
    แก...ไอ้คนใจร้าย แกทำร้ายลูกฉัน ไป ๆ ให้พ้น ฉันเกลียดแก
     
    ดรุณีเอามือสองข้างผลักระพีพรรณจนเซล้มลงไปที่พื้น แล้วก็ตามเข้าไปกระหน่ำตีตามเนื้อตัว และเอามือไปบีบคอระพีพรรณด้วยความโกรธ
                                                        
    โอ๊ย...อย่า ดา ปล่อยเพลง ช่วยด้วย ๆ ใครก็ได้ช่วยด้วย....ช่วย ด้วย.....
    ระพีพรรณพยายามด้นรนหาอิสระให้ตัวเองด้วยอาการอ่อนแรง เพราะหายใจไม่ออก บวกกับแรงของคนที่ไม่ประสาของดรุณี
     
    คุณดา....เพลง....
    ยุพินที่เดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารอุทานด้วยความตกใจ และก็มีดนุพรตามหลังเข้ามา
     
    ยายดา.....หยุดนะ พี่บอกให้หยุด....
    แล้วเขาก็รีบเข้าไปห้ามน้องสาว และก็โอบกอดเอาไว้ด้วยความรัก
                                                                                           
    ปล่อย ฉันเกลียดมัน มันทำร้ายลูกฉัน มันจะแย่งลูกฉันไป ลูก....ลูกแม่....
    เสียงดรุณีร่ำไห้และซบลงที่อกของพี่ชาย
                                                        
    ไม่มีใครทำอะไรดาได้หรอกนะจ๊ะ พี่อยู่ที่นี่แล้ว พี่จะปกป้องดาเอง....ไม่ต้องตกใจนะคนดีของพี่....
    เขาบอกและสวมกอดน้องสาวเอาไว้ด้วยความรัก
                                                                                           
    เพลงเป็นยังไงบ้าง
    ยุพินวางถาดอาหารได้ ก็รีบเข้าไปช่วยระพีพรรณที่พอดรุณีแยกออกไปแล้ว ก็มีอาการที่ตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
     
    เพลงไม่เป็นอะไรแล้วค่ะพี่ยุ
    เธอบอก ขณะลุกจากพื้น โดยมียุพินคอยพยุงให้ไปนั่งที่เก้าอี้
     
    เธอออกไปได้แล้ว วันนี้พอแค่นี้ กลับไปที่บ้านใหญ่ ได้แล้ว และก็เตรียมตัวสอนการบ้านตาดอนต่อ
    ดนุพรสั่งเธอด้วยสายตาที่ชิงชังยิ่งนัก แล้วระพีพรรณก็ออกไปจากห้องด้วยความอ่อนล้า โดยมีสายตาของดนุพรที่มองตามไปด้วยความสะใจ กับภาพที่ได้เห็น เพราะนั่นคือจุดมุ่งหมายที่เขาจัดให้ ระพีพรรณมาดูแลดรุณี เพื่อหมายจะให้ความไม่รู้ประสาของดรุณี คอยทำร้ายให้ระพีพรรณได้รับความเจ็บปวดทั้งทางกาย และทางใจแล้วจะได้ส่งต่อไปยังศรัตรูเขานั่นเอง
     
    ใบหน้าของเด็กชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ ที่ขะมักเขม้น ทำการบ้านด้วยความตั้งใจ ระพีพรรณเลือกสอนการบ้านดอนที่หน้าระเบียงห้องนอนนั่นเอง เพราะมีทั้งโต๊ะและเก้าอี้พร้อม อีกทั้งระเบียงก็กว้างและมองเห็นสนามหญ้าที่เขียวขจีของบ้านอีก และที่สำคัญนั้น เป็นมุมที่เงียบเชียบ เหมาะสำหรับเด็กน้อยที่จะมีสมาธิกับการทำงาน
                                                                                           
    ประตูห้องนอนของดอนถูกเปิดแง้ม ๆ ออก ตามคำสั่งของนิตยา เพราะให้เหตุผลว่า เผื่อดนุพร และลัดดาอาจจะมาตรวจดูเวลาเธอสอนการบ้านดอนนั่นเอง ระพีพรรณสังเกตเห็นว่า ใบหน้าของเด็กน้อยคนนี้ มีหน้าตาที่คล้ายผู้เป็นลุงค่อนข้างมาก นี่คงเป็นเหตุผลที่เขาต้องรับเอาหลานเข้ามาเป็นลูกนั่นเอง
     
    พี่เพลงเล่านิทานเป็นไหมครับ ดอนละสายตาจากการบ้าน
    ทำไมคะคุณดอน เธอถามกลับไป
                                                        
    พี่เพลงช่วยเล่าให้ดอนฟังบ้างสิครับ ดอนชอบฟังนิทานก่อนนอน แต่คุณพ่อก็ไม่ค่อยมีเวลาว่างเล่าให้ดอนฟังเลย แล้วนิทานของน้านิดดอนก็ไม่อยากฟังครับ เล่าแต่เรื่องเก่า ๆ ฟังจนเบื่อแล้ว เด็กน้อยบอก
     
    ได้สิคะ แต่ตอนนี้คุณดอนต้องทำการบ้านให้เสร็จก่อนนะคะ เหลืออีกตั้งสองวิชาแหนะ แล้วพี่จะเล่านิทานให้ฟัง
                                                                                           
    เธอบอกและยิ้มให้ด้วยความอ่อนหวาน ในบ้านนี้ก็คงจะมีแต่เด็กน้อยคนนี้กระมัง ที่พอจะเป็นมิตรกับเธอ โดยที่ไม่มีความขุ่นข้องหมองใจเข้ามาเกี่ยวพันด้วย และเธอก็รู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
                                                                                           
    จนในบางครั้งเธอเองก็อยากจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว เด็กคนนี้เป็นลูกใครกันแน่ ระหว่างพี่ชายตัวเอง กับพวกอีกหลายคนที่ร่วมกันทำเรื่องขึ้น หญิงสาวภาวนาขอให้เด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของระพีพงศ์มากกว่า เพราะอย่างน้อย ๆ เธอก็จะได้เป็นอาไปด้วย ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมแม้แต่จะนับญาติด้วยก็ตามแต่
     
    พี่เพลงว่าพิน๊อคคิโอเป็นเด็กไม่ดีหรือเปล่าครับ ที่ชอบโกหก
    ดอนถามหลังจากที่นิทานจบไปแล้ว และตัวเองก็นอนอยู่บนเตียง โดยมีระพีพรรณห่มผ้าให้นั่นเอง
     
    ไม่ใช่หรอกค่ะ เธอตอบพร้อมกับยิ้มให้เด็กน้อย
    ทำไมหละครับ
                                                        
    เพราะว่าพิน๊อคคิโอโกหกไป เพราะความไม่รู้ว่าผลเสียของการโกหกนั้นจะออกมาเป็นยังไงนี่คะ เพราะเขายังเด็กอยู่ค่ะ เธอตอบแล้วก็ยิ้ม
     
    แต่คุณพ่อกับน้านิดบอกว่าคนโกหกเป็นคนไม่ดี และพิน๊อคคิโอก็เป็นเด็กไม่ดีด้วย เพราะโกหก เด็กชายแย้ง
     
    ใช่ค่ะ คนโกหกเป็นคนไม่ดี แต่ไม่ใช่พิน๊อคคิโอเป็นเด็กไม่ดีนะคะ เพราะเขาไม่รู้ต่างหากค่ะ คนเราเมื่อไม่รู้ก็ย่อมไม่ผิดค่ะ คนเราทุกคนย่อมเคยทำผิดกันได้ทั้งนั้น พี่เองตอนเป็นเด็กก็เคยทำผิดค่ะ
     
    เธอตอบและยิ้มให้เด็กน้อย พร้อม ๆ กับมือเอื้อมไปลูบหัวไปพลาง ๆ
     
    พี่เพลงทำอะไรผิดครับ
    เยอะแยะค่ะ
    เช่นอะไรครับ
     
    เช่น ตอนเด็ก ๆ พี่เพลงชอบขโมยของในครัวเอาไปให้คนที่เขาไม่มีกิน แล้วก็หอบเอาขนมจากบ้านไปแจกเด็ก ๆ แถวบ้านด้วยค่ะ พอคุณพ่อถามพี่เพลงก็โกหกว่าพี่เพลงกินเองค่ะ เห็นไหมคะ ว่าบางครั้งการโกหกก็ไม่ใช่เรื่องผิดทั้งหมด เธอบอก
     
    งั้นดอนจะโกหกคุณพ่อว่าทำการบ้านเสร็จแล้ว จะได้ไปเล่นเร็ว ๆ
    ไม่ได้ค่ะ
    ทำไมหละครับ ไหนพี่เพลงบอกว่าโกหกแล้วไม่ผิดไงครับ เด็กน้อยแย้ง
     
    แต่คุณดอนรู้ว่ามันไม่จริงนี่คะ แล้วคุณดอนก็รู้ด้วยว่า โกหกแล้วพอไปโรงเรียนก็ถูกคุณครูดุ เพราะไม่ได้ทำการบ้านไป แล้วเราก็จะถูกเพื่อนล้อด้วยว่าทำการบ้านไม่เสร็จ อายคนด้วย เธอสอนเด็กน้อยและยิ้มให้ด้วยความรัก
     
    ว้า...งั้นตกลงว่าโกหกดีหรือไม่ดีกันหละครับพี่เพลง
     
    เอาไว้วันหลังเราค่อยคุยกันใหม่นะคะ ตอนนี้คุณดอนต้องนอนแล้วค่ะ ได้เวลานอนแล้ว และพี่เพลงก็จะได้กลับห้องไปอาบน้ำด้วยค่ะ วันนี้พี่เพลงยังไม่ได้พักเลยนะคะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้านะครับคนดี เธอบอก
     
    ก็ได้ครับ พรุ่งนี้พี่เพลงจะมาแต่งตัวให้ดอนหรือเปล่าครับ
    มาสิครับ....หลับได้แล้วหละครับพี่จะไปแล้ว เธอบอกอีกครั้ง
     
    ยังหลับไม่ได้ครับ เด็กน้อยบอกยิ้ม ๆ
    ทำไมหละคะ คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากันด้วยความงง
     
    เพราะว่าคุณพ่อยังไม่ได้เข้ามากู๊ดไนท์ดอนเลยครับ ปกติถ้าคุณพ่ออยู่บ้าน ก่อนดอนนอนคุณพ่อจะเข้ามาห่มผ้าให้ดอนทุกคืนครับ แต่วันนี้สงสัยจะมีงานยุ่งก็เลยมาช้า
     
    งั้นคุณดอนก็รอคุณพ่อก็แล้วกันนะครับ พี่จะกลับก่อน แล้วเจอกันครับ
    เธอบอกพร้อมกับยิ้มให้และก็ออกไปจากห้องในที่สุด
                                                                                           
    ร่างสูงโปร่ง กำยำและสง่าในทุกท่วงท่า กับชุดนอนที่มีเสื้อคลุมห่มเอาไว้ แล้วผูกเชือกหลวม ๆ ไว้ที่เอว เดินเข้ามาหยุดที่เตียงนอนของเด็กน้อย หลังจากที่เขารอให้เจ้าของร่างระหงเดินหายลงบันไดไปได้สักพัก สีหน้าของความไม่แน่ใจก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่บทสนทนาของคนทั้งสองในห้องนี้จบไป มันทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสายเลือดชั่ว ๆ ของกำพลที่ถ่ายทอดมาสู่ลูกทั้งสองจะพูดอะไรดี ๆ กับเขาเป็นด้วย
     
    แต่ไม่ว่าอะไรที่เขาเห็น มันก็ไม่มีวันที่จะทำให้ความแค้นที่มีต่อครอบครัวนี้ลดน้อยลงไปได้เลย เขาบอกตัวเองว่า เขาจะเอาคืนอย่างสาสม ให้เท่ากับหรือมากกว่าที่พ่อและพี่ของเธอทำกับเขาและคนในครอบครัวของเขา
     
    เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบจะสิ้นใจของมารดาเมื่อนั่งรอเขาอยู่หน้าห้องผู้ป่วย หลังจากน้องสาวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวออกมาจากม่านรูดได้เมื่อช่วงเช้า เขารู้ว่าแม่ดีใจที่อย่างน้อย ๆ ก็ได้น้องกลับมา หลังจากที่ทุกคนกลัวว่าดรุณีจะกลับมาแต่ร่างเท่านั้น เพราะหายออกจากบ้านไปถึงสองวันสองคืน ส่วนเขานั้นแทบจะไม่เป็นอันทำงานเมื่อรู้ข่าวของน้องจากแม่ แต่ก็ปลีกตัวมาจากลูกค้ามาไม่ได้ เพราะเขารับงานสร้างโรงแรมไว้ที่ภูเก็ต
     
    และเพราะเพื่อนที่เป็นวิศกรด้วยกันที่เขาไว้ใจให้ไปคุมโปรเจคนี้ คิดไม่ซื่อกับเขาโดยการลดสเป๊ควัสดุลงเกือบจะครึ่งของราคาที่สั่งซื้อ จนเป็นเหตุให้โครงสร้างทรุดตัวลงมาและถล่มทับคนงานบาดเจ็บสาหัสไปหลายสิบคน ส่วนเพื่อนตัวดีของเขาก็หนีเอาตัวรอดไป ตำรวจยังตามตัวไม่เจอ กว่าเขากับพิสิทธิ์จะจัดการปัญหาให้เสร็จสิ้นก็แทบจะต้องกราบแทบเท้าเจ้าของโครงการ และเขาก็แทบจะเกือบต้องไปนอนในคุกแล้วด้วยซ้ำ เพราะเจ้าของโครงการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีเครดิตดี บวกกับการรับรองจากพ่อของพิสิทธิ์ให้อีกปากหนึ่งป่านนี้เขาก็คงไม่มีปัญาญากลับมาหาแม่และน้องได้เป็นแน่
     
    ดำ ๆ เราจะทำยังไงดีลูก ช่วยน้องด้วยนะ น้องเอาแต่ร้องไห้ ไม่คุยกับแม่เลย ทำไม ๆ บ้านเราจะต้องเจอแต่เรื่องร้าย ๆ ด้วยลูก ช่วยน้องด้วย แม่สงสารน้องเหลือเกิน มารดาร่ำไห้และกอดเขาเอาไว้
     
    อีกหน่อยยายดาก็จะหายดีครับแม่ หมอบอกว่าตอนนี้ให้ยายดาพักมาก ๆ หน่อย ไม่นานยายดาก็กลับบ้านเราได้แล้วครับแม่ เขาปลอบใจมารดาไปอย่างนั้น
     
    คนไข้ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากครับ ตอนนี้เราต้องรักษาร่างกายคนไข้ให้หายก่อน ส่วนทางด้านจิตใจนั้น จะมีจิตแพทย์อีกท่านเข้ามาดูแลอีกคนครับ
     
     แพทย์ที่เพิ่งบอกเขามาเมื่อสักครู่หลังจากที่เรียกเขาเข้าไปหา
     
    คุณหมอหมายความว่ายังไงครับ จิตแพทย์ เขาถามงง ๆ
     
    หมอยังไม่แน่ใจนะครับต้องให้จิตแพทย์ที่ที่สันทัดเรื่องนี้โดยเฉพาะ เป็นคนตอบปัญหาให้ญาติคนไข้ก็แล้วกันครับ แต่เท่าที่หมอรู้ตอนนี้ก็คือเราต้องรักษาบาดแผลทางกายก่อนครับ
     
     แพทย์แจ้งกับเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะปลีกตัวออกไป
     
    ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าคุณสองคนคืนญาติของผู้เสียหายใช่หรือเปล่าครับ
     
    เสียงชายฉกรรย์ที่อยู่ในชุดเครื่องแบบที่เนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า เดินมาหาเขาหน้าห้องพร้อมทั้งผู้ติดตามที่อยู่ในเครื่องแบบสองนาย และนอกเครื่องแบบอีกหนึ่ง
     
    ใช่ครับ ผมดนุพร และนี่ก็แม่ผม แล้วไม่ทราบว่าผู้กองดนัยไม่มาเหรอครับ เห็นบอกว่าได้ตัวคนร้ายแล้ว พวกมันเป็นใครครับ
     เขาละวงแขนจากการโอบกอดมารดาและลุกขึ้นยืน เพราะผู้ที่มาเยือนไม่ยอมนั่งที่เก้าอี้ ทั้ง ๆ ก็มีว่างอยู่หลายตัว
     
    ผู้กองดนัยต้องไปทำคดีอื่น ผมผู้กองทรงวุฒิจะรับทำคดีนี้ต่อครับ ที่ผมมานี่ก็จะแจ้งให้คุณทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ผู้กองดนัยจับได้เมื่อบ่ายนี้อาจจะไม่ใช่ตัวการที่แท้จริงก็ได้ จึงอยากจะให้คุณทำใจไว้ก่อน แต่ไม่ต้องกังวลนะครับผมจะพยายามจับผู้ร้ายตัวจริงมาดำเนินคดีให้จงได้ ผู้ไม่ยอมนั่งลงบอก
     
    คุณหมายความว่ายังไงผู้ร้ายตัวจริง ไอ้พวกที่ผู้กองดนัยจับได้ไม่ใช่ผู้ร้ายยังงั้นเหรอครับ จะเป็นไปได้ยังไงก็ผู้กองดนัยยังบอกเพื่อนผมว่าพนักงานที่ม่านรูดเป็นคนบอกว่าไอ้พวกนั้นเป็นคนจับน้องผมเข้าไป แล้วมันจะไม่ใช่ตัวจริงได้ยังไง เขาถามด้วยความสงสัย
     
    อันนี้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่นอนคุณอย่าเพิ่งปักใจเชื่อดีกว่า มันต้องเอาอสุจิไปพิสูจน์เป็นคน ๆ ไป เอาเป็นว่าผมจะจัดการให้คุณได้รับความยุติธรรมตามขบวนการของกฏหมายก็แล้วกัน ผมมาแจ้งคุณแค่นี้หละ ตอนนี้ผู้เสียหายก็ยังให้การไม่ได้ เราก็คงยังจะทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก งั้นผมขอตัวนะ
     
    เขาบอกแล้วก็ผละจากไปโดยที่ไม่ได้สนใจว่าเขาจะมีคำถามต่ออีกหรือไม่
     
    ดำหมายความว่ายังไงลูกที่เขาพูดน่ะ หมายความว่าเราจะจับคนร้ายไม่ได้ แม่ไม่ยอมนะน้องเป็นถึงขนาดนี้พวกมันจะต้องชดใช้สิ่งที่มันทำเอาไว้ แม่ไม่ยอม
     
    ลัดดาร่ำไห้ออกมาด้วยความสงสารลูก
     
    แม่ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ ผมจะทำให้พวกมันต้องชดใช้ให้ได้
     เขาบอกมารดาออกไปทั้ง ๆ ที่แววตานั้นบ่งบอกถึงความยุ่งยากที่ซุกซ่อนเอาไว้ในใจไม่น้อย
     
    ยังไม่นอนอีกเหรอลูก
     เขาถามเมื่อทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ ลูกชายกำมะลอ
     
    ดอนรอคุณพ่ออยู่ครับ ทำไมวันนี้คุณพ่อมาช้าจังครับ
    เด็กน้อยที่มีอาการงัวเงียเต็มทีถาม
     
    พ่อทำงานอยู่ลูก วันนี้ทำการบ้านเสร็จหมดหรือเปล่าครับ
     
    หมดครับ พี่เพลงสอนดีจังเลย ดอนชอบพี่เพลงครับ วันหลังให้พี่เพลงสอนดอนก็พอนะครับ ดอนไม่อยากให้น้านิดสอนแล้ว ไม่เห็นจะสนุกตรงไหนเลย ดอนบอกออกไป
     
    ได้สิลูกพ่อ แต่วันนี้พ่อว่าลูกนอนเถอะนะดึกมากแล้ว พ่อก็ง่วงแล้วหละ มามะ มาให้พ่อกู๊ดไนท์ก่อน
     
    เขาบอกแล้วก็ก้มลงไปหอมแก้วลูกชายฟอดใหญ่ทั้งสองข้าง แล้วก็ห่มผ้าให้
     
    กู๊ดไนท์ครับพ่อ
     
    ฝันดีนะลูกพ่อ
    เขาบอกและก็เอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียงให้ดอนและก็ลุกออกมาจากห้องในที่สุด
     
    สมพรวันนี้จะให้เพลงไปช่วยทำอะไรบ้าง
     
    ระพีพรรณถามเมื่อสมพรเดินมาที่โต๊ะอาหารเช้าซึ่งเป็นที่ชุมนุมกันของบรรดาลูกจ้างส่วนใหญ่รวมทั้งสมพงศ์ในเวลาที่ดนุพรยังไม่ได้ให้พอออกไปไหน และก็มีบ่อยครั้งที่ยุพินจะแวะมารวมกลุ่มด้วย 
     
    วันนี้ก็ช่วยผมเอากล้าต้นไม้ลงถุงก็แล้วกันนะ ทำไมคุณดำให้เพลงไปทำสวนก็ไม่รู้นะ เสียดายมือขาว ๆ นุ่ม ๆ จังเลย ไปจับจอบจับเสียบเดี๋ยวกับหยาบหมดพอดี
     
    สมพรบ่นออด ๆ เพราะไม่เข้าใจในคำสั่งของเจ้านาย
     
    นั่นสิป้า หนูหละงงจริง ๆ เลยนะ คุณดำให้พี่เพลงทำงานยังกะวัวกะควาย ให้นอนห้องเล็กเท่ารูหนูอะไร ๆ ก็ไม่มี ไม่เข้าใจแกจริง ๆ เลย ให้ตายเถอะ
     
    รำพึงได้โอกาสรีบสมทบสามีทันที แต่ก็พูดเสียงเบาให้ได้ยินเฉพาะในกลุ่มเท่านั้น
     
    แกจะไปยุ่งอะไรกับเจ้านายหละ สั่งอะไรมาคุณเพลงของฉันก็ต้องทำตามนั้นหละ เขาจ้างมาทำงานนี่จะทำยังไงได้หละ
     
    แพงรีบเอ็ดเพื่อไม่ให้รำพึงพูดมากไปกว่านั้น
     
    คุณเพลงกินข้าวเยอะ ๆ นะคะ วันนี้งานหนักกว่าทุกวันนะคะ ทำสวนนี่ต้องตากแดดตากลมด้วย
     
    แพงเตือนเธอซึ่งเธอก็เริ่มจะชินแล้ว เพราะทุก ๆ เช้าที่ได้นั่งกินข้าวด้วยกัน สิ่งแรกที่แพงเตือนเธอนั้นก็คือเรื่องกิน จนบางครั้งเธอก็อดขำไม่ได้ แต่พอคิดได้ว่าแพงทำงานเป็นแม่ครัว ก็ต้องถนัดเรื่องอาหารการกินนั่นเอง
     
    ค่ะป้าแพง เธอรับคำแค่นั้น
     
    หลังจากเสร็จจากอาหารแล้วระพีพรรณและสมพรก็ตรงไปยังเรือนเพาะชำกล้าที่ปลูกไว้ไม่ห่างจากเรือนกุหลาบและเรือนใหญ่เท่าไหร่นัก เรือนเพาะชำนี้ตัวเรือนใช้เหล็กทำโครง หลังคามีมุงกระเบื้องส่วนหนึ่งระพีพรรณเดาเอาว่าคงจะทำไว้สำหรับสมพรหลบฝนและเก็บพวกปุ๋ยเคมีหรือของใช้ที่ถูกฝนไม่ได้นั่นเอง และอีกส่วนมุงด้วยแสลนสีเขียว ๆ คงจะทำเอาไว้ให้แสงแดดส่องลงมายังกล้าไม้ต่าง ๆ นั่นเอง
     
    สมพรมอบหน้าที่ให้เธอนั่งทำงานในร่มและเอาดินที่เขาผสมเอาไว้แล้วกรอกลงไปในถุงดำเล็ก ๆ วันนี้ต้นกล้าเยอะจะต้องกรอกดินไว้เป็นร้อยถุงเลยทีเดียว แล้วเสร็จจากนี้แล้วสมพรจะมาสอนให้เธอเอากล้าไม้ลงไปปลูกในถุง ส่วนเขานั้นรับหน้าที่ไปขุดดินทำแปลงเพื่อลงปลูกดอกเตรียมดินเอาไว้เพื่อปลูกไม้อื่น ๆ ซึ่งตอนนี้เขายังไม่ได้สรุปว่าจะเป็นอะไร เพราะต้องไปหาดูตามร้านหรือสวนจตุจักรก่อนว่าอันไหนจะน่าสนใจ
     
    เวลาผ่านไปได้สองชั่วโมงแล้วตั้งแต่เธอนั่งกรอกดินใส่ถุงแต่จำนวนถุงที่เธอกรอกนั้นก็ยังไม่ได้เพิ่มไปมากจากตอนที่สมพรพาทำสักเท่าไหร่เลย หญิงสาวยังคิดว่าตัวเองโชคดีไม่น้อยที่สมพรยังอุตส่าห์หาถุงมือมาเตรียมไว้ให้เธอ เพราะไม่อยากให้มือขาว ๆ ต้องเปอะดินเปอะทราย
     
    ไม่ได้หรอกรำพึงสั่งฉันไว้หลายวันแล้ว ว่าให้หาถุงมือไว้ให้เพลงใส่กลัวเล็บเพลงดำ รำพึงบอกว่าเสียดายมือสวย ๆ
    เขาบอกเมื่อเธอทำหน้ามีคำถามตอนที่เขาเห็นเธอยกกล่องถุงมือยางที่เป็นแบบเดียวกันกับที่ใช้พยาบาลกับคนไข้
     
    แล้วเขาใช้แบบนี้เหรอสมพร
     เธอถามเมื่อเปิดกล่องถุงมือออกมาดู
     
    แบบนี้ก็ใช้ได้ นี่ป้าแพงเจียดเงินค่าอาหารมาซื้อไว้ให้เพลงโดยเฉพาะเลยนะรู้หรือเปล่า เพลงนี่โชคดีไม่น้อยนะที่ป้าแพงแกรัก ปกติแกรักใครง่าย ๆ ซะที่ไหน กว่าแกจะรักฉันกับรำพึงก็ทำงานร่วมกันมาร่วมปีแหนะรู้มั้ย
     
    สมพรบอกเธอ แต่เธอก็ฉลาดที่จะไม่พูดอะไรมากได้แต่ยิ้ม จนอีกฝ่ายเลี่ยงไปทำงานหน้าที่ของตนนั่นเอง
     
    พี่เพลงกินน้ำก่อน ป้าแพงให้เอามาให้
    รำพึงที่ถือกระติกน้ำเดินเข้ามาในเรือนเพาะชำเรียกเธอ
     
    ขอบคุณมากนะรำพึง ฝากขอบคุณป้าแพงด้วยจ๊ะ
    เธอบอกและก็รีบถอดถุงมือออกพร้อมกับเปิดกระติกน้ำตักมาดื่มด้วยความหิว
     
    หนูไปก่อนนะพี่ แอบหนีออกมาจากครัว เมื่อกี้นังแตนมันมาเร่งให้ทำอาหารเร็ว ๆ แล้ว ต้องรีบกลับไปช่วยป้าแพงต่อ
     
    รำพึงบอก แต่ก็ต้องตกใจที่เห็นร่างเจ้านายเดินเข้ามาในเรือนเพาะชำพอดี รำพึงรีบหลบหน้าแล้วก็เลี่ยงออกไปโดยเร็ว ส่วนระพีพรรณนั้นก็รีบวางแก้วน้ำแล้วก็ใส่ถุงมือกลับแล้วหันไปหางานที่ทำโดยเร็ว
     
    วันนี้สมพรให้เธอทำอะไร
     
    เขาถามเมื่อเดินมายืนตรงหน้าเธอ หญิงสาวแหงนหน้าขึ้นไปมองเขา ก็สบตากับดวงตาดูจะเกลียดชังเธอเป็นนิจที่เขามองลงมาที่เธอ วันนี้เป็นครั้งที่สองที่เธอได้เห็นหน้าเขาใกล้ ๆ หลังจากที่ทำงานมาทั้งอาทิยต์ เธอก็แทบจะไม่ได้เห็นเขาเลย และเธอก็ภาวนาว่าอย่าให้ต้องเผชิญหน้ากับเขาเลย เพราะเธอรู้สึกอึดอัดกับแววตาที่สองแม่ลูกนี้มองมาที่เธอ
     
    กรอกดินลงถุงค่ะ
    เธอตอบแล้วก็ก้มหน้าลงไปทำงานต่อ
     
    ฉันเห็นแล้วว่าเธอทำอะไร แต่ฉันอยากจะรู้ว่ากรอกดินไปทำอะไร
     
    เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แข็งและดุเพราะรู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังตีรวนกับเขาอยู่
     
    สมพรให้ดิฉันกรอกดินเอาไว้ก่อนค่ะ เสร็จแล้วเขาจะมาสอนให้เอากล้าไม้ลงไปปลูกไว้ในถุง ดิฉันยังไม่ทราบว่าสมพรจะให้ปลูกต้นอะไรค่ะ ก็เลยยังบอกคุณไม่ได้
     
    เธอรีบให้เหตุผลและพยายามควบคุมอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
     
    คนที่ตั้งแต่เกิดมาก็แทบจะไม่เคยทำอะไร เพราะมีคนคอยรับใช้จนแทบจะต้องป้อนอาหารให้เข้าปากอย่างเธอ ทำงานพวกนี้กับเขาเป็นด้วยเหรอ ไม่น่าเชื่อนะ
     
    เขาอดที่จะเหน็บแนมเธอไม่ได้ แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะไม่ว่าอะไร เพราะความกลัวว่าหากเผลอตัวไปต่อปากหรือเถียงเขาเข้า เขาอาจจะกล่าวหาว่าเธอละเมิดสัญญาข้อใดข้อหนึ่งก็ได้
     
    แล้วเป็นยังไงงานอาทิตย์แรกของเธอ ทีนี้เธอเข้าใจหรือยังหละว่าการเป็นคนใช้คนนี่มันไม่ได้เป็นกันได้ง่าย ๆ นะ กลับบ้านไปก็อย่าลืมเอาไปเล่าให้พ่อชั่ว ๆ ของเธอฟังด้วยหละ ว่าเธอทำอะไรบ้าง มันจะได้รู้สึกสักทีว่ามันเคยทำอะไรไว้กับลูกคนอื่นบ้าง
     
    เขารู้สึกโมโหที่อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ จึงพูดกระทบแรง ๆ เพื่อเป็นการยั่วให้เธอได้โกรธ แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะอีกฝ่ายเลือกที่จะปิดปากเงียบ
     
    คุณดำจะให้ผมทำอะไรหรือเปล่าครับ
     
    สมพรที่เพิ่งจะเห็นว่าเจ้านายเดินลงมาที่เรือนเพาะชำ จึงรีบวิ่งมาหาเพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะให้ปลูกอะไรเป็นพิเศษหรือไม่
     
    ไม่มีอะไรหรอก แล้วที่กรอกดินนี่สมพรจะปลูกต้นอะไรหล่ะเห็นกรอกไว้เยอะแยะเลย
    เขาถามและหันไปหาสมพร
     
    อ๋อ...จะเอาไว้ปลูกดอกบานชื่น ครับคุณดำ เขาตอบ
     
    แล้วจะเอาไว้ไปลงที่ไหนหละ
    เขาถามไปอย่างนั้น เพราะที่เขามาที่นี่ไม่ได้ตั้งใจจะมาดูหรือถามเรื่องนี้เลย
     
    ผมกะว่าพอมันโตแล้วก็จะเอาไปลงแปลงหน้าเรือนมะลิครับคุณดำ คุณท่านเคยถามหาว่าไม่เห็นดอกบานชื่นมานานแล้ว ผมก็เลยจะเอาไปปลูกไว้ให้คุณท่านครับ เขาตอบ
     
    เหรอ ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่ลงมาดูแค่นั้นเอง สมพรจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ฉันจะไปแล้ว เขาบอก
     
    อ้อ...ระพีพรรณอย่าลืมเก็บแรงเอาไว้ไปช่วยสมพงศ์ล้างรถตอนเย็นด้วยนะ
     
    เขาไม่วายหันกลับมาหาคนที่เอาแต่ปิดปากเงียบ จนทำให้สมพรที่ยังคงนั่งอยู่ข้าง ๆ ระพีพรรณอดสงสารแทนไม่ได้
     
    เพลงพักก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวตอนเย็นก็หมดแรงพอดีเลย
    สมพรบอกเมื่อร่างเจ้านายหนุ่มหายไปจากเรือนเพาะชำแล้ว
     
    ไม่เป็นไรหรอกสมพร เพลงก็ไม่เหนื่อยอะไรมากหรอกนั่งทำงานในร่ม ความจริงเหนื่อยน้อยกว่าวันอื่น ๆ ด้วยซ้ำนะ ไม่ต้องคอยวิ่งไปทำอันโน้นอันนี้ เธอบอกตามความเป็นจริง
     
    ™™™
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×