ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอน ๙
ตอน ๙
ร่มที่ถืออยู่ในมือ ไม่ได้ช่วยบังฝนที่ตกลงมาอย่างหนักสักเท่าไหร่เลย ระยะทางจากตัวบ้านของดนุพรไปหาปากซอยเพื่อเรียกรถนั้น ไม่ไกลมากนักสำหรับผู้ที่มีรถนั่งไปแบบสบาย ๆ แต่สำหรับการเดินในเวลากลางค่ำกลางคืนและกลางสายฝนแบบนี้นั้น มันเป็นระยะทางที่ค่อนข้างไกลพอสมควรสำหรับระพีพรรณ
โชคยังดีที่สองข้างทางไม่ค่อยเปลี่ยวสักเท่าไหร่ เพราะมีไฟเปิดส่องไว้ทั้งสองข้างทาง แต่ถึงกระนั้นสีหน้าที่บ่งบอกความหวาดกลัว และหวาดระแวงจากภัยที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ ก็ปรากฏบนใบหน้าของระพีพรรณไม่น้อย แต่เธอก็แทบจะไม่มีทางเลือกเลย ในใจก็พร่ำบอกตัวเองว่าให้อดทน ไหน ๆ ก็ทนทำได้มาหลายเดือนแล้ว อีกไม่กี่ปีก็จะพ้นกับสภาพแบบนี้ โชคยังพอเข้าข้างเธอบ้าง เพราะเมื่อสมัยอยู่เมืองนอก เธอกับโสภามักจะชอบเดินจากมหาลัยไปหาที่พัก และก็เดินไปโน่นนี่เรื่อย ๆ
ระพีพรรณยืนรอแท็กซี่อยู่สักพัก แต่ก็มีแต่รถที่มีผู้โดยสารนั่งมาด้วย เธอยืนเหลียวซ้ายแลขวาก็มองไปเห็นแสงไฟป้ายร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่ไม่ไกลจึงเดินไปเรื่อย ๆ แข่งกับสายฝนที่ตกหนักลงมา ไม่นานก็ถึงร้าน แต่ก็สร้างความผิดหวังให้เธอไม่น้อย เพราะเหล้าที่ดนุพรสั่งให้ซื้อที่ร้านไม่มีขาย และก็ได้รับการแนะนำจากพนักงานที่ร้านว่าให้ไปซุปเปอร์มาเก็ตที่ห่างออกจากนี้ไปค่อนข้างไกล
หญิงสาวจึงมายืนรอโบกแท็กซี่สักพัก ก็มีผ่านมา แล้วเธอก็แจ้งให้คนขับไปตามที่พนักงานร้านบอกเอาไว้ ระหว่างทางเธอก็มองสถานที่สำคัญ ๆ ต่าง ๆ เอาไว้ เพราะด้วยความที่ไม่ชินเส้นทางนั่นเอง ไม่นานคนขับแท็กซี่ก็พาเธอมาถึงที่หมาย หญิงสาวหายเข้าไปในซุปเปอร์มาเก็ตด้วยสภาพเหมือนลูกหมาที่ตกน้ำ
เพราะชุดยูนิฟอร์มเปียกฝนไปตั้งแต่เท้ายันต้นขา รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าขาวเนียนด้วยความดีใจ ที่หาของได้ตามที่ต้องการ นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลาจะห้าทุ่มแล้ว เธอจะต้องรีบกลับไป เพราะถ้านานเกินไปดนุพรอาจจะหาเรื่องยกเลิกสัญญาก็ได้
แท็กซี่มาจอดที่หน้าบ้านในเวลาเกือบจะสองยามแล้ว หญิงสาวเดินลงไปประตูเรียก รปภ. อยู่นาน ก็ไม่มีใครเดินออกมาจากป้อมยามที่อยู่ติดกับประตูเลย เธอจึงไปกดออดเพื่อเรียกคนในบ้าน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครเดินออกมาเลย
“รปภ. เปิดประตูหน่อย....เร็ว ฉันจะเอาของไปให้คุณดำ....ไปไหนกันหมด”
เธอร้องตะโกนเข้าไปในป้อมยามอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา สักพักก็มี รปภ. เดินกางร่มออกมาหาเธอหน้าประตู
“เปิดประตูหน่อยฉันจะเข้าบ้าน ฝนตกหนักจังเลย”
เธอบอก ชายวันกลางคนที่ดูเหมือนเธอจะไม่คุ้นหน้าเลย เพราะบริษัท รปภ. ที่จ้างให้มาเฝ้าบ้าน จะสับเปลี่ยนวนเวียนกันมาแทบไม่ซ้ำหน้า
“ผมเปิดไม่ได้ครับ เจ้าของบ้านไม่ให้เปิด ให้บอกว่าถ้าคุณมาก็ให้รออยู่หน้าบ้าน ห้ามเปิดประตูให้ครับ ถ้าผมเปิด เขาจะไล่ผมออกครับ”
รปภ. ที่มีสำเนียงพูดภาษากลางไม่แข็งแรงบอกเธอไป
“ทำไมหละจะให้ฉันยืนตากฝนอยู่ทั้งคืนหรือไงกัน” เธอถามออกไปด้วยความสงสัย
“ผมไม่รู้ครับ เขาโทรมาบอกผมอย่างนี้ ผมขอโทษครับคุณ ถ้าผมเปิดผมก็จะถูกไล่ออก เห็นใจผมเถอะครับ คุณยืนรอก่อน อีกไม่นานเขาก็คงจะโทรมาบอกให้ผมเปิดประตูให้มั้งครับ ผมว่าคุณเข้าไปนั่งรอที่ซุ้มก่อนเถอะครับ”
เขาบอก และชี้มือไปยังซุ้มข้าง ๆ ประตูที่ทำเป็นหลังคาเอาไว้พอหลบแดดหลบฝนสำหรับกล่องรับจดหมาย แล้วเขาก็หายเข้าไปในป้อมยามโดยที่ไม่ได้ออกมาอีกเลย
ระพีพรรณมองไม่เห็นทางที่จะเข้าไปในบ้านได้ และก็รู้โดยทันทีว่า ดนุพรนั้นตั้งใจจะให้เธอยืนตากฝนอยู่ทั้งคืน หญิงสาวเดินไปหลบฝนที่ซุ้มด้วยความอนาถใจ กับสภาพที่ตัวเองได้รับในขณะนี้ ท้องเริ่มร้องเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เย็น เพราะหลังจากที่เธอช่วยยุพินดูแลดรุณีเสร็จ ก็รีบขึ้นไปสอนการบ้านดอน เพราะดอนบอกว่าการบ้านเยอะ เธอจึงตั้งใจว่าจะลงมากินข้าวทีหลัง
หญิงสาวมองลอดประตูรั้วเข้าไปในบ้าน ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครจะสนใจว่าเธอจะอยู่ยังไง เธอจึงเบียดตัวเข้าไปอยู่ในซอกลึกของซุ้ม ที่พอจะพ้นสายฝนที่สาดเข้ามา เธอยืนเอาหลังพิงกับกำแพงหลังซุ้มและทรุดตัวลงนั่งเพราะเข่าเริ่มอ่อนแรง บวกกับท้องที่หิว ร่มในมือถูกวางลงที่พื้นคอยกันฝนที่สาดเข้ามาหาตัว
หัวใจที่แข็งแกร่งตั้งแต่ช่วงแรกที่เดินออกไปซื้อเหล้า มันเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ ความหนาวจากเสื้อผ้าที่เปียกจากอายฝนบวกกับลมที่พัดแรง ข้าวของที่ได้มาก็ถูกวางกองลงไว้ที่พื้น แล้วน้ำตาแห่งความรันทดใจก็ไหลรินออกมา
“คุณพ่อขา....ช่วยเพลงด้วยค่ะ เพลงหนาว เพลงหิว เพลงกลัว”
“พี่พี เพลงคิดถึงพี่พีค่ะ พี่พีรู้มั้ยว่าเพลงเหนื่อย”
“คุณพ่อ ๆ คุณพ่อช่วยเพลงด้วยค่ะ เพลงหนาว เพลงหิว เพลงคิดถึงบ้าน เพลงอยากกลับบ้าน ช่วยเพลงด้วย”
เธอพร่ำบอกด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสาย ตลอดระยะเวลาหลายเดือนมานี้ เธอเฝ้าพยายามฝืนตัวเอง ให้อดทนกับความเหน็ดเหนื่อยจากงานที่เขาจัดสรรมาให้จนแทบไม่มีเวลาที่จะได้พักผ่อน ฝืนความเจ็บปวดที่ได้รับจากความไม่รู้ประสาของดรุณี
ที่บางครั้งก็ทุบตีเธอ บางครั้งก็ดูเหมือนจะจำเธอได้ เมื่อเวลาที่ไปช่วยยุพิดูแล ฝืนทนฟังคำด่าทอ เสียดสีต่าง ๆ นานา จากลัดดาเมื่อยามที่นึกโกรธเกลียดผู้เป็นพ่อ และพี่ชายของเธอ ความอดทนต่าง ๆ ยุติลงเมื่อถูกดนุพรปล่อยให้นั่งตากฝนอยู่ที่นี่ ตรงนี้ และเวลานี้
รปภ. รีบกุลีกุจอออกมาจากป้อม เมื่อเห็นดนุพร เดินกางร่มเดินเข้ามาหา เมื่อเวลาล่วงเลยไปเกือบตีสอง สีหน้าเขาดุดันเมื่อมองมาที่ รปภ.
“คุณจะให้ผมเปิดประตูให้คุณคนนั้นหรือยังครับ” รปภ. ถาม
“ใครสั่ง”
เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“เอ่อ...เปล่าครับ ผมนึกว่าคุณจะเดินลงมาบอก ดูสิครับ แกตากฝนอยู่นานแล้วนะครับ ฝนก็ไม่หยุดตกเสียที ผมกลัวแกจะไม่สบายครับ” รปภ. ให้เหตุผลกับเขา
“ฉันรู้ไม่ต้องมาบอก ดู ๆ ไว้ก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรก็ให้โทรไปหาฉันทันที แต่ห้ามเปิดประตูให้เด็ดขาด ให้อยู่ที่นี่จนกว่าจะเช้า จำไว้นะ ห้ามเปิดประตูให้เด็ดขาด จนกว่าฉันจะสั่งและให้ดูแลเธอให้ดี ๆ ด้วย ถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันก็จะไล่นายออกอีก”
เขาสั่งด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน แล้วก็เดินหลบ ๆ ไปข้าง ๆ ป้อม เพื่อดูว่าระพีพรรณอยู่ยังไง แล้วสีหน้าที่ดุดันเมื่อสักครู่ก็อ่อนลง เมื่อมองไปเห็นร่างของระพีพรรณที่นั่งขดอยู่ที่กำแพง โดยมีร่มคอยบังฝนเอาไว้ ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาที่ยังคงไหลอาบแก้มลงมา สร้างความสะเทือนใจให้เขาไม่น้อย แต่เมื่อเขานึกเปรียบเทียบภาพที่เขากับแม่และน้องต้องเดินตากฝนในคืนนั้น มันก็ทำให้หัวใจของเขาแข็งกระด้างขึ้นมาอีก
“ถ้าฉันทำได้ ฉันอยากจะดึงเอาพ่อกับพี่เธอมานั่งรวมกับเธอด้วยนะ ระพีพรรณ แค่นี้มันยังน้อยไปกับการกระทำของพ่อเธอ”
เขาพูดกับตัวเอง แล้วก็หันหลังให้ภาพที่เห็น โดยที่ระพีพรรณไม่มีโอกาสได้ล่วงรู้....
เหล้าหลายแก้วถูกดื่มเข้าไป เมื่อเขาพาตัวเองมานั่งเงียบ ๆ ที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง เพราะเหล้าจะทำให้เขาเข้มแข็ง ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับเจ้าของใบหน้าขาวเนียน กับท่าทีที่ดูสง่างามอยู่ในตัวเอง เขาอธิบายไม่ได้ว่าทำไมตัวเอง จึงชอบที่จะไปแอบยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของดอน ทุกครั้งที่เธอกำลังสอนการบ้าน และเล่าโน่นนี่ให้เด็กน้อยฟังนัก แต่พอเมื่อนึกถึงใบหน้าของผู้เป็นพ่อ มันก็ทำให้เขามีความเกลียดชังเธอผู้ที่เป็นสายเลือดของศัตรูอยู่ในที
ร่างสูง เพรียวของเขาเอนหลังพักกับเก้าอี้นุ่มตัวใหญ่ เปลือกตาถูกปิดลงอย่างช้า ๆ ด้วยเรื่องที่ต้องขบคิดต่าง ๆ นานา วกไปวนมา นาฬิกาในห้องบอกเวลาตีสามกว่า ๆ แล้ว แต่เขายังไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย แล้วเหล้าในมือก็ถูกยกดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า จนเขาหลับฟุบลงไปกับเก้าอี้ตัวนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
เวลาตาห้าครึ่งแพงเข้ามาในห้องครัว ก็แปลกใจที่อาหารที่ตักใส่ถ้วยไว้ให้ระพีพรรณ ยังคงวางอยู่ที่เดิม เพราะเธอเป็นคนบอกเอาไว้ว่า จะสอนการบ้านดอนเสร็จ แล้วจะมากินข้าวทีหลัง
“อ้าว...รำพึงมาแล้วเหรอ เมื่อคืนคุณเพลงไม่ได้มากินข้าวเหรอ ป้าตักกับข้าวไว้ให้ยังอยู่เหมือนเดิมเลย”
แพงรีบถามเมื่อเห็นรำพึงเดินเข้าครัวมา
“ไม่รู้เหมือนกันป้า สงสัยพี่เพลงไม่หิวมั้ง อีกหน่อยก็คงจะมาแล้วละมั้ง ปกติตอนนี้พี่เพลงน่าจะมาครัวแล้วนี่”
รำพึงตอบพลางรีบไปช่วยแพงจัดเตรียมอาหารเช้าตามตารางที่วางเอาไว้
“นั่นน่ะสิ ปกติก็จะมาแล้ว ทำไมวันนี้ไม่มา เมื่อคืนก็ไม่เห็นที่ห้องเลย”
แพงรำพันอยู่คนเดียว
“อะไรนะป้า”
รำพึงถามเพราะได้ยินไม่ชัด
“ไม่มีอะไรหรอก เอ้า....ปอกกุ้งเลยรำพึง วันนี้ข้าวต้มกุ้ง” แพงบอกรำพึง
“ป้าแพง....คุณท่านให้มาบอกว่าให้ทำอาหารเช้าเผื่อคุณพิสิทธิ์ด้วย อีกเดี๋ยวจะมา”
แตนเดินเข้ามาในครัว
“ทำไมคุณพิสิทธิ์มาแต่เช้าจังหละ ปกติไม่เคยมานี่นา”
รำพึงถามด้วยความสงสัย
“สงสัยจะมาช่วยแม่นั่นมั้ง ป่านแล้วคุณดำยังไม่ให้เข้าบ้านอีก คุณดำก็เมาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ ตั้งแต่แม่นี่เข้ามาบ้าน มีแต่เรื่องกวนใจคุณดำไม่เว้นแต่ละวัน น่าจะไล่ ๆ ไปให้พ้นเลย” แตนบ่น
“แกว่าอะไรนังแตน ใครเป็นอะไรห๊า ...แล้วทำไมคุณดำถึงเมา”
แพงถามเพราะความอยากรู้ ทั้ง ๆ ไม่ค่อยอยากจะเสวนากับแตนสักเท่าไหร่เลย
“อ้าวป้า....ถามอย่างนี้แสดงว่าไม่รู้เรื่องกับเขาหละสิท่า”
แตนถามพร้อมทั้งแสดงท่าทางของคนที่อวดรู้ แล้วก็ไปนั่งลงที่เก้าอี้
“มีอะไร เรื่องอะไรนังแตน ไหนบอกฉันมาหน่อยซิ” แพงชักจะรำคาญ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกป้า....แค่แม่นั่น ถูกคุณดำไล่ให้ไปซื้อเหล้าให้ตั้งแต่เมื่อคืน แล้วก็ให้นั่งตากฝนอยู่หน้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืน ไม่ยอมให้เข้าบ้าน จนกว่าคุณดำจะสั่งน่ะสิ แต่โชคร้ายหน่อยที่คุณดำเมาหลับอยู่ แม่นั่นก็เลยยังคงนั่งหงอยอยู่หน้าบ้านไง น่าสงส๊าน น่าสงสาร” แตนเล่าไปก็ทำหน้าสะใจไปด้วย
“อะไรนะ แกหมายถึงพี่เพลงน่ะเหรอนังแตน” รำพึงถามด้วยความตกใจ
“ก็จะมีใครซะอีกหละ” แตนบอกด้วยความสะใจ
“ตายแล้ว....แล้วจะทำยังไงดีหละนี่”
แพงมีสีหน้าที่กังวลจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อรู้เรื่องเข้า
“จะทำอะไรได้ ก็คุณดำสั่งห้ามไม่ให้ใครเปิดประตูรับแม่นั่น ถ้าใครขัดคำสั่ง คุณดำจะไล่ออก ขนาดคุณท่านยังไม่กล้าขัดคุณดำเลย....อะไรกันพวกก้นครัว อยู่บ้านเดียวกันแท้ ๆ ไม่รู้เรื่องอะไร ไปดีกว่า”
แตนพูดท่าทางเยาะเย้ยแล้วก็จากไป
“ทำยังไงดีหละป้า หนูสงสารพี่เพลงจังเลย ทำไมคุณดำทำแบบนี้หละ” รำพึงมีอาการกังวล
“จะทำอะไรได้หละ ก็คนเขามีอำนาจนี่ จะสั่งให้ใครทำอะไรก็ได้ เอ้า...รีบ ๆ ทำเข้า เดี๋ยวก็จะถึงเวลาอาหารเช้าแล้ว”
แพงพูดด้วยความโมโหปนห่วงใยระพีพรรณ แต่ก็จนด้วยปัญญาจะช่วยได้
รถหรูราคาเลยเลขหกหลักจอดไว้ในรั้วบ้านเพื่อนรัก พิสิทธิ์รีบลงมาจากรถทันที และรีบตรงไปหาผู้ที่หลับคอพับที่ยังอยู่ในท่านั่ง เอาหลังพิงกำแพงซุ้มอยู่อย่างนั้น สภาพของระพีพรรณสร้างความสงสัยให้เขาไม่น้อย ที่พอขับรถเข้ามาแล้ว ก็เห็นระพีพรรณนั่งหลับอยู่ นี่กระมังคือสาเหตุที่ลัดดาโทรศัพท์ชวนเขามากินข้าวบ้านตั้งแต่ไก่โห่ บอกว่าธุระด่วน
ซึ่งตอนแรกเมื่อรับโทรศัพท์เขาก็แปลกใจอยู่มาก เพราะลัดดาไม่เคยจะโทรไปชวนเขามากินอาหารเช้าด้วยสักครั้ง หากจะชวนก็จะเป็นมื้อเย็น หรือมื้อเที่ยงในวันหยุดมากกว่า
“คุณเพลง ๆ คุณเพลงครับ” เขาตรงไปเขย่าแขนเธอ
“คุณเพลง ๆ ทำไมคุณเพลงมานอนอยู่ตรงนี้ครับ”
เขาเขย่าแขนเธออีก เพราะไม่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองจากระพีพรรณ เขารีบเอามือไปแตะดูที่หน้าผาก เพื่อเช็คว่ามีไข้หรือไม่ ก็พบว่าตัวระพีพรรณรุม ๆ
“คุณเพลง ๆ ตื่นครับ”
เขาเขย่าแขนเธอแรงกว่าเดิม จนระพีพรรณรู้สึกตัว และก็เงยหน้าขึ้นมา หาต้นเสียง
“คุณพิสิทธิ์...”
เธอเรียกชื่อเขาด้วยความสงสัย แล้วก็มองไปรอบ ๆ ก็รู้ว่าเช้าแล้ว และก็ตกใจเพราะว่าเวลาเท่าไหร่แล้ว
“ทำไมคุณเพลงมานั่งอยู่ตรงนี้ครับ ทำไมไม่เข้าบ้าน แล้วนั่งอยู่นานหรือยัง แล้วนี่อะไรครับ”
เขาถามเธอเป็นชุด และเหลือบตาไปเห็นขวดเหล้าที่อยู่ในถึง
“กี่โมงแล้วคะ....เพลงต้องรีบเข้าครัวไปช่วยป้าแพงค่ะ” เธอถามเขา
“จะเจ็ดโมงแล้วครับ คุณเพลงยังไม่ได้ตอบผมเลยนะว่ามานั่งอยู่ที่นี่ทำไม” เขาถามอีก
“ไม่มีอะไรค่ะ เพลงขอเข้าบ้านก่อนนะคะ”
เธอบอกปัดและรีบลุกขึ้นเก็บข้าวของ แต่ก็รู้สึกมึนที่ศีรษะ แต่ก็ต้องฝืนลุกขึ้นให้ได้ เธอไม่อยากจะป่วยวันนี้หรือพรุ่งนี้ เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ เลิกงานแล้วจะได้กลับบ้านไปเยี่ยมพ่อ แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อ รปภ. คนเมื่อคืน เดินมาขวางเอาไว้ไม่ให้เธอเข้าบ้าน
“คุณเข้ายังไม่ได้ครับ คุณดำห้ามคุณเข้าไป จนกว่าคุณดำจะอนุญาตครับ ถ้าผมปล่อยคุณเข้าไป ผมจะต้องโดนไล่ออกแน่ ๆ ครับ”
เขาบอกระพีพรรณเหมือนเมื่อคืน เพราะจนป่านนี้แล้ว ยังไม่มีคำสั่งมาจากดนุพรเลย
“นายว่าอะไรนะ ใครไม่ให้เข้าไป แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
พิสิทธิ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ถามเขาด้วยความสงสัย
“ก็คุณดำไม่ให้คุณคนนี้เข้าบ้านตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ ผมก็ไม่กล้าเปิดให้เข้า เพราะกลัวโดนไล่ออกครับ”
เขาบอกออกไปด้วยความซื่อ
“เจ้าดำมันทำอะไรของมัน คุณเพลงมานี่ผมจะพาเข้าบ้านเอง ให้มันรู้ไปว่าเจ้าดำมันจะกล้ามาไล่ผมออก”
เขาดึงแขนระพีพรรณให้เดินเข้าประตูไปด้วยความโมโหกับการกระทำของเพื่อน
“คุณครับ ๆ เดี๋ยวผมจะโดนไล่ออกนะครับ”
รปภ. รีบเข้าไปขวางหน้าเอาไว้
“ไม่มีใครไล่นายออกได้หรอก ฉันรับรอง ฉันเป็นเพื่อนกับเจ้าของบ้าน ไม่ต้องกลัว หลบไปได้แล้ว ไป”
เขาบอก รปภ. ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะพอใจนัก แล้วก็พาระพีพรรณขึ้นรถแล้วขับไปจอดไว้หน้าตึก และก็ดูเหมือนว่า ลัดดาจะนั่งรอเขาอยู่หน้าประตูพอดี
“คุณแม่สวัสดีครับ เจ้าดำอยู่ไหนครับ”
เขาไหว้ลัดดา และก็ได้รับคำตอบจากลัดดาด้วยการ หันหน้าไปที่ห้องนั่งเล่น แล้วเขาก็ตรงไปอย่างไม่รอช้า โดยในมือจูงแขนระพีพรรณไปด้วย
“เจ้าดำ ตื่น ๆ ตื่นได้แล้ว มาพูดกันให้รู้เรื่องนะ ฉันบอกให้ตื่นไง”
เขาเขย่าร่างดนุพรอย่างแรง แต่ก็ไม่เป็นผล
“ไอ้ดำ ตื่นได้แล้ว” เขาไม่ลดความพยายาม
“ไม่ต้องไปปลุกหรอกพ่อสิทธิ์ แม่ปลุกตั้งนานแล้ว ไม่ยอมตื่นสักที ก็เลยโทรตามเรานั่นหละ ไม่มีอะไรมากหรอก มากินข้าวกับแม่ดีกว่า” ลัดดาที่เข็นรถตามมาดูบอก
“ทำไมเป็นแบบนี้ครับคุณแม่” เขาหันมาถาม
“ไม่มีอะไรหรอกลูก ปล่อยตาดำไว้อย่างนั้นหละ....แม่เพลง เธอไปอาบน้ำอาบท่า กินข้าวปลาซะเถอะ”
แล้วลัดดาก็บอกระพีพรรณ ที่เอาแต่ยืนดูพิสิทธิ์
“ค่ะ”
แล้วเธอก็ออกไปด้วยอาการที่สงบ
“นี่เหรอครับธุระที่คุณแม่เรียกผมมาแต่เช้า”
พิสิทธิ์ถามลัดดา และก็ตามเธอไปที่ห้องอาหาร เพราะเห็นทีท่าของดนุพรที่ไม่ยอมตื่นเอาเสียเลย
“กินข้าวกับแม่ก่อนลูก แล้วแม่จะเล่าให้ฟัง”
ลัดดานั่งประจำที่ โดยมีนิตยาและดอนนั่งรอ อยู่ก่อนแล้ว
ความเหนื่อยอ่อนของร่างกายเรียกร้องให้ระพีพรรณเอนตัวลงนอน ตั้งแต่ที่มือแทบจะยังไม่ได้เปิดประตูห้องเข้ามา แต่อีกใจเธอก็กังวลว่านอนไปแล้ว อาจจะหลับยาว แล้วเป็นเหตุให้ดนุพรเอามาอ้าง เพื่อล้มเลิกสัญญาได้ ก็เลยผืนตัวเองให้เข้าไปอาบน้ำ ร่างกายจะได้สดชื่น แล้วพอมีแรงไปทำงานให้หมดวันนี้ แล้วจะได้กลับบ้านไปหาพ่อ
หญิงสาวรู้สึกหนักอึ้งที่หัว และก็รู้ว่าตัวเองมีไข้เล็กน้อย แต่ก็ควานหายาแก้ไข้มากินกันเอาไว้ก่อน เพราะไม่อยากจะป่วยวันนี้ ด้วยความที่ไม่อยากจะเสียวันหยุดไป ชุดยูนิฟอร์มอีกชุดถูกสวมใส่เอาไว้ แล้วเธอก็รีบตรงไปที่ครัวทันที
“คุณเพลง....เป็นยังไงบ้างคะ ป้าเพิ่งจะรู้เรื่องเมื่อเช้านี่เองค่ะ”
แพงรีบถามทันทีที่เห็นระพีพรรณเดินเข้าครัวไป และก็ปลอดจากคนด้วย
“ไม่เป็นอะไรมากค่ะ ป้าแพงทำอะไรกินคะ เพลงหิวจังเลยค่ะ” เธอถาม
“จะไม่ให้หิวยังไงไหวคะ เมื่อวานทำงานทั้งวัน ข้าวเย็นก็ไม่ได้กิน มาค่ะ ป้าจะหาข้าวต้มให้กิน นั่งก่อนนะคะ โถ... แม่คุณของป้า ทำไมคุณดำทำอย่างนี้กับคุณเพลงคะ ใจดำจริง ๆ เลย”
แพงบ่นอุบอิบ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ใครได้ยิน แล้วก็จัดแจงตักอาหารให้ระพีพรรณด้วยความห่วงใย
“ว่าไง....ไอ้เสือ....ตื่นขึ้นมาได้แล้วเหรอแก”
พิสิทธิ์ทักเขาทันที ที่เดินเข้ามาในบ้าน พร้อม ๆ กับเข็นรถให้ลัดดา หลังจากที่พาลัดดาออกไปชมนกชมไม้ในบรรยากาศยามสาย ๆ ตั้งแต่อาหารเช้าเสร็จไป
“แกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาถามเพื่อน
“ก็มาทันที่จะได้รู้ความใจดำของแกไง....ทำไมแกทำอย่างนี้หละ”
เขาอดต่อว่าเพื่อนไม่ได้
“อะไร...ฉันไปทำอะไร”
เขาพูดเฉไฉออกไป ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่าเพื่อนหมายถึงอะไร
“แล้วแกจะไปไหนน่ะ” พิสิทธิ์ถาม
“ก็จะไปอาบน้ำน่ะสิ เหม็นจะตายอยู่แล้ว”
เขาหันมาตอบเพื่อน แล้วก็เดินขึ้นบันไดไปในที่สุด ทิ้งให้พิสิทธิ์กับลัดดาหันมามองตากัน ด้วยความหมั่นใส้เขาเต็มที
ทันทีที่เข้ามาถึงห้อง ดนุพรรีบตรงไปที่ระเบียง เพื่อมองหาว่า คนที่เขาลงโทษเมื่อคืนยังสบายดีอยู่หรือไม่ แล้วเขาก็เห็น ระพีพรรณนั่งเลือกพันธุ์ไม้อยู่ที่เรือนเพาะชำ มันสร้างความโล่งอกให้เขาไม่น้อย
“อดทนดีนะแม่คุณ....ดี....มันยังไม่จบแค่นี้หรอก พ่อเธอจะต้องได้รับรู้ ว่าลูกของมันกำลังตกอยู่ในสภาพยังไง”
เขาไม่วายที่จะค่อนขอดเธอ แล้วก็รีบเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ด้วยความอารมณ์ดีระคนกันไป เพราะสิ่งที่เขากลัว ก็คือ ร่างกายระพีพรรณจะทนหนาวไม่ไหว จนถึงขั้นไม่สบายก็เป็นได้
ยาแก้ปวดและลดไข้ถูกกินเข้าไปเป็นชุดที่สอง หลังจากอาหารกลางวันของระพีพรรณเสร็จสิ้นลง ก่อนที่จะกลับไปช่วยสมพรทำสวนอีกครั้ง แพงรู้สึกห่วงใยระพีพรรณไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ก็ได้แต่เอาใจช่วย ให้ภาระกิจของเธอจบสิ้นลงโดยเร็วนั่นเอง
“พี่เพลงปลูกอะไรอยู่ครับ”
ดอนเดินเข้าไปหาเธอในเรือนเพาะชำในเวลาบ่ายแก่ ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของเด็กคนนี้ ที่จะเข้ามาขลุกอยู่กับระพีพรรณในทุก ๆ วันเสาร์ ที่เธอจะต้องเข้ามาทำสวนช่วยสมพร
“พี่เพลงกำลังจะเพาะมะละกออยู่ค่ะ...คุณดอนอยากดูไหมคะ”
เธอบอกเด็กน้อย ตั้งแต่ระพีพรรณได้เข้ามาทำสวนกับสมพร ก็ทำให้ได้ความรู้หลาย ๆ อย่างเกี่ยวกับต้นไม้ ที่เธอแทบจะไม่เคยได้แตะเลยด้วยซ้ำ แต่ส่วนใหญ่สมพรจะปลูกไม้ประดับมากกว่าไม้ผล พักหลัง ๆ ที่ระพีพรรณเข้ามาช่วย เธอจึงชวนสมพร เพาะปลูกพืชผักสวนครัวหลายอย่างเข้าไป
เพื่อที่จะได้ให้แพงเก็บไปประกอบอาหารด้วย ซึ่งสมพรก็เห็นด้วย และพาเธอทำแปลงผักหลาย ๆ อย่างในเนื้อที่ว่าง ๆ ใกล้ ๆ เรือนเพาะชำ ไม่ว่าจะเป็นข่า ตะไคร้ ใบกะเพรา โหรพา ผักกาดต่าง ๆ โดยมีเด็กน้อยเข้ามาผสมโรงด้วย บางครั้งรำพึงที่ว่างจากงานบ้าน ก็จะเข้ามาช่วยด้วยอีกแรง เพราะจะได้อยู่ใกล้ ๆ กับสามีด้วย และเป็นการช่วยระพีพรรณไปอีกแรงหนึ่ง และมันก็ทำให้บรรยากาศในโรงเรือนแห่งนี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มของพวกเขา ระพีพรรณเองก็สุขใจไม่น้อยที่ได้มีโอกาสยิ้มออกได้บ้าง
“ให้ผมปลูกด้วยคนนะครับ”
พิสิทธิ์เดินเข้ามาสมทบ หลังจากที่ส่งลัดดาเข้าไปพักผ่อนแล้ว
“ยินดีค่ะ”
เธอบอกและยิ้มให้เขาด้วยใบหน้าที่เป็นมิตร
“คุณเพลงทำเองเหรอครับ แปลงผักพวกนี้”
เขาอดชื่นชมไม่ได้กับแปลงผักที่มีขนาดยาวเฟื้อยที่ทำเรียงรายกันไว้เป็นแถวสวยงาม
“ไม่ใช่หรอกค่ะ เราทำกันหลายคนค่ะ ส่วนใหญ่สมพรจะทำมากกว่า เพลงก็จะคอยเป็นลูกมือให้ตามที่เขาจะสั่งเท่านั้นค่ะ แล้วก็มีคุณดอน กับรำพึงมาช่วยด้วย”
เธอบอกเขา ขณะในมือยังคงสวมถุงมือยางเอาไว้ และก็บรรจุดินผสมปุ๋ยลงในถึงเล็ก ๆ เพื่อที่จะขยายเบี้ยมะละกอที่เพาะเมล็ดเอาไว้มาใส่ในถุง
พิสิทธิ์หันมามองการกระทำของหญิงสาวด้วยความชื่นชมปนสงสาร เขาแทบจะไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ระพีพรรณจะทนต่องานที่ดนุพรจัดตารางมาให้อย่างแน่นขนัดได้ ถึงแม้จะเป็นแค่งานบ้าน แต่จำนวนชั่วโมงการทำงานนั้นยาวถึงสิบหกชั่วโมงต่อวัน ภาพหญิงสาวที่บอบบางเมื่อวันแรกที่เขาเห็น กับภาพวันนี้ค่อนข้างจะต่างกันไม่น้อย ระพีพรรณดูจะคล่องแคล่วกับงานสวนไม่น้อย
“คุณเพลงไม่เป็นอะไรนะครับ”
เขาถามหลังจากที่ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เธอ ที่กำลังสอนดอนให้เอาดินบรรจุถุงอยู่
“เอ่อ....ผมหมายถึงเรื่องเมื่อคืนครับ”
เขาอธิบายอีกครั้ง หลังจากที่สีหน้าของระพีพรรณเหมือนไม่เข้าใจคำถามของเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ คุณพิสิทธิ์มากนะคะ แล้วเขา....เอ่อ....ว่าอะไรหรือเปล่าคะ”
เธอไม่วายจะห่วงกลัวดนุพรจะไม่พอใจ ที่จู่ ๆ เขาก็เข้ามาขัดขวางการสั่งการของเขา
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจัดการให้แล้ว เจ้าดำนี่ไม่ไหวเลย พักหลัง ๆ มานี่ ผมไม่ค่อยมีเวลามาที่นี่เท่าไหร่ งานที่บริษัทก็ยุ่งน่าดู เอาไว้วันหลังผมจะหาเวลามา ช่วยดูคุณเพลงบ่อย ๆ นะครับ” เขาบอกออกไป
“ไม่เป็นไรค่ะ เพลงต้องทำตามหน้าที่ ที่เขามอบหมายให้ แต่ก็ขอบคุณนะคะ....คุณพิสิทธิ์สนใจจะลองปลูกมะละกอมั้ยคะ ถ้าสนใจก็ถุงมืออยู่โน่นค่ะ เพลงต้องรีบเอาเบี้ยลงถุงให้หมดก่อนเย็นค่ะ วันนี้สมพงศ์บอกว่ารถโดนฝนต้องล้างหลายคัน”
เธอบอกพลางยิ้มให้เขา แล้วพิสิทธิ์ก็ยิ้มตอบด้วยไมตรีจิตอันดีไม่แพ้กัน พร้อม ๆ กับเขาเดินไปหยิบเอาถุงมือมาใส่ และร่วมทำกิจกรรมกับเธอ และดอนอย่างสนุกสนาน ส่วนสมพรก็ตอนกิ่งไม้อยู่อีกฟากหนึ่งของสวน
สี่ทุ่มกว่าที่พระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเธอไว้เมื่อเช้า อาสามาส่งเธอที่บ้านให้ หลังจากที่เธอและเขาเสร็จภาระกิจจากสวน ส่วนเธอก็ต้องแยกไปทำหน้าทีด้วยการล้างรถต่อ โดยมีดอนตามไปเกะกะตามเคยแต่ก็ทำได้ไม่นาน ระพีพรรณก็ให้ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอกินข้าว ส่วนเขาก็ร่วมโต๊ะกินอาหารเย็นกับเพื่อนและทุกคนในบ้านและทุกคนในบ้าน เป็นการฆ่าเวลา เพื่อจะได้ขับรถมาส่งระพีพรรณที่บ้าน
“ขอบคุณมากนะคะคุณพิสิทธิ์ ที่กรุณามาส่งเพลง” เธอกล่าวขอบคุณเขา
“ด้วยความยินดีครับ” เขาบอกและยิ้มให้
“เพลงขออนุญาตไม่ชวนเข้าบ้านนะคะ พอดีคุณพ่อคงจะหลับแล้วค่ะ และอีกอย่างบ้านก็ไม่ค่อยจะอยู่ในสภาพที่จะต้อนรับแขกสักเท่าไหร่ ลุงโป่งคนดูแลคนพ่อ ก็แก่แล้ว ไม่ค่อยได้ปัดกวาดเช็ดถูบ้านสักเท่าไหร่ เพลงกลับบ้านทีก็จะทำทีค่ะ” เธอบอกเขา
“คุณเพลงคงจะเหนื่อยนะครับ” เขาถามด้วยความเห็นใจ
“ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่าย ๆ ไม่ใช่เหรอคะ”
เธอบอกเขาอย่างคนไม่ได้คิดอะไรมาก คำพูดของเธอทำให้เขาอดคิดถึงคำพูดของเพื่อนรักเมื่อเย็นนี้ไม่ได้
“ฉันไม่มีวันจะให้พวกมันได้สมหวังง่าย ๆ หรอก ทำไมแกจะบอกว่าแกใจอ่อนให้แม่นั่นแล้วรึไง เห็นไปขลุกอยู่เรือนเพาะชำทั้งบ่าย”
ดนุพรอดค่อนขอดเขาไม่ได้หลังจากอิ่มจากอาหารแล้วแยกตัวกันออกมานั่งรับลม
“แล้วจะทำไมเหรอ ฉันไปดูเขาทำงานไม่ได้รึไง หรือว่าจะผิดกฏแกอีก”
เขาย้อนพร้อมกับมองสบตาที่มีแววตาไม่พอใจของเพื่อน
“เปล๊า...ฉันแค่ไม่อยากให้ใครมาช่วยแม่นั่นให้ขัดขืนคำสั่งฉันเท่านั้น และอยากจะให้แกพึงจำเอาไว้ด้วยว่า แม่นั่นเป็นลูกศัตรูของฉัน ช่วยอยู่ห่าง ๆ ด้วย”
เขาบอกด้วยแววตาที่ไม่สบอารมณ์กับคำพูดของเพื่อน
“ทำไมเหรอ แกหึง หวง หรือห่วงคุณเพลงเหรอ”
เขาแกล้งแหย่เล่น ๆ กับเพื่อน แต่ก็ได้สายตาที่เขียวปัดกลับมาจากเพื่อนแทน
“แกอย่ามาพูดแบบนี้กับฉันนะไอ้สิทธิ์ กับแม่นั่นฉันมีแต่คำว่าเกลียดให้เท่านั้น” เขาบอกออกไป
“แหม...ค่อยโล่งอกหน่อย เฮ้อ...ฉันว่าฉันอาจจะสละโสดในอีกไม่กี่ปีข้างนี้ก็ได้นะ เพราะฉันเจอสาวสวยแล้วหละ” เขาแหย่เพื่อนอีก
“แกชอบแม่นั่นเหรอ”
เขาถามกลับด้วยสีหน้าที่ดูจะเกลียดชังคนที่พูดถึงยิ่งนัก
“แกว่าเธอน่าชอบหรือเปล่าหละ สวย เก่ง ความรู้ก็ดี แกจะว่ายังไงวะถ้าฉันจะเอาเงินห้าสิบล้านมาไถ่สมบัติคุณเพลงแทนน่ะ” เขาแกล้งอยอกกลับเพื่อน
“ฉันไม่ว่าอะไรหรอก แค่แกกับฉันก็ตัดความเป็นเพื่อนกันไปตลอดชีวิตแค่นั้น ถ้าแกเห็นแค่ความงามที่ฉาบฉวยแลกกับความเป็นเพื่อนของเรา ก็เชิญแกไปเอาแม่นั่นทำเมียเถอะ”
เขาด่าเพื่อนกลับด้วยความโมโห และไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่ชอบใจสิ่งที่เพื่อนพูดออกมานัก
“ฉันคงจะเกลียดแม่นั่นจนเข้ากระดูกดำ จนไม่อยากให้คนรอบข้างไปเกี่ยวพันด้วยกระมัง”
เขาบอกตัวเองอยู่ในใจ
“แหม...ต้องถึงขนาดนั้นเลยเหรอไอ้ดำ มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ ฉันก็แค่พูดเล่น ๆ แต่เอ๊ะ...ถ้าเกิดมันเป็นจริงขึ้นมานี่ ฉันจะทำยังไงหละ สงสัยจะต้องเลือกคุณเพลงซะแล้วหละมั้ง ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ เห็นทีไร อยู่ในสภาพไหน ก็ยังดูดีและสวยเสมอเลย ผิดกับคุณนิดของแกนะ รายนี้สวยเพราะแต่งหวะ เห็นแกทีไรหน้างี้นวลผ่องเป็นยองใยตลอดเลย สงสัยแกจะพกแป้งติดตัวตลอดนะ” เขาพูดด้วยความอารมณ์ดี
“พอได้แล้ว แกเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว แล้วทำไมวันนี้ถึงกลับดึกหละมาตั้งแต่เช้าแล้วไม่ใช่เหรอ”
เขาถามเพื่อนตาขวาง
“เอ่อ...ไม่ต้องมาไล่หรอก ฉันไม่อยู่นานหรอก แค่จะรออยู่ทำคะแนนนิด ๆ หน่อย ๆ เท่านั้นเอง”
พิสิทธิ์บอกและก็ยิ้มให้เขา
“อะไร ทำคะแนนอะไร”
เขาถามด้วยความงง
“โน่นไง คนให้คะแนนฉัน เดินไปโน่นแล้ว งั้นฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวจะโทรมาบอกว่าเขาให้คะแนนเท่าไหร่”
พูดแล้วพิสิทธิ์ก็รีบวิ่งตามร่างบาง ๆ ของระพีพรรณที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปประตูบ้าน ทิ้งให้ดนุพรมองตามด้วยความไม่ชอบใจเอามาก ๆ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะเป็นเรื่องที่เหนือความควบคุม
“ผมดีใจครับที่คุณเพลงคิดได้อย่างนี้ อีกไม่นานทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้คุณเพลง ได้ทุกอย่างกลับคืนเร็ว ๆ ก็แล้วกันครับ...คุณเพลงเข้าบ้านเถอะครับ ดึกมากแล้ว ผมก็จะกลับบ้านเหมือนกัน วันนี้ออกมาตั้งแต่เช้า สงสัยคุณพ่อคงจะถามหาแล้ว เอาไว้เจอกันใหม่นะครับ” เขาบอกเธอ
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ งั้นเจอกันใหม่นะคะ”
เธอตอบกลับและยิ้มให้เขาก่อนจะลงจากรถ แล้วก็รอจนเขาขับรถออกไปจากบริเวณบ้านไปแล้ว เธอจึงเดินเข้าบ้านไป พร้อมกับอาการของคนที่อ่อนแรง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น