ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอยอาญา

    ลำดับตอนที่ #6 : ลำดับตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 15 ต.ค. 52


    ตอน ๖
     
    เธอมีคำถามอะไรหรือเปล่าแม่เพลง
    นิตยาถามหลังจากที่ให้ระพีพรรณอ่านตารางทำงานที่ได้มาจากดนุพรแล้ว
     
    ไม่มีค่ะ คำตอบสั้น ๆ จากระพีพรรณ
     
    แขนที่ถูกน้ำแกงลวกก็ระวังอย่าให้โดนน้ำก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าฉันใจร้าย เจ็บป่วยก็ไม่ให้พักผ่อน แต่ฉันก็รับคำสั่งมาจากคุณดำอีกที ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เช้าจะได้เริ่มงาน
     
    เสียงที่ออกจะห้วน ๆ ของนิตยาบอกเธอ แต่ก็ผิดจากน้ำเสียงที่เธอใช้พูดกับคนที่ครัวเมื่อวันก่อนไม่น้อย ไม่รู้เป็นด้วยอะไรพอนิตยาได้อยู่ใกล้ ๆ ระพีพรรณแล้วทำให้รู้ว่าเธอมีความน่าเกรงขามอยู่ในตัวไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่สาวน้อยคนนี้ก็ไม่ได้แสดงกิริยาที่แข็งกร้าวกับเธอเลย นิตยามองตามร่างที่เดินจากเธอไป พร้อม ๆ กับคำถามที่ผุดขึ้นมาว่า
     
    แม่นี่เป็นใครกับ ดูหน้าตาท่าทาง และผิวพรรณแล้วไม่น่าจะเป็นแค่คนรับใช้ ลูกนายกำพล””
     
    ซึ่งเป็นชื่อที่ลัดดาเรียกในวันแรกที่ระพีพรรณมาถึง ทำให้นิตยานั้นสงสัยเป็นที่สุด
     
    ระพีพรรณเดินกลับออกมาโดยไม่มีข้อโต้แย้งอะไร เพราะแค่เห็นตารางการทำงานที่ได้มานั้น มันแทบจะไม่มีเวลาให้เธอได้ว่างเว้นเลยแม้แต่น้อย เพราะตั้งแต่จันทร์ถึงศุกร์ต้องตื่นตีห้ามาช่วยแพงเตรียมอาหารเช้า เสร็จแล้วก็ต้องขึ้นไปดูแลเรื่องการแต่งตัวไปโรงเรียนของดอน และติดรถสมพรไปส่งดอนที่โรงเรียนทุกเช้า
     
    พอกลับมาก็ต้องไปช่วยรำพึงปัดกวาดเช็ดถูบ้านทั้ง
     
     บ้านใหญ่ เรือนกุหลาบ และเรือนมะลิ
     
    ซึ่งเป็นบ้านพักต่างหากของลัดดาที่ทำเอาไว้ เวลาไม่อยากจะนอนที่บ้านใหญ่ ซึ่งปลูกห่างออกไปจากเรือนกุหลาบที่ดรุณีอยู่ไกลพอประมาณ เธอเองก็เพิ่งจะรู้จากคำบอกเล่าของรำพึงเมื่อไม่นานมานี้ แล้วพอตอนสายก็ต้องซักผ้า และรีดผ้า เสร็จแล้วก็ต้องไปรับดอนกลับจากโรงเรียนกับสมพร พอกลับมา ช่วงเย็นก่อนอาหารเย็นตั้งโต๊ะ ก็ต้องไปดูแลดรุณีช่วยยุพิน เพื่อให้ยุพินได้พักผ่อน อาบน้ำอาบท่า
     
    พอหมดเวลาอาหารเย็นก็ต้องสอนการบ้านให้ดอน กว่าจะเสร็จก็สองทุ่มกว่าไปแล้ว ถึงจะเป็นเวลาพักผ่อนของระพีพรรณ ส่วนวันเสาร์ก็ต้องช่วยสมพรทำสวน และตกเย็นก็ต้องช่วยสมพงศ์ล้างรถที่มีอยู่ไม่น้อยกว่าห้าคัน เสร็จแล้วก็ต้องไปช่วยยุพินดูแลดรุณีอีกให้ถึงเวลาสามทุ่ม ระพีพรรณถึงจะได้เวลาเลิกงาน ซึ่งจะอยู่ที่นี่หรือกลับบ้านก็ได้ ตามที่เขาตกลงไว้ในสัญญา
     
    คุณเพลงเป็นยังไงบ้างคะ
     เสียงแพงถามเมื่อเธอมาถึงในครัว เพราะเพิ่งจะทราบเรื่องที่ถูกดรุณีอาละวาดใส่จากรำพึงที่เอาข้าวไปส่งให้ยุพินก็เลยได้รู้เรื่อง
    ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะป้าแพง
    เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่เรียบ
     
    แล้วถืออะไรมาคะ
    แพงถามเพราะเห็นกระดาษในมือของระพีพรรณ
     
    ตารางทำงานของเพลงค่ะ เธอบอก
     
    ป้าดูได้ไหมคะแล้วทำไมต้องมีตารางด้วยคะ คนอื่น ๆ ป้าไม่เห็นเขามีตารางทำงานเลยนี่คะ
    แพงอดสงสัยไม่ได้
     
    ของเพลงพิเศษกว่าคนอื่นหน่อยค่ะ แต่ก็ไม่เป็นอะไรค่ะ เขาจ้างเรามาแล้วนี่คะ ถ้าเปรียบไปแล้วมันก็แพงไม่น้อย กับงานแค่นี้คงไม่ทำให้เพลงถึงกับทำไม่ได้หรอกค่ะป้าแพง
    เธอบอกออกไปอย่างนั้น
     
    โอย...ทำไมมันเยอะอย่างนี้หละคะ ทำทุกอย่างเลย ทำสวนด้วย ล้างรถด้วย ไหนจะกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้ารีดผ้า ดูแลคุณท่าน คุณดาอีก สอนการบ้านคุณดอนด้วย นี่มันอะไรกันคะคุณเพลง ทำไมคุณนิตยาถึงให้คุณเพลงทำเยอะจังคะ
     
    แพงถามหลังจากดูรายละเอียดของงานแล้ว
     
    ไม่ใช่คุณนิตยาหรอกค่ะป้า
     
    งั้นก็คุณดำเหรอคะคุณเพลง
     
    ค่ะ...แต่เพลงก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธนะคะ เพลงต้องทำตามที่เขาให้ทำ ช่างมันเถอะค่ะ ว่าแต่ตอนนี้ป้าแพงมีอะไรให้เพลงช่วยไหมคะ เธอตัดบท
     
    ไม่มีแล้วค่ะ คุณเพลงกินข้าวเถอะ ป่านนี้คุณท่านก็คงกำลังกินเหมือนกัน อ้อ...คุณยุพินฝากยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดและก็ยาทากันแขนพองกับรำพึงมาให้ด้วยค่ะ ไปค่ะ คุณเพลงไปกินข้าวก่อนแล้วจะได้กินยาและพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้ามืดมาทำงาน จะได้ไม่เหนื่อยค่ะ ทำงานบ้านน่ะเห็นอย่างนี้ ๆ เถอะนะคะ เหนื่อยไม่ใช่เล่นสำหรับคนที่ไม่เคยทำอะไรอย่างคุณเพลง กว่าจะชินและปรับตัวได้ก็นานนะคะ แพงรีบบอกด้วยความห่วงใย
    ค่ะ
    แล้วเธอก็รับคำอย่างว่าง่าย และก็เดินไปนั่งที่โต๊ะด้านนอกครัวพร้อมกับแพง
     
    ™™™
     
    หนุ่มใหญ่ร่างค่อนข้างกำยำ ที่นั่งอยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ ซึ่งเป็นมุมที่เขาโปรดปรานเป็นที่สุด ผมที่เคยตัดรองทรงไว้เมื่อยังเป็นหนุ่มน้อย ตอนนี้ถูกตัดให้สั้นเตียน กับเครื่องแบบประจำตัวคือกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย และเสื้อที่เป็นสีเดียวกัน
     
    ดวงตาคมเข้ม พร้อมกับผิวพรรณที่ขาวสะอาด ถึงแม้ว่าจะอยู่ในสภาพ และสถานที่ ๆ ไม่ได้เริ่ดหรูอะไร หรือจะเรียกได้ว่าเป็นที่ ๆ ไม่มีใคร ใคร่อยากจะย่างกรายเข้ามาด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้ว่าสภาพต่าง ๆ จะไม่ได้เอื้ออำนวย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เด่นณรงค์ดูหมองหม่นลงไปเลยแม้แต่น้อย
     
    คงจะด้วยเพราะการที่เขาเป็นคนที่ มีบุคลิกที่โด่นเด่นเฉพาะตัว กับท่าทางการเดินเหินที่ค่อนข้างสง่างามของเขานั่นเอง       เด่นณรงค์ไม่เคยแม้แต่จะโทษดวงชะตาที่ตัวเองต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้แต่อย่างใด เพราะเขาทำเพราะความสมัครใจ แต่หากก็มีความรู้สึกที่โกรธเคืองคนที่เป็นต้นเหตุให้เขามาอยู่ในที่แห่งนี้ ด้วยเพราะเขาไม่ทำตามที่ตกลงเอาไว้เท่านั้น
     
    แต่เมื่อมันเป็นในรูปนี้เขาก็ก้มหน้ายอมรับมัน และตั้งแต่ที่น้องชายได้สร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวย เขาก็ใช้เวลาว่างที่อยู่ในคุก ร่ำเรียนหนังสือจนจบปริญญาโทรัฐศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้ แต่เขาก็ไม่หยุดการเรียนรู้อยู่แค่นั้น
     
    หนังสือในห้องสมุดเป็นแหล่งหาสมบัติทางความรู้ให้เขาได้เป็นอย่างดี และตอนนี้เขาก็เขียนหนังสือจบไปสองเล่มแล้ว หากแต่ไม่ได้ส่งไปเสนอให้โรงพิมพ์เท่านั้นเอง เพราะเขาอยากจะเก็บเอาไว้เป็นอนุสรย์ให้ตัวเอง ในวันที่เขาจะได้รับอิสระภาพในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้
     
    หนังสือเล่มหนาถูกเขาปิดเอาไว้ เมื่อดวงตาเหลือบไปเห็นที่คั่นหนังสือ ที่เขาทั้งรักและหวงแหนเป็นที่สุด เพราะนั่นก็คือภาพหนูน้อยที่มีรูปร่างผอมสูง ผมยาวสลวย ในชุดนักเรียนที่น่ารักน่าเอ็นดูยิ่ง ใบหน้าที่ยิ้มแย้มอยู่ในรูปนั้น มันสร้างรอยยิ้มให้เขาได้แทบทุกครั้งที่เขามองและเผลอใจนึกไปถึงเจ้าของรูป เขาไม่อยากจะจินตนาการเลยว่า
     
    ป่านนี้ หนูน้อยผู้ที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผิดแผกจากผู้พ่อและพี่ชายนั้น จะเติบโตและเป็นสาวสวยมากแค่ไหน  แต่ถ้าจะให้เขาเดานั้นมันคงจะไม่ยากแก่จินตนาการเขาเลย บ่อยครั้งที่เขาเพ่งพิศดูเจ้าของรูป แล้วก็อดปล่อยให้หัวใจล่องลอยไปถึงครั้งอดีตไม่ได้
     
    เพลงให้ค่ะ
    หนูน้อยผมเปียกับชุดนักเรียนที่บ่งบอกถึงสถานศึกษาที่แพงลิบลับ เธอยื่นธนบัตรสีม่วงให้เขาหนึ่งใบ หลังจากที่เด็กหญิงได้รับรู้จากน้องสาวเขาว่าวันนี้ บ้านทั้งบ้านเหลือข้าวสารแค่ไม่กี่กำมือ
     
    อะไรครับคุณเพลง เขาทำหน้างง ๆ
    เพลงให้เอาไปซื้อข้าวค่ะ วันนี้ดาบอกเพลงว่าพี่เด่นไม่มีเงินจะให้แม่ซื้อข้าวไม่ใช่เหรอคะ อีกตั้งหลายวันกว่าเงินเดือนจะออก เอาไปเถอะค่ะ นี่ค่าขนมที่เพลงเก็บไว้นะ แล้วนี่ก็ปลากระป๋องกับผักกาดดองค่ะ เพลงขอป้าแพงมา พี่เด่นเอาไปไว้ทำกับข้าวนะคะ
     
     ผู้ที่มีไมตรีบอกด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร และมันก็สร้างความปลาบปลื้มให้กับเด่นณรงค์ได้ไม่น้อยเลย
     
    รับไปสิคะ เพลงจะกลับบ้านแล้วนะคะ คุณพ่อจะมาแล้ว ไปนะคะ แล้ววันเสาร์หน้าเพลงจะตามคุณพ่อมาเที่ยวใหม่นะคะ
     เด็กน้อยยัดธนบัตรใส่ในมือเขา และก็วางข้าวของไว้ใกล้ ๆ ตัวเขานั่นเอง
     
    แล้วตัวเองก็รีบวิ่งตรงไปที่รถ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะออกมาจากออฟฟิศ ทิ้งให้ผู้ที่ยืนอยู่มองตามไปด้วยความปลื้มใจกับดีใจระคนกันไปด้วย ที่วันนี้แม่กับน้องจะได้มีข้าวกินประทังชีวิตไปอีกหลายวัน เขาเพ่งมองเงินแบงค์ห้าร้อยบาทในมือ แล้วก็อดนึกถึงเมื่อสมัยที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้
     
    ถ้าเป็นเมื่อก่อนเงินจำนวนนี้สำหรับเขาแล้ว ก็พอแค่เลี้ยงข้าวเพื่อนนักเรียนด้วยกันแค่เมื้อเดียวเท่านั้น แต่ตอนนี้เพื่อน ๆ พวกนั้น ต่างหนีหายไปหมดแล้ว ทันทีที่เขาสูญเสียทุกอย่างไป
     
    พี่เด่น ๆ แอบมานั่งทำอะไรคนเดียวอีกแล้ว
     
    สมคิดเพื่อนร่วมชะตาชีวิตเดินเข้ามาทักทายเขา หลังจากที่เห็นเขามีอาการเหม่อลอยอยู่นานแล้ว เขาหันมาหาพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมเมตตาแทนคำทักทายเพื่อนรุ่นน้อง
     
    เอาอีกแล้วพี่เรา ป่านนี้ผมว่าเด็กในรูปนี้คงจะมีลูกไปเป็นขโยงแล้วมั้งพี่เด่น เลิกฝันถึงได้แล้ว
     
    เขาแซวเพื่อนต่างวัย เพราะเขาจะเห็นเด่นณรงค์แอบมานั่งดูรูปเด็กน้อยคนนี้อยู่บ่อยครั้ง
     
    พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ จะมีลูกกี่คนก็ไม่เกี่ยวกับพี่สักหน่อย  เพราะพี่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าของเขานี่ พี่แค่มีความทรงจำที่ดี ๆ กับเด็กคนนี้ก็แค่นั้น เขาตอบ
     
    เชื่อ ๆ เชื่อจริง ๆ เลย ป่านนี้ไม่รู้โตไปถึงไหน ๆ แล้ว ยังจะเก็บเอามานั่งฝันอยู่ได้ คนอะไร รักรูปเขาตั้งแต่เด็กจนเจ้าของรูปโตหรือไม่ก็แก่ไปแล้วมั้งป่านนี้ ยังไม่เลิกรักเขาอีก เขาแซวอีกระรอก
     
    พอได้แล้วสมคิด...ว่าแต่มานี่มีอะไร เขาตัดบท
     
    ไปกินข้าวได้แล้วพี่ จะถึงเวลาแล้ว ไปเถอะ
     
    เอ้า...ไปก็ไป
    เขาบอกและรีบลุกขึ้นตามเพื่อนรุ่นน้อง แต่ก็ไม่ลืมที่จะเก็บรูปเอาไว้ในหนังสือเป็นอย่างดี ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องอาหาร
     
    ™™™
     
    เสียงมือถือส่งเสียงปลุกเจ้าของร่างที่เพิ่งจะหลับตาลงเมื่อประมาณตีสองนี่เอง ด้วยเพราะไม่ชินกับการที่จะต้องนอนในห้องที่เรียกได้ว่า
     
    รูหนู
     
    นี้มาก่อน แต่ระพีพรรณก็จำจะต้องขยับร่างที่ดูจะหนักอึ้งเต็มที เพราะเวลานี้สำหรับเธอเป็นเวลาที่เธอกำลังหลับและฝันดีมาเกือบตลอดชีวิตก็ว่าได้ แต่ยังไงเธอก็ต้องดึงตัวเองให้ลุก และก็รีบจัดการพาตัวเองเข้ามาอาบน้ำในห้องน้ำที่ดูจะแคบและเล็กไม่แพ้ห้องนอน ไม่นานหญิงสาวก็ออกมาและจัดแจงแต่งตัวกับชุดง่าย ๆ ที่เธอเพิ่งไปหาซื้อมาไว้สำหรับใส่ที่นี่โดยเฉพาะ เพราะลำพังเสื้อผ้าตัวเองที่มีนั้น เธอมองไม่เห็นว่าชุดไหนที่จะเหมาะที่จะให้เธอนำมาใส่สำหรับงานของคนรับใช้ได้เลย ผมยาวสลวย ถูกม้วนไปเก็บไว้ด้วยปิ่นไม้ธรรมดา ๆ เพียงด้ามเดียว ส่วนใบหน้านั้นเธอก็เลือกทาแป้งผุ่นบาง ๆ เอาไว้ พร้อมกับลิปสติกสีชมพูอ่อน ๆ ที่ทางไว้บาง ๆ ไม่แพ้กัน แค่นี้ก็ทำให้หญิงสาวดูดีได้ไม่ยากเลย
     
    เธอรีบเปลี่ยนมือถือจากระบบเสียงเป็นระบบสั่นแล้วก็เก็บไว้ในกางเกง ก็รู้สึกปวดที่แผลหน้าผาก และแขนที่ถูกน้ำแกงรด ก็ยังแดงกร่ำอยู่ แต่เธอก็จัดการใส่ยาและใช้ผ้าพันแผลที่ยุพินฝากมาให้พันเอาไว้ ให้เรียบร้อย แล้วก็ออกจากห้อง เพื่อไปช่วยแพงจัดอาหารเช้าตามตารางที่วางเอาไว้  อาหารวันนี้เป็นอาหารที่เธอค่อนข้างคุ้นเคยมาแทบทั้งชีวิตนั่นก็คือ ขนมปังปิ้ง ไข่ดาว หมูแฮม ใส้กรอกและก็เบคอนทอด ส่วนของคุณลัดดาก็จะกินข้าวต้มกุ้งกับโอวัลติน
     
    เพราะแพงบอกว่าคุณลัดดาไม่ค่อยชอบอาหารแบบฝรั่ง ส่วนคนอื่น ๆ ก็กินได้ไม่เป็นไร โดยเฉพาะดอนชอบมากเป็นพิเศษ เพราะอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน อาหารถูกจัดขึ้นโต๊ะเวลาเจ็ดโมงเช้า โดยที่ระพีพรรณเลี่ยงไม่จัดโต๊ะปล่อยให้รำพึงทำคนเดียว เพราะกลัวลัดดาจะมาพบเข้า เธอก็เลยขึ้นไปช่วยดอนแต่งตัวตามหน้าที่
     
    คุณพ่อบอกว่าพี่เพลงจะไปส่งดอนที่โรงเรียนเหรอครับ
    ดอนถามเมื่อระพีพรรณจัดการเรื่องเสื้อผ้าให้เสร็จแล้ว
     
    ค่ะคุณดอน งั้นคุณดอนไปกินข้าวนะคะ แล้วเจอกันที่รถค่ะ กระเป๋านี่พี่เพลงจะถือไปให้นะคะ
     
    ระพีพรรณบอก พลางในมือก็หิ้วกระเป๋าที่หนักอึ้งของดอนเดินลงไปด้วยความรีบร้อน เพราะไม่อยากจะเจอกับเขาซึ่งเธอเดาเอาว่าเวลานี้เขาก็คงจะกำลังลงไปยังห้องอาหารด้านล่างเหมือนกัน แต่จนแล้วจนรอดเธอก็ต้องเผชิญหน้ากับเขาที่บันได
     
    แต่เธอก็ฉลาดที่จะไม่พูดอะไร ได้แต่เลี่ยงลงบันไดไปก่อนเขา ดนุพรมองตามหลังระพีพรรณลงบันไดไปแล้วก็ถอนหายใจเข้าลึก ๆ ประหนึ่งกำลังรวบรวมเอาความกล้าแกร่งเข้ามาในใจตัวเอง แล้วก็รีบลงไปด้านล่าง เพราะต้องรีบเข้าออฟฟิศหลังจากที่ไม่ได้ไปมาสองสามวันแล้ว
    ™™™
     
    พี่เพลงมองอะไรครับ ทำเหมือนไม่เคยเห็นกรุงเทพฯ ยังงั้นแหละ
    ดอนถามขณะที่นั่งรถไปด้วยกัน เพราะสังเกตเห็นว่าระพีพรรณมองดูป้ายถนนต่าง ๆ และก็สถานที่สำคัญ ๆ มาตลอดทาง
     
    ค่ะ พี่ไม่เคยเห็นกรุงเทพฯ มาตั้งสิบกว่าปีแล้วค่ะ พี่ไปเรียนต่อที่เมือง ....เอ่อ....ที่ต่างจังหวัดค่ะ ก็เลยไม่รู้ว่ากรุงเทพฯ มีอะไรบ้าง พี่ก็เลยต้องพยายามจำถนนหนทางเอาไว้ค่ะ เผื่อสมพรทิ้งพี่ไว้กลางทาง จะได้กลับบ้านถูกยังไงคะ
     
    เธอฉลาดที่จะเลี่ยงตอบเด็กน้อย
     
    ใครจะทิ้งเพลงไปได้หละ เดี๋ยวรำพึงเอาตายเลย นี่ก็ฝากให้ช่วยดูมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ
    สมพรที่ทำหน้าที่ขับรถรีบบอกกลับ
     
    ถามดอนก็ได้ครับ ดอนรู้ทางจากบ้านไปโรงเรียนดี หลับตาดอนยังไปถูกเลย นั่นไงถึงโรงเรียนดอนแล้ว
    ดอนบอกเมื่อสมพรนำรถเลี้ยวเข้าไปจอดที่หน้าโรงเรียน ส่วนระพีพรรณก็หิ้วกระเป๋าเข้าไปส่งให้ถึงหน้าประตู
     
    พี่เพลงไม่เห็นต้องมาส่งดอนเลย ปกติดอนก็มากับพี่สมพรอยู่แล้ว แต่จะว่าอีกทีก็ดีเหมือนกัน จะได้มีเพื่อนคุยเพิ่มอีกคนหนึ่ง พี่สมพรคุยไม่ค่อยสนุกเลย
     
    ดอนบอกขณะเดินนำหน้าเธอไปที่เข้าประตูโรงเรียน
     
    ก็คุณพ่อคุณดอนให้พี่มา พี่ก็ต้องมาสิคะ ขัดขืนคำสั่งไม่ได้หรอกค่ะ
    เธอตอบ
     
    คุณพ่อก็อย่างนี้ทุกที สั่งโน่นสั่งนี่....งั้นเจอกันตอนเลิกเรียนนะครับพี่เพลง
     
    เด็กน้อยเอื้อมมือมารับกระเป๋าที่หนักอึ้งจากมือเธอ แล้วก็วิ่งเข้าไปในเขตโรงเรียน หาเพื่อน ๆ ที่โบกไม้โบกมือให้            ระพีพรรณมองภาพแล้วก็ยิ้มออกมา เพราะทำให้นึกถึงสมัยที่ตัวเองยังเป็นเด็กนักเรียนไม่ได้ ทุก ๆ เช้าลุงโป่งจะมาส่งเธอกับพี่ชาย โรงเรียนที่เธอเรียนอยู่ไกลจากโรงเรียนพี่ชายค่อนข้างมาก แต่ก็อยู่ในระแวกเดียวกัน
     
    เธอจะต้องให้พี่ชายนั่งรถเลยโรงเรียนเขาไปก่อน เพื่อไปส่งเธอแล้วก็ให้พี่ชายคอยหิ้วกระเป๋าที่หนักอึ้งไปส่งเกือบจะถึงหน้าห้องเรียนแทบทุกเช้า ส่วนตอนเย็นพี่ชายก็จะต้องถูกลุงโป่งไปรับก่อนแล้วมารับเธอทีหลัง และก็คอยหิ้วกระเป๋าให้น้องเหมือนตอนเช้า แล้วก็แวะร้านไอศรีมระหว่างทางกลับบ้านแทบทุกเย็น
     
    และเธอก็จะได้กินเยอะกว่าพี่ชาย และพี่ชายก็จะต้องเป็นคนจ่ายค่าไอศรีมให้เธอด้วย เพราะเธอจะเก็บเงินค่าขนมเอาไว้ทำอย่างอื่น แต่ก็ไม่ได้บอกพี่ชาย ส่วนระพีพงศ์รู้เต็มอกว่าถูกน้องเอาเปรียบ แต่ถึงกระนั้นผู้เป็นพี่ก็ไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย เพราะความรักที่มีต่อน้องสาวคนเดียว และก็เป็นผู้หญิงคนเดียวในบ้าน ตั้งแต่แม่จากไป ถ้าไม่นับรวมกับคนรับใช้ ระพีพรรณจึงเป็นเหมือนแก้วตาดวงใจของเขากับพ่อนั่นเอง
     
    ระพีพรรณเดินตามสมพรเข้าไปที่ครัว ก็พบว่ารำพึงกับแพงนั้นนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวนอกครัวแล้ว
     
    พี่เพลงมากินข้าวเร็ว ๆ พี่ เสร็จแล้วเราจะได้ไปทำความสะอาดกัน พี่สมพรด้วยมาเร็ว ๆ
     
    รำพึงเรียกเธอพร้อมกับคดข้าวใส่จานให้ หญิงสาวมองอาหารเช้าคือผัดผักบุ้งไฟแดง ปลาสลิดแดดเดียวทอด และไข่เจียวอีกหนึ่งจาน แล้วก็มองสมพรที่รับจานข้าวจากมือรำพึงไปแล้วก็ตักอาหารเข้าปากอย่างง่ายดาย แต่สำหรับเธอนั้น บรรยากาศยามเช้าอย่างนี้ กับอาหารที่เห็นไม่ได้ทำให้เธออยากกินเข้าไปเลย เพราะไม่รู้สึกหิวแม้แต่อย่างใด
     
    คุณเพลงกินข้าวค่ะเร็ว ๆ จะได้ไปช่วยรำพึงทำงาน กว่าจะได้กินอีกทีก็เกือบบ่ายโมงนะคะ
    แพงรีบเตือนเพราะรู้จักเจ้านายเก่าดีว่าไม่ค่อยจะชอบกินอะไรตอนเช้า ๆ นอกจากกาแฟเพียงแก้วเดียว
     
    ค่ะป้าแพง
    เธอเหมือนจะรู้ว่าแพงกำลังเตือน แล้วก็ทำตามแต่โดยดี แต่ก็กินได้ไม่กี่คำก็กลืนไม่ลงเอาเสียเลย
     
    ดูมือเพลงสิเรี้ยว เรียว ขาวก็ขาว เหมือนที่มิน่าหล่ะป้าแพงถึงเรียกว่าคุณเพลง ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนคุณหนูเหมือนกันนะ สมพรนึกขึ้นได้ในเรื่องที่รำพึงเล่าให้ฟังเมื่อคืนนี้เรื่องของเธอ
     
    คุณหนูที่ไหนจะมาเป็นคนรับใช้เขาหละสมพรก้อ เธอรีบบอก
     
    ถ้าหนูเป็นพี่เพลงนะ หนูจะหาผัวรวย ๆ เลย สวยอย่างนี้ไม่ต้องมาทำงานอย่างนี้ให้เมื่อยหรอก
     รำพึงเสริมสามี
     
    ผู้ชายรวย ๆ หายากจะตายไปรำพึง ไอ้ที่มีมันก็มีเมียไปหมดแล้ว คุณเพลงของฉันก็ต้องไปเป็นเมียน้อยเขาสิยะ ไม่เอาหรอก ผู้หญิงทุกวันนี้อยู่ได้โดยไม่ต้องพึงผู้ชาย แพงรีบบอก
     
    จ้า ๆ ป้าแพง แหม อะไร ๆ ป้าก็ออกรับแทนพี่เพลงหมดเลยนะ อะไรกันเพิ่งจะเจอกันแท้ ๆ รักกันจริงนะ
    รำพึงแหย่พร้อม ๆ กับยิ้มออกมา
     
    อ้าว...พี่เพลงอิ่มแล้วเหรอ รำพึงถาม
     
    ะแล้วรำพึงอิ่มหรือยัง จะได้รีบไปทำงาน เธอถามเมื่อยกแก้วน้ำดื่มเสร็จ
     
    อิ่มพอดีพี่ งั้นเรารีบไปกันดีกว่า วันนี้พี่เพลงยังไม่รู้งานอาจจะเสร็จช้าหน่อย ป้าฝากเก็บจานด้วยนะ
    รำพึงบอกก่อนที่จะลุกไป โดยมีระพีพรรณที่ถือเอาจานตัวเองไปล้างที่อ่างล้างจาน แล้วก็รีบตามรำพึงไปโดยเร็ว
     
    ดูเมียแกสิ ใช้คนแก่อีกแล้ว
    แพงบ่นตามหลัง พร้อม ๆ กับมองตามระพีพรรณด้วยความสงสารปนห่วงใย
     
    เอ่อน่า เดี๋ยวฉันจะล้างให้เองป้า สมพรบอก
     
    ™™™
     
    ฝ่ามือที่เคยขาวเรียว เนียนนุ่ม เพราะไม่เคยหยิบจับอะไรไปมากกว่า ดินสอ ปากกา หรือพู่กันวาดรูปที่เธอโปรดปรานเมื่อมีเวลาว่าง บัดนี้มันทั้งแดง และก็เจ็บแสบด้วยสัมผัสกับของแข็งคือด้ามไม้กวาดและไม้ถูกพื้น สำหรับวันแรกของการทำงาน หรือจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอก็ว่าได้
     
    แต่ระพีพรรณก็ไม่อยากให้รำพึงสังเกตเห็น จึงเลี่ยงเข้าไปในห้องน้ำในห้องนอนของดอน เธอเปิดก๊อกน้ำแล้วยื่นมือไปหาสายน้ำ เพื่อคาดหวังว่าความเย็นจะช่วยทุเลาความปวดแสบได้บ้าง และมันก็จริงอย่างที่คาดเอาไว้ แต่พอมือห่างน้ำมันก็เริ่มแสบขึ้นมาอีก จนเธอไม่รู้จะทำยังไงดี ได้แต่รีบกลับออกมาจากห้องน้ำ แล้วรีบทำความสะอาดห้องนอนของดอนที่เธอเป็นคนรับผิดชอบทำความสะอาดโดยรำพึงเป็นคนแบ่งงานให้
     
    หญิงสาวสามารถรับรู้ถึงความเหนื่อยอ่อนได้จากขาแข้งที่เริ่มอ่อนแรงลง หลังจากที่ปัดกวาดเช็ดถูกชั้นล่างที่ใหญ่โตโอ่อ่า แล้วก็มาต่อที่ชั้นบนซึ่งมีห้องไม่น้อยกว่าแปดห้อง รำพึงรับหน้าที่ทำห้องของนิตยา เพราะกลัวระพีพรรณจะทำไม่ถูกใจ ด้วยนิตยาเป็นคนที่เจ้ายศเจ้าอย่างถือว่าตัวเป็นญาติเจ้าของบ้าน แล้วก็มีตำแหน่งเป็นแม่บ้าน จึงจู้จี้ไปแทบทุกเรื่อง 
     
    ส่วนห้องดนุพรรำพึงจะรู้ว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร เพราะทำมานานแล้ว ห้องของเขาใหญ่โตแต่ก็ไม่สกปรกอะไร ของใช้ก็ไม่จุกจิกเหมือนของนิตยา รายนั้น โต๊ะเครื่องแป้งที่เต็มไปด้วยกระปุกอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด เสื้อผ้าก็แทบจะล้นตู้ จนบางครั้งรำพึงนึกว่าเป็นห้องของคุณผู้หญิงของบ้านก็ไม่ปาน
     
    แต่ข้าวของ ของดนุพรไม่มีอะไรมากเลย และห้องของลัดดา ที่ไม่ค่อยได้มาพักสักเท่าไหร่ เพราะมีเรือนมะลิที่รำพึงบอกไว้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่เคยเห็น และคงจะได้ไปเห็นในอีกไม่กี่นาทีนี้ หลังจากเสร็จจากบ้านใหญ่แล้ว
     
    คุณท่านจะมานอนบนห้องด้านบน ก็เฉพาะตอนที่มีคุณดำเป็นคนอุ้มให้ขึ้นมานอน แต่ท่านก็ไม่อยากจะรบกวนลูกมากนัก เพราะเห็นว่าเหนื่อยจากงานมาแล้วทั้งวัน แต่คุณดำก็จะชอบอุ้มแม่ให้มานอนด้านบนถ้ามีเวลา แต่บางครั้งก็จะกลับมาไม่ทันคุณท่านหรอกพี่เพลง เพราะบางวันคุณท่านจะบอกว่าเหนื่อยก็เลยเข้านอนแต่หัววันบ้าง คุณท่านไม่ค่อยอะไรหรอกนะพี่เพลง รำพึงเคยบอก
     
    สำหรับรำพึงคนสองคนนี้คงจะไม่มีอะไร แต่สำหรับเธอแล้ว ทั้งสองมองเธอด้วยสายตาที่เกลียดชังยิ่งนัก ระพีพรรณเริ่มเข้าใจแล้วในเรื่องที่แพงเตือนเมื่อเช้า เพราะเธอทั้งเหนื่อยและก็หิวมาก เธอต้องนั่งถอนหายใจกับขาแข้งที่เริ่มจะอ่อนแรง แต่ก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่จะต้องทำให้เสร็จตามตารางงานที่ทำไว้ให้ ห้องของดอนเป็นห้องสุดท้ายของเธอหลังจากที่ทำไปแล้วสี่ห้อง รวมห้องนี้ด้วยเป็นห้าห้อง
     
    แต่ก็เป็นห้องที่มีขนาดที่ไม่ใหญ่เท่าห้องที่รำพึงทำอยู่ เธอจึงอาสาที่จะรับทำห้องเล็กทั้งหมดเอง ส่วนห้องอีกสามห้องที่ปิดเอาไว้เฉย ๆ รำพึงบอกว่าจะทำอาทิตย์ละครั้ง หรือเมื่อมีคนมาพัก เพราะถือว่าเป็นห้องสำรอง ไม่ค่อยมีคนมาพัก เพราะปกติก็ทำเผื่อเอาไว้รับแขกแล้วสามห้อง....
     
    คุณเพลงทานข้าวเยอะ ๆ นะคะ ดูสิตื่นตั้งแต่ตีห้า แล้วยังไม่ได้พักเลย แล้วเสร็จนี่ก็ต้องไปซักผ้ารีดผ้าอีก
     
    แพงบอกเธอขณะที่นั่งกินอาหารเที่ยงที่เกือบจะบ่ายโมงแล้ว มื้อเที่ยงนี้ทั้งสองคนกินกันตามลำพังสองคน เพราะคนอื่น ๆ ต่างก็หอบเอาอาหารไปกินที่ห้องและเอนหลังพักเพราะต่างก็เหนื่อยกับงาน
     
    ค่ะ...เพลงเองก็เพิ่งจะรู้นะคะว่าการทำงานบ้านมันก็หนักเอาการเหมือนกัน
    เธอรับเมื่อนึกถึงคำของแพงที่บอกไว้เมื่อวาน
     
    เอ๊ะ....มือคุณเพลงเป็นอะไรคะ ไหนให้ป้าดูหน่อยสิคะ ต๊าย....ตายแล้วคุณเพลง...โถ่คุณเพลงของป้า
     
    แพงต้องร้องอุทานเมื่อคว้าเอามือหญิงสาวมาดูแล้วก็ร้องลั่นออกมาเพราะมันทั้งแดงและพอง บางจุดก็พองแล้วมีน้ำใส ๆ อยู่ด้านใน
     
    เพลงไม่เป็นอะไรค่ะป้าแพง อีกหน่อยก็หาย มันคงจะเป็นแค่วันแรก ๆ ค่ะ อีกหน่อยถ้าทำไปเรื่อย ๆ ก็คงจะชินไปเองค่ะ เธอบอก
     
    ใช่ค่ะอีกหน่อยคุณเพลงก็คงจะชินค่ะ หรือถ้าไม่ชินก็ต้องทำให้ชินให้ได้ อีกตั้งห้าปีนะคะป้าว่ากินข้าวแล้วคุณเพลงต้องหาอะไรมาทานะคะ ป้าจะไปขอยาคุณยุเองค่ะแพงบอก
                                                        
    ขอบคุณค่ะป้าแพง จริงสิคะ เอาเข้าจริง ๆ แล้ว มันก็เป็นเวลาที่ไม่น้อยเลยนะคะ แต่ไม่เป็นอะไรค่ะ นานแค่ไหน ลำบากแค่ไหน เพลงก็จะทนค่ะ คุณพ่อ กับพี่พียังรอเพลงอยู่ แล้วไหนจะลุงโป่งอีก เธอบอกด้วยความหนักแน่น
                                                                                           
    ป้าจะเอาใจช่วยคุณเพลงนะคะ แล้วมีอะไรให้ป้าช่วย คุณเพลงก็บอกป้านะคะ เราก็เหมือนคนบ้านเดียวกัน ป้าเห็นคุณเพลงมาตั้งแต่เกิดค่ะ แพงบอก
                                                        
    เอ่อจริงสิคะ....งั้นป้าแพงช่วยสอนเพลงรีดผ้ากับซักผ้าหน่อยได้ไหมคะ เพลงไม่อยากให้รำพึงรู้ว่าเพลงไม่เคยทำค่ะ เธอร้องขอ
     
    ได้สิคะ ว่าแต่จะทำได้เหรอคะ มือเป็นอย่างนี้น่ะ แพงไม่วายกังวล
     
    ต้องได้สิคะ ถ้าไม่ได้แล้วเพลงจะทำยังไงดีหละคะ เธอบอกขณะตักข้าวเข้าปาก
     
    งั้นกินข้าวเสร็จป้าจะสอนให้นะคะ ให้รำพึงจะไปรอเก็บสำรับบนบ้านใหญ่คนเดียว คุณท่านคงอิ่มแล้วก็กำลังจะเอนหลังอยู่ในห้องนั่นหล่ะค่ะ ดีเหมือนกัน ป้าจะได้สอนให้คุณเพลงทำ ไม่ยากหรอกค่ะ แพงบอกด้วยความเต็มใจ
     
    ห้องที่ใช้สำหรับเป็นที่รีบผ้านั้นอยู่ห่างจากห้องพักคนงานไม่มากเท่าไหร่ ภายในห้องนั้นมีเสื้อผ้าที่แขวนเอาไว้แล้วหลายชุดด้วยกัน เพียงดูเสื้อผ้าระพีพรรณก็รู้ว่าของใครเป็นของใคร แต่ที่ไม่เข้าใจก็คือ ทำไมผ้าของแต่ละคนนั้นถึงได้มีหลายชุดนัก ทั้ง ๆ ที่แพงบอกว่า เสื้อผ้านี้รำพึงกับแก้วจะช่วยกันรีดทุกวันไม่มีเว้น เพราะถ้าเว้นไปเพียงวันเดียวก็หมายถึงจะต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีก ระพีพรรณมองเสื้อผ้าที่เป็นของดอนซึ่งมีชุดนักเรียนหนึ่งชุด พร้อมชุดที่น่าจะเป็นชุดที่ผลัดออกหลังจากกลับจาดโรงเรียน และตามด้วยชุดนอน
    ส่วนเสื้อผ้าของดนุพรนั้นจะมีทั้งหมดสี่ชุดคือชุดทำงาน ชุดที่ไปงานเลี้ยงที่เขาเอาไปเปลี่ยนที่ทำงานหรือที่คอนโดเวลาจะต้องไปงานเลี้ยง แล้วก็มีชุดกีฬาและก็ชุดนอน ส่วนของลัดดานั้นก็มีแค่สามชุด แต่ที่น่าแปลกก็หนีไม่พ้นเสื้อผ้าของนิตยาที่แพงบอกว่าแต่ละวันนั้นจะใส่เสื้อผ้าเปลืองคือห้าชุดขึ้นไป เพราะเธอขี้ร้อนเวลาออกไปข้างนอกพอกลับมาก็จะต้องอาบน้ำแล้วก็เปลี่ยนผ้าใหม่ไปด้วย
     
    เวลารีดผ้าคุณเพลงจะต้องรีดผ้าบาง ๆ ก่อนนะคะ แล้วก็รีดเสื้อตามด้วยกางเกง และก็กางเกงยีนส์ถ้ามี แต่คนที่นี่ไม่ค่อยใส่หรอกค่ะ นอกจากคุณดำแต่ก็นาน ๆ ทีถึงจะใส่สักครั้ง
     
    แพงสอนพร้อม ๆ กับในมือก็เอาเสื้อผ้าของลัดดาซึ่งเป็นผ้าที่เนื้อบาง ๆ มากางให้เธอดู
     
    ทำไมหละคะป้าแพง
    เธอถามเพราะไม่รู้ว่าการรีดผ้านั้นจะต้องมีขั้นตอนพวกนี้ด้วย
     
    ก็ผ้าบางมันรีดง่ายและใช้ไฟไม่รองค่ะ ส่วนเสื้อทำงานคุณดำนี้เวลารีดก็เริ่งไฟขึ้นอีกหน่อย ส่วนกางเกงก็เร่งขึ้นอีกนึดหนึ่งจะได้เรียบเร็ว และวันนี้มีกางเกงยีนส์ด้วย คุณเพลงก็ใช้ไฟแรงได้เลย เอาคุณเพลงลองดูค่ะ
     
    แพงบอกให้เธอลองดูหลังจากที่ทำให้เป็นตัวอย่างแล้ว
     
    อุ๊ย ๆ ระวังนะคะ อย่าแช่เตารีดนานนะคะคุณเพลง ผ้าจะใหม้เอานะ เสื้อผ้าคุณดำแต่ละตัวนี่หลายพันค่ะ คราวก่อนเจ้าแก้วมันทำไหม้คุณนิตยาหักเงินเดือนมันเลยนะคะ แพงบอกเมื่อเห็นเธอเตารีดไว้นานเกินไป
     
    ถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะป้าแพง เธอถามด้วยความสงสัย
     
    คุณดำแกคงจะไม่อะไรหรอกค่ะ แต่คุณนิดเธอไม่ยอม ป้าถึงบอกให้คุณเพลงระวังเธอไว้ให้ดี ๆ ไงคะ คุณนิดนี่มีอะไรหน่อยก็ถึงคุณท่านกับคุณดำหมดหล่ะค่ะ เวลามีเรื่องอะไรคนแรกที่คุณเพลงจะบอกคือป้านะคะ รำพึงก็พอได้แต่ทางที่ดีบอกป้าก่อนดีกว่าค่ะ ส่วนใหญ่พวกเราเวลาทำอะไรผิดก็จะช่วยกันปิดค่ะ ถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ช่วยกันแก้ปัญหาไป ถ้าใหญ่มากแล้วคุณนิดหรือว่านังแตนรู้หล่ะก็ เรื่องใหญ่เลยหล่ะคะ แพงเตือนเธออีกครั้ง
     
    ค่ะป้าแพง เพลงจะจำไว้ค่ะ เพลงเพิ่งจะรูนะคะว่าไอ้เสื้อผ้าที่เพลงเคยใส่วันละหลาย ๆ ชุดนี่เพิ่มงานให้คนทำอีกมากเลยหล่ะค่ะ
     เธอยอมรับแต่โดยดี เพราะเมื่อก่อนตัวเองก็ไม่เคยคำนึงถึงข้อนี้เลย
     
    ก็คุณเพลงไม่รู้นี่คะ ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมคะว่าการเป็นคนรับใช้นี่มันไม่ง่ายเลย แพงสมทบ
     
    เหนื่อยที่สุดเลยค่ะป้าแพง เธอรับ
     
    อ้าว...ป้าแพงอยู่นี่ด้วยเหรอ หนูก็ไปหาที่ครัวไม่เจอก็เลยตามมาดูที่นี่ พี่เพลงรีดผ้าไปถึงไหนแล้ว รำพึงถามคนทั้งสอง
     
    เพิ่งจะเริ่มทำจ๊ะ เธอรับ
     
    งั้นรีดไปก่อนนะเดี๋ยวหนูเอาผ้าลงเครื่องก่อน
    รำพึงบอกแล้วก็หอบเอาตะกร้าผ้าที่ต้องอยู่ไปแยก
     
    คุณเพลงรีดผ้าไปก่อนค่ะ ส่วนเรื่องซักพรุ่งนี้ป้าจะสอนให้อีกที
    แพงทำเสียงกระซิบใกล้ ๆ เธอ เพราะไม่อยากให้รำพึงที่สนใจกับผ้าอยู่นั้นได้ยิน
     
    นี่แม่คุณเสร็จหรือยังยะรีดผ้าเนี๊ยะน้านิดให้ฉันมาตาม บอกว่าสมพรรออยู่หน้าตึกตั้งนานแล้ว เมื่อไหร่จะเสด็จไปซักที เดี๋ยวคุณดอนก็รอแย่หรอก
     
    แตนที่เดินเข้ามาพูด ๆ แล้วก็สบัดกลับออกไป โดยที่ไม่สนใจจะรอระพีพรรณกับรำพึงได้ตอบโต้
     
    พี่เพลงไปเถอะเดี๋ยวหนูรีดต่อให้เหลืออีกนิดเดียว เดี๋ยวนังแตนมันก็คาบไปฟ้องน้ามัน จะเป็นเรื่องเปล่า ๆ
    รำพึงที่กำลังตากผ้าอยู่บอกเธอ
     
    จ๊ะ ขอบคุณมาก ๆ นะรำพึง
    เธอบอกและละมือจากเตารีดแล้วก็ยิ้มให้รำพึงก่อนจะรีบเดินแกมวิ่งออกไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×