ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอน ๒
ตอน ๒
“วันนี้เป็นยังไงบ้างเพลง คุณเมธีเขาว่ายังไง”
กำพลที่นั่งเอาหลังพิงหัวเตียงอยู่ ถามลูกสาวขณะที่เธอกำลังป้อนอาหารเย็นให้อยู่นั้น
“ยังไม่ได้เรื่องค่ะคุณพ่อ คุณเมธีบอกว่าเขารับมอบอำนาจมาจากอีกคนค่ะ เพราะเงินที่ให้คุณพ่อยืมไม่ใช่เงินแกค่ะ แต่แกก็ให้ชื่อและเบอร์โทรคนนั้นมาแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เพลงจะไปพบเขาค่ะ คุณพ่อไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวเพลงจะจัดการเอง คุณพ่อทำใจให้สบาย ๆ นะคะ เพลงกลับมาแล้ว เพลงจะทำทุกอย่างที่จะทำให้เราได้บ้านและโรงงานของเรากลับมาค่ะ” เธอบอกบิดา
“แล้วเขาชื่ออะไรล่ะลูก พ่อรู้จักหรือเปล่า” เขาถาม
“ชื่อเจนจบค่ะ เพลงยังไม่โทรไปนัดเลยค่ะ กะว่าเสร็จจากดูแลคุณพ่อแล้วเพลงถึงจะโทรไปค่ะ” เธอบอกตามที่รู้มาจากเมธี
“เจนจบ เหรอลูก...ไม่เคยได้ยิน แล้วนามสกุลอะไรล่ะลูก อายุเท่าไหร่ แล้วทำธุรกิจอะไร” เขาซักลูกสาว
“เพลงไม่รู้ค่ะคุณพ่อ ไม่กล้าถามคุณเมธี” เธอบอกตามตรง
“งั้น...พ่อฝากด้วยนะลูก เพลงคือที่พึ่งสุดท้ายของพ่อแล้ว....แล้วเจ้าโป่งไปไหนลูก” เขาถามหาคนสนิท
“เพลงให้ลุงโป่งพักค่ะ วันนี้แกทำหลายอย่างแล้ว พรุ่งนี้เพลงคงจะให้ลุงโป่งอยู่กับพ่อค่ะ เพราะสงสัยเพลงคงจะไปนาน”
เธอบอกบิดา
“ดีเหมือนกัน ให้เจ้าโป่งมันพักบ้าง ถ้าพ่อไม่ได้มัน ป่านนี้ไม่รู้จะเป็นยังไง ดูสิเงินเดือนเงินดาวน์ก็ไม่ได้ให้มันหรอกนะ มันก็ยังจงรักพักดีกับพ่อ เพลงอย่าทิ้งมันนะ มันไม่มีใครเหมือนกับพ่อ อยู่กันมาตั้งแต่หนุ่ม ๆ ลูกเมียก็ไม่ยอมมี”
กำพลเล่าถึงโป่งด้วยแววตาที่ปลาบปลื้มใจที่สุด ในน้ำใจลูกน้องคนนี้
“ค่ะคุณพ่อ...เพลงเองก็เห็นลุงโป่งมาตั้งแต่เล็ก ๆ เพลงจะดูแลลุงโป่งให้เหมือนคนในครอบครัวเราเลยค่ะ”
เธอบอกและก็ยิ้มให้บิดาด้วยแววตาที่แสนเศร้าเพราะความสงสารบิดานั่นเอง
ห้องรับแขกที่สวยหรู โอ่อ่าทำหน้าที่ตอนรับแขกที่มาเยือนได้เกือบสองชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีเจ้าของบ้านโผล่หน้ามาหาแขกเลย นอกจากคนรับใช้ที่เข้ามาแจ้งไว้ว่าให้รอก่อน เพราะเจ้านายติดธุระด่วน ยังมาพบไม่ได้
“เพลงตกลงเขาจะมาหรือเปล่านี่ เรารอสองชั่วโมงกว่าแล้วนะ”
โสภาที่อาสามาด้วย หลังจากที่ได้รับรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากเพื่อนต่างวัยแล้ว
“เพลงก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่โสภา เขาคงจะติดธุระมั้งคะ ว่าแต่พี่โสภามีธุระด่วนที่ไหนหรือเปล่า จะกลับก่อนเพลงก็ได้ค่ะ ส่วนเพลงยังไง ๆ ก็คงต้องรอคุยกับเขาให้รู้เรื่องก่อน จะได้รู้ว่าจะเอายังไงต่อไป”
เธอบอกโสภาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล จนทำให้โสภารู้สึกผิดที่ไม่รู้จักทนรอ
“พี่ไม่มีธุระที่ไหนหรอกเพลง ไหน ๆ ก็มาด้วยกันแล้ว ก็เอาให้มันรู้เรื่องไปเลย ว่าแต่คุณเจนจบหรือคุณดำที่แม่สาวใช้เขาเรียกเมื่อกี้นี้นี่ จะเป็นยังไงนะ จะตัวดำ หน้าดำ หรือใจดำเหมือนชื่อหรือเปล่านี่ คนอะไรให้แขกมารอได้ตั้งสองสามชั่วโมง”
โสภาไม่วายที่จะบ่นกับเธอ
“เพลงก็ไม่รู้ค่ะ ลุงโป่งบอกว่าไม่เคยรู้จักเหมือนกัน เพลงก็เพิ่งจะรู้ว่าชื่อเล่นเขาชื่อดำ คุณเมธีบอกแต่ชื่อจริงเท่านั้นค่ะ” เธอบอกออกไปเพราะไม่รู้จริง ๆ
“ขอโทษนะที่ให้รอ พอดีฉันมีธุระด่วน”
เสียงของผู้ที่ถูกกล่าวขวัญถึงดังมาจากประตูห้องรับแขก ทำให้ผู้รอทั้งสองหันไปหาเจ้าของเสียงด้วยความตกใจ แล้วทั้งสองก็แปลกใจไม่แพ้กัน เพราะนายดำที่ทั้งสองคาดหวังเอาไว้ น่าจะเป็นคนอายุห้าหกสิบปี แต่ชายที่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้านั้น ถ้าจะให้เดาก็ไม่น่าจะเกินสามสิบต้น ๆ ทั้งสองยืนให้เจ้าของบ้านตามมารยาท
“ไม่เป็นอะไรค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณดำใช่ไหมคะ” ระพีพรรณถามเขาด้วยความอ่อนน้อม
“ใช่ฉันคือนายดำ เชิญนั่งสิ”
เขาบอกทั้งสอง แล้วตัวเองก็นั่งลง พร้อม ๆ กับวางซองสีน้ำตาล ที่ด้านในมีเอกสารบรรจุอยู่ลงข้าง ๆ ตัว
“เธอคือระพีพรรณ ลูกนายกำพลเหรอ” เขาถามไปอย่างนั้น แต่สีหน้าไม่ได้อยากรู้อะไรเลย
“ค่ะ...พอดีคุณเมธีบอกว่าคุณดำ...เอ่อ...”
เธอหยุดแค่นั้น เพราะดูจากสีหน้าของเจ้าของบ้านที่มองมาที่เธอ แทบจะไม่มีความเป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย
“ฉันรู้แล้ว...เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะ ฉันไม่ค่อยจะมีเวลามาก” เขาตัดบท
“คือว่าหุ้นกับบ้านที่หลุดจำนองไปเมื่อเดือนที่แล้วน่ะค่ะ ดิฉันจะมาขอความกรุณา ช่วยขยายเวลาให้อีกจะได้ไหมคะ พอดีดิฉันเพิ่งจะทราบเรื่อง ก็เลยยังไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไรค่ะ” เธอเริ่มถามเขา
“กี่ปีล่ะ...แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ฉัน เงินไม่ใช่น้อยนะ” เขาบอกแต่แววตาแทบจะไม่อยากมองมายังเธอเลย
“แล้วไม่ทราบว่าคุณดำมีแนวทางพอจะแนะนำดิฉันได้ไหมคะ ว่าจะให้ดิฉันทำยังไง คือว่า...เอ่อ...บ้านกับโรงงานคุณพ่อท่านรักมากค่ะ ดิฉันก็เลยไม่อยากจะให้มันหลุดมือไป” เธอบอกด้วยความอ้ำอึ้ง
“ใคร ๆ เขาก็รักของ ๆ เขาทั้งนั้นล่ะ แล้วพ่อเธอไม่เคยเอาของ ๆ ใครเลยหรือยังไง พอถึงคราวของตัวเองบ้างทำจะมาโอดครวญ ขอยืดเวลา” เขาอดไม่ได้ที่จะพูดถึงคนที่ตัวเองเกลียดเข้าไส้มานานนับสิบ ๆ ปี...ไม่มีเสียงโต้ตอบจาก ระพีพรรณ เพราะเธอแทบจะไม่เข้าใจว่าเขาพูดถึงเรื่องอะไร
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ ฉันมีข้อเสนอให้เธออยู่สองทาง หนึ่งคือหาเงินมาไถ่ หรือสองทำงานใช้หนี้ฉัน เมื่อครบกำหนดเธอก็เอาสมบัติพ่อเธอกลับไปได้” เขาบอกด้วยสีหน้าที่เฉยเมยไม่แยแสคนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
“หมายความว่ายังไงคะ” เธอถามเมื่อหันหน้าไปมองหน้าโสภาด้วยความงง
“ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำ ๆ ทางเลือกที่หนึ่งนับจากวันนี้ไปอีกสิบห้าวัน ฉันให้เวลาเธอหาเงินมาไถ่คืนทางที่สองทำงานใช้หนี้ รายละเอียดของงานอยู่ในนี้”
เขาพูดแล้วก็โยนซองสีหน้าตาลใส่หน้าเธอ ทำให้โสภาเริ่มรู้สึกไม่ดีกับการกระทำของเจ้าของบ้าน ที่ดูจะไม่มีมารยาทเอาเสียเลย แต่ระพีพรรณก็ไม่ได้ใส่ใจ รีบหยิบเอาซองสีน้ำตาลขึ้นมาดู แล้วก็อ่านสัญญาแต่ยังไม่ทันที่จะได้รู้เรื่องอะไร เขาก็เอ่ยขึ้น
“ฉันคงไม่มีเวลามารอให้เธออ่านเอกสารหรอกนะ เอาเป็นว่าเธอกลับไปดูเองที่บ้านก็แล้วกัน ถ้าตกลงตามข้อหนึ่งก็อีกสิบห้าวัน เอาเงินห้าสิบล้านมาคืนฉันที่นี่บ่ายโมงตรง ต้องมาให้ตรงนะ ฉันไม่ชอบคุณผิดนัด ถ้าเธอมาช้าแม้แต่นาทีเดียวฉันจะถือว่าเธอไม่รับข้อเสนอฉัน และทุกอย่างก็จะเป็นของฉันทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้มันก็เป็นอยู่แล้ว หรือถ้าเธอเลือกข้อสอง อีกสิบห้าวันเธอก็มาพบฉันที่นี่เวลาเดียวกัน พร้อม ๆ กับทำตัวให้พร้อมที่จะทำงานให้ฉันทันที...แค่นี้นะขอตัว...”
เขาพูดแล้วก็ลุกเดินไป แต่ก็ไปยังไม่ทันพ้นประตูเขาก็หันมาอีก
“อ้อ....แล้วถ้าเธอเลือกข้อสอง วันที่เธอมา ช่วยหาใครก็ได้มาเซ็นต์รับรู้และเป็นพยานด้วย”
พูดแล้วเขาก็เดินออกไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทิ้งให้ทั้งสองมองตามออกไปด้วยความงงไม่แพ้กัน
“มีอะไรในนั้นเพลง พี่ล่ะไม่ชอบอีตานี่เลยให้ตายสิ” โสภาอดรณทนไม่ได้
“ไปเถอะค่ะพี่โสภา”
เธอไม่ตอบอะไร ได้แต่ดึงเอาแขนโสภาให้ออกมาจากห้องรับแขกของบ้านหลังใหญ่ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะยินดีนัก
“พี่ล่ะโมโหจริง ๆ เลยเพลง ผู้ชายอะไร หน้าตาก็ดี แต่มารยาทไม่มีเอาซะเลย ดูสิพูดจา เหมือนโกรธเกลียดเพลงมาตั้งแต่ชาติไหนก็ไม่รู้” โสภาไม่วายบ่น เมื่อนั่งอยู่ม้าหินอ่อนที่หน้าของบ้านระพีพรรณแล้ว
“ช่างเขาเถอะค่ะพี่โสภา ก็เขาเป็นเจ้าหนี้เพลงนี่ เขาจะพูดอะไร เราก็ต้องยอมนะคะ ก็เราต้องง้อเขานี่คะ”
เธอให้แง่คิดที่ดีกับโสภาเสมอมา
“เพลงก็อย่างนี้ทั้งปี ถามจริง ๆ เถอะ เคยโกรธใครหรือเปล่าในชีวิตนี้...แม่นางฟ้า กับอีตาดำเดิมอะไรนี่ พูดแล้วเจ็บใจจริง ๆ เลย....เอ่อ....แล้วคุณพ่อเพลงล่ะ ท่านอยู่ที่ไหนจ๊ะ” โสภาถาม เพราะตั้งใจจะมาเยี่ยมกำพลเมื่อได้ยินคำบอกเล่าของระพีพรรณ เธอก็ขอแสดงน้ำใจด้วยการมาเยี่ยมพ่อเพื่อน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เคยเห็นกันมาก่อน
“คุณพ่อนอนอยู่บนห้องข้างบนค่ะ นี่เพลงว่าจะชวนลุงโป่งพาคุณพ่อมานอนห้องข้างล่างแล้วล่ะค่ะ จะได้ดูอะไร ๆ ที่บ้านด้วย อยู่แต่ข้างบนมานานแล้ว งั้นเพลงว่าเราขึ้นไปหาคุณพ่อกันดีกว่านะคะ เชิญเลยค่ะ”
เธอบอกพร้อม ๆ กับเดินนำหน้าแขกไปชั้นบน
“ขอบใจมากนะหนูที่อุตส่าห์มาเยี่ยมพ่อ ตามสบายนะ เจ้าโป่งดูแลแขกด้วยนะ บ้านพ่อไม่ค่อยได้ต้อนรับแขกมานานแล้ว ขาดตกยังไงก็ขอโทษด้วยนะ” กำพลที่อยู่ในท่านั่งกล่าวกับโสภา
“ขอบพระคุณค่ะ คุณลุงไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ เห็นเพลงเล่าเรื่องคุณลุงให้ฟังตั้งแต่อยู่เมืองนอกแล้ว ได้มาเยี่ยมคุณลุงซักทีค่ะ” โสภากล่าวด้วยความนอบน้อม
พร้อม ๆ ทั้งในความรู้สึกก็ให้สงสารกำพลไม่หาย เพราะเท่าที่เธอรู้จากคำบอกเล่าของระพีพรรณนั้น กำพลเป็นคนทำการงานเก่ง แข็งแรง แต่ก็ไม่น่าเชื่อเลย ว่าเรื่องต่าง ๆ จะกลายมาเป็นแบบนี้
“แล้ววันนี้ได้เรื่องหรือเปล่ายายเพลง” กำพลรีบถามเรื่องที่รอมานาน
“ก็เขาให้เวลาเพลงหาเงินแค่สิบห้าวันค่ะ หรือไม่ก็ให้ไปทำงานใช้หนี้ เขาให้รายละเอียดเรื่องงานมาด้วย แต่เพลงยังไม่ได้ดูเลยค่ะ เอาไว้ให้คุณพ่อกินข้าวเย็นก่อน แล้วเพลงค่อยดูค่ะ วันนี้ลุงโป่งทำอะไรให้คุณพ่อกินคะ” เธอบอกบิดาแล้วก็หันไปถามโป่ง เพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากให้บิดาไม่สบายใจ
“วันนี้มีปลาราดพริกครับคุณเพลง เจ้าเก่าที่คุณเพลงชอบ งั้นลุงว่าคุณเพลงลงไปจัดข้าวให้คุณท่านเลยก็แล้วกันนะครับ เลยเวลาอาหารมามากแล้ว เดี๋ยวลุงจะไปเอาผลไม้มาให้ด้วย” โป่งที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ รีบเสนอทันที ด้วยความที่มีจุดประสงค์เดียวกันกับระพีพรรณ คือไม่อยากให้กำพลต้องรับรู้เรื่องราวที่ไม่ค่อยจะดีนัก
“ได้ค่ะ งั้นคุณพ่อกินข้าวนะคะ เพลงจะไปจัดให้ คุยกับพี่โสภาไปพลาง ๆ ก่อนนะคะ....ไปเถอะค่ะลุงโป่ง”
ระพีพรรณรีบรับข้อเสนอของโป่งอย่างรู้ทัน และก็ตามกันลงไปชั้นล่างเพื่อเตรียมอาหาร
“ตกลงงานที่เขาจะให้ทำคืออะไรจ๊ะเพลง หวังว่าคงจะไม่ใช่....เอ่อ...” โสภาถามหลังจากที่ลงมาจากห้องของกำพลเรียบร้อยแล้ว และเธอก็ไม่อยากจะคิดว่านายดำที่เธอไม่ค่อยอยากจะผูกมิตรนั้น จะให้ระพีพรรณไปทำงานที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่โสภาหยุดความคิดเอาไว้แค่นั้น
“เขาให้เพลงไปเป็นคนรับใช้ที่บ้านห้าปีค่ะพี่โสภา....งานก็ทำทุกอย่างตามที่เขาจะสั่งให้ทำ ตั้งแต่ กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้ ทำกับข้าว ดูแลน้องเขาที่ป่วยทางจิต ดูแลลูกชายเขา และก็แม่ที่เป็นอัมพาตต้องนั่งรถเข็นค่ะ แล้วก็ดูแลเขาทุก ๆ เรื่อง” ระพีพรรณบอก
“ทำไมเขาให้คุณเพลงไปทำงานพวกนี้ล่ะครับ” โป่งที่นั่งฟังอยู่ด้วย อดสงสัยไม่ได้
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะลุงโป่ง เงินตั้งห้าสิบล้านแต่เขาจะให้เพลงไปทำงานให้แค่นี้เองค่ะ” เธอไม่วายที่จะคิดเหมือนกับโป่ง
“นั่นสิเพลง หวังว่าคงจะไม่ทำอะไรเพลง ไปในทางที่ไม่ดีนะ” โสภาพูดออกมาในที่สุด
“ถ้าเราสงสัย เราก็ถามเขาก็ได้ค่ะพี่โสภา เขาบอกว่าวันที่เพลงไปพบเขาจะต้องเซ็นต์สัญญาด้วยค่ะ แต่ที่เขาให้มานี้มันเป็นแค่ร่างสัญญาค่ะ วันทำสัญญาจริง ๆ จะมีทนายมาเป็นพยานด้วย” เธอบอกตามเนื้อความในจดหมาย
“จริงเหรอจ๊ะ แหม...นายคนนี้รอบคอบจริง ๆ เลย”
โสภาอดชมเขาไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ประทับใจการกระทำของเขาในวันนี้ก็ตาม
“คุณเพลงบอกว่าเขาชื่อเล่นว่าดำใช่ไหมครับ แล้วชื่อเจนจบ แล้วนามสกุลอะไรครับ เผื่อลุงจะรู้จักบ้าง”
โป่งถามด้วยความอยากรู้
“ใช่ค่ะลุงโป่ง ชื่อเล่น ว่าดำ เพลงเห็นเด็กที่บ้านเขาเรียกอย่างนั้นนะคะ แต่ว่าชื่อจริง ๆ นี่ไม่ใช่เจนจบนะคะ นี่ไงคะชื่อจริง ดนุพร ปรีชากุลค่ะ แต่ทำไมคุณเมธีบอกว่าชื่อเจนจบ หรือว่าเพลงจะฟังผิดคะ”
เธอบอกขณะที่ก้มลงไปอ่านชื่อที่ระบุไว้ในร่างสัญญา
“ดนุพร ปรีชากุล....นามสกุลนี้ มันนามสกุลคุณณรงค์เดชนี่ครับ” โป่งพูดออกไปเพราะนึกถึงใครบางคน
“ลุงโป่งรู้จักเหรอคะ” โสภาถามด้วยความอยากจะรู้
“รู้จักสิครับ ....เอ่อ...ลุงหมายถึงว่าลุงพอจะรู้จักหรือเคยได้ยินนามสกุลนี้มาก่อนครับ แต่ลุงก็ไม่แน่ใจครับคุณโสภา”
โป่งรีบเก็บสิ่งที่ตัวเกือบเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรให้คนนอกรู้เข้าแล้ว
“เอ่อ...แล้วว่าแต่เพลงจะเอายังไงดีล่ะ จะหาเงินมาไถ่บ้าน หรือจะไปเป็นคนใช้เขา แล้วถ้าเป็นอย่างหลังเพลงจะทำได้เหรอ พี่ไม่เคยเห็นเพลงทำอะไรเองเลย เป็นคนใช้น่ะเหนื่อยมากนะเพลง” โสภารีบถามเธอ
“เพลงก็ยังไม่รู้เลยค่ะพี่โสภา เดี๋ยวพรุ่งนี้เพลงจะลองไปปรึกษาอากำธรดูก่อนค่ะ เผื่อจะช่วยอะไรเพลงได้บ้าง เงินไม่น้อยเลยนะคะ เวลาแค่สิบห้าวันเพลงจะหาได้จากที่ไหน แต่ถ้าเพลงหาไม่ได้ เพลงก็คงจะต้องทำตามที่เขาเสนอค่ะ เงินห้าสิบล้าน กับทำงานแค่ห้าปี คิด ๆ แล้วตกเดือนละตั้งเกือบล้านนะคะพี่โสภา ” เธอบอกออกไปทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็มืดแปดด้าน
“งั้นพี่จะลองหาทางช่วยอีกแรงนะ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยได้มากแค่ไหน มันเป็นเงินไม่น้อยเลย”
โสภาบอกออกไปทั้ง ๆ ที่ตัวเอง ก็แทบจะไม่แน่ใจเลย ว่าจะหาทางช่วยเพื่อนได้ยังไง
“ขอบคุณค่ะพี่โสภา เพลงว่ามืดมากแล้ว พี่โสภากลับบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวทางบ้านจะห่วง เอาไว้มีอะไรแล้วเพลงจะโทรหานะคะ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ” เธอเสนอเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว
“ไม่ต้องเกรงใจพี่นะเพลง เราเป็นเพื่อนแท้กันนะ งั้นวันนี้พี่กลับก่อนนะแล้วจะโทรหา หนูลานะคะลุงโป่ง”
โสภาบอกเธอ และไหว้โป่งด้วยความนอบน้อม....
“คุณท่านหลับแล้วเหรอครับคุณเพลง” โป่งนั่งอยู่เก้าอี้ที่สนามหญ้า ที่มีหญ้าขึ้นเต็มโดยไม่มีใครได้ดูแล
“ค่ะ...ลุงโป่งคิดอะไรอยู่คะ” ระพีพรรณถามขณะนั่งลงกับเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ตรงข้ามโป่ง
“คุณเพลงครับ ลุงมีอะไรจะบอกครับ แต่คุณเพลงต้องสัญญากับลุงก่อนนะครับ ว่าจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ ไม่บอกให้คุณท่านรู้” โป่งมีสีหน้าที่เคร่งขรึม
“ลุงมีอะไรคะ” เธอถามด้วยแววตาที่สงสัย
“เรื่องเจ้าหนี้ครับคุณเพลง ลุงรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมเขาถึงชื่อเจนจบ และกลายมาเป็นชื่อดนุพรครับ” โป่งตัดสินใจเปิดปาก
“ใครคะ...แล้วเพลงรู้จักไหมคะ แล้วทำไมเขามีสองชื่อคะ”
“คุณเพลงพอจะจำแม่ลูกที่พักอยู่ห้องแถวคนงานก่อสร้างที่ไซด์งานได้ไหมครับ ที่คุณเพลงเคยแอบเอาข้าวของที่บ้านไปให้เขาตอนคุณเพลงเล็ก ๆ น่ะครับ” โป่งถาม
“พอจำได้ค่ะ ที่แกมีลูกชายหนึ่งหญิงหนึ่งใช่ไหมคะ”
เธอถามเพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลา ว่าเมื่อสมัยเด็ก ๆ เคยเอาขนมกับอาหารกระป๋องซุกใส่กระเป๋าเอาไปให้คนงาน เวลาที่ตามพ่อไปเล่นตามไซด์งาน และก็พอนึกหน้าผู้ชายที่หน้าตาเศร้าคนหนึ่ง ที่ชอบแอบไปร้องไห้เพราะสงสารแม่ ไม่มีเงินซื้อข้าวสาร จนเธอต้องคอยยื่นเงินค่าขนมให้ และก็แอบเอาข้าวสารจากบ้านซุกใส่กระโปรงรถมาให้ โดยมีโป่งกับแพงแม่บ้านเป็นคนรู้เห็น
“นั่นล่ะครับคุณเพลง แต่จริง ๆ แล้ว ผู้หญิงคนนั้น ชื่อลัดดา แกมีลูกชายอีกคนครับ แต่ไม่ค่อยได้มาที่ไซด์งานเท่าไหร่ เพราะมัวแต่เรียนหนังสือ” โป่งบอก “แล้วมันเกี่ยวอะไรกันคะ” เธออดถามไม่ได้
“ก็นายดำ หรือนายดนุพร นี่ล่ะครับเป็นลูกคนกลางของผู้หญิงคนนั้นครับ” โป่งบอกอีกครั้ง
“เหรอคะ....แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเพลงคะ”
“เกี่ยวโดยตรงครับคุณเพลง คือเมื่อก่อนครอบครัวนี้ไม่ได้ยากจนอย่างที่คุณเพลงเห็นในตอนนั้นหรอกครับ จัดว่าร่ำรวยด้วยซ้ำ แต่ก็โชคร้ายที่สามีแก คือคุณณรงค์เดช เกิดป่วยเป็นโรคมะเร็ง แล้วก็ปิดลูกเมียเอาไว้ ไม่อยากให้เป็นห่วง รักษาหมดเงินไปเกือบจะหมดบ้าน แล้วก็เอาหุ้นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง กับบ้านมาจำนองไว้กับคุณท่านครับ แต่ไม่นานคุณณรงค์เดชก็เสีย คุณท่านก็เลยเข้าไปยึดเอาสมบัติทั้งหมดที่จำนองเอาไว้
“ตั้งแต่หลุดจำนองไปแค่อาทิตย์เดียว คุณลัดดาแกขอร้องคุณท่านยังไง ๆ คุณท่านก็ไม่ยอม จะยึดท่าเดียว และก็ให้ออกจากบ้านภายในสามวัน แต่คุณท่านก็ยังสงสารอยู่ เลยให้พาลูก ๆ มาพักอยู่กับคนงานที่ไซด์งานครับ แล้วให้ลูกชายคนโตที่ชื่อ “เด่น หรือ เด่นณรงค์” ที่เรียนจบแค่ ม.ปลายไปทำงานก่อสร้างด้วย แต่พออยู่ไปสักพักคุณท่านเห็นว่ามีความรู้ก็เลยให้มาช่วยงานบัญชีกับคุณท่านครับ
ส่วนแม่กับน้องก็ต้องย้ายโรงเรียนมาเรียนโรงเรียนใกล้บ้าน แล้วคุณลัดดาก็ทำกับข้าวขายให้คนงานบ้าง หรือรับจ้างซักผ้ารีดผ้าบ้าง ทำความสะอาดบ้าง แล้วแต่จะมีคนจ้าง บางครั้งก็ต้องทำงานก่อสร้างด้วยครับ ลูกคนกลางกำลังเรียนก็ต้องไปอาศัยเพื่อน ๆ อยู่ เพื่อเรียนให้จบถึงไม่ค่อยได้มาบ่อยไงครับ คุณเพลงเลยไม่ค่อยได้เห็น แต่ถึงเห็นก็คงจะจำกันไม่ได้หรอกครับ” โป่งเล่า
“ทำไมคุณพ่อทำอย่างนั้นคะ” เธอถามเพราะความไม่รู้จักอีกมุมของบิดา
“คุณเพลงไม่รู้อะไร เมื่อก่อนคุณท่านรีบสร้างเนื้อสร้างตัว พอมีลู่ทางอะไรก็รีบคว้าเอาไว้หมดครับ จะได้มายังไงไม่ค่อยจะสนใจหรอกครับ เอ่อ....คุณเพลงอย่าโกรธลุงนะครับ ที่ลุงพูดตรง ๆ” โป่งอดที่จะห่วงความรู้สึกเจ้านายสาวไม่ได้
“ไม่เป็นอะไรค่ะลุงโป่ง เพลงพอจะเข้าใจค่ะ” เธอบอก เพราะก็พอรู้จักบิดาตัวเองบ้าง ที่อดห่วงเรื่องฐานะการเงินของครอบครัวไม่ได้ จนต้องทำแทบทุกวิธีเพื่อไม่ให้ลูกลำบาก
“ตอนนั้นคุณเพลงน่าจะอายุได้แค่สิบขวบหรือสิบเอ็ดนี่ล่ะครับ พอเรียนจบ ป.หกท่านก็ส่งไปเมืองนอกเลย....แต่เหตุผลที่ส่งไปก็คือว่า คุณท่านไม่อยากให้เห็นคุณพีที่ช่วงนั้นเกเร ไม่ยอมเรียนหนังสือครับ คบเพื่อนไม่ดี ติดยาด้วย พอคุณเพลงไปเมืองนอกได้ไม่นาน คุณพีกับเพื่อน ๆ ก็ถูกตำรวจจับข้อหาฆ่าคนตาย
คุณท่านก็วิ่งเต้นเส้นสายข้างในหมดเงินไปเยอะเหมือนกัน แต่ก็แทบจะช่วยไม่ได้เพราะหลักฐานแน่นหนามาก แต่จู่ ๆ พ่อเด่นก็มาหาผมในคืนหนึ่งบอกว่าอยากให้ผมพาไปพบคุณท่านหน่อย ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไร พ่อเด่นบอกว่าเรื่องสำคัญจะต้องคุยกับคุณท่านให้ได้ แล้วบอกว่าเป็นเรื่องคุณพี ลุงก็เลยพาไป
พอไปแล้วพ่อเด่นก็บอกกับคุณท่านว่าจะขอรับโทษแทนคุณพี แต่มีข้อแม้ว่าคุณท่านจะต้องคืนสมบัติที่ยึดมาให้แม่กับน้องเป็นเครื่องตอบแทน ด้วยความดีใจคุณท่านก็เลยรีบรับปากทันที แล้วก็ให้ลุงเป็นพยานให้คุณท่าน ส่วนพ่อเด่นก็ให้น้องชายที่อายุแค่สิบเจ็ดสิบแปดมาเป็นพยานให้พี่” โป่งหยุดเล่า
“แล้วเขาก็ยอมให้พี่เขาทำอย่างนั้นเหรอคะ” เธอถาม
“แกไม่อยากให้ทำหรอกครับ แต่พ่อเด่นอยากจะให้น้องสบาย และคิดว่าติดคุกไม่กี่ปี เพื่อแลกให้ทุกคนสบายเขาก็ยอม แต่เหตุการณ์มันกลับไม่เป็นไปตามที่พ่อเด่นหวังเอาไว้สิครับ พอพ่อเด่นติดคุกแทนคุณพีแล้ว พ่อดำหรือคุณดำทุกวันนี้กลับมาทวงสัญญาที่คุณท่านให้ไว้กับพี่ชาย แต่คุณท่านกลับไม่ยอมคืนสมบัติให้
เพราะช่วงนั้นกิจการกำลังแย่ ถ้าไม่ได้งานรับเหมาที่ยึดมาก็แทบจะเอาตัวไม่รอด โรงงานก็ไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คุณท่านก็เลยกลับคำไม่ยอมคืนเอาดื้อ ๆ ท่านบอกว่าไม่มีหลักฐานอะไร ทำอะไรแกไม่ได้ คุณลัดดาพอรู้เรื่องจากพ่อดำ ก็มาพบคุณท่านอีก แต่ก็ได้รับคำตอบเดิม คุณลัดดาโกรธมาก สาบแช่งคุณท่านไว้แทบจะไม่มีชิ้นดี พ่อดำเองก็โกรธ ๆ มากกว่าคุณลัดดาอีก เพราะแกเป็นคนยอมตกลงกับพ่อเด่นให้ทำเรื่องนี้
พอรู้ว่าพี่ติดคุกฟรีก็โกรธมาก หอบเอาแม่กับน้องไปอยู่ที่อื่น แล้วตั้งแต่วันนั้นผมกับคุณท่านก็ไม่ได้ข่าวคุณลัดดากับพ่อดำอีกเลยครับคุณเพลง จนเวลาผ่านไปอีกประมาณเจ็ดแปดปี ลุงถึงได้พบแกอีกครั้ง แต่การพบกันครั้งนั้นมันไม่ดีเอามาก ๆ เลย”
“ทำไมคะลุงโป่ง”
“ก็ผมพบแกที่ศาลครับ ตอนนั้นโตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว ลุงจำแทบไม่ได้”
“แล้วไปทำไปที่ศาลคะ”
“น้องสาวแกที่อายุแค่สิบหกปีถูกคุณพีกับพวก ๆ กลุ่มเดิม ที่ก่อเรื่องเอาไว้ ไปรุมข่มขืน จนป่านนี้ลุงก็ไม่ได้ข่าวเด็กคนนั้นอีกเลยครับ ไม่รู้คุณเพลงพอจะจำได้หรือเปล่า เด็กผู้หญิงที่รุ่น ๆ คุณเพลงตอนนั้นครับ ผมยังจำได้ว่าเคยไปวิ่งเล่นกับคุณเพลงอยู่เลย” โป่งถาม
“เพลงพอจะจำได้ค่ะ ชื่อว่าดา หรืออะไรประมาณนี้ล่ะค่ะ...แล้วยังไงต่อคะลุงโป่ง” เธอถามต่อด้วยความอยากรู้
“ตอนนั้นคุณดำเป็นโจทย์ยื่นฟ้องคุณพีกับเพื่อน ๆ อยู่ครับ วันที่ไปศาลเพื่อฟังคำพิพากษา แต่จนแล้วจนรอดคุณท่านก็ชนะคดีอยู่ดีครับ เพราะก่อนหน้านั้นคุณท่านวิ่งเต้นใช้เส้นสายเหมือนครั้งก่อน เงินทองก็หมดไปเยอะมาก ๆ เลยครับ ส่วนพ่อดำก็โกรธแค้นคุณท่านมากแต่ก็ทำอะไรคุณท่านไม่ได้
ส่วนคุณท่านตอนนั้นก็สุขภาพไม่ค่อยดีแล้ว ไหนจะเรื่องการเงินที่แย่ลง ไหนจะเรื่องคุณพีที่ทำตัวเกเรอีก แต่คุณพีก็สัญญากับคุณท่านว่าจะกลับตัวไม่เกเร คุณท่านลงทุนพาแกไปเลิกยาที่ถ้ำกระบอกเลยนะครับจนในที่สุด คุณพีก็เลิกยาได้แล้ว เพื่อน ๆ กลุ่มนั้น คุณท่านก็ขอร้องว่าให้แกก็เลิกคบกัน คุณพีก็ยอมทำตามคุณท่านนะครับ แต่มันก็เหมือนเวรกรรมมีจริงครับคุณเพลง
ต่อมาอีกไม่นานเท่าไหร่....วันนั้นคุณพีไปทำธุระให้คุณท่านเกิดขับรถชนคนตายโดยไม่ได้ตั้งใจ เดือดร้อนคุณท่านต้องใช้เงินวิ่งเต้นอีก หุ้นก็เอาไปจำนอง บ้านก็เอาไปจำนองเอาเงินมาวิ่งเต้นช่วยคุณพี เงินจ่ายให้พ่อแม่คนตายไปไม่รู้เท่าไหร่ จนเจ้าทุกข์ตกลงใจจะยกฟ้อง เพราะเห็นใจคุณท่าน และไหน ๆ ลูกเค้าก็ตายแล้ว และก็ได้เงินจากคุณท่านมากเหมือนกัน คุณท่านก็ดีใจใหญ่” โป่งหยุดเล่าและมองไปหาหญิงสาว
“แล้วยังไงคะ”
“แต่ไม่รู้ยังไง จากท่าทีที่ดูจะเห็นใจคุณท่าน ฝ่ายโน้นกลับไม่ตกลงเอาดื้อ ๆ และยังกลับคำให้การอีกครับคุณเพลง แถมขู่ว่าจะยื่นฟ้องเรื่องคุณท่านที่ติดสินบนเจ้าพนักงานเอาไว้อีก จนคนใหญ่คนโตที่เคย ๆ ช่วยกันมา ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยคุณท่านอีก เพราะกลัวจะโดนเล่นงาน เจ้าทนายเราก็แสบครับ มันบอกคุณท่านว่าคนโน้นคนนี้จะช่วยได้ ให้เอาเงินไปให้เท่านั้นเท่านี้
สุดท้ายมันก็บอกว่าช่วยไม่ได้ เพราะฝ่ายโน้นมีคนใหญ่คนโตหนุนหลังเหมือนกัน เงินก็หนาด้วย แต่ถ้าให้ลุงเดาเจ้าทนายเรานั่นล่ะครับ มันคงได้จากคุณท่านไปไม่น้อย แต่คุณท่านก็ยอมไม่ว่าจะทำยังไงท่านก็จะทำ เพื่อให้คุณพีพ้นผิด เพราะแกทนไม่ได้ที่จะเห็นลูกติดคุก....แต่ในที่สุดคุณท่านก็หมดหนทางช่วยคุณพี ศาลก็เลยตัดสินจำคุกคุณพีจนถึงทุกวันนี้ล่ะครับคุณเพลง”
โป่งหยุดแล้วหันมาหาระพีพรรณ
“งั้นตอนที่เพลงกลับมาบ้านคราวที่แล้วพี่พีก็....” เธอถามด้วยความอยากรู้
“ใช่ครับคุณเพลง ที่คุณท่านบอกว่าคุณพีไปเรียนภาษาที่เมืองนอกนั่นล่ะครับ คุณพีติดคุกแล้ว และการเงินทางบ้านก็เริ่มแย่แล้ว แต่คุณท่านก็ปิดคุณเพลงเอาไว้ ไม่อยากให้คุณเพลงไม่สบายใจข้าวของมีค่าก็หาไปขายจนหมด เพื่อส่งไปให้คุณเพลงเรียนตอนกลับไปแล้ว จนไม่มีอะไรจะขาย คุณท่านยอมบากหน้าไปขอเงินคุณกำธรมาส่งให้คุณเพลงเพื่อให้มีใช้ตอนที่เรียนอยู่เมืองนอก จนเกิดอุบัติเหตุและมีสภาพอย่างที่คุณเพลงเห็นนั้นล่ะครับ”
“โธ่....คุณพ่อ เพราะเพลงแท้ ๆ” ระพีพรรณอดสงสารบิดาไม่ได้
“คนงานก็ทยอยออกทีละคนจนในที่สุดก็เหลือลุงกับแม่แพง แต่ไม่นานแม่แพงก็ออกไปทำที่อื่น เพราะไม่ได้รับเงินเดือนหลายเดือน” โป่งเล่าต่อ
“โธ่...ป้าแพง ทำไมบ้านเพลงถึงเป็นอย่างนี้คะลุงโป่ง”
เธอรำพันด้วยความเศร้า พร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลรินออกมาเมื่อคิดไปถึงสภาพของบิดาและพี่ชายตอนนั้น
“คงต้องโทษเวรกรรมครับคุณเพลง....คุณเพลงไม่ค่อยรู้อะไรเพราะยังเด็ก สมัยที่คุณท่านเริ่มสร้างตัวใหม่ ๆ ท่านก็ปล่อยเงินกู้ให้คนเยอะ เรื่องดอกเบี้ยนี่ไม่ต้องไปถามถึงครับ แล้วเวลาใครเบี้ยวไม่จ่าย คุณท่านก็จัดการให้ลูกน้องตามไปทวงเอามาให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนท่านก็ไม่เกี่ยง ยึดอะไรได้เป็นยึด ทำร้ายร่างกายก็ยังมีเลยครับ“คุณเทพี” คุณแม่คุณเพลงน่ะห้ามคุณท่านยังไงก็ไม่ฟัง คุณท่านกลับดุด่าคุณเทพีอีก” โป่งบอกความจริง
“จริงเหรอคะลุงโป่ง ทำไมเพลงกับพี่พีไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้เลยคะ”
เธอถามด้วยความสงสัย เพราะทั้งเธอและพี่ชายนั้น แทบจะไม่เคยเห็นพฤติกรรมแบบนี้ของพ่อเลยสักครั้ง
“ก็คุณสองคนเกิดมาตอนที่คุณท่านรวยแล้วนี่ครับ แล้วอีกอย่างคุณท่านสั่งให้ลุงปิดเรื่องนี้ ห้ามบอกคุณเพลงเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะไล่ลุงออกครับ แต่คุณท่านก็มีข้อดีนะครับ คือรักใครก็รักจริง กับลูกน้องอย่างลุงแกก็ให้เงินเอาไปไถ่ที่นาที่สวนให้ และยังของญาติพี่น้องลุงอีก แต่ก็มีไม่กี่คนหรอกครับที่ท่านช่วย
คุณกำธรก็ได้ใบบุญจากคุณท่านเยอะ แต่พอหลัง ๆ ที่มีเรื่องคุณพี คุณกำธรห้ามคุณท่านยังไง ท่านก็ไม่ฟัง จนแกโมโหถอนหุ้นออกจากบริษัท แล้วก็ไปเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง คุณท่านโกรธมาก จนตัดพี่ตัดน้องเลย แต่สุดท้ายท่านก็ต้องไปขอความช่วยเหลือคุณกำธร เพราะความรักลูก แต่ก็ไปไม่ถึงครับคุณเพลง คุณท่านน่ะรักคุณเพลงกับคุณพีมาก
ตั้งแต่ลุงเกิดมา ก็เพิ่งจะเคยเห็นผู้ชายอย่างคุณท่านนี่ล่ะครับ ที่รักลูกมาก คุณเทพีตายไปตั้งแต่คุณเพลงยังเล็ก ๆ ท่านก็ไม่ยอมแต่งงานใหม่ กลัวเมียใหม่เขาจะไม่รักลูก แต่เพราะลูกแท้ ๆ เลย คุณพีไม่น่าเลย”
โป่งหยุดเล่าเอาไว้แค่นั้น ก็ต้องเช็ดน้ำตาที่เอ่อเต็มเบ้าตา เพราะความสงสารเจ้านาย ซึ่งก็ไม่แพ้กับคนที่นั่งฟัง
“นี่ถ้าคุณท่านรู้ว่าเจ้าหนี้ที่เปลี่ยนจากคุณเมธีมาเป็นคุณดำล่ะก้อ ท่านจะต้องช็อคแน่ ๆ เลยครับคุณเพลง เพราะเหตุนี้ไงครับ เขาถึงให้คุณเมธีบอกว่าชื่อเจนจบ เพราะคงจะกลัวคุณท่านรู้ว่าเป็นเขา แล้วคุณท่านคงจะไม่ยอมให้คุณเพลงไปพบเขาแน่ ๆ เลยครับ คุณเพลงรู้อย่างนี้แล้ว คุณเพลงจะทำยังไงล่ะครับ จะหาเงินไปไถ่คืน หรือไปทำงานใช้หนี้ แล้วถ้าคุณเพลงเลือกอย่างหลัง ทางโน้นเขาคงไม่ให้คุณเพลงสบายหรอกครับ เพราะลุงรู้ว่าคุณดำแค้นคุณท่านมาก ๆ เลยครับ” โป่งลงความเห็นในที่สุด
“เพลงก็ยังไม่รู้ค่ะลุงโป่ง พรุ่งนี้เพลงจะไปหาอากำธร เผื่อจะช่วยอะไรเพลงได้บ้าง ลุงโป่งไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เพลงขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ ที่ลุงโป่งไม่ทิ้งคุณพ่อ ถึงแม้คุณพ่อจะ...เอ่อ...”
เธอหยุดพูดได้แค่นั้น ก็นึกถึงเรื่องที่โป่งเพิ่งจะเปิดเผย ซึ่งทำให้ยอมรับและเชื่อในการกระทำของบิดาอย่างที่เขาเล่าให้ฟังได้อย่างลำบากใจยิ่งนัก แต่เธอก็มองไม่เห็นประโยชน์ที่โป่งจะกุเรื่องขึ้นมาให้เธอฟังเพื่อประโยชน์อะไร เพราะเท่าที่เขาอยู่รับใช้บิดาเธอก็ไม่มีผลตอบแทนอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรครับคุณเพลง คุณท่านก็มีบุญคุณกับลุงมาก แล้วอีกอย่างท่านก็ไม่มีใคร” โป่งบอก
“เพลงว่าลุงโป่งไปพักเถอะค่ะ วันนี้ดูแลคุณพ่อมาทั้งวันแล้ว เดี๋ยวเพลงจะดูต่อค่ะ...งั้นเพลงไปหาคุณพ่อก่อนนะคะ”
ระพีพรรณบอกโป่ง แล้วก็เดินขึ้นชั้นบนไป ทิ้งให้โป่งมองตามด้วยความสงสาร และนึกภาพไม่ออกว่าหญิงสาวจะกู้สถานะการณ์ครอบครัวได้ยังไง นึกแล้วเขาก็ท้อใจแทนยิ่งนัก
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น