ลำดับตอนที่ #10
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอน ๑๐
ตอน ๑๐
“ได้เรื่องอะไรไหม”
นิตยาถามแตนทันทีที่เปิดประตูห้องนอนเธอเข้ามาในเวลาบ่ายคล้อย ซึ่งเป็นเวลาที่ลัดดาจะพักผ่อนที่ห้องนอนด้านล่าง นิตยาที่เฝ้าสงสัยมานานนับปี ตั้งแต่ระพีพรรณเข้ามาอยู่ที่นี่ ว่าทำไมดนุพรจึงสรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มากลั่นแกล้งเธอนัก ไหนจะให้พักห้องที่เล็กยังกะรูหนู กับงานที่แทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนเลยด้วยซ้ำในแต่ละวัน
ซึ่งเธอเองก็พยายามจะหลอกถามเรื่องต่าง ๆ จากลัดดา แต่ก็ดูเหมือนลัดดาจะไม่เปิดปากให้เธอได้ล่วงรู้เลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่เธออยากจะรู้อีกเรื่องหนึ่งก็คือ แม่ของเด็กชายดอนนั้นคือใคร เพราะตั้งแต่ที่เธอเข้ามาเป็นแม่บ้านที่นี่ ก็แทบจะไม่เคยเห็นว่าจะมีใครมาแสดงตัว ว่าเป็นอดีตภรรยาของพ่อเด็กน้อยเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ได้อะไรเลยน้านิด แต่หนูสังเกตมานานแล้วว่า นังเพลงกับป้าแพงดูจะสนิทกันเป็นพิเศษนะ กลางค่ำกลางคืน หนูก็เห็นป้าแพงแอบไปคุยกับนังนั่นในห้องบ่อย ๆ และที่สำคัญนะ ป้าแพงเรียกนังนั่นว่า คุณเพลงเกือบทุกครั้งเลยค่ะ เหมือนมันรู้จักกันมาก่อนยังไงยังงั้นเลย” แตนรีบรายงานตามที่รู้มา
ถึงแม้ว่าผู้เป็นหลานจะไม่ค่อยจะชอบหน้าน้าคนนี้เท่าไหร่ก็ตาม แต่ถ้าเป็นเรื่องของระพีพรรณ ซึ่งแตนไม่ชอบหน้าแล้ว แตนยินดีจะช่วย เพราะอยากจะให้ระพีพรรณไปให้พ้น ๆ ทางเสียที เพราะในความรู้สึกของเด็กแตนแล้ว เธอจะไม่ชอบให้ใครมาดึงดูดความสนใจจากดนุพรเลยแม้แต่น้อย แค่ลำพังน้าสาวที่กำลังย่างเข้าวัยสาวแก่ ที่ได้ใกล้ชิดดนุพรมากกว่า แตนก็แทบจะรับมือไม่ไหวแล้ว
“แล้วแกรู้ไหมว่ามันรู้จักกันหรือเปล่า”นิตยาถามด้วยความอยากรู้
“โอย....ฉันจะไปรู้ได้ยังไงหละน้า ก็ป้าแพงแกเคยเปิดปากกับใครซะที่ไหน ขนาดนังรำพึงถามว่าทำไมแกเรียกแม่นั่นว่า คุณทุกคำ ป้าแพงยังไม่บอกเลย เอาแต่บอกว่า เห็นท่าทางแม่นั่นดูออกจะเป็นผู้ดี ก็เลยเรียกคุณแค่นั้นเอง”
แตนรีบบอกด้วยความไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก
“แกนี่ ไม่ได้เรื่องเลย แกคอยจับตาดูมันเอาไว้ แล้วมารายงานฉันทุกอย่าง....เอ้านี่ค่าเหนื่อย ไปได้แล้ว เดี๋ยวจะถึงเวลาตื่นของคุณป้าแล้ว”
นิตยาล้วงแบงค์ร้อยสองใบให้แตนเป็นค่าปิดปาก แล้วก็เดินไปปิดประตูห้องนอนทันทีที่แตนหายออกไปจากห้อง
“แกเป็นใครนะนังเพลง ฉันจะต้องรู้ให้ได้ ว่าแกเกี่ยวข้องกับคุณดำยังไง พ่อแกเป็นใครแล้วทำไมแกต้องเป็นลูกไอ้ขี้โกงอย่างที่คุณดำด่าวันนั้นด้วย”
นิตยาบอกกับตัวเอง ก่อนจะเดินออกจากห้อง เพื่อไปดูแลเรื่องของว่างของลัดดา และของดอนที่ใกล้เวลากลับมาจากโรงเรียนแล้ว
ถาดอาหารในมือของยุพินค่อย ๆ วางลงไว้ที่โต๊ะนอกห้องนอนของดรุณี หลังจากที่ปล่อยให้ระพีพรรณ ใช้เวลาอยู่ด้วยกันกันได้สักพัก แล้วเธอก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ และรีบไปเอาอาหารเย็นมาให้ดรุณี ซึ่งจะเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แต่ยุพินก็ต้องรีบกลับมา เพราะบ่อยครั้งที่เธอเผลอหายไปนานกว่าปกติ พอกลับมาก็จะต้องคอยแยกระพีพรรณออกจากดรุณีแทบไม่ทัน
เพราะอารมณ์ที่แปรปรวนของดรุณีในหลาย ๆ ครั้งที่มองหน้าระพีพรรณแล้วเกิดอาละวาดทำร้ายเธอเข้า แต่ก็มีหลาย ๆ ครั้งที่ดรุณีดูเหมือนจะญาติดีกับระพีพรรณ ซึ่งสร้างความสับสนให้กับพยาบาลอย่างเธอไม่น้อย เหมือนกับวันนี้ที่ดรุณีอยู่ในอาการที่สงบ และยอมให้ระพีพรรณเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ตุ๊กตาที่เธอพร่ำบอกว่าเป็นลูกของเธอ
“เสร็จแล้วค่ะ คุณดา สวยไหมคะ เพลงซักให้ใหม่ด้วยนะคะ ต่อไปลูกคุณดาจะได้ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ไงคะ”
เธอบอกดรุณี และยิ้มให้ยุพินที่ยืนมองด้วยสีหน้าที่หายกังวล
“สวย...สวย...ลูกใส่เสื้อผ้าใหม่ สวย...”
ดรุณีชื่นชมตุ๊กตาด้วยใบหน้าที่เบิกบาน
“โล่งอกไปทีค่ะ พี่นึกว่าเพลงจะถูกคุณดาเอาอะไรปาใส่ เหมือนหลาย ๆ ครั้งแล้วสิ นี่พอพี่ได้อาหารแล้วก็รีบมาเลยนะคะ” ยุพินบอก และนั่งลงข้าง ๆ คนทั้งสอง
“แต่พักนี้คุณดาก็ไม่ค่อยอาละวาดกับเพลงแล้วนะคะ งั้นวันนี้ให้เพลงป้อนข้าวให้คุณดานะคะ” ระพีพรรณเสนอ
“ตามใจจ๊ะ....เอ่อ...พรุ่งนี้บ่าย ๆ พี่ว่าจะพาคุณดาออกไปเดินเล่น แถว ๆ สระน้ำ คุณหมอบอกพี่ว่าให้พาคุณดาไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เผื่อจะได้จำอะไรขึ้นมาได้บ้าง พี่ขออนุญาตคุณนิตยากับคุณดำแล้ว เพลงไปกับพี่มั้ย” ยุพินเสนอ
“ได้สิคะ พี่ยุก็กะเอาเวลาที่เพลงกลับจากไปรับคุณดอนนะคะ เพลงจะได้ช่วยพี่ไงคะ”
เธอตอบกลับและยิ้มให้ยุพินด้วยความปลื้มใจ แล้วก็บรรจงตักอาหารป้อนให้ดรุณีอย่างช้า ๆ โดยดรุณีก็ยอมกินอาหารจากมือเธออย่างว่าง่ายเช่นกัน ทำให้ทั้งสองหันหน้ามาหากันแล้วยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกไปตาม ๆ กัน
“ทำไมวันนี้คุณดำกลับเร็วจังคะ นิดจะให้ใครไปตามแม่เพลงให้ค่ะ กำลังช่วยคุณยุพินดูคุณดาอยู่ที่ข้างสระน้ำค่ะ”
นิตยาเดินมารับกระเป๋าทำงานจากมือของดนุพร และกำลังจะให้แตนไปตามระพีพรรณมาทำหน้าที่ประจำ นั่นคือ ถอดรองเท้าและถุงเท้าให้ดนุพรหลังจากกลับจากทำงาน
ซึ่งปกติระพีพรรณจะไม่ไปทำอะไรที่ไหนไกล ๆ เพราะรู้เวลากลับมาของดนุพรแล้ว และรู้หน้าที่ ๆ เธอแทบจะไม่เคยชินเสียที ที่จะต้องทำทุกอย่างให้เขาอย่างเช่นทาส แต่ก็ต้องฝืนทำทุกครั้ง เพราะนั่นคือหน้าที่
“ไม่ต้องหรอก ผมขี้เกียจรอ คุณแม่ไปไหนหละนิด”
เขาบอกเพราะรู้ว่าตัวเองกลับมาก่อนเวลา เพราะโดยปกติเขากจะกลับจากทำงานก็เกือบจะใกล้เวลาอาหารเย็นแทบทุกวัน แล้วเขาก็ถามเมื่อจัดการกับรองเท้าและถุงเท้าตัวเองเสร็จ และนิตยาก็เป็นคนรับไปจากมือเขาเอง ซึ่งนิตยาไม่ถือว่าเป็นงานชั้นต่ำแต่อย่างใด กลับดีใจเสียอีกที่ได้ทำอะไร ๆ ให้คนที่เธอพึงพอใจ
“คุณป้าก็อยู่กับแตน กำลังดูคุณดาอยู่ใกล้ ๆ สระน้ำนั่นหละค่ะ คุณดำจะไปด้วยไหมคะ นิดจะให้ใครยกเบียร์เย็น ๆ ไปให้เลย” นิตยาเสนออีก
“ก็ดีเหมือนกัน”
เขาบอกและเดินเลี่ยงไปทางประตูหลังของบ้าน ซึ่งเป็นทางผ่านตรงไปยังสระว่ายน้ำ ที่ถูกสร้างไว้ในขนาดที่พอเหมาะกับบ้าน สภาพของสระว่ายน้ำนั้น ถูกสร้างเอาไว้โล่ง ๆ ด้านหนึ่งติดกับตัวบ้าน ส่วนอีกด้านจะปล่อยโล่ง ทำให้มองเห็นสนามหญ้าที่เขียวขจี และต้นไม้นานาชนิด ซึ่งเป็นที่ ๆ เหมาะสำหรับคนป่วยอย่างดรุณีและลัดดา ที่จะมานั่งรับลมอยู่ข้าง ๆ สระ
“กลับเร็วนะลูกแม่วันนี้”
ลัดดาทักทายบุตรชาย แล้วก็หันหน้ากลับไปมองดูภาพของลูกสาวคนเล็ก ที่นั่งดูรูปการ์ตูนต่าง ๆ จากหนังสือที่ยุพิน และระพีพรรณจัดหามาให้ สายตาที่ลัดดามองระพีพรรณในวันนี้ ค่อนข้างจะอ่อนลงจากเมื่อก่อน แต่ก็ไม่มากนัก บ่อยครั้งที่เธอจะแอบเข็นรถไปที่เรือนกุหลาบคนเดียว เพื่อสังเกตดูอาการของดรุณี
และก็เห็นความอ่อนโยนที่ระพีพรรณมอบให้บุตรสาวตัวเอง ผ่านคำพูดต่าง ๆ นานา ที่พยายามจะช่วยฟื้นฟูให้อาการของดรุณีดีขึ้น
“พอดีวันนี้ไปพบลูกค้าข้างนอก ก็เลยไม่กลับเข้าออฟฟิศอีกครับแม่ แล้วเป็นไงบ้าง ยายดา”
เขาถามมารดาขณะที่มองไปยังคนทั้งสามที่นั่งอยู่
“แม่ว่ายายดาดูดีขึ้นนะ และก็ไม่ค่อยอาละวาดกับแม่นั่นแล้ว ดูสิยอมให้จับมือจับไม้ด้วย ถ้าเป็นเมื่อก่อนแล้วก็อย่าหวัง ยายดาฟาดแหลกไปแล้ว” ลัดดาบอก
“เบียร์ค่ะคุณดำ และนี่น้ำชาสำหรับคุณท่านค่ะ...คุณท่านจะทานอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ อิฉันจะได้ทำให้”
แพงที่ยกเครื่องดื่มมาด้วยตัวเองถาม
“ไม่หละจ๊ะ ขอบใจมาก แล้วของยายดาหละมีอะไร” ลัดดาถาม
“อ๋อ...วันนี้ทำหมูตุ๋นยาจีนกับปลากระพงผัดคลื่นฉ่ายค่ะ คุณยุพินบอกว่าอยากให้คุณดากินอาหารรสจืด ๆ บ้างค่ะ โน่นค่ะรำพึงกำลังยกไปให้ เห็นคุณยุพินบอกว่าจะให้กินข้าวที่ข้างสระเลย เผื่อคุณดาจะได้กินได้เยอะ ๆ ขึ้นค่ะ”
แพงบอก พร้อมกับมองตามหลังรำพึงที่ยกอาหารตรงไปยังโต๊ะของทั้งสามคนที่นั่งอยู่
“อาหารมาแล้วค่ะพี่ยุ” รำพึงบอก
“พี่ว่าเอาไว้ที่โต๊ะอีกตัวก่อนดีกว่านะรำพึง รอแป๊บหนึ่งพี่จะเลื่อนมาให้”
ยุพิบอกและรีบไปลากเอาโต๊ะไม้อีกตัวที่ตั้งเอาไว้ไม่ห่างกันนัก พร้อมกับมีเก้าอี้ไม้อีกสี่ตัวพับพิงไว้กับโต๊ะ เพราะยังไม่ได้กางออกมาจัดเป็นชุดเหมือนกับชุดที่ระพีพรรณและดรุณีนั่งอยู่นั้น แรงลากโต๊ะของยุพินทำให้เกิดเสียงขูดขีดกับพื้นสระ และก็ตามด้วยเก้าอี้ทั้งสี่ตัวที่พิงไว้กับโต๊ะล้มลงไปกับพื้น เสียงดังโครม....ทำให้ดรุณีถึงกับสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ
“ช่วยด้วย ๆ ช่วยด้วย อย่า ๆ อย่าทำฉัน ไป ๆ ไปให้พ้น ฉันเกลียดแก”
ดรุณีร้องโวยวายและลุกจากเก้าอี้และออกวิ่ง โดยมีระพีพรรณวิ่งตามไปก่อน และยุพินที่กำลังไปดึงเก้าอี้ที่ล้มลงขึ้น แล้วก็วิ่งไปตาม ระพีพรรณคว้าแขนของดรุณีได้ แต่ก็ไม่ทันจะได้ทำอะไรตัวเองก็ถูกดรุณีผลักตกลงไปที่สระน้ำเสียก่อน
“ช่วยด้วย....ช่วยด้วย....คุณพ่อช่วยเพลงด้วย”
เธอร้องขอความช่วยเหลือ และดิ้นรนหาที่เกาะ แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะตรงที่ตกลงไปนั้น เป็นส่วนที่ลึกสุดของสระว่ายน้ำ และระพีพรรณก็ว่ายน้ำไม่เป็น
“ช่วยด้วยค่ะ คุณเพลงตกน้ำ คุณดำ”
แพงร้องขึ้นด้วยความตกใจ ทำให้ดนุพรที่กำลังวิ่งไปช่วยยุพินที่กำลังพยายามตามจับดรุณีเอาไว้ให้ได้ แต่ก็ทานแรงไม่ไหว แล้วเขาก็รวบเอาดรุณีไว้ได้ ด้วยความห่วงน้อง จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าระพีพรรณกำลังจะจมน้ำ แพงที่วิ่งตามดนุพรไปติด ๆ ร้องด้วยความตกใจอีกครั้ง
“คุณดำช่วยคุณเพลงด้วยค่ะ คุณเพลงว่ายน้ำไม่เป็นค่ะ รำพึงช่วยคุณเพลงด้วย”
แพงหันไปหาคนช่วย ก็เห็นรำพึงที่ยืนงงและในมือก็ยังคงถือถาดอาหารเอาไว้ไม่ยอมวาง ดนุพรพอตั้งตัวได้และเห็นสภาพที่ระพีพรรณกำลังจะจมน้ำ ก็รีบกระโดดลงไปในสระและดำน้ำลงไปคว้าเอาร่างของระพีพรรณที่ดิ้นรนจนหมดแรงและค่อย ๆ จมลงจนเกือบจะถึงพื้นสระแล้ว ดนุพรรีบดำน้ำลงไปดึกร่างของระพีพรรณให้มาหาส่วนที่ตื่นที่สุดของสระน้ำ โดยมีแพงคอยช่วยดูอยู่ใกล้ ๆ แล้วเขาก็อุ้มเอาร่างที่อ่อนปวกเปียกของเธอขึ้นมาวางไว้ข้าง ๆ ขอบสระ
“แตนกับรำพึงช่วยคุณยุพินพาคุณดากลับไปเรือนกุหลาบไปเร็ว ๆ เข้า”
ลัดดาสั่งเมื่อเข็นรถตัวเองเข้ามาใกล้ ๆ ร่างของระพีพรรณ และมีนิตยาเดินตามมาติด ๆ
“ไปสิคุณป้าบอกแล้ว....แล้วให้ใครก็ได้เอาผ้าเช็ดตัวมาด้วย”
นิตยาสั่งซ้ำอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งสองจะเดินตรงไปหายุพินที่รวบร่างของดรุณีที่ตอนนี้ค่อย ๆ สงบลงแล้ว
“เป็นยังไงบ้างลูก”
ลัดดาถามด้วยความกังวล
“ไม่รู้เหมือนกันครับแม่....ระพีพรรณ ๆ เธอได้ยินฉันไหม”
เขาตอบมารดาโดยที่ไม่ได้มองไปหามารดาเลย และปากก็ร้องเรียกชื่อเธอด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างตระหนกไม่น้อย แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าระพีพรรณจะขยับเลย มือสองข้างของเขาประคองใบหน้าที่ขาวซีดของเธอ และก้มลงไปเป่าลมเข้าปากที่ถูกเปิดออกด้วยมือเขา แต่ร่างของเธอก็แน่นิ่ง เขารีบคว้าเอาร่างที่ผอมบางของเธอแบกขึ้นบนบ่า แล้วก็ออกเดินและเขย่าร่างเธออยู่สองสามที แล้วก็วางลงให้นอนหงายอีกครั้ง และก็เป่าลมเข้าปากอีกที
“ระพีพรรณฟื้นสิ เธออย่าเป็นอะไรนะ เธอได้ยินฉันไหม ฟื้นสิ”
เขาพร่ำบอกเธอและมองไปหาแพงที่นั่งลงข้าง ๆ ซึ่งอาการและการกระทำที่ห่วงใย ระพีพรรณของเขานั้น
ทำให้นิตยาดูแล้วรู้สึกไม่ชอบใจนัก ส่วนลัดดาก็สังเกตเห็นว่าลูกชายมีอาการที่ห่วงใยระพีพรรณไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเธอเองก็ห่วงอาการของระพีพรรณไม่น้อยเช่นกัน ถึงเธอจะไม่ชอบหน้าเด็กสาวนัก แต่ก็ไม่เคยที่จะอยากให้ชีวิตของลูกศัตรูต้องมาจบสิ้นลง ก่อนวัยอันควร
“คุณเพลงคะ คุณเพลงตื่นค่ะ คุณเพลงอย่าเป็นอะไรนะคะ”
แพงร่ำร้องเรียกเธอ แล้วมือหนา ๆ สองข้างของดนุพรก็กดลงไปที่หน้าอกของเธอเพื่อปั้มหัวใจให้สองสามครั้ง สลับกับการเป่าลมเข้าปาก สีหน้าของเขากังวลเพิ่มขึ้นอีก จะไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาก็ไม่ปรารถนาให้ชีวิตน้อย ๆ ของเธอจบลงตรงนี้ และด้วยน้ำมือของน้องสาวเขา
“ระพีพรรณฟื้นสิ”
เขาเรียกเธอหลังจากกดลงไปที่หน้าอกอีกครั้ง และก็เป่าลมเข้าปากเธออีกสองสามครั้ง และแล้วร่างของระพีพรรณีก็สำลักน้ำออกมา ดวงตาที่ปิดสนิทก็ค่อย ๆ เปิดขึ้น สีหน้าที่ตระหนกของเขาเมื่อสักครู่ บอกความดีใจเป็นที่สุด ที่ได้เห็นภาพนี้ แล้วเขาก็ค่อย ๆ ประคองให้เธอลุกนั่ง
“เธอเป็นยังไงบ้างระพีพรรณ”
เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่ห่วงใยยิ่งนัก
“คุณเพลง ๆ คุณเพลงฟื้นแล้ว”
แพงเรียกชื่อเธอด้วยความโล่งอก
“เพลงไม่เป็นอะไรมากแล้วค่ะป้าแพง”
เธอบอก พร้อม ๆ ทั้ง ไอออกมาสองสามครั้ง
“ผ้าค่ะคุณดำ”
รำพึงที่วิ่งกลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวแล้วยื่นให้ดนุพร เขารับมาแล้วก็ห่มไปที่ร่างที่หนาวสั่นของเธอ
“ขอบคุณค่ะ”
เธอบอก และก็พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง แต่ก็ยังมีเขาคอยประคองไม่ให้ล้มอยู่ข้าง ๆ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะไป เดี๋ยวจะไม่สบายเอา วันนี้เธอไม่ต้องทำงานแล้ว ฉันให้เธอพักผ่อนได้” ลัดดาบ
อกด้วยน้ำเสียงที่ห้วน ๆ
“ขอบคุณค่ะ แต่ดิฉันไม่เป็นอะไรค่ะ งั้นดิฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนค่ะ แล้วจะไปสอนการบ้านให้คุณดอน”
เธอบอกออกไป
“อวดดี ตามใจ นิตยาพาฉันเข้าบ้านได้แล้ว ฉันเหนื่อย ดำก็ไปเปลี่ยนผ้าได้แล้วลูก เปียกไปทั้งตัวแล้ว”
ลัดดาด่าตามหลัง ระพีพรรณที่มีแพงคอยประคองเดินเข้าบ้านไป โดยมีสายตาของดนุพรมองตามไปด้วยความสับสน
“ครับแม่”
แล้วเขาก็หันกลับมาตอบมารดา แล้วก็เดินเข้าบ้านไปเช่นกัน
สีหน้าที่บอกถึงความกังวลใจของแพง เมื่อแตนเดินมาบอกที่ครัวว่าดนุพรและลัดดาเรียกให้ไปพบที่ห้องทำงานด่วน แพงพยายามจะคิดว่าเรื่องดีหรือเรื่องร้าย แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก
“เข้ามาสิแม่แพง”
ลัดดาเรียกเข้าไปหา เมื่อร่างที่อวบของแพงเดินพ้นประตูไปแล้ว และก็สวนกับนิตยาที่กำลังจะเดินออกจากห้องไป และยิ้มให้แพงด้วยสีหน้าที่ประหลาด ๆ แพงนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องทำงานของเขา เพราะลัดดาไม่ให้แพงนั่งกับพื้น เพราะด้วยวัยที่ไล่เลี่ยกัน บวกกับร่างที่อวบจนจะอ้วนของแพงเอง ที่นั่งพื้นจนไม่สะดวกนั่นเอง
“คุณท่านกับคุณดำมีอะไรให้อิฉันรับใช้คะ”
แพงถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แจ่มใสนัก
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันอยากจะถามอะไรแม่แพงหน่อย...คือพอดีฉันกับคุณดำรู้มาว่า แม่แพงจะสนิทกับแม่เพลงมากกว่าคนในบ้านนี้ และฉันก็เห็นเธอเรียกแม่เพลงว่า “คุณ” ทุกครั้งตอนที่กำลังตกน้ำ”
ลัดดาพูด และก็หยุดหันไปมองหน้าของดนุพรที่นั่งไขว้ห้างอยู่ก่อนแล้ว
“และอีกอย่างเมื่อสองวันก่อนที่ระพีพรรณตกน้ำ ป้าแพงก็เป็นคนบอกผมว่า ระพีพรรณว่ายน้ำไม่เป็น ผมกับคุณแม่ก็เลยอยากจะรู้ว่า ป้าแพงรู้จักกับระพีพรรณมาก่อนหรือเปล่า.....ผมกับคุณแม่ไม่ชอบให้ใครมาปิดบังอะไร และโดยเฉพาะกับคนในบ้านของผม ป้าแพงบอกผมได้ไหมครับ”
ดนุพรถามแพงออกไปด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างขรึม จนทำให้แพงหน้าเจื่อน ๆ ไป และก็เพิ่งจะนึกออกเมื่อตอนนี้นี่เองว่า เธอเผลอหลุดอะไรออกไป
“เอ่อ....คือป้ากับคุณเพลง...เอ่อ...”
แพงทำหน้าอ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ในใจก็นึกโกรธตัวเองที่ไม่ยอมระวังตัว ตามที่ระพีพรรณบอกเอาไว้ แต่ก็ทำใจดีสู้เสือต่อหน้าคนทั้งสอง
“ฉันกับคุณดำแค่อยากจะรู้เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอกนะแม่แพง เราก็อยู่กันมาหลายปีแล้ว แม่แพงน่าจะรู้จักฉันกับคุณดำดี ว่าเป็นคนยังไง”
ลัดดารีบบอกเพราะเห็นแพงมีอาการอ้ำอึ้ง แพงมองหน้าลัดดาด้วยความชั่งใจเพราะความไม่แน่ใจนัก ไอ้ส่วนที่รู้จักเพราะอยู่กันมานานนั้นแพงไม่เถียง แต่ไอ้ที่บอกว่าน่าจะรู้จักสองแม่ลูกนี้ดีนั้น แพงเองก็ไม่แน่ใจนัก โดยเฉพาะกับพ่อลูกชาย ที่มีอารมณ์ที่แปรปรวน และดูเหมือนจะใจร้ายไปสักหน่อยกับการกระทำ ที่ทำกับระพีพรรณ แต่แพงก็พูดในสิ่งที่ตัวเองคิดไม่ได้
“คือว่าอิฉันกับคุณเพลงรู้จักกันมาก่อนค่ะ คือก่อนที่อิฉันจะมาทำงานที่บ้านคุณท่าน อิฉันเป็นแม่ครัวที่บ้านพ่อคุณเพลงมาก่อนค่ะ อิฉันอยู่กับครอบครัวคุณเพลง มาตั้งแต่คุณเพลงยังไม่เกิด ก็เลยรู้จักคุณเพลง แต่พักหลัง ๆ อิฉันก็ไม่ค่อยได้เห็นคุณเพลงเท่าไหร่ค่ะ เพราะคุณพ่อคุณเพลงส่งเธอไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่จบประถม เจอกันอีกทีก็ตอนที่คุณเพลงกลับมาเยี่ยมบ้านครั้งก่อนค่ะ หลังจากนั้นอิฉันก็ลาออกแล้วก็มาทำงานที่นี่หละค่ะ”
แพงบอกออกไปในที่สุด ซึ่งสร้างความกังวลให้กับคนที่ได้ฟังทั้งสองไม่น้อย
“แล้วทำไมแม่แพงลาออกซะหละ” ลัดดาถามต่อ
“ก็คือว่า...ช่วงนั้นคุณพ่อคุณเพลง ประสบอุบัติเหตุ แล้วก็ไม่มีเงินมาจ่ายเงินเดือนให้คนที่บ้านค่ะ แล้วลูกชายคนโตก็ติดคุกด้วยค่ะ อิฉันกับคนที่บ้านก็เลยต้องลาออกไปหางานใหม่” แพงเล่าให้ฟังตามที่รู้
“แล้วป้าแพงรู้อะไร จากระพีพรรณบ้างครับ...เอ่อ...ผมหมายถึงว่าเขาเล่าอะไรให้ป้าฟังหรือเปล่าครับ”
ดนุพรถามออกไปด้วยความอยากรู้
“เอ่อ...คุณเพลงบอกอิฉันว่า มาทำงานที่นี่ เพราะคุณดำให้มา เพื่อจะใช้หนี้ห้าสิบล้าน เป็นเวลาห้าปีค่ะ คุณเพลงบอกอิฉันแค่นี้” แพงบอกออกไปด้วยความซื่อ
“แค่นั้นเหรอ”
ลัดดาถามด้วยความสงสัย
“ค่ะแค่นั้นค่ะ คุณเพลงบอกอิฉันว่า อย่าบอกเรื่องเรารู้จักกันให้คุณท่านกับคุณดำรู้ เพราะเธอกลัวอิฉันจะถูกไล่ออก ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอจะไม่สบายใจค่ะ” แพงบอกต่อ
“แล้วคุณจะไล่อิฉันออกหรือเปล่าคะ”
แพงตัดสินใจถามในสิ่งที่กลัวว่าจะได้ยิน
“ในสายตาแม่แพง เห็นฉันกับคุณดำใจร้ายขนาดนั้นเหรอ”
ลัดดาถามออกไปแล้วก็มองหน้าดนุพร ที่มีสีหน้าที่ค่อนข้างคลายความกังวล เพราะคิดว่าแพงคงจะไม่รู้อะไรไปมากกว่าที่บอกมา
“อิฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นค่ะ”
แพงบอกออกไปเพราะไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี
“เอาหละ....ผมไม่ว่าอะไรป้าแพงหรอกนะครับ แต่ผมอยากจะให้สิ่งที่ป้าแพงรู้ทั้งหมดนี้ เก็บเอาไว้เป็นความลับ ผมไม่อยากให้คนในบ้านรู้เรื่องพวกนี้ ถ้าเกิดมีใครรู้อีกแม้แต่คนเดียว ผมก็จำเป็นจะต้องให้ป้าแพงออก ป้าแพงสัญญากับผมได้ไหมครับ” ด
นุพรตัดบท และรีบบอกความหมายโดยนัยให้แพงรู้
“ได้ค่ะคุณดำ ป้าสัญญาค่ะ คุณเพลงเองก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องพวกนี้หรอกนะคะ เธอพยายามจะทำตัวให้เหมือนคนอื่น ๆ แล้วเธอก็บอกอิฉันว่า ต่อหน้าคนอื่นให้เรียกเธอแต่ชื่อเฉย ๆ แต่อิฉันก็ลืมตัว ทำไงได้คะอิฉันเรียกเธอมาจนติดปากแล้วค่ะ คนแก่จะให้เปลี่ยนอะไร ๆ มันก็เปลี่ยนยากค่ะ” แพงอดไม่ได้ที่จะให้เหตุผล
“แล้วแม่เพลงเป็นยังไงบ้าง เห็นแม่นิดบอกว่าไม่ค่อยสบาย”
ลัดดาถาม เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องที่สระน้ำก็ไม่เห็นหน้าระพีพรรณมาสองวันแล้ว
“คุณนิตยาบอกว่าไม่ค่อยสบายแค่นั้นเหรอคะ”
แพงถามลัดดาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างสูงกว่าปกติ
“ใช่...ทำไมเหรอ...เมื่อกี้แม่นิดก็บอกฉันว่าไม่เป็นอะไรมาก พักสักหน่อยก็จะหาย”
ลัดดาถาม
“คุณเพลงไข้ขึ้นสูงตั้งแต่เมื่อเช้าวานแล้วค่ะ ตอนนี้ก็ยังลุกไม่ขึ้น ข้าวปลาก็แทบจะไม่แตะเลย คุณยุพินเพิ่งจะให้ยาลดไข้เอาไว้ แต่ทำไมคุณนิตยาบอกแค่ว่า ไม่ค่อยสบายคะ....แปลกนะคะ คนหนึ่งป่วยจะเป็นจะตาย แต่อีกคนบอกไม่เป็นอะไรมาก”
แพงบอกออกไปด้วยความอัดอั้นกับพฤติกรรมของแม่บ้าน
“ไม่รู้สิ ฉันก็ได้ยินแต่แม่นิดเขาบอก เอาเป็นว่าฉันจะให้คุณดำไปดูก็แล้วกันนะ ไม่มีอะไรแล้ว แม่แพงกลับไปได้แล้วไป”
ลัดดารีบตัดบท เพราะรู้สึกว่าถูกแพงกำลังทำเสียงค่อนขอดเธอและลูกทางอ้อม
“ดำก็ไปดูแม่นั่นหน่อยก็แล้วกันนะลูก เดี๋ยวคนในบ้านเขาจะได้ไม่หาว่าเราใจดำ” ลัดดาบอกเขา
“ช่างประไรครับคุณแม่ จะไปแคร์ทำไม กับสายตาคนพวกนี้ ถ้าเราไม่มีเงินจ้าง ก็คงไม่มีใครอยากจะอยู่กับเราหรอกครับ ที่อยู่กับเราก็เพราะว่าเงินเราคุ้มหัวอยู่ ดูอย่างนายกำพลซิ เลี้ยงคนไว้เต็มบ้าน แต่พอไม่มีเงินก็ไม่เหลือใครเลย”
เขาบอกมารดาด้วยความไม่แยแส
“แล้วดำไม่อยากรู้เหรอว่าแม่นั่นเป็นยังไงบ้าง แม่ไม่สนใจคนอื่นหรอก ที่แม่สนใจก็คือความรู้สึกของลูกแม่ต่างหาก ไม่ใช่ไม่อยากไปดูเขา แต่ตัวเองเก็บเอาไปกังวลกับอาการเขาทีหลังหละ ก็ไปดูให้มันเสร็จ ๆ ไป”
ลัดดาดักคอลูกชายซึ่งทำให้เขารู้สึกร้อนวูบไปทั้งตัว ที่ถูกมารดาดักทางถูก แต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาให้มารดาเห็น
“ผมก็แค่ยังไม่อยากให้แม่นั่นตายในบ้านเราก็แค่นั้นครับแม่ แต่เอาเถอะ เอาไว้ผมว่าง ๆ แล้วจะไปดูก็แล้วกันครับแม่ งั้นผมจะไปออฟฟิศก่อนนะครับ แล้วเจอกันตอนเย็น ๆ ครับ”
เขาบอกและก็เข็นรถมารดาออกมาจากห้องทำงาน แล้วก็รีบผละจากไปโดยไม่หันหลังมาหามารดาที่มองตามร่างของเขาไปจนลับจากประตูบ้าน
“แตนช่วยพาฉันไปเรือนกุหลาบหน่อย ฉันจะไปดูคุณดา”
ลัดดาสั่งทันทีที่เห็นแตนเดินมารอรับคำสั่งอยู่หน้าห้อง
ความเหน็บหนาว เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า เพราะพิษไข้ ไม่ได้ทำให้ระพีพรรณรู้สึกรันทดจิตใจมากไปกว่า การที่เจ็บป่วยปางตายปานนี้ แต่หาหน้าผู้เป็นพ่อกับพี่ชายมองให้หายคิดถึงไม่ได้ ความรู้สึกที่ว้าเหว่ด้วยขาดคนรู้ใจ และรักใคร่มาเฝ้าเยียวยานั้น มันช่างบั่นทอนจิตใจที่ดูจะบอบบางที่สุดในเวลานี้เหลือเกิน ร่างที่ดูเหมือนจะหนักอึ้งนั้น ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกไปไหนได้
ผ้าห่มผืนบางที่มีเพียงผืนเดียวในห้องนี้ ไม่ได้ช่วยขับความเหน็บหนาวจากร่างกายไปได้เลย ความเข้มแข็ง ความเด็ดเดี่ยวกับการตัดสินใจจะเอาทุกอย่างคืนในความคิดที่เคยมีนั้น มันเริ่มอ่อนแรง แผ่วเบาลงไปทุกขณะ ระพีพรรณบอกกับตัวเองว่า หากเธอพอจะมีเรี่ยวแรงมากกว่านี้ เธออยากจะพาตัวเองให้ออกไปให้พ้น ๆ ชายคาบ้านหลังนี้ บ้านที่หาน้ำใจจากผู้ที่เป็นเจ้าของบ้าน หรือผู้ที่อยู่อาศัยแทบจะไม่มีเลย
น้ำตาแห่งความอ่อนแอมันค่อย ๆ ไหลออกมา ช่วยให้ความอัดอั้นตันใจต่าง ๆ ภายในมันค่อย ๆ คลายลงไปได้บ้าง เธอรู้สึกโกรธตัวเองยิ่งนัก ที่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอกับอุปสรรคแค่นี้ แต่พอนึกหาสิ่งเหนี่ยวรั้งจิตใจให้มีความเข้มแข็งขึ้นมาได้นั้นแทบจะหาไม่เจอ
“เธอจะมาคร่ำครวญทำไมเพลง สิ่งที่ครอบครัวเธอทำกับพวกเขามันหนักหนายิ่งนัก เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอได้รับในเวลานี้ เธอจะต้องเข้มแข็ง เธอจะอ่อนแอไม่ได้ เธอคือความหวังเดียว ทุกคนกำลังรอเธออยู่ จำเอาไว้”
นั่นคือสิ่งเดียวที่เธอเฝ้าบอกตัวเองอยู่ภายใน แล้วไม่นานดวงตาคู่สวยก็ปิดสนิทลงด้วยความอ่อนแรง....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น