ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อคุณรู้...คุณยังจะรักผมอยู่มั้ย?

    ลำดับตอนที่ #6 : ความเปิ่นๆขององค์หญิง

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 51


    แสงไฟสีเหลืองทองจากโคมไฟตั้งโต๊ะส่องไปยังกองเอกสารที่ผมเอาออกมาจากแฟ้มเก่าๆ  มันคือแฟ้มข้อมูลเก่าๆของ งาน ที่ผมเคยรับมา   ผมนั่งมองมันอย่างพิจารณาพลางนึกภาพเรื่องราวของเหตุการณ์ในงานนั้นๆ 

     

    หลังจากจบเรื่องของแอชลี ผมก็ไม่เคยที่จะรับงานอื่นๆอีกเลย  ไม่สิ...พี่เอลวิน ไม่เคยส่งงานอื่นๆมาให้ผมอีกเลยมากกว่า  แต่มันไม่ใช่เรื่องดีแน่ ถ้าผมยังไม่รับงานเป็นเวลานาน S ต้องสงสัยเรื่องผมแน่ๆ...

     

    เปรี้ยงง!!!!

     

    แสงสีขาวสว่างขึ้นแวบหนึ่งพร้อมกับเสียงคำรามจากท้องฟ้า   ผมเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นหน้าต่างบานหนึ่งที่ปิดไม่สนิท  จึงเก็บเอกสารต่างๆเข้าไปไว้ในแฟ้มแล้วก็ซ่อนมันไว้ในช่องลับใต้พรมห้องนั่งเล่นซึ่งเป็นที่เดียวกันกับที่ผมซ่อนปืนไว้...

     

    ผมเกลียดฝน...เพราะมันมักจะนำโชคร้ายมาให้เสมอๆ  ตอนที่เกิดเรื่องของแอชลีก็มีฝนตกเช่นกัน...ผมจึงได้แต่หวังว่าคืนนี้คงไม่มีอะไรร้ายๆเกิดขึ้น

     

    อลัน...

     

    เสียงของแอชลีที่ดังมาจากข้างหลัง ทำเอาผมที่กำลังเหม่ออยู่ที่หน้าต่างสะดุ้งสุดตัว   ผมหันไปมองเธอ  แอชลีในตอนนี้กำลังเอาผ้านวมผืนใหญ่คลุมใต้เอาไว้   เธอมองผมอย่างหวาดๆ ทำให้ผมสงสัยว่าทำหน้าตาน่ากลัวใส่เธอหรือเปล่า 

     

    คือคืนนี้...นอนด้วยกันได้ไหม

     

    ทำไงล่ะ...อึ้งสิครับ   แต่ไม่ทันที่ผมจะถามถึงเหตุผล  ฟ้าก็ผ่าลงมาอีกครั้ง  ครั้งนี้มันใกล้มากจนผมยังเผลอหลับตา  แต่เมื่อผมลืมตาขึ้น  ผ้านวมผืนใหญ่ๆก็อุดจมูกของผมแน่น...

     

    แอชลี...กอดผม   เธอกอดผมแน่นจนชักจะอึดอัด   มันไม่ใช่การกอดด้วยความรักที่น่าจะดีใจหรอก  เธอตัวสั่นพร้อมกับร้องไห้ออกมาเบาๆ  จึงทำให้ผมเข้าใจว่าเธอกลัวฟ้าผ่านั่นเอง  เลยจะชวนผมไปนอนด้วย...แล้วนี่ทำไมผมถึงรู้สึกผิดหวังนิดๆแฮะ...

     

    งั้น....เดี๋ยวผมนอนบนพื้นก็แล้วกันนะ

     

    ผมบอกแอชลีแล้วก็ดึงตัวเธอออก  ใบหน้าของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้  แอชลียิ้มให้ผมแล้วก็พยักหน้าตอบ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอน  

     

    เหมือนเด็กน้อยเลยแฮะ

     

    ผมพูดอย่างยิ้มๆกับตัวเองในท่าทางของแอชลีที่แทบไม่ต่างกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ  ถ้างั้นผมก็คงเป็นพี่ชายล่ะมั่ง...

     

    ผมแบกผ้าห่มจากบนโซฟาที่นอนอยู่ทุกวันไปยังห้องนอนของแอชลี  ประตูห้องเปิดอยู่...ผมแอบชะโงกหน้าเข้าไปดู   แอชลียังไม่หลับ...เธอหดตัวอยู่ในผ้านวมผ้าเดิมโผล่ขึ้นมาเพียงหัวและดวงตา เพื่อมองดูว่าผมเข้ามาหรือยัง 

     

    ผมเปิดประตุแล้วก็เดินเข้ามาในห้อง  ในตอนนี้แอชลีมองผมแทบจะทุกฝีก้าว เหมือนกลัวว่าผมจะหนีไปไหนอย่างงั้นล่ะ...ผมปูที่นอนที่พื้นติดกับเตียงที่แอชลีนอนอยู่   เธอขยับตัวมุดเข้าไปในผ้าห่มแล้วก็โผล่หน้าออกมาจากใต้ผ้าห่มเพื่อมองดูผม...เหมือนตัวตุ่นเลยแฮะ

     

    นี่อลัน...

     

    หือ? ”

     

    นิยายที่นายซื้อมาให้...ช่วยอ่านให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม  

     

    งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะอ่านให้ฟังนะ  

     

    ไม่เอา...จะให้อ่านตอนนี้  เหมือนในทีวีไง ที่พ่ออ่านนิทานให้ลูกฟังก่อนนอนไง

     

    ผมเลิกคิ้วสูง...ก็ผมไม่ใช่พ่อแล้วเธอก็ไม่ใช่ลูกนี่นา  ผมถอนหายใจแล้วก็ล้มตัวซุกลงไปในผ้าห่มของตน  ผมได้ยินแอชลีทำเสียงไม่พอใจแล้วก็เงียบไป 

     

    เปรี้ยง!!!

     

    เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้ง  แต่ก็มีเสียงที่ดังกว่า...นั่นก็คือเสียงร้องของแอชลี   ผมรีบพลิกตัวเพื่อจะไปดูแอชลีที่นอนอยู่บนเตียง  แต่แล้วกองผ้าห่มบนเตียงก็หล่นมาใส่ผมพร้อมกับร่างของเธอ  แอชลีโผเข้ากอดผมเหมือนกับเด็กๆพลางร้องไห้เสียงดังลั่น 

     

    ไม่นะ...อย่ายิง!!! ”

     

    เสียงร้องของแอชลีทำเอาผมตัวแข็งเป็นหินเลย   ผมจำเสียงร้องนี่ได้  มันเป็นเสียงเดียวกับที่เธอร้องตอนที่เจอผมที่กำลังฆ่าคนตาย...ผมก้มลงมองเธออย่างหวั่นๆ  นี่ผมกำลังกลัวอะไร  กลัวว่าเธอจะจำได้งั้นเหรอ!? แล้วถ้าเธอจำได้ล่ะ ผมก็ต้อง.... 

     

    อลันช่วยด้วย...เงานั้นจะยิงฉัน!!! ”

     

    แอชลีร้องอีกครั้งแล้วก็กอดผมจนแน่น   ไม่รู้ว่าเพราะอะไร  ผมถึงได้รู้สึกโล่งอก  เธอยังจำไม่ได้...ผมเอื้อมมือไปลูบผมสีทองของเธอพร้อมกับฮัมเพลงเบาๆ   มือที่กอดผมไว้เริ่มคลาย กลายเป็นการโอบเบาๆ  เสียงร้องไห้เริ่มเงียบลง  พร้อมกับฝนที่จางหายอย่างน่าแปลกใจ

     

    ขอบคุณนะ อลัน แอชลีกระซิบกับผมแล้วก็หลับตาช้าๆในอ้อมแขนของผม  ไม่รู้ว่านานเท่าไรแต่พอรู้สึกตัวอีกทีเธอก็นอนหลับไปแล้วทั้งที่ผมยังคงลูบหัวเธออยู่  ในคืนนั้นผมเริ่มไม่แน่ใจตัวเองแล้วว่า...ผมจะฆ่าเธอได้จริงๆหรือ ถ้าเธอจำได้ว่าผมฆ่าคนตาย?

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

     

    ผมสลึมสลือตื่นขึ้นมาในตอนสาย  อากาศชื้นๆจากฝนที่ตกในเมื่อคืน ช่วยทำให้เป็นคืนที่หลับสบายมากคืนหนึ่ง  ผมก้มมองไปในอ้อมแขนของตน  แอชลีไม่อยู่แล้ว  ผ้านวมของเธอก็ถูกพับเรียบร้อยวางอยู่บนเตียง 

     

    ฮ้าวววว

     

    ผมชูแขนทั้งสองข้างขึ้นฟ้าแล้วก็บิดขี้เกียจขณะที่เดินออกมาจากห้องนอน  แอชลีเดินออกมาจากครัวพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่นหนึ่งถ้วยในมือ

     

    ตอบแทนที่เมื่อคืนยอมอยู่เป็นเพื่อน

     

    เธอวางกาแฟข้างหน้าผม   ผมก้มมองมันอย่างไม่แน่ใจ  แอชลีถอนหายใจพร้อมกับเอามือกอดอก...

     

    วันนี้ไม่มีเกลือหกใส่หรอก  กินได้แน่นอน

     

    แล้วเธอก็เดินกลับเข้าไปในครัว   ผมหยิบช้อนชาตักกาแฟขึ้นมาแล้วก็ลองจิบดู...อืม ใช่ได้เลยนี่นา   ผมเป่ามันแล้วก็จิบช้าๆแกล้มด้วยวิวอากาศแจ่มใสของยามเช้าที่ไร้ซึ่งเมฆฝน ยิ่งเพิ่มรสชาติให้แก่กาแฟมากยิ่งขึ้น 

     

    นี่ค่ะ!!!

     

    แอชลียิ้มกว้างแล้วก็ยื่นหนังสือนิยายที่ผมซื้อให้เธอมาให้ผม   ผมวางถ้วยกาแฟลงแล้วก็มองมันอย่างสงสัย  แอชลียื่นมันใกล้มากขึ้นจนติดปลายจมูกผมพร้อมกับทำแก้มป่อง

     

    อย่าลืมสิ เมื่อคืนบอกจะอ่านให้ฟังไง  

     

    ผมหยิบนิยายเล่มนั้นมาแล้วก็เริ่มเปิด ตัวหนังสือมากมายเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ พร้อมกับภาพประกอบในบางหน้า   แอชลีทั้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงข้ามผมแล้วก็มองผมอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่ามีตัวหนังสือในนิยายเล่มนี้ติดอยู่ที่หน้าผม 

     

    เริ่มล่ะนะ...

     

    ผมเริ่มต้นอ่านนิยายให้เธอฟัง กลิ่นหอมๆของกาแฟที่ยังอยู่ในถ้วยกับเสียงนกที่เกาะอยู่ที่หน้าต่างและความอบอุ่นจากแสงแดดที่พอเหมาะ  ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก  บางครั้งที่ผมละสายตาจากหนังสือมามองแอชลี เธอก็ยังจะทำท่าทางอินไปกับมันด้วย เช่นฉากระทึกใจ  เธอจะเอามือทั้งสองข้างกุมไว้ที่หน้าอกแล้วก็กลั้นหายใจ  หรือฉากตลก เธอก็จะหัวเราะออกมาหรือไม่ก็อมยิ้มเล็กน้อย  เธอมักจะร้องไห้ออกมาทุกครั้งเมื่อถึงฉากเศร้า...

     

    เวลาที่ผมอ่านหนังสือให้เธอฟัง มันเหมือนกับโลกทั้งใบหยุดหมุนไป  เข็มนาฬิกาหยุดเดิน  เราทั้งสองถูกตัดออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง  ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงพูดคุยของคนที่เดินอยู่ข้างถนนด้านล่าง  มีเพียงเสียงหัวเราะของหญิงสาวและเสียงเล่าเรื่องราวของผม 

     

    ไม่รู้ว่านานเท่าไรนะ  แต่พอผมวางหนังสือลงเพื่อพักสายตา...แอชลีก็ฟุบหลับไปเสียแล้ว ให้ตายสิบอกให้ผมอ่านหนังสือให้ฟัง ส่วนตัวเองก็หลับไปซะงั้น  ว่าแต่ใบหน้ายามหลับของเธอช่างดูราวกับเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆยิ่งนัก 

     

    ผมหยิบแผ่นกระดาษเบาๆขึ้นมาคั่นหนังสือที่อ่านค้างไว้  แล้วก็ซดกาแฟที่เย็นชืดจนหมด  ก่อนจะมองดูแอชลีแล้วก็รีบลุกขึ้นวิ่งไปในห้องครัวพลางพูดกับตัวเองอย่างขำๆ

     

    ผู้หญิงอะไรเวลานอนก็น่ารักดีหรอก....แต่มีน้ำลายยืดออกมาแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกันแฮะ ฮ่าๆ

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =      

     

    ตกเย็นล่ะครับ  กว่าที่เจ้าหญิงนิทราของผมจะลืมตาตื่นขึ้นมา  อาจจะเป็นเพราะได้กลิ่นอาหารเย็นที่ผมทำก็ได้ล่ะมั่ง...ที่ปลุกเธอขึ้นมา

     

    ไปล้างหน้าก่อน เดี๋ยวมากินข้างเย็นกัน

     

    ผมสั่งแอชลีที่เพิ่งตื่นขึ้นมา  เธองัวเงียเดินไปยังห้องน้ำ ก่อนจะเซไปชนตู้เสื้อผ้าเสียงดังลั่น  ทำเอาผมตกใจ  แต่พอหันไปดู เธอก็ยังคงเดินต่อไป แถมยังมีโบนัสชนราวแขวนผ้าขนหนูและประตูห้องน้ำให้อีกด้วย  จนผมชักจะแน่ใจแล้วว่าเธอก็เป็นหญิงเหล็กคนหนึ่ง

     

    อย่าหลับในห้องน้ำนะ  

     

    ผมพูดแซวแอชลี  เธอส่งเสียงออกมาจากห้องน้ำเพื่อบอกว่า ค่ะ  ถึงแม้เธอจะเป็นคนที่ค่อนข้างจุกจิก แต่เธอก็แสดงความซุ่มซ่ามให้เห็นอยู่เหมือนกัน  

     

    15 นาที ผ่านไป....  แอชลีก็ยังไม่ออกมาจากห้องน้ำ  ผมที่นั่งรอกินข้าวอยู่ที่โต๊ะจึงลุกขึ้นไปดู...ประตูห้องน้ำเปิดอยู่  ผมจึงยื่นหน้าเข้าไปดูในห้องน้ำ...

     

    เฮ้ย!!! ”

     

    แอชลีครับ....แอชลีนั่งหลับพิงชักโครกอยู่  พร้อมกับส่งเสียงกรนเบาๆโดยที่มีแปรงสีฟันเสียบอยู่ในปาก...โอ้พระเจ้าช่วย    แต่แล้วแอชลีก็ก็ขยับหัวเล็กน้อย  ทำให้หัวของเธอไหลตรงไปในชักโครก!!!

     

    หมับ!!!

     

    Save!!!

     

    ผมเอื้อมมือไปคว้าหัวเธอได้ทันก่อนที่จะปักลงไปในโถส้วม...โธ่ ขืนช่วยไม่ทัน นางฟ้าของผมคงกลายเป็นตัวตลกไปแน่ๆ  ไม่อยากจะนึกภาพเลย     ทำไมการเลี้ยงดูเธอมันลำบากแบบนี้นะ  แอชลี

     

    = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×