คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ความรับผิดชอบของลูกผู้ชาย
ผมมองดูลินดา .ไม่สิ แอชลี ที่เพิ่งหลับไปบนเตียงไม่นานนัก ส่วนพี่เอลวินก็ขอตัวออกไปดูคนไข้รายอื่นต่อ แล้วก็จะไปดูข้อมูลของแอชลีมาให้ ทิ้งให้ผมอยู่กับเธอเพียงสองต่อสอง แต่ผมก็แทบไม่ได้คุยอะไรกับเธอเลยจนเธอหลับไปนั่นล่ะ
“ หน้าตอนหลับ ดูน่ารักดีแฮะ ”
ผมพูดกับตัวเอง แม้การแอบดูผู้หญิงเวลาหลับจะไม่ค่อยดูมีมารยาท แต่ใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาของเธอกลับดึงดูดให้ผมแทบจะละสายตาจากเธอไม่ได้ จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมจะรีบเดินไปเปิดประตู
พี่เอลวินเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเหน็บแฟ้มเอกสารปึกหนึ่งไว้ที่ใต้รักแร้ แล้วก็ทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ไม้แข็งๆที่ตั้งอยู่ที่ริมหน้าต่างห้อง
“ นี่เป็นแฟ้มข้อมูลของเธอ ฉันไม่รู้ว่าจะเรียกเธอว่าอะไรดี ”
“ แอชลี ”
ผมตอบเรียบๆแล้วกรับแฟ้มเอกสารมาจากพี่ พร้อมกับเปิดมันออกดู พี่เอลวินเริ่มอธิบายถึงเนื้อหาในนั้นให้ฟัง
“ แอชลีเกิดที่เมืองชนบททางตอนเหนือ ดูเหมือนพ่อกับแม่ของเธอจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทิ้งให้เธออยู่เพียงคนเดียว พร้อมกับทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง แม้มันจะไม่มากมาย แต่ก็พอที่จะส่งเธอเรียนได้ เธอดิ้นรนเรียนไปทำงานไปจนได้มาอยู่ที่เมืองนี้ เพียงคนเดียว ”
ผมนั่งฟังข้อมูลของเธอด้วยความแปลกใจและก็ชื่นชมในตัวเธอ แม้เธอจะเป็นแค่ผู้หญิงแต่เธอกลับเข้มแข็งมากกว่าผู้ชายอกสามศอกบางคนเสียอีก
“ เธอเข้มแข็งมากๆเลย ”
ยิ่งผมคิดแบบนี้ ความรู้สึกผิดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเต็มอกของผม ถ้าเธอไม่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เธอก็คงจะมีความสุขกับชีวิตได้อีกมากมายแน่ๆ คงจะได้เรียนสูงๆ มีผู้ชายดีๆอยู่เคียงข้าง มีงานการดีๆทำ แต่ผมกลับทำมันพังจนหมดสิ้น
“ พี่ครับ ผมตัดสินใจแล้ว ”
ผมวางแฟ้มข้อมูลลงแล้วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปมองแอชลีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ถึงเวลาที่ผมจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และผมจะไม่เสียใจกับสิ่งที่จะทำลงไป..แน่นอน
“ ผมจะพาแอชลีไปอยู่กับผม... ”
พี่เอลวินทำตาโตใส่ผม แล้วก็ยืนขึ้นประจันหน้ากับผม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้แน่ๆ
“ นี่แกจะบ้าเหรอ แกเป็นมือปืนนะ แล้ว S ต้องไม่พอใจในเรื่องนี้แน่ๆ เขาอาจจะ อาจจะ.... ”
พี่เอลวินระเบิดอารมณ์ออกมา แต่เขาก็ลดเสียงลงเมื่อเอ่ยถึง มือปืน แต่ผมก็ส่ายหน้า
“ พี่สอนผมเองว่า เราจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำลงไป แม้ผลที่ตามมาจะหมายถึงชีวิต นั่นล่ะถึงจะถือเป็นลูกผู้ชาย... และตอนนี้ผมก็จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำแล้ว ”
เมื่อพี่เอลวินเห็นว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้แล้วก็เอามือกุมขมับพร้อมกับถอนหายใจช้าๆ
“ เอาล่ะ...โรคความจำเสื่อมของแอชลี สามารถรักษาได้... ”
พี่เอลวินพูดออกมาช้าๆ แล้วก็ลดมือที่กุมขมับลง
“ กลไกของสมองที่ทำการปดกั้นความจำของแอชลี ไม่ได้เป็นการปิดกั้นแบบถาวร...คือถ้าเธอได้เรียนรู้สิ่งที่โดนปิดกั้นอีกครั้ง ความจำของเธอก็จะกลับมาทีละส่วนๆ เช่นถ้าเธอได้เรียนหนังสือ เธอเรียนรู้ได้เร็วกว่าคนธรรมดามากมายนัก แต่สิ่งที่เรียนจะต้องเป็นสิ่งที่เธอรู้ในตอนที่ยังไม่ความจำเสื่อมเท่านั้น ”
ผมเกาหัวแล้วก็นั่งลงข้างๆพี่
“ หมายความว่าผมต้องสอนสิ่งต่างๆให้เธอเหรอครับ ”
พี่เอลวินพยักหน้า แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังห้อง
“ เดี๋ยวฉันต้องไปเข้าเวรแล้ว ส่วนแอชลี...ให้พักอยู่ที่นี่สักสองวัน แล้วค่อยให้กลับบ้านได้ ”
พี่เอลวินเดินไปที่ประตู แล้วก็หยุดอยู่ที่หน้าประตู
“ อลัน... ”
พี่เรียกชื่อผมโดยที่ไม่หันมามอง เขาถอนหายใจช้าๆ แล้วก็พูดต่อ
“ ถ้า S รู้เรื่องนี่...ชีวิตของแอชลีและแกจะตกอยู่ในอันตราย....ระวังตัวด้วยล่ะ ”
แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไป เหลือเพียงแต่ผมที่จ้องมองบานประตูที่ปิดลง ในตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่พี่พูดทิ้งท้ายไว้นั่นสำคัญแค่ไหน....
......................................................
....................................
..........................
...............
.......
...
ในที่สุดก็ถึงวันที่แอชลีสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ เธอยังคงดูเลือนลอยอยู่ บ่อยครั้งที่ผมจะต้องเรียกชื่อของเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง จนผมก็เริ่มรู้สึกรำคาญไม่น้อย ยิ่งรวมกับการที่ไม่ได้ไปที่มหาลัยมาตลอดสองวันที่เฝ้าเธอ ก็ยิ่งทำให้ผมเริ่มปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้ว
เอี้ยด!!!
ผมออกแรงผลักประตูออก ภาพที่คุ้นตาปรากฏขึ้นที่ข้างหน้าของผม ปลาทองฝูงหนึ่งยังคงว่ายไปมาอยู่ที่ตู้กระจกเล็กๆ ข้างหน้าต่าง ผมโล่งอกที่พวกมันยังไม่อดตาย แต่คงจะหิวโซไม่น้อยแน่ๆ แต่ที่ดูไม่น่าพิศสมัยก็คงเป็น...
“ เธออยู่ได้ไงเนี่ย อลัน ทำไมมัน....ดูไม่ค่อยน่าอยู่เลย ”
แอชลีพูดอย่างไม่แน่ใจแล้วก็กวาดสายตาไปรอบๆห้องของผม ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอพูดแบบนั้น ก็ห้องมัน...ไม่ค่อยจัดเลยนี่นา เศษกระดาษยับยู้ยี้ถูกทิ้งเกลื่อนกราดอยู่เต็มพื้น บนโต๊ะอาหารในครัวมีขนมปังที่กินเหลือตั้งทิ้งไว้ และดูเหมือนจะมีราขึ้นแล้วด้วย.... ที่เตียงนอนมีผ้าห่มตั้งกองอยู่ แต่ผมก็ไม่เคยสังเกตว่า...มันรกขนาดนี้น่ะ
“ ดูเหมือนคงต้องเก็บกวาดครั้งใหญ่แล้วล่ะ ”
ผมพูดด้วยเสียงอ่อยๆ เพราะผมไม่ชอบการทำความสะอาดเลย โดยเฉพาะเวรทำความสะอาดชมรมที่มหาลัย ผมมักจะหนีเวรแทบทุกครั้ง....
“ เก็บกวาด...? ”
ดูเหมือนแอชลีจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด ว่าแต่จะอธิบายยังไงดีล่ะ....
“ การเก็บกวาดก็คือ...คือ...การทำที่นี่ให้น่าอยู่ไง ”
ผมตอบแบบกำปั้นทุบดิน โดยไม่หวังว่าเธอจะเข้าใจมันนักหรอก แต่แล้วแอชลีก็พยักหน้าช้าๆ
“ เหมือนการทำความสะอาดใช่ไหม? ”
ผมแปลกใจเล็กน้อย แล้วก็รีบพยักหน้าตอบ ก่อนจะถามเธอ
“ รู้จัก การทำความสะอาดเหรอ? ”
แอชลียิ้มให้ผมแล้วก็เดินไปหยิบไม้กวาดที่ซื้อมาเมื่อต้นปี แต่...ไม่เคยใช้เลย ขึ้นมา
“ ก็...พอได้ยินคำว่าทำให้น่าอยู่ขึ้นมา คำว่าทำความสะอาดก็โผล่ขึ้นมาเลย ”
แอชลีพูดอย่างสบายใจ ก่อนจะฮัมเพลงพร้อมกับเริ่มกวาดห้องของผมทันที เพลงที่เธอฮัมดูเหมือนจะเป็นเพลงกล่อมเด็ก ดูเหมือนแม่เธอคงจะชอบร้องให้ฟัง ทำให้มันติดเป็นความจำถาวรไปแล้ว เธอจึงไม่ลืมมันไป แต่ยิ่งฟังผมก็ยิ่งรู้สึกเหงาๆในใจเหมือนกัน....
ผมรีบเอาข้าวของที่แวะซื้อมาไปเก็บไว้ที่ห้องครัว ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงใครกำลังเล่นน้ำ แต่ผมก็คิดว่าคงเป็นเด็กๆที่เล่นน้ำฝนที่ขังอยู่ข้างถนนมากกว่า
“ เอ๋ แต่วันนี้ฝนไม่ตกนี่นา... ”
ผมคิดในใจแล้วก็เดินออกมาจากในห้องครัวไปหยิบอาหารปลาเพื่อที่จะไปให้เหล่าปลาทองที่หิวโซของผม แต่แล้วผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง....
“ ปลาหายไปตัวหนึ่ง? ”
ผมมองลงไปที่พื้น....มีน้ำบางส่วนอยู่ที่พื้น...มันหยดไปเป็นทางเข้าไปหาแอชลีที่กำลังหันหลังให้ผมอยู่ ผมจึงร้องถามเธอ
“ แอชลีทำอะไรอยู่น่ะ? ”
แอชลีค่อยๆหันมาทางผม ที่ปากของเธอมีหางของอะไรบางอย่างโผล่ออกมา...หางบานๆสีส้มๆ....แถมยังกระดิกไปมาได้อีก...แล้วทันใดนั้นผมก็นึกออก
“ ปลาทองของฉันนนนน!!!! นี่คุณเป็นแมวหรือไง แอชลี คายออกมาเร็ว!!! ”
ดูเหมือนการจะคืนความจำให้เธอ มันจะยากกว่าที่ผมคิด....ยากกว่ามากๆ
..................................
สถานะ 45%
ความคิดเห็น