ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อคุณรู้...คุณยังจะรักผมอยู่มั้ย?

    ลำดับตอนที่ #4 : ความรับผิดชอบของลูกผู้ชาย

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 50


    ผมมองดูลินดา….ไม่สิ แอชลี ที่เพิ่งหลับไปบนเตียงไม่นานนัก ส่วนพี่เอลวินก็ขอตัวออกไปดูคนไข้รายอื่นต่อ แล้วก็จะไปดูข้อมูลของแอชลีมาให้ ทิ้งให้ผมอยู่กับเธอเพียงสองต่อสอง แต่ผมก็แทบไม่ได้คุยอะไรกับเธอเลยจนเธอหลับไปนั่นล่ะ

     

    หน้าตอนหลับ ดูน่ารักดีแฮะ

     

    ผมพูดกับตัวเอง แม้การแอบดูผู้หญิงเวลาหลับจะไม่ค่อยดูมีมารยาทแต่ใบหน้าที่ดูไร้เดียงสาของเธอกลับดึงดูดให้ผมแทบจะละสายตาจากเธอไม่ได้  จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมจะรีบเดินไปเปิดประตู

     

    พี่เอลวินเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเหน็บแฟ้มเอกสารปึกหนึ่งไว้ที่ใต้รักแร้  แล้วก็ทิ้งตัวลงที่เก้าอี้ไม้แข็งๆที่ตั้งอยู่ที่ริมหน้าต่างห้อง

     

    นี่เป็นแฟ้มข้อมูลของเธอฉันไม่รู้ว่าจะเรียกเธอว่าอะไรดี

     

    แอชลี

     

    ผมตอบเรียบๆแล้วกรับแฟ้มเอกสารมาจากพี่ พร้อมกับเปิดมันออกดู พี่เอลวินเริ่มอธิบายถึงเนื้อหาในนั้นให้ฟัง

     

    แอชลีเกิดที่เมืองชนบททางตอนเหนือ ดูเหมือนพ่อกับแม่ของเธอจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ทิ้งให้เธออยู่เพียงคนเดียว พร้อมกับทรัพย์สินจำนวนหนึ่งแม้มันจะไม่มากมาย แต่ก็พอที่จะส่งเธอเรียนได้  เธอดิ้นรนเรียนไปทำงานไปจนได้มาอยู่ที่เมืองนี้เพียงคนเดียว

     

    ผมนั่งฟังข้อมูลของเธอด้วยความแปลกใจและก็ชื่นชมในตัวเธอ  แม้เธอจะเป็นแค่ผู้หญิงแต่เธอกลับเข้มแข็งมากกว่าผู้ชายอกสามศอกบางคนเสียอีก 

     

    เธอเข้มแข็งมากๆเลย

     

     ยิ่งผมคิดแบบนี้ ความรู้สึกผิดก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเต็มอกของผม  ถ้าเธอไม่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เธอก็คงจะมีความสุขกับชีวิตได้อีกมากมายแน่ๆ คงจะได้เรียนสูงๆ มีผู้ชายดีๆอยู่เคียงข้าง มีงานการดีๆทำ  แต่ผมกลับทำมันพังจนหมดสิ้น 

     

    พี่ครับ ผมตัดสินใจแล้ว… ”

     

    ผมวางแฟ้มข้อมูลลงแล้วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหันไปมองแอชลีที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง  ถึงเวลาที่ผมจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และผมจะไม่เสียใจกับสิ่งที่จะทำลงไป..แน่นอน

     

    ผมจะพาแอชลีไปอยู่กับผม...

     

    พี่เอลวินทำตาโตใส่ผม แล้วก็ยืนขึ้นประจันหน้ากับผม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้แน่ๆ

     

    นี่แกจะบ้าเหรอ แกเป็นมือปืนนะ  แล้ว S ต้องไม่พอใจในเรื่องนี้แน่ๆ  เขาอาจจะ อาจจะ....

     

    พี่เอลวินระเบิดอารมณ์ออกมา  แต่เขาก็ลดเสียงลงเมื่อเอ่ยถึง มือปืน  แต่ผมก็ส่ายหน้า

     

    พี่สอนผมเองว่า เราจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำลงไป แม้ผลที่ตามมาจะหมายถึงชีวิต นั่นล่ะถึงจะถือเป็นลูกผู้ชาย... และตอนนี้ผมก็จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำแล้ว

     

    เมื่อพี่เอลวินเห็นว่าพูดอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์  เขาจึงทิ้งตัวลงบนเก้าอี้แล้วก็เอามือกุมขมับพร้อมกับถอนหายใจช้าๆ

     

    เอาล่ะ...โรคความจำเสื่อมของแอชลี สามารถรักษาได้...

     

    พี่เอลวินพูดออกมาช้าๆ แล้วก็ลดมือที่กุมขมับลง

     

    กลไกของสมองที่ทำการปดกั้นความจำของแอชลี ไม่ได้เป็นการปิดกั้นแบบถาวร...คือถ้าเธอได้เรียนรู้สิ่งที่โดนปิดกั้นอีกครั้ง ความจำของเธอก็จะกลับมาทีละส่วนๆ เช่นถ้าเธอได้เรียนหนังสือ เธอเรียนรู้ได้เร็วกว่าคนธรรมดามากมายนัก  แต่สิ่งที่เรียนจะต้องเป็นสิ่งที่เธอรู้ในตอนที่ยังไม่ความจำเสื่อมเท่านั้น

     

    ผมเกาหัวแล้วก็นั่งลงข้างๆพี่

    หมายความว่าผมต้องสอนสิ่งต่างๆให้เธอเหรอครับ

     

    พี่เอลวินพยักหน้า แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาที่แขวนอยู่ที่ผนังห้อง  

     

    เดี๋ยวฉันต้องไปเข้าเวรแล้ว  ส่วนแอชลี...ให้พักอยู่ที่นี่สักสองวัน แล้วค่อยให้กลับบ้านได้ 

     

    พี่เอลวินเดินไปที่ประตู แล้วก็หยุดอยู่ที่หน้าประตู

     

    อลัน...

     

    พี่เรียกชื่อผมโดยที่ไม่หันมามอง  เขาถอนหายใจช้าๆ แล้วก็พูดต่อ

     

    ถ้า S รู้เรื่องนี่...ชีวิตของแอชลีและแกจะตกอยู่ในอันตราย....ระวังตัวด้วยล่ะ

     

    แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไป  เหลือเพียงแต่ผมที่จ้องมองบานประตูที่ปิดลง  ในตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่พี่พูดทิ้งท้ายไว้นั่นสำคัญแค่ไหน....

     

    ......................................................

    ....................................

    ..........................
    ...............
    .......

    ...

     

    ในที่สุดก็ถึงวันที่แอชลีสามารถออกจากโรงพยาบาลได้  เธอยังคงดูเลือนลอยอยู่  บ่อยครั้งที่ผมจะต้องเรียกชื่อของเธอมากกว่าหนึ่งครั้ง จนผมก็เริ่มรู้สึกรำคาญไม่น้อย ยิ่งรวมกับการที่ไม่ได้ไปที่มหาลัยมาตลอดสองวันที่เฝ้าเธอ ก็ยิ่งทำให้ผมเริ่มปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้ว 

     

    เอี้ยด!!!

     

    ผมออกแรงผลักประตูออก ภาพที่คุ้นตาปรากฏขึ้นที่ข้างหน้าของผม  ปลาทองฝูงหนึ่งยังคงว่ายไปมาอยู่ที่ตู้กระจกเล็กๆ ข้างหน้าต่าง  ผมโล่งอกที่พวกมันยังไม่อดตาย แต่คงจะหิวโซไม่น้อยแน่ๆ  แต่ที่ดูไม่น่าพิศสมัยก็คงเป็น...

     

    เธออยู่ได้ไงเนี่ย อลัน  ทำไมมัน....ดูไม่ค่อยน่าอยู่เลย  

     

    แอชลีพูดอย่างไม่แน่ใจแล้วก็กวาดสายตาไปรอบๆห้องของผม  ก็ไม่แปลกหรอกที่เธอพูดแบบนั้น ก็ห้องมัน...ไม่ค่อยจัดเลยนี่นา  เศษกระดาษยับยู้ยี้ถูกทิ้งเกลื่อนกราดอยู่เต็มพื้น  บนโต๊ะอาหารในครัวมีขนมปังที่กินเหลือตั้งทิ้งไว้  และดูเหมือนจะมีราขึ้นแล้วด้วย....  ที่เตียงนอนมีผ้าห่มตั้งกองอยู่  แต่ผมก็ไม่เคยสังเกตว่า...มันรกขนาดนี้น่ะ

     

    ดูเหมือนคงต้องเก็บกวาดครั้งใหญ่แล้วล่ะ

     

    ผมพูดด้วยเสียงอ่อยๆ  เพราะผมไม่ชอบการทำความสะอาดเลย  โดยเฉพาะเวรทำความสะอาดชมรมที่มหาลัย  ผมมักจะหนีเวรแทบทุกครั้ง....

     

    เก็บกวาด...?

     

    ดูเหมือนแอชลีจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด  ว่าแต่จะอธิบายยังไงดีล่ะ....

     

    การเก็บกวาดก็คือ...คือ...การทำที่นี่ให้น่าอยู่ไง

     

    ผมตอบแบบกำปั้นทุบดิน  โดยไม่หวังว่าเธอจะเข้าใจมันนักหรอก แต่แล้วแอชลีก็พยักหน้าช้าๆ

     

    เหมือนการทำความสะอาดใช่ไหม? ”

     

    ผมแปลกใจเล็กน้อย แล้วก็รีบพยักหน้าตอบ ก่อนจะถามเธอ

     

    รู้จัก การทำความสะอาดเหรอ? ”

     

    แอชลียิ้มให้ผมแล้วก็เดินไปหยิบไม้กวาดที่ซื้อมาเมื่อต้นปี แต่...ไม่เคยใช้เลย ขึ้นมา

     

    ก็...พอได้ยินคำว่าทำให้น่าอยู่ขึ้นมา  คำว่าทำความสะอาดก็โผล่ขึ้นมาเลย 

     

    แอชลีพูดอย่างสบายใจ ก่อนจะฮัมเพลงพร้อมกับเริ่มกวาดห้องของผมทันที  เพลงที่เธอฮัมดูเหมือนจะเป็นเพลงกล่อมเด็ก  ดูเหมือนแม่เธอคงจะชอบร้องให้ฟัง ทำให้มันติดเป็นความจำถาวรไปแล้ว เธอจึงไม่ลืมมันไป  แต่ยิ่งฟังผมก็ยิ่งรู้สึกเหงาๆในใจเหมือนกัน....

     

    ผมรีบเอาข้าวของที่แวะซื้อมาไปเก็บไว้ที่ห้องครัว  ระหว่างนั้นผมก็ได้ยินเสียงเหมือนเสียงใครกำลังเล่นน้ำ แต่ผมก็คิดว่าคงเป็นเด็กๆที่เล่นน้ำฝนที่ขังอยู่ข้างถนนมากกว่า 

     

    เอ๋ แต่วันนี้ฝนไม่ตกนี่นา...

     

    ผมคิดในใจแล้วก็เดินออกมาจากในห้องครัวไปหยิบอาหารปลาเพื่อที่จะไปให้เหล่าปลาทองที่หิวโซของผม  แต่แล้วผมก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง....

     

    ปลาหายไปตัวหนึ่ง? ”

     

    ผมมองลงไปที่พื้น....มีน้ำบางส่วนอยู่ที่พื้น...มันหยดไปเป็นทางเข้าไปหาแอชลีที่กำลังหันหลังให้ผมอยู่ ผมจึงร้องถามเธอ

     

    แอชลีทำอะไรอยู่น่ะ? ”

     

    แอชลีค่อยๆหันมาทางผม  ที่ปากของเธอมีหางของอะไรบางอย่างโผล่ออกมา...หางบานๆสีส้มๆ....แถมยังกระดิกไปมาได้อีก...แล้วทันใดนั้นผมก็นึกออก 

     

    ปลาทองของฉันนนนน!!!! นี่คุณเป็นแมวหรือไง  แอชลี คายออกมาเร็ว!!! ”

     

    ดูเหมือนการจะคืนความจำให้เธอ มันจะยากกว่าที่ผมคิด....ยากกว่ามากๆ   

    ..................................

    สถานะ 45%

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×