คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ลินดา...แอชลี เส้นทางที่ผมต้องเลือก และไม่มีวันที่จะหันหลังกลับได้อีกต่อไป
ผมค่อยๆลดหนังสือลง เพื่อมองดูกลุ่มนักเรียนกลุ่มสุดท้ายที่ก้าวออกไปจากโรงเรียน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ผมจะต้องมานั่งอ่านหนังสือที่ม้านั่งใต้ต้นไม้หน้าโรงเรียนฆ่าเวลาไปเรื่อยๆเพื่อรอให้คนอื่นๆกลับกันจนหมดเสียก่อน
ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อนึกถึงรายงานที่ได้มาในวันนี้ ถึงแม้ว่าหัวข้อของรายงานชิ้นนี้จะอิสระ...แต่ก็เพราะว่ามันเป็นหัวข้ออิสระนี่ล่ะที่ทำให้มันยากขึ้น มันเป็นความรู้สึกแย่จริงๆเวลาที่จะต้องรับผิดชอบทำงานชิ้นหนึ่ง มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาไม่น้อยเลย แต่ผมมีบางอย่างที่สำคัญกว่ากำลังรอผมอยู่
ปี๊ดๆๆๆ.....
เสียงเตือนของนาฬิกาข้อมือของผมดังขึ้น ผมยกมันขึ้นมาดู แล้วก็รีบพับหัวกระดาษของหน้าที่ผมยังอ่านค้างไว้ ก่อนจะยัดหนังสือลงไปในกระเป๋าสะพายที่แทบจะไม่เคยจัดเลย...ผมคิดว่าคงจะไม่น่าแปลกใจนักหรอก ถ้าวันไหนผมเจองูเลื้อยอยู่ในกระเป๋าใบนี้....แล้วผมก็เหวี่ยงมันขึ้นมาสะพายไว้บนบ่า
ผมล้วงโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาแล้วก็เปิดฝาพับของมันขึ้น พร้อมกับกดหมายเลขที่แป้นของมันอย่างรวดเร็ว แล้วยกมันขึ้นแนบที่หู ในเวลาไม่นานเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากอีกฟากของคู่สาย เอาล่ะ...ผมต้องจัดการเตรียมตัวที่จะทำงานแล้ว
" สวัสดีครับ คุณโรเจอร์..เลขาของคุณ เจมส์ อันเดอร์ไลน์ ใช่ไหมครับ คือ..ผมต้องการโกดังเก็บของที่ท่าเรือนะครับ เลยอยากให้คุณช่วยมาดูสถานที่ก่อสร้างเสียหน่อย ถ้ายังไงตอนหกโมงตรง ผมจะไปคอยที่ท่าเรือนะครับ แล้วเจอกันครับ "
ผมวางสายโทรศัพท์แล้วก็ใส่มันกลับเข้าไปในกระเป๋าสะพาย แล้วปลายนิ้วมือของผมก็สัมผัสกับวัตถุเย็นเชียบที่อยู่ที่ใต้สุดของกระเป๋า ผมจ้องค่อยๆหยิบมันขึ้นมา...มันคือปืนที่เป็นสีดำเงาทั้งกระบอก ผมจ้องมองมันอยู่สักพักแล้วก็ใส่มันกลับคืนไป
" เอาล่ะ...ดูเหมือนผมจะได้ของขวัญไปฝากคุณโรเจอร์เสียแล้ว.... "
...................................
...........................
................
..........
........
....
..
.
สายตาของผมจับจ้องเมฆฝนที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาปกคลุมท้องฟ้า เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ แต่งแต้มท้องถนนเบื้องล่างที่เคยแห้งสนิทให้เจิงนองไปด้วยน้ำ ผมจ้องมองสายฝนด้วยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก เพราะบ่อยครั้งที่งานของผมมักจะเกิดความผิดพลาดเวลาที่ฝนตก....ผมจึงได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงไม่ใช่ครั้งนี้
ตอนนี้ผมกำลังนั่งพิงเสาคอนกรีตที่ยังไม่ได้ทาสี อยู่บนโครงตึกที่กำลังก่อสร้าง เศษไม้และเหล็กวางกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น
แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับสมุดเล่มหนึ่งที่หล่นอยู่บนพื้นห่างออกไปจากผมนิดหน่อย สีหน้าปกของมันดูสดใสตัดกับบริเวณโดยรอบอย่างสิ้นเชิงจนสามารถเรียกความสนใจจากผมได้...
" คงไม่ใช่สมุดของคนงานที่นี่แน่ๆ...สีของมันดูสดใสเกินไป... "
ผมคิดในใจแล้วก็ก้าวยาวๆตรงไปหามันอย่างสงสัย ลายของสมุดเล่มนี้มันดูคุ้นตาแต่ผมนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก... ผมจึงค่อยๆเอื้อมมือลงมาหยิบมัน....
ตึกๆ.....
เสียงใครบางคนกำลังเดินขึ้นบันไดมา ทำให้ผมต้องรีบผละจากสมุด กลับไปยังที่ซ่อนตัวพร้อมกับเอาตัวแนบเสาในความมืด แล้วก็มองดูผู้ที่กำลังเดินขึ้นมา....
ร่างของชายวัยกลางคนตนหนึ่งเดินขึ้นมาด้วยท่าทางเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด และแล้วเขาก็มา...เจมส์ อันเดอร์ไลน์...เป้าหมายของผม
" โรเจอร์...ฉันมาแล้ว "
เจมส์ตะโกนเรียกชื่อเลขาของเขา เสียงของเขาสะท้อนไปทั่วตัวตึก จนไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ที่ชั้นนี้ก็จะได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน แต่สิ่งที่ตอบกลับมา...กลับมาเพียงความเงียบ เจมส์ตะโกนเรียกโรเจอร์อีกประมาณสามครั้ง แต่ผลก็ยังเหมือนเดินซึ่งมันก็ไม่น่าแปลก เพราะบนนี้มีเพียงผมกับเขาเท่านั้น
" ลองโทรไปหาดีกว่า "
เจมส์หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาแล้วก็กดหมายเลข ซึ่งผมเดาว่าคงจะเป็นเบอร์ของโรเจอร์แน่ๆ....
ปี๊ดๆๆๆ!!!
โทรศัพท์ที่อยู่ที่กระเป๋าเสื้อของผมส่งเสียงดังพร้อมกับสั่นอย่างแรง ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะซ่อนตัวอีกต่อไป...ได้เวลาทำงานแล้ว
ผมก้าวออกมาจากเงามืดแล้วก็ยิ้มทักทายชายวัยกลางคนผู้นั้นอย่างสุภาพ สีหน้าของเจมส์ตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจปนประหลาดใจ เขาชี้มาที่ผมแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยคงเส้นคงวานัก
" กะ....กะ แกเป็นใคร แล้วโรเจอร์ล่ะ เลขาของฉันอยู่ไหน!? แล้วทำไมโทรศัพท์เขาไปอยู่กับแก!!! "
กระสุนปืนพุ่งออกจากกระบอกเก็บเสียงเข้าไปที่เข่าของเจมส์ เขาทรุดลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด ผมเคลื่อนตัวไปอยู่ด้านหน้าของเขาแล้วก็ยกปืนขึ้นจ่อที่หน้าผากของเขา
" เอาล่ะ หุบปาก....ถ้าคุณส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว...ผมจะเจาะรูที่หัวของคุณ "
ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม และดูเหมือนจะได้ผล เจมส์ปิดปากของตนเองจนไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา แต่หน้าของเขากลับนองไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด
" ยากนะครับ ที่จะล่อให้คนที่ระวังตัวแจแบบคุณออกมาได้เนี่ย "
ผมเปลี่ยนน้ำเสียงให้สุภาพขึ้น แต่มันก็คงจะดูไม่ดีเท่าไร เพราะมือขวาของผมกำลังกำมือจ่ออยู่ที่หัวของเขา...
" ผมเลยล่อโรเจอร์ เลขาของคุณออกมา โดยแกล้งทำเป็นว่าต้องการติดต่อเรื่องโกดังเก็บของที่ท่าเรือ...ซี่งมันก็ได้ผล โรเจอร์ออกมาหาผม แล้วผมก็ส่งเขาลงไปนอนอยู่ที่ใต้ทะเลเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยังใจดี ให้โทรศัพย์ของเขาแก่ผมด้วย "
ผมเริ่มเล่าถึงแผนการของงานครั้งนี้ให้เจมส์ฟัง สีหน้าของเขายิ่งทวีความตกใจมากขึ้น
" งะ...งั้น ข้อความที่นัดฉันมาที่นี่ก็..... "
" ผมเป็นคนส่งไปเองล่ะครับ เอาล่ะ...ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ขอทำงานให้จบเลยก็แล้วกันนะครับ... "
ผมพูดเรียบๆแล้วก็กดปากกระบอกปืนให้แน่นยิ่งขึ้น
" ขอร้อง อย่าฆ่าฉันเลย!!! เอางี้ๆ เขาว่าจ้างแกเท่าไร ฉันให้มากกว่ามันสามเท่าเลย "
เจมส์พูดต่อรองกับผม ผมจ้องมองเขาสักพัก แล้วผมก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มที่มุมปาก....แต่ผมกลับรู้สึกสมเพชผู้ชายคนนี้อย่างสุดๆ.... ทันใดนั้นก็เกิดฟ้าผ่าลงมา แสงของมันสว่างจ้าของชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ผมมองเห็นใบหน้าที่แสนน่าสมเพชของเขา....แล้วเมื่อสิ้นแสงร่างของเขาก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น
" กรี๊ดดดด!!!!! "
เสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจนผมสะดุ้งสุดตัว ท่ามกลางความตกใจ ผมรีบหันปืนไปที่ต้นเสียง ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งทรุดลงไปนอนอยู่กับพื้น ผมนิ่งอยู่กับที่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกะทันหันจนผมตั้งตัวไม่ทัน
" ชิ... "
ผมตัดสินใจเดินช้าๆตรงไปยังร่างที่นอนอยู่ที่ริมบันได ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นผมต้องที่ฆ่าเจมส์....ผมจึงต้องฆ่าเธอด้วยเพื่อความปลอดภัยของตนเองผมไม่สามารถให้ใครรู้ได้โดยเด็ดขาดว่าผมเป็นมือปืน
ร่างๆนั้นสวมชุดศึกษาหญิงสีขาวสะอาด...ผมเกิดอาการตกใจมากขึ้นเนื่องจากนั่นเป็นเครื่องแบบของมหาลัยผม...หน้าอกของผมแน่นจนหายใจไม่ออกราวกับถูกเชือกที่มองไม่เห็นรัดเอาไว้
เปรี้ยง!!!!
เกิดฟ้าผ่าขึ้นอีกครั้ง แสงของมันทำให้ผมมองเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน ปืนในมือของมันหล่นลงมาที่พื้น มือไม้ของผมชาจนแทบไร้ความรู้สึก หัวเริ่มมึนชาราวกับโดนค้อนกระแทกเข้าอย่างแรงจนเสียการทรงตัวลงไปทรุดอยู่ข้างๆ ตอนนี้ผมตกใจจนจำการหายใจไม่ได้เลย ริมฝีปากของผมเริ่มสั่น อากาศโดยรอบหนาวจนจับขั้วหัวใจ สิ่งที่ออกมาจากปากของผมคือ ชื่อของหญิงสาวคนนั้น
" ลินดา!!! "
..........................
ผมหายใจเบาๆรดลงไปบนท่อนแขนของตน แล้วก็ค่อยๆซบหน้าลงไป....ในหัวของผมตอนนี้ มันยุ่งเหยิงไปหมด เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันมากมายจนเกินที่ผมจะรับมันได้ในเวลาไม่นาน
ในหัวมันเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ทำไมลินดาถึงมาอยู่ที่ตึกนั้น....ทำไมเธอถึงได้เห็นผมฆ่าคน แล้ว....แล้วถ้าเธอตื่นขึ้นมา ผมจะทำยังไงดี!? ถ้าในตอนนี้ผมสามารถย้อนเวลาได้ล่ะก็...ผมจะรีบกลับไปแก้ไขมันแล้วแน่ๆ
ครืด....
เสียงเปิดประตูทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมา ชายผมยาวสีเทาอ่อนสวมเสื้อกาวสีขาวเดินออกมาจากห้อง ผมมองหน้าเขาด้วยสายตาที่ต้องการคำตอบ
“ เธอเป็นไงบ้างครับ พี่เอลวิน!? ”
ชายคนนี้ชื่อ เอลวิน เขาเป็นคนที่คอยดูแลผมตั้งแต่เดินทางเข้ามาที่เมืองนี้ คอยดูแลเรื่องที่เรียน และเรื่องงาน...พี่เอลวินจะเป็นคนที่คอยรับงานจากผู้ว่าจ้าง แล้วส่งต่อมาให้ผม แถมเขายังทำงานเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องที่เขาเป็นมือปืนเลยนอกจากผม ผมนับถือเขาเหมือนพี่แท้ๆของผมเอง
พี่เอลวินมองกลับเข้าไปในห้องแล้วก็หันกลับมามองหน้าผมอย่างมีความหมาย
“ หล่อนก็ไม่มีเป็นอะไรหรอก มีแต่แผลถลอกจากการกระแทกที่แขนกับหน้านิดหน่อย พี่ได้ใส่ยาฆ่าเชื้อให้แล้วล่ะ ”
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วพี่เอลวินก็ยื่นสมุดมาให้ผม ผมจำได้ในทันทีว่านั้นเป็นสมุดที่ผมเจอที่ตึกนั่นเอง ว่าแต่...เขาเอามันมาได้ยังไง เพราะผมเป็นคนแบกลินดามาที่โรงพยาบาลเอง....โดยแอบเข้ามาทางข้างหลังเลยไม่มีใครสังเกต เพราะถ้ามีใครเห็นล่ะก็กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ...
“ สมุดเล่มนี้มันติดอยู่ที่มือของหล่อน...ดูเหมือนจะเป็นสมุดรายงานอะไรสักอย่าง ”
ผมรับสมุดมาแล้วก็เปิดดู...ที่หน้าแรกมีชื่อของเธอเขียนไว้จริงๆด้วย พี่เอลวินมองดูผมอย่างชั่งใจ แล้วก็ถามผม
“ ทำไมแกถึงช่วยหล่อน แกรู้ไหมว่าถ้าหล่อนเห็นหน้าแกล่ะก็ ชีวิตของแกจบแน่ๆ.... ”
คำถามของพี่ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก พี่เอลวินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แล้วก็เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่แล้ว....
เพล้ง!!!!
เสียงแก้วแตกดังขึ้นมาจากข้างในห้องผู้ป่วย ผมกับพี่จึงรีบวิ่งเข้าไปในห้อง เศษแก้วน้ำเปล่าแตกกระจายไปทั่วพื้น และที่บนเตียงลินดากำลังนั่งอยู่ด้วยสายตาที่ดูเหม่อลอย
พี่เอลวินใช้เท้าเขี่ยเศษแก้วออกแล้วก็เดินเข้าไปหาเธอ ลินดาหันหน้ามามองเขาด้วยสายตาที่ดูสงสัย พี่จึงยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เธอ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ
“ รู้สึกยังไงบ้างครับ ”
ลินดาเอียงคอเล็กน้อย
“ รู้สึก...มันคืออะไรเหรอคะ? ”
พี่เกิดอาการตกใจเล็กน้อย แล้วก็หยิบส้มที่อยู่ที่โต๊ะข้างเตียงขึ้นมายื่นให้ลินดา
“ นี่อะไรครับ... ”
ลินดามองมันสักพักแล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ
“ ไม่รู้คะ... ”
พี่เอลวินรีบเดินเข้ามาหาผมแล้วก็ลากผมไปที่ข้างประตู สีหน้าของเขาดูวิตกกังวลมาก แม้ผมจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ...
“ อลัน...ผู้หญิงคนนั้นความจำเสื่อม... ”
ในตอนนั้นผมแทบจะไม่เชื่อหูของตน ผมแกล้งหัวเราะเบาๆ
“ อย่าล้อเล่นสิพี่ มุกนี้ไม่ขำนะ ”
แต่สีหน้าของพี่นั่นดูจริงจังเกินกว่าจะล้อเล่น รอยยิ้มของผมค่อยๆจางหายไป แล้วผมถามพี่อย่างร้อนใจ
“ ละ...แล้วทำไมลินดาถึงความจำเสื่อมล่ะ!? ”
พี่ลูบคางของตนช้าๆ แล้วก็ค่อยๆอธิบาย
“ ดูเหมือนนี่จะเป็นกลไกของร่างกาย ที่ไม่ให้เธอเสียสติจากการตกใจสุดขีด...โดยร่างกายจะปิดกั้นความจำไว้ในส่วนลึกสุดของสมอง แล้วจะการสร้างความจำใหม่ขึ้นมา โดยเหลือความทรงจำถาวร เช่น ภาษาและบุคลิกเอาไว้...ส่วนความทรงจำอื่นๆที่เกิดจากการเรียนรู้เมื่อสมองโตเต็มที่จะหายไป....เธอจึงสามารถพูดจาได้ แต่ไม่รู้จักส้ม... ”
ผมแทบจะเป็นบ้าไป นี่ผมทำให้คนที่ผมรักกลายเป็นแบบนี้...กลายเป็นคนความจำเสื่อม ผมทำอะไรลงไป...
“ เอ่อ...ขอโทษนะคะ ”
ลินดาพูดขึ้น ผมกับพี่จึงหันหน้าไปที่เธอ ลินดาค่อยๆห้อยขาลงมาจากเตียงแล้วก็มองมาที่พวกเรา
“ พวกคุณเป็นใคร...ละ...แล้ว ”
ลินดาเอามือกุมหัวของตน น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากตาทั้งสองข้างของเธอ
“ แล้ว...นี่ฉันเป็นใคร !!! ”
คำพูดของเธอเป็นสิ่งที่ยืนยัน คำพูดของพี่อย่างชัดเจน.... เธอสูญเสียความทรงจำไปหมดแล้ว... ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ แล้วก็ยื่นมือไปจับมือของเธอไว้พร้อมกับลูบมันเพื่อปลอบใจเธอ ลินดาเงยหน้าที่แดงและเต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมามองผม
“ คุณคือ.... ”
“ ผมชื่อ อลัน ครับ ผมเป็นคนที่จะดูแลคุณต่อจากนี้ไป...ส่วนคุณชื่อว่า.... แอชลี... ”
ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ถึงได้โกหกเธอแบบนั้น ดูเหมือนผมจะเห็นแก่ตัวมากๆ....ตอนนั้นผมคิดเพียงว่า ผมอยากจะอยู่ข้างเธอและดูแลเธอ เพื่อรับผิดชอบสิ่งที่ผมทำกับเธอ....พี่เอลวินมองอย่างไม่เห็นด้วย แต่ในตอนนี้ผมไม่สนใจแล้ว เพราะ...ผมไม่อาจจะหันหลังกลับได้อีกต่อไปแล้ว...แม้มันจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็ตาม...
“ มือของเธออุ่นดีจังเลยนะ อลัน ”
.........................
ความคิดเห็น