ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อคุณรู้...คุณยังจะรักผมอยู่มั้ย?

    ลำดับตอนที่ #3 : ลินดา...แอชลี เส้นทางที่ผมต้องเลือก และไม่มีวันที่จะหันหลังกลับได้อีกต่อไป

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 51


    ผมค่อยๆลดหนังสือลง เพื่อมองดูกลุ่มนักเรียนกลุ่มสุดท้ายที่ก้าวออกไปจากโรงเรียน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่ผมจะต้องมานั่งอ่านหนังสือที่ม้านั่งใต้ต้นไม้หน้าโรงเรียนฆ่าเวลาไปเรื่อยๆเพื่อรอให้คนอื่นๆกลับกันจนหมดเสียก่อน 


    ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เมื่อนึกถึงรายงานที่ได้มาในวันนี้  ถึงแม้ว่าหัวข้อของรายงานชิ้นนี้จะอิสระ...แต่ก็เพราะว่ามันเป็นหัวข้ออิสระนี่ล่ะที่ทำให้มันยากขึ้น  มันเป็นความรู้สึกแย่จริงๆเวลาที่จะต้องรับผิดชอบทำงานชิ้นหนึ่ง มันทำให้ผมเริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาไม่น้อยเลย  แต่ผมมีบางอย่างที่สำคัญกว่ากำลังรอผมอยู่

    ปี๊ดๆๆๆ.....


    เสียงเตือนของนาฬิกาข้อมือของผมดังขึ้น ผมยกมันขึ้นมาดู แล้วก็รีบพับหัวกระดาษของหน้าที่ผมยังอ่านค้างไว้  ก่อนจะยัดหนังสือลงไปในกระเป๋าสะพายที่แทบจะไม่เคยจัดเลย...ผมคิดว่าคงจะไม่น่าแปลกใจนักหรอก ถ้าวันไหนผมเจองูเลื้อยอยู่ในกระเป๋าใบนี้....แล้วผมก็เหวี่ยงมันขึ้นมาสะพายไว้บนบ่า


    ผมล้วงโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาแล้วก็เปิดฝาพับของมันขึ้น   พร้อมกับกดหมายเลขที่แป้นของมันอย่างรวดเร็ว  แล้วยกมันขึ้นแนบที่หู    ในเวลาไม่นานเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากอีกฟากของคู่สาย เอาล่ะ...ผมต้องจัดการเตรียมตัวที่จะทำงานแล้ว 


    " สวัสดีครับ คุณโรเจอร์..เลขาของคุณ เจมส์  อันเดอร์ไลน์ ใช่ไหมครับ คือ..ผมต้องการโกดังเก็บของที่ท่าเรือนะครับ  เลยอยากให้คุณช่วยมาดูสถานที่ก่อสร้างเสียหน่อย  ถ้ายังไงตอนหกโมงตรง ผมจะไปคอยที่ท่าเรือนะครับ  แล้วเจอกันครับ "
     


    ผมวางสายโทรศัพท์แล้วก็ใส่มันกลับเข้าไปในกระเป๋าสะพาย  แล้วปลายนิ้วมือของผมก็สัมผัสกับวัตถุเย็นเชียบที่อยู่ที่ใต้สุดของกระเป๋า  ผมจ้องค่อยๆหยิบมันขึ้นมา...มันคือปืนที่เป็นสีดำเงาทั้งกระบอก ผมจ้องมองมันอยู่สักพักแล้วก็ใส่มันกลับคืนไป 


    " เอาล่ะ...ดูเหมือนผมจะได้ของขวัญไปฝากคุณโรเจอร์เสียแล้ว.... "


    ...................................

    ...........................
    ................
    ..........
    ........
    ....
    ..

    .

    สายตาของผมจับจ้องเมฆฝนที่เริ่มก่อตัวขึ้นมาปกคลุมท้องฟ้า  เม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ  แต่งแต้มท้องถนนเบื้องล่างที่เคยแห้งสนิทให้เจิงนองไปด้วยน้ำ  ผมจ้องมองสายฝนด้วยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก  เพราะบ่อยครั้งที่งานของผมมักจะเกิดความผิดพลาดเวลาที่ฝนตก....ผมจึงได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าคงไม่ใช่ครั้งนี้


    ตอนนี้ผมกำลังนั่งพิงเสาคอนกรีตที่ยังไม่ได้ทาสี อยู่บนโครงตึกที่กำลังก่อสร้าง เศษไม้และเหล็กวางกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น 

    แล้วสายตาของผมก็ไปสะดุดเข้ากับสมุดเล่มหนึ่งที่หล่นอยู่บนพื้นห่างออกไปจากผมนิดหน่อย  สีหน้าปกของมันดูสดใสตัดกับบริเวณโดยรอบอย่างสิ้นเชิงจนสามารถเรียกความสนใจจากผมได้...


    " คงไม่ใช่สมุดของคนงานที่นี่แน่ๆ...สีของมันดูสดใสเกินไป... "


    ผมคิดในใจแล้วก็ก้าวยาวๆตรงไปหามันอย่างสงสัย  ลายของสมุดเล่มนี้มันดูคุ้นตาแต่ผมนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก... ผมจึงค่อยๆเอื้อมมือลงมาหยิบมัน....


    ตึกๆ.....


    เสียงใครบางคนกำลังเดินขึ้นบันไดมา  ทำให้ผมต้องรีบผละจากสมุด กลับไปยังที่ซ่อนตัวพร้อมกับเอาตัวแนบเสาในความมืด แล้วก็มองดูผู้ที่กำลังเดินขึ้นมา....


    ร่างของชายวัยกลางคนตนหนึ่งเดินขึ้นมาด้วยท่าทางเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด และแล้วเขาก็มา...เจมส์ อันเดอร์ไลน์...เป้าหมายของผม


    " โรเจอร์...ฉันมาแล้ว "


    เจมส์ตะโกนเรียกชื่อเลขาของเขา   เสียงของเขาสะท้อนไปทั่วตัวตึก   จนไม่ว่าใครก็ตามที่อยู่ที่ชั้นนี้ก็จะได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน  แต่สิ่งที่ตอบกลับมา...กลับมาเพียงความเงียบ  เจมส์ตะโกนเรียกโรเจอร์อีกประมาณสามครั้ง แต่ผลก็ยังเหมือนเดินซึ่งมันก็ไม่น่าแปลก เพราะบนนี้มีเพียงผมกับเขาเท่านั้น 


    " ลองโทรไปหาดีกว่า "


    เจมส์หยิบโทรศัพท์ของเขาขึ้นมาแล้วก็กดหมายเลข  ซึ่งผมเดาว่าคงจะเป็นเบอร์ของโรเจอร์แน่ๆ.... 


    ปี๊ดๆๆๆ
    !!!


    โทรศัพท์ที่อยู่ที่กระเป๋าเสื้อของผมส่งเสียงดังพร้อมกับสั่นอย่างแรง  ไม่มีประโยชน์ที่ผมจะซ่อนตัวอีกต่อไป...ได้เวลาทำงานแล้ว


    ผมก้าวออกมาจากเงามืดแล้วก็ยิ้มทักทายชายวัยกลางคนผู้นั้นอย่างสุภาพ   สีหน้าของเจมส์ตอนนี้เต็มไปด้วยความตกใจปนประหลาดใจ  เขาชี้มาที่ผมแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยคงเส้นคงวานัก


    " กะ....กะ แกเป็นใคร  แล้วโรเจอร์ล่ะ  เลขาของฉันอยู่ไหน!?  แล้วทำไมโทรศัพท์เขาไปอยู่กับแก!!! "


    กระสุนปืนพุ่งออกจากกระบอกเก็บเสียงเข้าไปที่เข่าของเจมส์  เขาทรุดลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวด  ผมเคลื่อนตัวไปอยู่ด้านหน้าของเขาแล้วก็ยกปืนขึ้นจ่อที่หน้าผากของเขา


    " เอาล่ะ หุบปาก....ถ้าคุณส่งเสียงออกมาแม้แต่นิดเดียว...ผมจะเจาะรูที่หัวของคุณ "


    ผมพูดด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม  และดูเหมือนจะได้ผล  เจมส์ปิดปากของตนเองจนไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา แต่หน้าของเขากลับนองไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด 


    " ยากนะครับ ที่จะล่อให้คนที่ระวังตัวแจแบบคุณออกมาได้เนี่ย  " 


    ผมเปลี่ยนน้ำเสียงให้สุภาพขึ้น แต่มันก็คงจะดูไม่ดีเท่าไร เพราะมือขวาของผมกำลังกำมือจ่ออยู่ที่หัวของเขา...


    " ผมเลยล่อโรเจอร์  เลขาของคุณออกมา  โดยแกล้งทำเป็นว่าต้องการติดต่อเรื่องโกดังเก็บของที่ท่าเรือ...ซี่งมันก็ได้ผล  โรเจอร์ออกมาหาผม  แล้วผมก็ส่งเขาลงไปนอนอยู่ที่ใต้ทะเลเรียบร้อยแล้ว  แต่เขาก็ยังใจดี ให้โทรศัพย์ของเขาแก่ผมด้วย  "


    ผมเริ่มเล่าถึงแผนการของงานครั้งนี้ให้เจมส์ฟัง  สีหน้าของเขายิ่งทวีความตกใจมากขึ้น


    " งะ...งั้น ข้อความที่นัดฉันมาที่นี่ก็..... "


    " ผมเป็นคนส่งไปเองล่ะครับ  เอาล่ะ...ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว  ขอทำงานให้จบเลยก็แล้วกันนะครับ... "

    ผมพูดเรียบๆแล้วก็กดปากกระบอกปืนให้แน่นยิ่งขึ้น 


    " ขอร้อง  อย่าฆ่าฉันเลย!!!  เอางี้ๆ  เขาว่าจ้างแกเท่าไร  ฉันให้มากกว่ามันสามเท่าเลย "


    เจมส์พูดต่อรองกับผม   ผมจ้องมองเขาสักพัก แล้วผมก็ค่อยๆเผยรอยยิ้มที่มุมปาก....แต่ผมกลับรู้สึกสมเพชผู้ชายคนนี้อย่างสุดๆ....  ทันใดนั้นก็เกิดฟ้าผ่าลงมา  แสงของมันสว่างจ้าของชั่วขณะหนึ่ง ทำให้ผมมองเห็นใบหน้าที่แสนน่าสมเพชของเขา....แล้วเมื่อสิ้นแสงร่างของเขาก็ล้มลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น


    " กรี๊ดดดด!!!!! "


    เสียงกรีดร้องของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นจนผมสะดุ้งสุดตัว  ท่ามกลางความตกใจ  ผมรีบหันปืนไปที่ต้นเสียง   ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งทรุดลงไปนอนอยู่กับพื้น  ผมนิ่งอยู่กับที่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันกะทันหันจนผมตั้งตัวไม่ทัน
     


    " ชิ... "


    ผมตัดสินใจเดินช้าๆตรงไปยังร่างที่นอนอยู่ที่ริมบันได  ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นผมต้องที่ฆ่าเจมส์....ผมจึงต้องฆ่าเธอด้วยเพื่อความปลอดภัยของตนเองผมไม่สามารถให้ใครรู้ได้โดยเด็ดขาดว่าผมเป็นมือปืน


    ร่างๆนั้นสวมชุดศึกษาหญิงสีขาวสะอาด...ผมเกิดอาการตกใจมากขึ้นเนื่องจากนั่นเป็นเครื่องแบบของมหาลัยผม...หน้าอกของผมแน่นจนหายใจไม่ออกราวกับถูกเชือกที่มองไม่เห็นรัดเอาไว้


    เปรี้ยง
    !!!!


    เกิดฟ้าผ่าขึ้นอีกครั้ง  แสงของมันทำให้ผมมองเห็นใบหน้าของเธออย่างชัดเจน   ปืนในมือของมันหล่นลงมาที่พื้น มือไม้ของผมชาจนแทบไร้ความรู้สึก หัวเริ่มมึนชาราวกับโดนค้อนกระแทกเข้าอย่างแรงจนเสียการทรงตัวลงไปทรุดอยู่ข้างๆ ตอนนี้ผมตกใจจนจำการหายใจไม่ได้เลย
    ริมฝีปากของผมเริ่มสั่น อากาศโดยรอบหนาวจนจับขั้วหัวใจ สิ่งที่ออกมาจากปากของผมคือ ชื่อของหญิงสาวคนนั้น


    " ลินดา!!! "

    ..........................

    ผมหายใจเบาๆรดลงไปบนท่อนแขนของตน แล้วก็ค่อยๆซบหน้าลงไป....ในหัวของผมตอนนี้ มันยุ่งเหยิงไปหมด  เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันมากมายจนเกินที่ผมจะรับมันได้ในเวลาไม่นาน 

     

    ในหัวมันเต็มไปด้วยคำถามมากมาย  ทำไมลินดาถึงมาอยู่ที่ตึกนั้น....ทำไมเธอถึงได้เห็นผมฆ่าคน  แล้ว....แล้วถ้าเธอตื่นขึ้นมา ผมจะทำยังไงดี!?  ถ้าในตอนนี้ผมสามารถย้อนเวลาได้ล่ะก็...ผมจะรีบกลับไปแก้ไขมันแล้วแน่ๆ

     

    ครืด....

     

    เสียงเปิดประตูทำให้ผมเงยหน้าขึ้นมา ชายผมยาวสีเทาอ่อนสวมเสื้อกาวสีขาวเดินออกมาจากห้อง  ผมมองหน้าเขาด้วยสายตาที่ต้องการคำตอบ

     

    เธอเป็นไงบ้างครับ พี่เอลวิน!? 

     

    ชายคนนี้ชื่อ เอลวิน เขาเป็นคนที่คอยดูแลผมตั้งแต่เดินทางเข้ามาที่เมืองนี้  คอยดูแลเรื่องที่เรียน และเรื่องงาน...พี่เอลวินจะเป็นคนที่คอยรับงานจากผู้ว่าจ้าง แล้วส่งต่อมาให้ผม แถมเขายังทำงานเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง  ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะไม่มีใครรู้เรื่องที่เขาเป็นมือปืนเลยนอกจากผม  ผมนับถือเขาเหมือนพี่แท้ๆของผมเอง

    พี่เอลวินมองกลับเข้าไปในห้องแล้วก็หันกลับมามองหน้าผมอย่างมีความหมาย

     

    หล่อนก็ไม่มีเป็นอะไรหรอก  มีแต่แผลถลอกจากการกระแทกที่แขนกับหน้านิดหน่อย  พี่ได้ใส่ยาฆ่าเชื้อให้แล้วล่ะ 

     

    ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก  แล้วพี่เอลวินก็ยื่นสมุดมาให้ผม  ผมจำได้ในทันทีว่านั้นเป็นสมุดที่ผมเจอที่ตึกนั่นเอง ว่าแต่...เขาเอามันมาได้ยังไง เพราะผมเป็นคนแบกลินดามาที่โรงพยาบาลเอง....โดยแอบเข้ามาทางข้างหลังเลยไม่มีใครสังเกต เพราะถ้ามีใครเห็นล่ะก็กลายเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ...

     

    สมุดเล่มนี้มันติดอยู่ที่มือของหล่อน...ดูเหมือนจะเป็นสมุดรายงานอะไรสักอย่าง

     

    ผมรับสมุดมาแล้วก็เปิดดู...ที่หน้าแรกมีชื่อของเธอเขียนไว้จริงๆด้วย  พี่เอลวินมองดูผมอย่างชั่งใจ แล้วก็ถามผม

     

    ทำไมแกถึงช่วยหล่อน  แกรู้ไหมว่าถ้าหล่อนเห็นหน้าแกล่ะก็ ชีวิตของแกจบแน่ๆ....

     

    คำถามของพี่ทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก  พี่เอลวินส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย แล้วก็เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างต่อ  แต่แล้ว....

     

    เพล้ง!!!!

     

    เสียงแก้วแตกดังขึ้นมาจากข้างในห้องผู้ป่วย  ผมกับพี่จึงรีบวิ่งเข้าไปในห้อง  เศษแก้วน้ำเปล่าแตกกระจายไปทั่วพื้น  และที่บนเตียงลินดากำลังนั่งอยู่ด้วยสายตาที่ดูเหม่อลอย 

     

    พี่เอลวินใช้เท้าเขี่ยเศษแก้วออกแล้วก็เดินเข้าไปหาเธอ  ลินดาหันหน้ามามองเขาด้วยสายตาที่ดูสงสัย  พี่จึงยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เธอ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ

     

    รู้สึกยังไงบ้างครับ  

     

    ลินดาเอียงคอเล็กน้อย

     

    รู้สึก...มันคืออะไรเหรอคะ? ”

     

    พี่เกิดอาการตกใจเล็กน้อย แล้วก็หยิบส้มที่อยู่ที่โต๊ะข้างเตียงขึ้นมายื่นให้ลินดา

     

    นี่อะไรครับ...

     

    ลินดามองมันสักพักแล้วก็ส่ายหน้าช้าๆ 

     

    ไม่รู้คะ...

     

    พี่เอลวินรีบเดินเข้ามาหาผมแล้วก็ลากผมไปที่ข้างประตู สีหน้าของเขาดูวิตกกังวลมาก  แม้ผมจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ...

     

    อลัน...ผู้หญิงคนนั้นความจำเสื่อม...

     

    ในตอนนั้นผมแทบจะไม่เชื่อหูของตน  ผมแกล้งหัวเราะเบาๆ

     

    อย่าล้อเล่นสิพี่ มุกนี้ไม่ขำนะ

     

    แต่สีหน้าของพี่นั่นดูจริงจังเกินกว่าจะล้อเล่น  รอยยิ้มของผมค่อยๆจางหายไป แล้วผมถามพี่อย่างร้อนใจ

     

    ละ...แล้วทำไมลินดาถึงความจำเสื่อมล่ะ!? ”

     

    พี่ลูบคางของตนช้าๆ  แล้วก็ค่อยๆอธิบาย

     

    ดูเหมือนนี่จะเป็นกลไกของร่างกาย ที่ไม่ให้เธอเสียสติจากการตกใจสุดขีด...โดยร่างกายจะปิดกั้นความจำไว้ในส่วนลึกสุดของสมอง  แล้วจะการสร้างความจำใหม่ขึ้นมา โดยเหลือความทรงจำถาวร เช่น ภาษาและบุคลิกเอาไว้...ส่วนความทรงจำอื่นๆที่เกิดจากการเรียนรู้เมื่อสมองโตเต็มที่จะหายไป....เธอจึงสามารถพูดจาได้ แต่ไม่รู้จักส้ม...

     

    ผมแทบจะเป็นบ้าไป  นี่ผมทำให้คนที่ผมรักกลายเป็นแบบนี้...กลายเป็นคนความจำเสื่อม  ผมทำอะไรลงไป...

     

    เอ่อ...ขอโทษนะคะ

     

    ลินดาพูดขึ้น  ผมกับพี่จึงหันหน้าไปที่เธอ  ลินดาค่อยๆห้อยขาลงมาจากเตียงแล้วก็มองมาที่พวกเรา

     

    พวกคุณเป็นใคร...ละ...แล้ว

     

    ลินดาเอามือกุมหัวของตน  น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากตาทั้งสองข้างของเธอ

     

    แล้ว...นี่ฉันเป็นใคร !!!

     

    คำพูดของเธอเป็นสิ่งที่ยืนยัน คำพูดของพี่อย่างชัดเจน.... เธอสูญเสียความทรงจำไปหมดแล้ว... ผมค่อยๆเดินเข้าไปหาเธออย่างช้าๆ  แล้วก็ยื่นมือไปจับมือของเธอไว้พร้อมกับลูบมันเพื่อปลอบใจเธอ  ลินดาเงยหน้าที่แดงและเต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมามองผม

     

    คุณคือ....

     

    ผมชื่อ อลัน ครับ  ผมเป็นคนที่จะดูแลคุณต่อจากนี้ไป...ส่วนคุณชื่อว่า.... แอชลี...

     

    ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นผมคิดอะไรอยู่ถึงได้โกหกเธอแบบนั้น  ดูเหมือนผมจะเห็นแก่ตัวมากๆ....ตอนนั้นผมคิดเพียงว่า ผมอยากจะอยู่ข้างเธอและดูแลเธอ เพื่อรับผิดชอบสิ่งที่ผมทำกับเธอ....พี่เอลวินมองอย่างไม่เห็นด้วย  แต่ในตอนนี้ผมไม่สนใจแล้ว  เพราะ...ผมไม่อาจจะหันหลังกลับได้อีกต่อไปแล้ว...แม้มันจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดก็ตาม...

     

    มือของเธออุ่นดีจังเลยนะ อลัน  


    .........................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×