คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ด้ายแดงแห่งพรมลิขิต
“ไอดินดูสภาพแกสิ ไปฟัดกับหมาที่ไหนมา” ดูไอ้แยมมันทักฉันสิค่ะ
“แถวสนามฟุตบอลมั่ง”
“แล้วชนะหรือแพ้ล่ะ”
“แพ้....โธ่ไอ้บ้าฉันไม่ใช่หมานะ”
“จ้าไม่ถามก็ได้ แล้วหมาตัวนั้นไปไหนซะล่ะ?”
“ไปทำแผลที่โรงพยาบาลมั่ง เฮ้ย...แยมก็บอกแล้วไงฉันไม่ใช่...”
“หมา ... โอเคๆไม่พูดก็ไม่พูด”
“ว่าแต่ว่าแกแน่ใจหรอที่จะเรียนทั้งสภาพแบบนี้”
“แน่ใจสิ ... หรือว่าแกรังเกลียด”
“เปล่า...แต่กลิ่นมาดามของแกมันหอมชื้นใจไปหน่อย”
“ว่าแต่ไหนแกบอกว่าแพทจะมาไง” ฉันพูดจบก็หยิบหนังสือนิยายออกมาอ่านเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอครูเข้าสอน
“นั่นสิ...นี่ก็จะหมดวันอยู่แล้ว”
“ไอดินนนนนนนน แยมมมมมมม”
“อ้าวแพท...ทำไมไม่มาซะปีหน้าเลยละ”
“โทษทีแยม พอดีเค้ารอเพื่อนอยู่น่ะ เฮ้ยไอ้ฟ้านี่แยมกับไอดิน ไอดิน แยม นี่สายฟ้าเพื่อนชั้นเอง”
เพื่อนของแพทค่อยๆเดินก้าวเข้ามาในห้องพร้อมๆกับฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้า.....
“นาย!!! OoO”
“เธอ!!!O-O”
เราต่างชี้หน้ากันราวกับมีความแค้นใหญ่หลวง
“นี่พวกแกสองคนรู้จักกันแล้วหรอ?”
ซุ้มข้างสนามฟุตบอล
“อ๋อ!!!เรื่องมันเป็นอย่างนี้เอง”
“สายฟ้าแกผิดเต็มๆเลยขอโทษไอดินซะ”
“ไม่”
“ก็แกไปข้ามเค้ายังงั้นมันผิดนะโว้ย”
“งั้นขอโทษก็ได้”
ขอโทษก็ได้ งั้นหรอ ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่ต้องทำก็ได้โว้ยยยย
“ไม่จำเป็น ถ้าคำขอโทษใช้ได้ผลละก็ ตำรวจจะมีไว้ทำไม!!”
“มีไว้จับคนบ้าอย่างเธอไง”
~กรี๊ดดดดดดด~ ไอ้......... ตืด(เซ็นเซอร์เดี๋ยวไม่ผ่านการตีพิมพ์)
“ไว้จับคนไม่มีมารยาทอย่างนายมากกว่า” เอาสิเถียงมาสิ คนอย่างไอดินไม่กลัวอยู่แล้ว
“เธอว่าใครไม่มีมารยาทห๊าาาาา”
“ไม่รู้สิ ใครอยากจะรับก็รับไป”
“นี่เธอ!!ฉันชักจะหมดความอดทนแล้วนะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ย่ะ
“ฮึ่ม! ความอดทนของนายเพิ่งจะหมดหรอ ฉันหมดตั่งแต่เห็นหน้านายตอนเช้าแล้ว เอาเถอะฉันไม่อยากคุยกับนายอีกต่อไปแล้ว”
“พูดยังกับฉันอยากอย่างนั้นแหละ”
“พอเถอะๆไอดิน” แยมปรามเราสองคนให้เลิกทะเลากัน ฉันจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเพื่อระงับความโกรธ ไม่อย่างนั้นฉันคงลุกขึ้นไปบีบคอสายฟ้าตายคาทีแน่ๆ
“แพทนี่แกจะบอกได้รึยังว่าวันนี้แกมาโรงเรียนทำไม”
“อ๋อ...คือเรากับสายฟ้าว่าจะตั้งวงดนตรีไปแข่งในโครงการCool wave music award ก็เลยจะมาชวนไกด์กับน้ำแข็ง ร่วมวงด้วย ว่าแต่พวกเธอเห็นไกด์มั่งไหม?”
“ไอ้ไกด์น่ะหรอ...นั่งหม้อเด็กอยู่โรงอาหารมั่ง”
“แยมแกพาไปหาไกด์หน่อยสิ...บอกตามตรงชั้นไม่ค่อยชินกับการถูกมองสักเท่าไหร่ ตั่งแต่เดินเข้ามาแล้วนะมีแต่คนมอง”
“หลงตัวเองชะมัด คนอื่นเค้ามองสายฟ้าต่างหาก อย่างแกเค้าไม่มองกันหรอก จริงไหมสายฟ้า? ~”
“อืมมม”
ช่างตอบได้ตรงคำถามเสียจริงๆไอ้หมอนี่
“สายฟ้า แกจะไปด้วยหรือจะรออยู่ที่นี่ก่อน”
“รออยู่ที่นี่ดีกว่า แกก็รู้นี่แพทว่าฉันไม่ชอบที่ๆคนเยอะ”
“ก็ตามใจแกละกัน ไอดิน.....แพทฝากไอ้ฟ้าไว้ด้วยนะเดี๋ยวมา อย่าทะเลาะกันล่ะ”
“จ้าแต่ไม่รับปากนะ”
“สายฟ้า” หมอนั่นก็ยังนั่งเฉย
“สายฟ้า” ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก
“สายฟ้า!!!” ผึ่ง...เส้นความอดทนฉันขาดลงทันที
ฉันลุกไปกระชากหูฟังออกจากหูสายฟ้าทันที
“ยัยบ้านี่เธอทำอะไรนี่!!”
“ก็ฉันเรียกนายตั่งหลายครั้งแล้วไม่ได้ยินเลยรึไง?”
“แล้วมีอะไรล่ะ?”
“ก็แยมกับแพทนะสิยังไม่มาสักที”
“นี่เธอรอคนอื่นไม่เป็นเลยหรือไง?”
ฉันกำลังอ้าปากจะเถียง
“ซู่ว~เงียบเถอะน่า วันนี้ฉันฟังเธอบ่นมานานแล้วขออยู่เงียบๆบ้าง”
สายฟ้าเอามือที่ปิดปากฉันออก แล้วหยิบหูฟังข้างซ้ายมาใส่ที่หูฉัน ในขณะอีกข้างยังอยู่ที่หูเขา
“เค้าบอกกันว่าเพลงสามารถจรรโลงจิตใจคนให้สูงขึ้นและยังช่วยคลายความกังวลได้อีกด้วย”
“หนังสือต่างหากล่ะ ไม่ใช่เพลง เพลงน่ะหนวกหูจะตาย แต่เอ๊ะนี่นายว่าฉันหรอ?”
“เปล่าไม่ได้ว่า แต่เพลงก็ด้วยนะ ไม่เชื่อเธอลองฟังดูสิ”
สายฟ้ากดเพลย์ที่ไอพอต์ แล้วเพลงก็เริ่มบรรเลง
~ When I fall in love with you. Anything is out of the blue .In the dark night
There’ll be sunlight.And you’ll be the destiny that I’m going to.When I fall in love with you.Wishing dream is forever true.Having you right here, face to face
Let nobody else comes between me and you.When I fall in love
. ~
“When I fall in love” สายฟ้าร้องคลอกับเพลง
“นายชอบเพลงนี้หรอ?”
“ก็ไม่เชิง ฟังแล้วทำให้นึกถึงความทรงจำในวัยเด็ก”
“รักครั้งแรกล่ะสิ”
“อืม...ก็คงงั้น”
“แล้วนายยังคบกับเธออยู่รึเปล่า?”
“เราไม่เคยคบกัน”
“อ้าววว....ก็ไหนบอกว่าเป็นรักครั้งแรก”
“ใช่ เค้าเป็นรักครั้งแรก แม้เจอกันแค่ไม่นาน แต่ก็อยากจะปกป้อง อยากจะดูแล สุดท้ายก็ทำไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?”
“เส้นทางของเราสวนทางกัน วันที่เราพบกันเป็นวันที่ฉันต้องกลับไปอยู่ไต้หวันกับพ่อ แต่ฉันก็ไม่เสียใจหรอกนะเพราะฉันเชื่อว่าจะต้องได้พบกันอีกแน่”
“แล้วพวกนายจะจำกันได้หรอ?”
“ไม่รู้สิ...ถึงจำกันไม่ได้สุดท้ายก็ต้องจำกันได้ เพราะเราสองคนมีด้ายแดง”
“???”
“เค้าเรียกว่าด้ายแดงแห่งพรมลิขิต เป็นความเชื่อของชาวจีน ที่เชื่อว่าพระเจ้าส่งเรามาเกิดเป็นคู่ๆโดยแต่ล่ะคู่จะมีด้ายแดงผูกที่นิ้วก้อย เจ้าของด้ายแดงจะตามหาซึ่งกันและกันจนเจอกันในสักวัน”
“ฟังดูน่าอิจฉา”
“????”
“ก็นายยังรู้ว่าเจ้าของด้ายแดงเป็นใคร แต่ฉันนะสิไม่รู้จะเจอใครคนนั้นเมื่อไหร่”
“เอาน่า ถ้าเหนื่อยก็ขึ้นไปพักบนคานก็ได้”
“บ้าจริง...ไม่คุยด้วยแล้ว” จริงๆเลยนายคนนี้พูดดีได้ไม่เกินห้านาทีก็กวนอีกแล้ว
ด้ายแดงแห่งพรมลิขิต?? งั้นหรอ...
หรือว่าด้ายของฉันมันจะขาดไปแล้วทำให้ไม่เจอใครคนนั้นเสียที...
ชักเหนื่อยแล้วสิ...แต่เหนื่อยยังไงก็จะไม่ขึ้นไปนอนบนคานเด็ดขาด...ไฟท์ติ้ง
และ แล้ว เส้นทางที่เคยสวนทางก็เวียนมาบรรจบ
ด้ายแดงที่เคยยาวกับหดสั้นลงทำให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกันอีกครั้ง
แม้จะจำกันไม่ได้ แต่สักวันอนุภาพของด้ายแดงจะต้องปรากฏ....
ความคิดเห็น