คงรู้จักกันดีนะครับ เจมส์ บอนด์ หรือสายลับผู้ใช้รหัสประจำตัว 007 ที่ฮอลลีวูดนำมาสร้างเป็นหนังแอ็กชั่นโด่งดังไปทั่วโลก โดยมีดาราซุปเปอร์สตาร์เปลี่ยนหน้ากันเข้ามารับบทบาทสายลับผู้นี้กันหลายคนแล้ว นับตั้งแต่คนแรกคือ ฌอน คอนเนอรี จนถึงคนล่าสุดในภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งผู้สวมบท 007 ได้แก่ ดาเนียล เครก
แต่ก่อนที่เราจะสาธยายถึงความแตกต่างของซุปเปอร์สตาร์แต่ละคนกับบทบาทเจมส์ บอนด์ มาอ่านประวัติความเป็นมาของสายลับผู้นี้กันนิดหน่อยนะครับ
ผู้ให้กำเนิดเจมส์ บอนด์ ก็คือ เอียน เฟลมมิ่ง นักประพันธ์อังกฤษผู้เกิดในวันที่ 28 พฤษภาคม ค.ศ. 1908 และถึงแก่กรรมไปเมื่อ 12 สิงหาคม 1964 เขาเคยเป็นทั้งนักข่าว นักค้าหุ้นและสายลับแห่งราชนาวีอังกฤษ และหน้าที่นี้เองที่ทำให้เฟลมมิ่งนำเอาประสบการณ์ มาเขียนเป็นนิยายสายลับได้อย่างน่าตื่นเต้นสมจริงรวมถึง 13 ตอนด้วยกัน โดยเฉพาะตอน From Russia with Love ที่สร้างชื่อให้เฟลมมิ่งอย่างยิ่งนั้นก็มาจากสิ่งที่เขาผ่านพบ เมื่อครั้งไปทำหน้าที่สปายของอังกฤษในรัสเซียนั่นเอง
ตามท้องเรื่องในบทประพันธ์ เจมส์ บอนด์ 007 นั้น อันที่จริงยอดสายลับผู้นี้มิใช่พระเอกประเภทบู๊ระห่ำดุเดือดเก่งกาจหรอกครับ ฝีมือการต่อสู้นั้นพอประมาณ หากทว่าออกจะมีรสนิยมค่อนข้างคลาสสิก บริโภค
อาหารดีๆ ไวน์ชั้นเยี่ยม รู้จักเลือกฟังดนตรีมีระดับ ฉลาดและมีอารมณ์ขัน แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ แพ้ความงามของสาวสวยรวยเสน่ห์
ว่าไปแล้วบุคลิกของบอนด์นั้นไม่ค่อยตรงกับผู้สวมบทในภาพยนตร์คนแรกคือ ฌอน คอนเนอรี เท่าใดนัก เพราะคอนเนอรี ออกจะมีมาด “ชายชาตรี” เกินไป แต่ผู้ประพันธ์คือเฟลมมิ่งก็มิได้ท้วงติงมากนัก ด้วยเหตุ
ว่าหนังสายลับ 007 เรื่องแรกคือ “ดร.โน” นั้นสร้างความเกรียวกราวไปทั่วโลกและทำรายได้อย่างน่าพึงพอใจ จนทำให้คอน-เนอรี ผูกขาดบทบาทเจมส์ บอนด์ อยู่นาน ตั้งแต่ ค.ศ. 1962 จนถึง 1967 เรื่องดังๆมี
Gold Finger, You Only Live Twice, Thunderball จากนั้น คอนเนอรีก็เริ่มเบื่อหน่ายกับบทบาทเดิมๆ ที่เกือบจะเป็นสัญลักษณ์ ของเขาไปแล้ว จึงหยุดพักการแสดงเป็นสายลับ 007 ไปหลายปี แล้วกลับคืนมาสวมบท 007 อีกครั้งหนึ่งใน ค.ศ.1971 ด้วยเรื่อง Diamonds Are Forever
ในช่วงที่ฌอน คอนเนอรี หยุดพักไปนั้นก็ได้เกิดเจมส์ บอนด์ ใหม่ขึ้นมา 2 คน รายแรกได้แก่ จอร์จ ลาเซนบี แต่เข้ามาสวมบท 007 ในปี 1969 ได้
เพียงเรื่องเดียวคือ On Her Majesty's Secret Service แล้วก็หายหน้าหายตาไปเลย คงเกิดจากความไม่สามารถเทียบเคียงกับคอนเนอรีเจ้าเก่าได้
นั่นเอง เพราะผู้ที่จะมาทาบต้องจัดเป็นซุปเปอร์สตาร์รุ่นเดอะเท่านั้น
ฮอลลีวูดมองไปมองมาว่าจะเอาใครมาเป็น 007 ดี แล้วก็เลยตัดสินใจคว้าดาราเจ้าบทบาท โรเจอร์ มัวร์ มาสวมบท ซึ่งก็ไม่ผิดหวังครับ เพราะ
มัวร์นั้นมีลีลาขี้เล่น ไม่เหี้ยมหาญเกินไป ดูแล้วออกจะตรงกับเจมส์ บอนด์ ในบทประพันธ์มากกว่าคอนเนอร์ด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุนี้มัวร์จึง
ครองบทบาท 007 ได้นานกว่าใครๆ คือ ตั้งแต่ ค.ศ. 1979 จนถึง 1985 โน่น เรื่องดังๆ มีอาทิ The Spy Who Love Me, Moonraker, Octopussy ฯลฯ
แล้วก็ถึงยุคของเจมส์ บอนด์ เจ้าใหม่ คือ ทิโมธี ดาลตัน ผู้เข้ามารับทอดต่อใน ค.ศ. 1987 ด้วยเรื่อง The Living Daylights แต่นัยว่าสายลับ
007 รายนี้มีบุคลิกไม่ “นิ่ง” พอ ดังนั้นจึงเข้ามาได้แค่ 2 เรื่องเท่านั้น
ต่อจากนั้นก็หาผู้ที่เหมาะสมมาสวมบทบอนด์อีกไม่ได้ เนิ่นนาน กระทั่งล่วงเข้าปี ค.ศ. 1995 เพียร์ซ บรอสนัน จึงขันอาสาเข้ามารับแสดงเป็น 007 รายใหม่ใน Golden Eye ซึ่งก็มีแฟนหนังให้การต้อนรับในทันที
บรอสนันก็เลยครอบครองบทบาท เจมส์ บอนด์ อยู่ถึง 7 ปี หากทว่าก็อีกนั่นแหละ บางคนหาว่า 007 เจ้านี้ดีแต่ใช้เวลาอยู่ในอ่างสปามากกว่าจะเป็นสปาย เขาจึงต้องบ๋ายบายไปในปี 2002 หลังจากรับบท 007 ใน Die Another Day
และแล้วก็มาถึงเจมส์ บอนด์ คนใหม่เอี่ยมล่าสุด ดาเนียล เครก วัย 38 ผู้ผ่านการแสดงในภาพยนตร์มีระดับมากกว่า 30 เรื่อง เช่น คู่กับดาราหญิงยอดนิยม กวีนเนต พัลโธรว ใน “ซิล เวีย” หรือเป็นนักฆ่าลอบสังหารใน “มิวนิก”
ความจริงเมื่อผู้สร้างต้องการหาเจมส์ บอนด์ เจ้าใหม่นั้น มี
ผู้อยู่ในข่ายหลายคน รวมทั้งซุปเปอร์สตาร์ โคลิน ฟาร์เรลล์, ลีโอ�นาร์โด ดิ คาปริโอ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือก
เครก ทั้งๆที่เครกมีผมสีบลอนด์ และเท่าที่ผ่านมาไม่มี 007 คนใดมีผมสีนี้ หากทว่าด้วยเหตุที่เครกมีบุคลิกห้าวหาญดุ
ดันเข้มแข็ง สมกับสายลับยุคใหม่ที่ต้องเผชิญกับความรุนแรงของผู้ก่อการร้าย นอกจากนี้ เขายังได้รับการยกย่อง
จากนิตยสาร Esquire ให้เป็นนักแสดงที่แต่งกายยอดเยี่ยมแห่งปี 2006 เขาจึงเหมาะสมทุกประการที่จะรับบทเจมส์ บอนด์ 007 เจ้าใหม่นี้
และผู้สร้างก็ไม่ผิดหวังครับ เพราะทุกคนที่มีโอกาสได้ชมล่วงหน้า ก่อนออกฉาย ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียว
กันว่า ดาเนียล เครก เป็นเจมส์ บอนด์ ที่เจ๋งที่สุดที่เคยมีมา และเครกก็ได้รับมอบหมายให้รับบท 007 ในภาคต่อไปคืออันดับที่ 22
สำหรับหนัง Casino Royale ที่จะเข้าฉายนี้ ทั่นผู้ชมจะได้เต็มอิ่มกับฉากแอ็กชั่นที่มันดุเดือดตลอดทั้งเรื่อง รวมทั้งได้เห็นภาพสถานที่อันน่าตื่นตาตื่นใจทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบ่อนกาสิโนอันโอ่อ่า โบราณสถานอันเก่าแก่แห่งกรุงปราก, โบฮีเมีย วิลลางามๆ ริมทะเลสาบในอิตาลี ตลอดจนทิวทัศน์ธรรมชาติของหมู่เกาะบาฮามาส์ ฯลฯ
จึงพลาดชมไม่ได้ด้วยประการทั้งปวงครับ.
จาก www.thairath.com |
ความคิดเห็น