ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Page 5 : Place
คุณอาจจะเข้ามาในชีวิตเราเพียงเพื่อบอกว่าที่นี่สวยมาก
ฟังดูก็เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ใครจะรู้ว่าในทุกครั้งที่เรามาที่นี่
เรากลับคิดถึงแต่คุณ
หลังจากถ่ายคลิปเรียบร้อยเราก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิมก็คือเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกระโปรงพลีทสีน้ำตาลอ่อน
"จะกลับแล้วเหรอพี่เมล"เปาถามทำให้เราพยักหน้ารับ "พอดีพี่ว่าจะไปทำธุระต่อนะ"
"อย่าลืมนะพี่คืนนี้เรามีนัดกัน"เขาพูดทำให้เราพยักหน้ารับ "พี่ไม่ลืมหรอกหน่า แล้วเจอกันนะ"เราพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปกดลิฟต์
เปาหรือเปาวฤทธิ์ ดีกรีเดือนคณะแพทยศาสตร์มหาลัยชื่อดังอีกคนที่ชอบทำหน้าตานิ่งๆ โลกส่วนตัวสูงแต่กลับกันเขานะเป็นคนที่ชอบเที่ยวกลางคืนคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
เรียกได้ว่ามีผับที่ไหนมีเขาที่นั่นจนบางครั้งเราก็แอบสงสัยว่าเขาเอาเวลาไหนไปเรียนกันแน่...
ติ้ง!
"ชั้นหนึ่งค่ะ"
"อ้าวพี่เมลจะกลับแล้วเหรอ"ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดอกพร้อมกับเราที่ก้าวออกมาก็สบสายตากับร่างของมิกเซอร์ที่ลงบันไดมาพอดิบพอดี เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมท่ากับกางเกงผ้าสีดำดูเข้ากันอย่างน่าประหลาดพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่เขาส่งมาจนทำให้เราเผลอยิ้มตามทุกครั้งไป
"ค่ะ พี่จะกลับแล้วมีธุระนะ"เราพูดทำให้เราพยักหน้ารับ "งั้นพี่จะไปไหนอะ เผื่อว่าไปทางเดียวกัน"เขาถามต่อทำให้เรานิ่งไปสักพัก "หอสมุดนะ"
หวังว่าเราจะไปกันคนละทางนะ เพราะเราไม่อยากจะ...
"บังเอิญจัง ผมว่าก็จะไปอ่านหนังสือที่นั่นพอดี..."
แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะไม่เข้าใจเหตุไฉนถึงอยากให้เราไปไหนต่อไหนกับเขาก็ไม่รู้
"งั้นไปด้วยกันไหมครับ"ดวงตาใสแป๋วราวกับลูกหมาโกลเด้นท์ตัวโตที่มองมาก็ทำให้เราใจอ่อนอีกจนได้ "ไปสิ..."เราตอบกลับไปจนเขาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะมาดึงแก้มเรา
"ปล่อยนะ"
อะไรกัน เราเจ็บนะทำไมทุกคนถึงชอบแกล้งเราด้วยอะ
"ทำไมวันนี้ยอมง่ายจัง"
"ก็ไม่มีอะไร แค่ไม่ต้องเสียเงินเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย"
"ผมก็ไม่ว่าอะไร ทำไมพี่ต้องร้อนตัวด้วยอะ"
"ใครร้อนเปล่าซะหน่อย"แค่พูดกันเอาไว้เผื่อว่าใครบางคนจะเผลอคิดอะไรนะสิ
อย่าคิดนะว่าเราไม่รู้ แค่มองสายตาของคุณเราก็รู้หมดแหละ
แค่ไม่พูดออกมาเท่านั้น
"พี่อยากฟังเพลงอะไรไหม"เขาเอ่ยถามตอนที่ขึ้นรถไปพร้อมกับส่งโทรศัพท์มาให้ "ไม่อยากฟัง"
"โห่! พี่อะ ไม่มีอารมณ์ศิลปินเลย"มิกซ์พูดทำให้เราถอนหายใจก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดมาพิมพ์ชื่อเพลงที่ชอบฟังในช่วงนี้ไป
"พี่ชอบวงนี้เหรอ"
"ค่ะ พี่ชอบแนวเพลงแบบนี้"แนวเพลงยุคแปดศูนย์ เก้าศูนย์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเฟรนด์โซนอะไรทำนองนี้ "ผมก็ชอบนะ"
"ชอบอะไร"เราแกล้งถามเขาอึกอักเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบ "ก็ชอบเพลงไง พี่คิดไร"
"เปล่าซะหน่อย"เราปฏิเสธก่อนเขาจะชวนคุยถึงเรื่องคลิปเต้นที่ถ่ายกันตอนช่วงเช้าว่าดูสิยอดวิวเยอะมากเลยอะไรทำนองนี้ เราก็เออออห่อหมกไปด้วยหน่อย
"พี่จะไปอ่านชั้นไหนเหรอครับ"เขาถามเมื่อวนหาที่จอดรถเสร็จสรรพพร้อมกับรีบสาวเท้าเดินมาข้างๆ "พี่ไม่ได้มาอ่าน แค่มาถ่ายรูปเฉยๆ "
"ตรงไหนอะ ผมถ่ายให้ไหม"เขาพูดด้วยท่าทีกระตือรือร้น "ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่อยากรบกวนเวลาอ่านหนังสือของเรานะคะ"
"ไม่หรอกครับ เดี๋ยวผมถ่ายให้ก็ได้ ผมรู้มุมสวยๆ ของพี่นะ อย่าลืมสิ"มิกซ์พูดพร้อมกับชักแม่น้ำทั้งห้าออกมาก็ทำให้เรายิ่งปฏิเสธไม่ลงกับการพยายามเสนอตัวอย่างไม่เนียนของเขา "งั้นก็ตามใจ ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันก็อย่างอแงละกัน"เราพูดก่อนจะหยิบสมุดอัลบั้มรูปออกมาพร้อมกับเริ่มดูมุมที่จะถ่ายรูปภาพว่ามีจุดไหนบ้าง
ตอนแรกก็ว่าจะถ่ายแค่รูปภาพในอดีตที่ซ้อนทับกับปัจจุบันแต่พอเห็นท่าทางแบบนั้นเราก็เลยคิดว่าจะถ่ายแบบใหม่
ถ่ายรูปเราในสถานที่เก่าๆ พร้อมกับเว้นช่องว่างเอาไว้เผื่อว่าใครบางคนจะมายืนในที่ที่เราเคยอยู่
แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
เราส่ายหัวเล็กน้อยใส่ความคิดที่เกิดขึ้นภายในหัวสมอง ก่อนเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับมิกเซอร์ที่กำลังยืนอยู่ข้างกัน ใบหน้าขาวสะอาดมองไปที่รูปภาพก่อนจะเอ่ยถามออกมา"ใครอะหล่อใช้ได้เลยนะ"
"แฟนพี่นะ"เราตอบพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ส่งให้มิกเซอร์ที่ทำหน้างุนงง "อ้าวแล้วทำไมผมไม่เคยเห็นแฟนพี่เลยอะ"จะไปเห็นได้ยังไงกัน ก็แฟนพี่น่ะ "เขาเสียไปตั้งนานแล้ว"ถ้าเคยเห็นก็คงแปลกมากแล้ว "อา ผมขอโทษนะครับ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"มันผ่านมาตั้งหลายปีแล้วนี่ "แล้วผู้ชายอีกคนนี่พี่เหรอ"เขาถามต่อทำให้เราพยักหน้ารับ "หล่อใช่เล่นเลยนะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเมื่อก่อนพี่เป็นดาวเทียมอะ"คำพูดของเขาทำให้เราหลุดยิ้มดาวเทียมที่ไหนกัน สมัยนั้นพวกเราหรือกลุ่มความหลากหลายทางเพศยังไม่ได้มีจุดยืนอะไรที่ชัดเจนมั่นคงขนาดนั้น
"ไม่ใช่หรอก พี่เป็นเดือนนะ"
"ดีนะพี่เกิดก่อนอะ ถ้าเกิดทีหลังผมคงไม่ได้เกิดแน่ๆ "เขาพูดบ่นพึมพำก่อนเราจะบอกว่าให้ถ่ายเราโดยเว้นที่ว่างเอาไว้
ตอนนั้นเราจำได้เลย เรามาอ่านหนังสือกับกลุ่มเพื่อนเพื่อทำงานกลุ่มในสมัยตอนปีหนึ่งที่อินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายก็มีหนังสือเท่านั้นที่เป็นตัวช่วยชั้นดีโดยมีรพีมานั่งเฝ้าด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่นัก พอทำเสร็จอะไรเสร็จเพื่อนของเราก็เลยจัดการจับเราสองคนมาถ่ายรูปคู่ด้วยกันด้วยเหตุผลที่ว่า
'คนเป็นแฟนกันก็ต้องมีรูปคู่กันสิ'
และด้วยความที่เราเป็นคนขี้อายทั้งคู่ผลมันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น
ภาพของผู้ชายสองคนที่ยิ้มเจื่อนจนเกร็งยืนอยู่คนละฟากสองรูปถ้าไม่บอกว่าเป็นแฟนอาจจะคิดว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกันก็ว่าได้โดยมีฉากหลังเป็นหน้าตึกของหอสมุดสีขาว
ภาพถัดมาถ่ายตอนปีสองโดยวันนั้นเรามาอ่านหนังสือติวสอบกันสองคนแล้วไม่รู้นึกยังไงถึงไปไหว้วานคนแถวนั้นมาถ่ายรูปให้ซึ่งภาพนี้ก็ดีหน่อยตรงที่เราเลิกเคอะเขินกันยืนอยู่ข้างกันโดยมีรพีโอบกอดเราไว้ส่วนภาพพื้นหลังเป็นฉากเดียวกันกับภาพแรก
และภาพสุดท้ายเราถ่ายกันตอนปีสามส่วนเหตุผลที่มาก็คงเป็นแค่อยากมาถ่ายด้วยกันอีกครั้งที่นี่และก็เขาก็บอกเองว่าอยากมาถ่ายรูปกับเราที่นี่ทุกปี
และนี่ก็เป็นภาพสุดท้ายที่เราถ่ายด้วยกัน
แชะ!
น่าเสียดายที่ตอนจบปีสี่คุณเข้าโรงพยาบาลไปซะก่อนไม่งั้นเราคงได้มาถ่ายรูปกันแล้ว..
และในทุกครั้งที่มาไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณเรียนสถาปัตฯ หรือเปล่าแต่ในทุกครั้งที่มาคุณมักจะเอ่ยชมถึงอาคารและตึกของที่นี่ว่าสวยสดงดงามเพียงใด เราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอกแต่เราชอบนะเวลาคุณพูดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณชอบแบบนี้
สายตาที่เป็นประกาย ริมฝีปากที่คอยขยับอธิบายให้เราเข้าใจไปพร้อมกับเธอและฝ่ามืออบอุ่นคอยกอบกุมเราไว้ไม่ห่างไปไหน
แชะ!
และกลิ่นดอกมะลิอ่อนๆ ที่มักจะติดตัวคุณทุกครั้งยามเราพบเจอ คุณบอกว่าคุณปลูกมันไว้ที่หน้าบ้านพอเดินออกก็คงติดตัวมาไม่มากก็น้อย เราเคยบอกว่าเราอยากปลูกมันแต่ก็ต้องล้มเลิกไป
เพราะเรารู้ว่าหากปลูกแล้วออกดอกส่งกลิ่นหอมมามันจะทำให้เรานึกถึงคุณ
เหมือนเช่นตอนนี้...
เราปล่อยความคิดไปกับกลิ่นดอกมะลิในห้วงความทรงจำ ดื่มด่ำกับเสียงของคุณในวันวานก่อนลืมตาออกมาราวกับถูกภาพเก่าซ้อนทับตรงนั้นจนเห็นภาพของคุณที่เลือนราง
"พี่เมลครับ"
น่าตลกจริงๆ นี่เราคิดถึงคุณจนเห็นภาพเป็นตุเป็นตะขนาดนี้เลยเหรอก่อนริมฝีปากของเขาจะเอ่ยอะไรออกมา
"พี่เมล"เสียงของมิกซ์ก็ดึงเราออกจากภวังค์พร้อมกับใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยจนเราเบิกตากว้าง "พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายจนเราส่ายหน้า "พี่ไม่เป็นไร ไหนรูปล่ะ"
"ไม่เป็นไรแน่นะครับ"เขาถามย้ำทำให้เราพยักหน้ารับก่อนเขาจะให้ดูรูปเมื่อทำอะไรเสร็จสรรพแล้วเราก็เตรียมตัวกลับบ้านโดยมีมิกเซอร์ไปส่งอีกเช่นเคย
ส่วนเหตุผลนะเหรอ ฟังยังไงก็ไม่ขึ้นหรอกแค่ที่มากับเขาก็เหตุผลเดิมนั่นแหละก็คือประหยัดเงิน ไม่ได้มีอะไรเกินเลยแม้แต่น้อย
"ขอบคุณนะคะ ขับกลับบ้านดีๆ ล่ะ"เราพูดตอนที่เขาขับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว "เป็นห่วงผมอะดิ"เขาพูดทำให้เราส่ายหน้า "เปล่าหรอก กลัวรถพังยิ่งแพงๆ อยู่"พูดไปงั้นแหละค่ะ ยิ่งเห็นใบหน้างอนๆ ของเขา เราก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเผลอลูบหัวเขาไปหนึ่งที "ก็เป็นห่วงนะสิ ไม่ห่วงแล้วจะพูดไหมเล่า"พูดจบก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับโบกมือลาก่อนเขาจะอมยิ้มแล้วขับรถออกไป "ยังไงครับเนี่ย จากคู่จิ้นจะเป็นคู่จริงป่ะ"
"มั่วแล้ว"เราตอบสมอล์ที่ทำเสียงล้อเลียนก่อนสายตาจะเหลือบเห็นรอยสักตรงข้อมือ "ไปสักมาเหรอ"เราพูดพร้อมกับจับข้อมือมาดูก็พบกับรอยสักรูปดอกกุหลาบสีแดงขนาดเล็กน่ารีกพร้อมกับกิ่งก้านราวกับเถาวัลย์ที่อยู่ล้อมรอบ
ไม่ว่าจะเป็นรอยสักอะไรแต่สำหรับสมอล
"อืม น่ารักป่ะ"
ทุกรอยสักย่อมที่มาและเป็นสีพาสเทลเสมอ
"น่ารัก"
"ผมเหรอ"สมอล์ถามทำให้เราอมยิ้มออกมา
"รอยสักต่างหากเล่า"เราตอบพร้อมกับสมอล์ที่เดินกระฟัดกระเฟียดนำหน้าเข้าบ้านไป
อะไรกัน! ทำไมเด็กสมัยนี้ชอบเล่นมุกนี้กันจังเลยนะ
หลังจากเดินเข้าบ้านไปกินข้าวเสร็จเราก็เดินขึ้นห้องนอนพร้อมกับเลือกภาพที่มิกเซอร์ถ่ายมาด้วยเพื่อลงอินสตาแกรมเหมือนทุกครั้ง
ติ้ง!
"เหมือนว่าง"เราบ่นพึมพำเมื่อลงภาพไปไม่ถึงหนึ่งนาทีมิกเซอร์ก็กดไลค์รูปภาพของผมเรียบร้อยก่อนอีกชั่วอึดใจจะมีไลค์ของคุณอีกคนเด้งเข้ามา
'P_Pran'
ชื่อไอจีที่เด่นหราไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน คุณคนนี้ก็เหมือนกับมิกเซอร์นั่นแหละที่ชอบไลค์เราเป็นคนแรกๆ เสมอ
ติ้ง!
P_pran : น่ารักอีกแล้ว
และเป็นคนแรกๆ ที่แสดงความคิดเห็นเช่นเดียวกัน
บางครั้งเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณเขาเป็นใครกันแน่แต่พอลองกดเข้าไปดูก็เหมือนกับทุกครั้งที่นอกจากรูปประจำตัวเป็นรูปนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกับผมที่ปรกหน้าแค่นั้นเราก็ไม่พบอะไรอีกเลย
ใช่...เขาตั้งไอจีไว้เป็นไพรเวท
เราหยุดความคิดเอาไว้แค่นั้นพร้อมกับปิดหน้าจอล้มตัวลงนอนเพื่อชาร์ตพลังงานเพราะในค่ำคืนนี้ต้องไปดื่มกับพวกเด็กๆ อีกจนได
ให้ตายสิ แล้วพรุ่งนีัจะได้เปิดร้านไหมเนี่ย'
เสียงนาฬิกาปลุกเราจากการหลับใหล เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูไปอาบน้ำก่อนออกมาเลือกเสื้อผ้าในตู้อย่างชั่งใจว่าจะใส่ตัวไหนดี
ชุดเดรสที่ใส่ทุกวันหรือชุดเดรสที่เคยใส่เมื่อนานมาแล้ว
คิดไปสักพักเราก็หยิบชุดเดรสเปิดไหล่สีชมพูอ่อนมาสวมใส่ ไปผับทั้งที่จะให้ใส่ชุดเดรสสีขาวเป็นแม่ชีก็กระไรอยู่
ชุดนี้ละกัน...
เรายืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกพร้อมกับแต่งหน้าเล็กน้อย มัดผมข้างหน้าหน่อยส่วนด้านหลังปล่อยยาวสยายพร้อมกับโบเล็กๆ ที่ถูกติดอยู่ตรงกลางหัว
"ไปไหนเนี่ยครับคนน่ารัก"เมื่อออกจากห้องก็เจอกับสมอล์ที่ยืนอยู่ เขาเอ่ยทักพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้น
"ไปเที่ยว"
"ให้ผมไปส่งไหมล่ะ"เขาพูดทำให้เราส่ายหัว "ไม่เอา เดี๋ยวผมยุ่ง"อุตส่าต์ทำตั้งนานจะให้นั่งมอเตอร์ไซต์ไปได้ยังไงกันเล่า
"ก็ยืมรถพี่ไปก่อนไงครับ พี่ว่าให้มอล์ไปส่งเถอะ"พี่ไมล์ที่เดินมากับพี่ดาวพูดขึ้นทำให้เราพยักหน้ารับ "ส่วนขากลับเดี๋ยวให้พี่ไมล์ไปรับ..."พี่ดาวเรืองพูดยังไม่ทันจะจบสมอล์ก็พูดแทรกขึ้นมา "เดี๋ยวผมรับพี่เมลกลับเอง แค่พี่ให้กุญแจมา"เขาพูดพร้อมกับแบมือตรงหน้าพร้อมกับอมยิ้ม
"มืดค่ำแล้วขับรถกันไปดีๆ นะครับ"พี่สไมล์พูดพร้อมกับส่งกุญแจให้ก่อนสมอล์จะแย่งกระเป๋าเราไปถือให้ ถ้าถามว่าทำไมเราไม่ขับไปเอง คำตอบก็คือ...
เราขับรถไม่เป็น ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซต์หรือรถใหญ่เราก็ขับไม่เป็นทั้งนั้น น่าขันทั้งที่มีรถเต็มบ้านขนาดนี้
แต่พอจะลองฝึกที่ไรทั้งพี่ไมล์ทั้งมอล์ก็ห้ามเอาไว้หมด
เฮ้อ! แบบนี้เวลาไปไหนเราถึงต้องพึ่งคนอื่นอยู่เรื่อยเลย
เกรงใจชะมัด...
"เบาหน่อยได้ไหมล่ะ"เสียงเพลงเมทัลแสบแก้วหูดังขึ้นจนเราต้องเอื้อมมือไปเบาเสียงก่อนจะอารมณ์เสีย "พี่อะไม่มีอารมณ์ศิลปินเลย"
"ก็พี่ไม่ชอบเพลงแนวนี้นี่"เราพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
่Mixxer : ผมจองโต๊ะแล้วนะ
xsmxll : โอเคเลยค่ะ
เราพิมพ์ตอบกลับไปก่อนจะนั่งมองนอกหน้าต่างไปเรื่อยเปื่อยจนถึงที่หมาย
"ถ้าเสร็จแล้วโทรหาผมนะครับ"
"แล้วมอล์จะไปไหนอะ"เราเอ่ยถาม
"อยู่ในนี้แหละ เผื่อพี่ไม่เห็นผมไง"เขาตอบพร้อมกับอมยิ้ม "แล้วเจอกันนะครับ พี่สเมล"
จะหิ้วใครไปโรงแรมอีกล่ะ..
เราคิดในใจพร้อมกับเปิดประตูรถลง วันนี้สมอล์แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขายาวรวมถึงใส่นาฬิกามาด้วยขนาดนี้
คงไม่ได้มาแค่ดื่มเฉยๆ หรอก
เราเดินเข้ามาพร้อมกับหยิบบัตรประชาชนให้เขาดูก่อนจะเดินเข้ามากวาดสายตาหามิกซ์ "พี่เมล"เสียงตะโกนแสนสดใสดังขึ้นมาทำให้เรายิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เขาราวกับที่ตรงนี้ถูกเว้นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
"วันนี้พี่น่ารักมากเลยนะครับ"แชมป์พูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ "วันนี้แชมป์ก็หล่อเหมือนกันแหละ"
"แล้วผมล่ะครับ พี่เมลผมหล่อไหม"เสียงงอแงดังมาจากมิกเซอร์ทำให้เราพยักหน้ารับ "หล่อสิ มิกซ์ของพี่หล่อทุกวันอยู่แล้ว"
"อะ แก้วพี่"เปาพูดพร้อมกับส่งแก้วที่มีน้ำสีอำอยู่ในนั้น "ขอบคุณค่ะ"เรารับแล้ววางเอาไว้พร้อมกับกวาดสายตามองผู้คนมากหน้าหลายตาในนั้น
"แล้วนี่จิวไม่มาเหรอ"เราถามมิกซ์ทำให้เขาส่ายหน้า "มาครับ เห็นบอกจะไปชนแก้วกับเพื่อนแล้วก็หายเงียบไปเลย"เขาตอบทำให้เราพยักหน้ารับก่อนเสียงเพลงจังหวะเชื่องช้าจะดังขึ้น
แค่อินโทรขึ้นแค่นั้นเราก็รู้แล้วว่าเพลงอะไร
เราอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับจิบน้ำปลดปล่อยตัวเองจากคนรอบข้างแล้วคิดถึงอดีตที่เลยผ่าน เพลงนี้เป็นเพลงแรกล่ะมั่งที่รพีซ้อมแทบเป็นแทบตายเพราะอยากร้องให้เราฟังในวันครบรอบสามเดือนของเรา ถึงโน้ตจะบอด เสียงจะเพี้ยนต่ำแค่ไหนแต่ความพยายามของเขาก็ทำให้เราประทับใจ
นี่ล่ะมั่งที่หลายคนบอกว่าอย่าเอาใครไปใส่ในเพลงที่ชอบฟัง หนังสือที่ชอบอ่านหรือภาพยนตร์ที่ชอบดู
ไม่งั้นเวลาเราได้ยิน ได้อ่านหรือจะดู เราก็จะคิดถึงแต่เขา
ตอนแรกเราก็ไม่เชื่อหรอกแต่ตอนนี้เราก็ได้เจอกับตัวแล้วล่ะ
ว่ามันโคตรจะจริงเลย...
+++++
Talk : เวลาเปลี่ยนไปแต่คนในภาพก็ยังเป็นคนเดิม
#กลิ่นของคุณกี
@Choloris_
ฟังดูก็เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
แต่ใครจะรู้ว่าในทุกครั้งที่เรามาที่นี่
เรากลับคิดถึงแต่คุณ
หลังจากถ่ายคลิปเรียบร้อยเราก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นชุดเดิมก็คือเสื้อเชิ้ตแขนยาวกับกระโปรงพลีทสีน้ำตาลอ่อน
"จะกลับแล้วเหรอพี่เมล"เปาถามทำให้เราพยักหน้ารับ "พอดีพี่ว่าจะไปทำธุระต่อนะ"
"อย่าลืมนะพี่คืนนี้เรามีนัดกัน"เขาพูดทำให้เราพยักหน้ารับ "พี่ไม่ลืมหรอกหน่า แล้วเจอกันนะ"เราพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปกดลิฟต์
เปาหรือเปาวฤทธิ์ ดีกรีเดือนคณะแพทยศาสตร์มหาลัยชื่อดังอีกคนที่ชอบทำหน้าตานิ่งๆ โลกส่วนตัวสูงแต่กลับกันเขานะเป็นคนที่ชอบเที่ยวกลางคืนคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
เรียกได้ว่ามีผับที่ไหนมีเขาที่นั่นจนบางครั้งเราก็แอบสงสัยว่าเขาเอาเวลาไหนไปเรียนกันแน่...
ติ้ง!
"ชั้นหนึ่งค่ะ"
"อ้าวพี่เมลจะกลับแล้วเหรอ"ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดอกพร้อมกับเราที่ก้าวออกมาก็สบสายตากับร่างของมิกเซอร์ที่ลงบันไดมาพอดิบพอดี เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมท่ากับกางเกงผ้าสีดำดูเข้ากันอย่างน่าประหลาดพร้อมกับรอยยิ้มสดใสที่เขาส่งมาจนทำให้เราเผลอยิ้มตามทุกครั้งไป
"ค่ะ พี่จะกลับแล้วมีธุระนะ"เราพูดทำให้เราพยักหน้ารับ "งั้นพี่จะไปไหนอะ เผื่อว่าไปทางเดียวกัน"เขาถามต่อทำให้เรานิ่งไปสักพัก "หอสมุดนะ"
หวังว่าเราจะไปกันคนละทางนะ เพราะเราไม่อยากจะ...
"บังเอิญจัง ผมว่าก็จะไปอ่านหนังสือที่นั่นพอดี..."
แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะไม่เข้าใจเหตุไฉนถึงอยากให้เราไปไหนต่อไหนกับเขาก็ไม่รู้
"งั้นไปด้วยกันไหมครับ"ดวงตาใสแป๋วราวกับลูกหมาโกลเด้นท์ตัวโตที่มองมาก็ทำให้เราใจอ่อนอีกจนได้ "ไปสิ..."เราตอบกลับไปจนเขาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะมาดึงแก้มเรา
"ปล่อยนะ"
อะไรกัน เราเจ็บนะทำไมทุกคนถึงชอบแกล้งเราด้วยอะ
"ทำไมวันนี้ยอมง่ายจัง"
"ก็ไม่มีอะไร แค่ไม่ต้องเสียเงินเท่านั้น ไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย"
"ผมก็ไม่ว่าอะไร ทำไมพี่ต้องร้อนตัวด้วยอะ"
"ใครร้อนเปล่าซะหน่อย"แค่พูดกันเอาไว้เผื่อว่าใครบางคนจะเผลอคิดอะไรนะสิ
อย่าคิดนะว่าเราไม่รู้ แค่มองสายตาของคุณเราก็รู้หมดแหละ
แค่ไม่พูดออกมาเท่านั้น
"พี่อยากฟังเพลงอะไรไหม"เขาเอ่ยถามตอนที่ขึ้นรถไปพร้อมกับส่งโทรศัพท์มาให้ "ไม่อยากฟัง"
"โห่! พี่อะ ไม่มีอารมณ์ศิลปินเลย"มิกซ์พูดทำให้เราถอนหายใจก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ล่าสุดมาพิมพ์ชื่อเพลงที่ชอบฟังในช่วงนี้ไป
"พี่ชอบวงนี้เหรอ"
"ค่ะ พี่ชอบแนวเพลงแบบนี้"แนวเพลงยุคแปดศูนย์ เก้าศูนย์ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเฟรนด์โซนอะไรทำนองนี้ "ผมก็ชอบนะ"
"ชอบอะไร"เราแกล้งถามเขาอึกอักเล็กน้อยก่อนจะรีบตอบ "ก็ชอบเพลงไง พี่คิดไร"
"เปล่าซะหน่อย"เราปฏิเสธก่อนเขาจะชวนคุยถึงเรื่องคลิปเต้นที่ถ่ายกันตอนช่วงเช้าว่าดูสิยอดวิวเยอะมากเลยอะไรทำนองนี้ เราก็เออออห่อหมกไปด้วยหน่อย
"พี่จะไปอ่านชั้นไหนเหรอครับ"เขาถามเมื่อวนหาที่จอดรถเสร็จสรรพพร้อมกับรีบสาวเท้าเดินมาข้างๆ "พี่ไม่ได้มาอ่าน แค่มาถ่ายรูปเฉยๆ "
"ตรงไหนอะ ผมถ่ายให้ไหม"เขาพูดด้วยท่าทีกระตือรือร้น "ไม่เป็นไรหรอก พี่ไม่อยากรบกวนเวลาอ่านหนังสือของเรานะคะ"
"ไม่หรอกครับ เดี๋ยวผมถ่ายให้ก็ได้ ผมรู้มุมสวยๆ ของพี่นะ อย่าลืมสิ"มิกซ์พูดพร้อมกับชักแม่น้ำทั้งห้าออกมาก็ทำให้เรายิ่งปฏิเสธไม่ลงกับการพยายามเสนอตัวอย่างไม่เนียนของเขา "งั้นก็ตามใจ ถ้าอ่านหนังสือไม่ทันก็อย่างอแงละกัน"เราพูดก่อนจะหยิบสมุดอัลบั้มรูปออกมาพร้อมกับเริ่มดูมุมที่จะถ่ายรูปภาพว่ามีจุดไหนบ้าง
ตอนแรกก็ว่าจะถ่ายแค่รูปภาพในอดีตที่ซ้อนทับกับปัจจุบันแต่พอเห็นท่าทางแบบนั้นเราก็เลยคิดว่าจะถ่ายแบบใหม่
ถ่ายรูปเราในสถานที่เก่าๆ พร้อมกับเว้นช่องว่างเอาไว้เผื่อว่าใครบางคนจะมายืนในที่ที่เราเคยอยู่
แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
เราส่ายหัวเล็กน้อยใส่ความคิดที่เกิดขึ้นภายในหัวสมอง ก่อนเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับมิกเซอร์ที่กำลังยืนอยู่ข้างกัน ใบหน้าขาวสะอาดมองไปที่รูปภาพก่อนจะเอ่ยถามออกมา"ใครอะหล่อใช้ได้เลยนะ"
"แฟนพี่นะ"เราตอบพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ส่งให้มิกเซอร์ที่ทำหน้างุนงง "อ้าวแล้วทำไมผมไม่เคยเห็นแฟนพี่เลยอะ"จะไปเห็นได้ยังไงกัน ก็แฟนพี่น่ะ "เขาเสียไปตั้งนานแล้ว"ถ้าเคยเห็นก็คงแปลกมากแล้ว "อา ผมขอโทษนะครับ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ"มันผ่านมาตั้งหลายปีแล้วนี่ "แล้วผู้ชายอีกคนนี่พี่เหรอ"เขาถามต่อทำให้เราพยักหน้ารับ "หล่อใช่เล่นเลยนะเนี่ย อย่าบอกนะว่าเมื่อก่อนพี่เป็นดาวเทียมอะ"คำพูดของเขาทำให้เราหลุดยิ้มดาวเทียมที่ไหนกัน สมัยนั้นพวกเราหรือกลุ่มความหลากหลายทางเพศยังไม่ได้มีจุดยืนอะไรที่ชัดเจนมั่นคงขนาดนั้น
"ไม่ใช่หรอก พี่เป็นเดือนนะ"
"ดีนะพี่เกิดก่อนอะ ถ้าเกิดทีหลังผมคงไม่ได้เกิดแน่ๆ "เขาพูดบ่นพึมพำก่อนเราจะบอกว่าให้ถ่ายเราโดยเว้นที่ว่างเอาไว้
ตอนนั้นเราจำได้เลย เรามาอ่านหนังสือกับกลุ่มเพื่อนเพื่อทำงานกลุ่มในสมัยตอนปีหนึ่งที่อินเทอร์เน็ตยังไม่แพร่หลายก็มีหนังสือเท่านั้นที่เป็นตัวช่วยชั้นดีโดยมีรพีมานั่งเฝ้าด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้นเท่าไหร่นัก พอทำเสร็จอะไรเสร็จเพื่อนของเราก็เลยจัดการจับเราสองคนมาถ่ายรูปคู่ด้วยกันด้วยเหตุผลที่ว่า
'คนเป็นแฟนกันก็ต้องมีรูปคู่กันสิ'
และด้วยความที่เราเป็นคนขี้อายทั้งคู่ผลมันก็เลยเป็นอย่างที่เห็น
ภาพของผู้ชายสองคนที่ยิ้มเจื่อนจนเกร็งยืนอยู่คนละฟากสองรูปถ้าไม่บอกว่าเป็นแฟนอาจจะคิดว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยถูกกันก็ว่าได้โดยมีฉากหลังเป็นหน้าตึกของหอสมุดสีขาว
ภาพถัดมาถ่ายตอนปีสองโดยวันนั้นเรามาอ่านหนังสือติวสอบกันสองคนแล้วไม่รู้นึกยังไงถึงไปไหว้วานคนแถวนั้นมาถ่ายรูปให้ซึ่งภาพนี้ก็ดีหน่อยตรงที่เราเลิกเคอะเขินกันยืนอยู่ข้างกันโดยมีรพีโอบกอดเราไว้ส่วนภาพพื้นหลังเป็นฉากเดียวกันกับภาพแรก
และภาพสุดท้ายเราถ่ายกันตอนปีสามส่วนเหตุผลที่มาก็คงเป็นแค่อยากมาถ่ายด้วยกันอีกครั้งที่นี่และก็เขาก็บอกเองว่าอยากมาถ่ายรูปกับเราที่นี่ทุกปี
และนี่ก็เป็นภาพสุดท้ายที่เราถ่ายด้วยกัน
แชะ!
น่าเสียดายที่ตอนจบปีสี่คุณเข้าโรงพยาบาลไปซะก่อนไม่งั้นเราคงได้มาถ่ายรูปกันแล้ว..
และในทุกครั้งที่มาไม่รู้ว่าเป็นเพราะคุณเรียนสถาปัตฯ หรือเปล่าแต่ในทุกครั้งที่มาคุณมักจะเอ่ยชมถึงอาคารและตึกของที่นี่ว่าสวยสดงดงามเพียงใด เราเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอกแต่เราชอบนะเวลาคุณพูดเกี่ยวกับสิ่งที่คุณชอบแบบนี้
สายตาที่เป็นประกาย ริมฝีปากที่คอยขยับอธิบายให้เราเข้าใจไปพร้อมกับเธอและฝ่ามืออบอุ่นคอยกอบกุมเราไว้ไม่ห่างไปไหน
แชะ!
และกลิ่นดอกมะลิอ่อนๆ ที่มักจะติดตัวคุณทุกครั้งยามเราพบเจอ คุณบอกว่าคุณปลูกมันไว้ที่หน้าบ้านพอเดินออกก็คงติดตัวมาไม่มากก็น้อย เราเคยบอกว่าเราอยากปลูกมันแต่ก็ต้องล้มเลิกไป
เพราะเรารู้ว่าหากปลูกแล้วออกดอกส่งกลิ่นหอมมามันจะทำให้เรานึกถึงคุณ
เหมือนเช่นตอนนี้...
เราปล่อยความคิดไปกับกลิ่นดอกมะลิในห้วงความทรงจำ ดื่มด่ำกับเสียงของคุณในวันวานก่อนลืมตาออกมาราวกับถูกภาพเก่าซ้อนทับตรงนั้นจนเห็นภาพของคุณที่เลือนราง
"พี่เมลครับ"
น่าตลกจริงๆ นี่เราคิดถึงคุณจนเห็นภาพเป็นตุเป็นตะขนาดนี้เลยเหรอก่อนริมฝีปากของเขาจะเอ่ยอะไรออกมา
"พี่เมล"เสียงของมิกซ์ก็ดึงเราออกจากภวังค์พร้อมกับใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงเล็กน้อยจนเราเบิกตากว้าง "พี่เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"เขาพูดด้วยน้ำเสียงกระวนกระวายจนเราส่ายหน้า "พี่ไม่เป็นไร ไหนรูปล่ะ"
"ไม่เป็นไรแน่นะครับ"เขาถามย้ำทำให้เราพยักหน้ารับก่อนเขาจะให้ดูรูปเมื่อทำอะไรเสร็จสรรพแล้วเราก็เตรียมตัวกลับบ้านโดยมีมิกเซอร์ไปส่งอีกเช่นเคย
ส่วนเหตุผลนะเหรอ ฟังยังไงก็ไม่ขึ้นหรอกแค่ที่มากับเขาก็เหตุผลเดิมนั่นแหละก็คือประหยัดเงิน ไม่ได้มีอะไรเกินเลยแม้แต่น้อย
"ขอบคุณนะคะ ขับกลับบ้านดีๆ ล่ะ"เราพูดตอนที่เขาขับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว "เป็นห่วงผมอะดิ"เขาพูดทำให้เราส่ายหน้า "เปล่าหรอก กลัวรถพังยิ่งแพงๆ อยู่"พูดไปงั้นแหละค่ะ ยิ่งเห็นใบหน้างอนๆ ของเขา เราก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเผลอลูบหัวเขาไปหนึ่งที "ก็เป็นห่วงนะสิ ไม่ห่วงแล้วจะพูดไหมเล่า"พูดจบก็เปิดประตูออกมาพร้อมกับโบกมือลาก่อนเขาจะอมยิ้มแล้วขับรถออกไป "ยังไงครับเนี่ย จากคู่จิ้นจะเป็นคู่จริงป่ะ"
"มั่วแล้ว"เราตอบสมอล์ที่ทำเสียงล้อเลียนก่อนสายตาจะเหลือบเห็นรอยสักตรงข้อมือ "ไปสักมาเหรอ"เราพูดพร้อมกับจับข้อมือมาดูก็พบกับรอยสักรูปดอกกุหลาบสีแดงขนาดเล็กน่ารีกพร้อมกับกิ่งก้านราวกับเถาวัลย์ที่อยู่ล้อมรอบ
ไม่ว่าจะเป็นรอยสักอะไรแต่สำหรับสมอล
"อืม น่ารักป่ะ"
ทุกรอยสักย่อมที่มาและเป็นสีพาสเทลเสมอ
"น่ารัก"
"ผมเหรอ"สมอล์ถามทำให้เราอมยิ้มออกมา
"รอยสักต่างหากเล่า"เราตอบพร้อมกับสมอล์ที่เดินกระฟัดกระเฟียดนำหน้าเข้าบ้านไป
อะไรกัน! ทำไมเด็กสมัยนี้ชอบเล่นมุกนี้กันจังเลยนะ
หลังจากเดินเข้าบ้านไปกินข้าวเสร็จเราก็เดินขึ้นห้องนอนพร้อมกับเลือกภาพที่มิกเซอร์ถ่ายมาด้วยเพื่อลงอินสตาแกรมเหมือนทุกครั้ง
ติ้ง!
"เหมือนว่าง"เราบ่นพึมพำเมื่อลงภาพไปไม่ถึงหนึ่งนาทีมิกเซอร์ก็กดไลค์รูปภาพของผมเรียบร้อยก่อนอีกชั่วอึดใจจะมีไลค์ของคุณอีกคนเด้งเข้ามา
'P_Pran'
ชื่อไอจีที่เด่นหราไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน คุณคนนี้ก็เหมือนกับมิกเซอร์นั่นแหละที่ชอบไลค์เราเป็นคนแรกๆ เสมอ
ติ้ง!
P_pran : น่ารักอีกแล้ว
และเป็นคนแรกๆ ที่แสดงความคิดเห็นเช่นเดียวกัน
บางครั้งเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณเขาเป็นใครกันแน่แต่พอลองกดเข้าไปดูก็เหมือนกับทุกครั้งที่นอกจากรูปประจำตัวเป็นรูปนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกับผมที่ปรกหน้าแค่นั้นเราก็ไม่พบอะไรอีกเลย
ใช่...เขาตั้งไอจีไว้เป็นไพรเวท
เราหยุดความคิดเอาไว้แค่นั้นพร้อมกับปิดหน้าจอล้มตัวลงนอนเพื่อชาร์ตพลังงานเพราะในค่ำคืนนี้ต้องไปดื่มกับพวกเด็กๆ อีกจนได
ให้ตายสิ แล้วพรุ่งนีัจะได้เปิดร้านไหมเนี่ย'
เสียงนาฬิกาปลุกเราจากการหลับใหล เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูไปอาบน้ำก่อนออกมาเลือกเสื้อผ้าในตู้อย่างชั่งใจว่าจะใส่ตัวไหนดี
ชุดเดรสที่ใส่ทุกวันหรือชุดเดรสที่เคยใส่เมื่อนานมาแล้ว
คิดไปสักพักเราก็หยิบชุดเดรสเปิดไหล่สีชมพูอ่อนมาสวมใส่ ไปผับทั้งที่จะให้ใส่ชุดเดรสสีขาวเป็นแม่ชีก็กระไรอยู่
ชุดนี้ละกัน...
เรายืนหมุนตัวอยู่หน้ากระจกพร้อมกับแต่งหน้าเล็กน้อย มัดผมข้างหน้าหน่อยส่วนด้านหลังปล่อยยาวสยายพร้อมกับโบเล็กๆ ที่ถูกติดอยู่ตรงกลางหัว
"ไปไหนเนี่ยครับคนน่ารัก"เมื่อออกจากห้องก็เจอกับสมอล์ที่ยืนอยู่ เขาเอ่ยทักพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏขึ้น
"ไปเที่ยว"
"ให้ผมไปส่งไหมล่ะ"เขาพูดทำให้เราส่ายหัว "ไม่เอา เดี๋ยวผมยุ่ง"อุตส่าต์ทำตั้งนานจะให้นั่งมอเตอร์ไซต์ไปได้ยังไงกันเล่า
"ก็ยืมรถพี่ไปก่อนไงครับ พี่ว่าให้มอล์ไปส่งเถอะ"พี่ไมล์ที่เดินมากับพี่ดาวพูดขึ้นทำให้เราพยักหน้ารับ "ส่วนขากลับเดี๋ยวให้พี่ไมล์ไปรับ..."พี่ดาวเรืองพูดยังไม่ทันจะจบสมอล์ก็พูดแทรกขึ้นมา "เดี๋ยวผมรับพี่เมลกลับเอง แค่พี่ให้กุญแจมา"เขาพูดพร้อมกับแบมือตรงหน้าพร้อมกับอมยิ้ม
"มืดค่ำแล้วขับรถกันไปดีๆ นะครับ"พี่สไมล์พูดพร้อมกับส่งกุญแจให้ก่อนสมอล์จะแย่งกระเป๋าเราไปถือให้ ถ้าถามว่าทำไมเราไม่ขับไปเอง คำตอบก็คือ...
เราขับรถไม่เป็น ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซต์หรือรถใหญ่เราก็ขับไม่เป็นทั้งนั้น น่าขันทั้งที่มีรถเต็มบ้านขนาดนี้
แต่พอจะลองฝึกที่ไรทั้งพี่ไมล์ทั้งมอล์ก็ห้ามเอาไว้หมด
เฮ้อ! แบบนี้เวลาไปไหนเราถึงต้องพึ่งคนอื่นอยู่เรื่อยเลย
เกรงใจชะมัด...
"เบาหน่อยได้ไหมล่ะ"เสียงเพลงเมทัลแสบแก้วหูดังขึ้นจนเราต้องเอื้อมมือไปเบาเสียงก่อนจะอารมณ์เสีย "พี่อะไม่มีอารมณ์ศิลปินเลย"
"ก็พี่ไม่ชอบเพลงแนวนี้นี่"เราพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
่Mixxer : ผมจองโต๊ะแล้วนะ
xsmxll : โอเคเลยค่ะ
เราพิมพ์ตอบกลับไปก่อนจะนั่งมองนอกหน้าต่างไปเรื่อยเปื่อยจนถึงที่หมาย
"ถ้าเสร็จแล้วโทรหาผมนะครับ"
"แล้วมอล์จะไปไหนอะ"เราเอ่ยถาม
"อยู่ในนี้แหละ เผื่อพี่ไม่เห็นผมไง"เขาตอบพร้อมกับอมยิ้ม "แล้วเจอกันนะครับ พี่สเมล"
จะหิ้วใครไปโรงแรมอีกล่ะ..
เราคิดในใจพร้อมกับเปิดประตูรถลง วันนี้สมอล์แต่งตัวด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขายาวรวมถึงใส่นาฬิกามาด้วยขนาดนี้
คงไม่ได้มาแค่ดื่มเฉยๆ หรอก
เราเดินเข้ามาพร้อมกับหยิบบัตรประชาชนให้เขาดูก่อนจะเดินเข้ามากวาดสายตาหามิกซ์ "พี่เมล"เสียงตะโกนแสนสดใสดังขึ้นมาทำให้เรายิ้มแล้วเดินไปนั่งข้างๆ เขาราวกับที่ตรงนี้ถูกเว้นไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
"วันนี้พี่น่ารักมากเลยนะครับ"แชมป์พูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ "วันนี้แชมป์ก็หล่อเหมือนกันแหละ"
"แล้วผมล่ะครับ พี่เมลผมหล่อไหม"เสียงงอแงดังมาจากมิกเซอร์ทำให้เราพยักหน้ารับ "หล่อสิ มิกซ์ของพี่หล่อทุกวันอยู่แล้ว"
"อะ แก้วพี่"เปาพูดพร้อมกับส่งแก้วที่มีน้ำสีอำอยู่ในนั้น "ขอบคุณค่ะ"เรารับแล้ววางเอาไว้พร้อมกับกวาดสายตามองผู้คนมากหน้าหลายตาในนั้น
"แล้วนี่จิวไม่มาเหรอ"เราถามมิกซ์ทำให้เขาส่ายหน้า "มาครับ เห็นบอกจะไปชนแก้วกับเพื่อนแล้วก็หายเงียบไปเลย"เขาตอบทำให้เราพยักหน้ารับก่อนเสียงเพลงจังหวะเชื่องช้าจะดังขึ้น
แค่อินโทรขึ้นแค่นั้นเราก็รู้แล้วว่าเพลงอะไร
เราอมยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับจิบน้ำปลดปล่อยตัวเองจากคนรอบข้างแล้วคิดถึงอดีตที่เลยผ่าน เพลงนี้เป็นเพลงแรกล่ะมั่งที่รพีซ้อมแทบเป็นแทบตายเพราะอยากร้องให้เราฟังในวันครบรอบสามเดือนของเรา ถึงโน้ตจะบอด เสียงจะเพี้ยนต่ำแค่ไหนแต่ความพยายามของเขาก็ทำให้เราประทับใจ
นี่ล่ะมั่งที่หลายคนบอกว่าอย่าเอาใครไปใส่ในเพลงที่ชอบฟัง หนังสือที่ชอบอ่านหรือภาพยนตร์ที่ชอบดู
ไม่งั้นเวลาเราได้ยิน ได้อ่านหรือจะดู เราก็จะคิดถึงแต่เขา
ตอนแรกเราก็ไม่เชื่อหรอกแต่ตอนนี้เราก็ได้เจอกับตัวแล้วล่ะ
ว่ามันโคตรจะจริงเลย...
+++++
Talk : เวลาเปลี่ยนไปแต่คนในภาพก็ยังเป็นคนเดิม
#กลิ่นของคุณกี
@Choloris_
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น