ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลอนดิเน่ เดอ ว็องต์ นางแอ่นแห่งสายลม

    ลำดับตอนที่ #24 : 23. ปะทะ

    • อัปเดตล่าสุด 14 เม.ย. 55


                    เปรี้ยง!

                    เสียงกระทบของอาวุธกับพนักพิงของบัลลังก์ทองคำขาวดังกึกก้องในท้องพระโรงอันกว้างใหญ่ อำนาจของการปะทะทำให้เกิดคลื่นที่หนาวเย็นจนนึกหนาวถึงไขสันหลัง ซึ่งนั่นก็มากพอจะสร้างความเงียบงันราวกับหากมีใครเผลอหายใจเสียงดังแม้แต่นิดเดียวความโกลาหลขนาดใหญ่จะบังเกิดขึ้นจนถึงขั้นแผ่นดินแห่งนี้ต้องนองเลือด

    “เจ้า” เสียงของอาร์เพียกรีดแหลมท่ามกลางความเงียบงัน ร่างจำแลงแสนงดงามแทบจะถลาเข้าไปดึงร่างของลอนดิเน่แล้วตบให้หน้าหันสักสองสามทีเพื่อให้สมกับที่อาจหาญท้าทายปีศาจสาวแห่งความริษยา แต่สายตาดุดันของเดเรคที่จ้องมองเธอรวมไปถึงเฟรมเอรัส แจ็คเคิล และซิเลซิโอที่พร้อมจะเข้าขวาง อีกทั้งคมดาบของลอนดิเน่ที่ไม่ห่างจากใบหน้าของเจ้านายสาวของเธอซึ่งเอาแต่นั่งนิ่ง อาร์เพียก็ทำได้แค่ฮึดฮัดขัดใจอยู่กับที่

    ถึงใบหน้างามของปีศาจสาวมีบาดแผลแต่ก็ไม่มีโลหิตหลั่งออกมาแม้แต่หยดเดียว ใบหน้าของอินดิเวียดูน่ากลัวไม่น้อยถึงจะอยู่ในร่างของมนุษย์ที่เคยได้ชื่อว่าสวยที่สุดคนหนึ่ง ดวงตาสีม่วงดังอเมทิสต์จ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเกลียดชังสุดชีวิตมือที่นิ่งข้างขยับจนกำไลที่ข้อมือกระทบกันเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับสัญญาอันตรายที่พึงควรระวัง

    เฟรมเอรัส ซิเลซิโอ แจ็คเคิล และคาร์ลต่างชะงักขาของตน อาวุธยังคงอยู่ในมือพร้อมกับสถานการณ์ที่สามารถจะรุนแรงได้ทุกเมื่อ พวกเขาจ้องมองไปยังบัลลังก์ที่ตั้งตระหง่านเบื้องหน้าตาไม่กระพริบพร้อมทั้งพยายามทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ซึ่งอากัปกิริยาเหล่านั้นก็ไม่ต่างอะไรดับอาร์เพียรวมไปถึงเหล่าปีศาจน้อยใหญ่

    เดเรคเป็นเพียงคนเดียวที่ยังยิ้มได้ เจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจค่อนข้างพอใจขณะมองปลายคมของดาบรูปทรงสวยงามที่ปักเข้าที่บัลลังก์สีขาวและไม่ยอมถอยห่างจากใบหน้างดงามของอินดิเวียด้วยพลังและฑิฐิ  ยิ่งได้เห็นใบหน้างามมีบาดแผลจากคมดาบ เขาก็แทบจะหัวเราะชอบใจออกมา ผิดกับเวโรน่าที่เอาแต่ตกตะลึง ดูเหมือนเจ้าหญิงแห่งเอควอเลี่ยนจะ

    “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม เจ้าหญิง” คาร์ลที่ได้สติแล้วค่อยๆ เดินมาประคองเอ่ยถามเวโรน่าด้วยน้ำเสียงไม่เกินกระซิบ สายตาเต็มไปด้วยความห่วงใยขณะสำรวจหาร่องรอยบาดเจ็บตามร่างกายก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เมื่อไม่พบบาดแผลใดๆ

    “เมื่อกี้มันอะไร” เวโรน่ามองภาพตรงหน้าอย่างประหลาดใจ แต่คนไขปริศนาไม่ใช่คาร์ลแต่เป็นเดเรคที่เดินมายืนใกล้ๆ พลางทำหน้าเบื่อหน่ายใส่เธอ “ลอนดิเน่ช่วยเจ้าเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเจ้าได้กลายเป็นผีเฝ้าปราสาทไปแล้วล่ะ”

    ถึงเดเรคจะไม่อธิบายรายละเอียดแต่เวโรน่าที่หายตกใจก็พอจะลำดับเหตุการณ์ได้แล้ว เมื่อครู่นี้เธอถืออาวุธถลาเข้าหาปีศาจสาวแห่งความริษยาด้วยความโกรจนหน้ามืด แต่เวลาเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นที่แผ่เข้ามากระทบผิวกายและอาจจะต้องถูกแช่แข็งก่อนจะรู้ตัวหากไม่มีพลังอะไรบางอย่างตวัดร่างของเธอให้ลอยละลิ่วลงมาสวนทางกับร่างของใครสักคนที่พุ่งเข้าหาปีศาจสาว

    จนตั้งสติได้เมื่อครู่เวโรน่าถึงได้เข้าใจ คนที่สวนทางขึ้นไปพร้อมทั้งชักดาบใส่ปีศาจสาวแห่งความริษยาคือลอนดิเน่นั่นเอง และเวลานี้ลอนดิเน่ก็ถอยร่างออกมาพร้อมอาวุธที่ทำร้ายใบหน้างดงามให้เกิดรอยแผล ท่วงท่าพร้อมรับการโจมดีในรูปแบบต่างๆ ใบหน้างามเริ่มคลี่ยิ้มบางๆ ดวงตาสีฟ้าสดใสทอประกายสาแก่ใจเมื่อมองแผลเป็นบนใบหน้างามของอินดิเวียสลับกันซ้ายขวาก่อนจะพูดกวนประสาท “ที่นี้แก้มข้างนี้ก็มีแผล ดีเหมือนกันนั้น เจ้าแก้มข้างนั้นจะได้ไม่น้อยใจ”

     

    “จากนี้แยกกันนะ”

    เดเรคทำหน้าหน่ายโลกทันทีที่ได้ยินลอนดิเน่เอ่ยถ้อยคำยวนโทสะ เจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจเริ่มนับถอยหลังเมื่อมองเห็นมือสั่นๆ ของปีศาจสาว ขณะเดียวกันก็เตรียมดาบไว้ในมือพลางแจกงานให้ถ้วนๆ หน้า “เวโรน่าเจ้ากับคาร์ลไปหาดูสิว่าเจ้าชายเรอินอยู่ที่ไหน ลอนดิเน่กับข้าคงจะมีเรื่องต้องสะสางที่นี่นานหน่อย ส่วนเจ้าสามคนสามอยากไปไหน อยากทำอะไรก็ตามใจแต่อย่ามาเกะกะขวางทางข้าก็แล้วกัน”

    “ประกาศแยกวงกันง่ายๆ อย่างนี้เลยหรือครับ” แจ็คเคิลโวยวายเป็นคนแรก นายทหารรับจ้างหนุ่มนิ่วหน้าไม่ชอบใจอาการขุ่นมัวไม่ต่างกับซิเลซิโอ ยิ่งไปกว่านั้นถึงเจ้าชายแห่งเมทัลลิกจะไม่พูดอะไรแต่ก็แสดงอาการเกรี้ยวกราดทางสายตาออกมามากกว่าจนเห็นได้ชัด

    “ทำตามที่เดรคบอก” เฟรมเอรัสเป็นเดียวที่ไม่ออกความเห็นไม่พอใจต่อการออกคำสั่งของเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจ มิหนำซ้ำเขายังชี้ให้หนึ่งเจ้าชายและหนึ่งนายทหารรับจ้างมองเห็นความนัยในคำพูดของเดเรค “หรือว่าพวกนายอยากจะทำตามคำสั่งของเดรคล่ะ”

    “อ้อ!” นายทหารรับจ้างแห่งอาร์เบอรีพยักหน้าเข้าใจเป็นคนแรก ซิเลซิโอก็มีสีหน้าดีขึ้น ถึงจะพอเข้าใจความต้องการของเดเรค แต่ก็ไม่วายบ่นเบาๆ “ต่างกันไหมเนี่ย”

     

    “เจ้า!

    ขณะที่เดเรคแอบแบ่งหน้าที่ให้มนุษย์ที่มาอยู่ท่ามกลางวงล้อมของปีศาจแบบที่เรียกว่ารนหาที่ เวลานับถอยหลังของอินดิเวียก็ดูจะสิ้นสุดลงพร้อมๆ กัน ปีศาจสาวแห่งความริษยาไม่คิดจะสะกดความเกรียวกราดอีกต่อไป น้ำเสียงของคนที่กำลังคบแค้นจนกระอักเรียกลอนดิเน่พร้อมทั้งยืนสุดความสูง มือข้างหนึ่งจับบาดแผลใหม่ที่ไม่มีทางลบหาย

    ดวงตาสีอเมทิสต์เต็มไปด้วยเปลวไฟของความโกรธแค้น ปีศาจสาวแห่งความริษยายื่นมือขวาออกมาเบื้องหน้า ทันใดนั้นก็คว่ำมือที่กำไว้จนเหลือแต่นิ้วโป้งแล้วทำท่าเหมือนปาดคอ พร้อมคำประกาศที่เรียกเสียงโห่ร้องอย่างกึกก้อง “ฆ่ามัน!

    เปรี้ยง! ไม่ทันจะสิ้นเสียงของอินดิเวีย สายฟ้าก็ฟาดลงใกล้ๆ ลอนดิเน่ด้วยพลังอันแข็งกล้าของปีศาจสาวแห่งความริษยา ความโกลาหลเกิดขึ้นทั่วทุกสารทิศ เวโรน่าถูกคาร์ลดึงออกไปทางด้านนอกท้องพระโรงตามคำสั่งของเดเรค ซึ่งการตามหาเจ้าชายแห่งเอควอเลี่ยนก็ถือว่าเป็นของล่อใจที่ดีที่ทำให้เจ้าหล่อนยอมทำตามอย่างไม่โวยวาย

    “ดีแล้วล่ะที่ให้ยายนั่นออกไปก่อน” เมื่อมองสภาพท้องพระโรงที่ไม่ต่างอะไรกับลานสงคราม ซิเลซิโอก็ทำหน้าพึงพอใจกับแผนการของเดเรคเป็นครั้งแรก “อยู่ที่นี่จะโดนลูกหลงเอาเปล่าๆ”

    “พวกเจ้าก็อาจจะถูกลูกหลงเหมือนกัน” เดเรคเตือนเจ้าชายหนุ่มแห่งเมทัลลิก ขณะที่เจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจก็หันหน้าเข้าใส่พวกปีศาจหลากระดับชั้นพร้อมกวัดแกว่งกรงเล็บที่แหลมคมจนกลิ่นเลือดของปีศาจคละคลุ้งรอบตัว แล้วใบหน้าคมคายก็ยิ้มร่าเมื่อมองเห็นเปลวเพลิงอาบคมดาบของเจ้าชายแห่งฟรัวโกกำลังฟาดฟันใส่ปีศาจที่อยู่อีกฟากหนึ่ง

    “พวกผมไม่อ่อนขนาดนั้นหรอกครับ” แจ็คเคิลกระโดดหลบปีศาจขนาดใหญ่ที่พุ่งถลาเข้ามาซึ่งการหลบหลีกอันสวยงามของเขาก็ทำให้ปีศาจตนนั้นต้องจบสิ้นด้วยคมเล็บของเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจ

    “ข้าบอกแล้วนะว่าอยากขวางทาง!” เดเรคตวาดใส่เถ้าธุลีของปีศาจโชคร้ายตนนั้นก่อนจะสนุกไปกับงานเก็บกวาดปีศาจน้อยใหญ่โดยมีแจ็คเคิล เฟรมเอรัส และซิเลซิโอคอยแย่งเหยื่อของเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจ แต่ถึงจะสนใจจะลงทัณฑ์ปีศาจไร้หัวคิดที่กล้าขัดคำสั่งขององค์ราชาปีศาจ เดเรคก็อดที่จะนึกสะท้อนใจไม่ได้ เขาไม่อยากจะเชื่อสักนิดว่าโลกมนุษย์จะมีอาหารยั่วเย้าจนทำให้ปีศาจมากมายกรูเข้ามาอาศัยจนมืดฟ้ามัวดินแถมยังไม่คิดจะกลับแดนปีศาจจนยอมพลีชีพได้ขนาดนี้

    ปึกๆๆๆ เสียงเหมือนของมีคมขนาดพอเหมาะปักลงพื้นอย่างรุนแรงมาจากทิศทางที่ลอนดิเน่ยืนอยู่ ลิ่มน้ำแข็งจำนวนมากที่สร้างจากพลังของปีศาจสาวพุ่งปักลงมาเป็นห่าฝน ถึงลอนดิเน่จะหลบได้อย่างเฉียดฉิวแต่ปีศาจระดับหนึ่งที่งุ่นงานหลายตัวก็ถูกลูกหลง อานุภาพของมันทำให้ปีศาจบางรายบาดเจ็บสาหัสร้องโอดโอย และบางรายก็สลายไม่เหลือแม้แต่ธุลี

    เมื่อเห็นการกระโดดหลบที่สวยงามของลอนดิเน่ เดเรคก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ เฟรมเอรัสนิ่วหน้า ซิเลซิโอทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ ส่วนแจ็คเคิลก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนที่นายทหารหนุ่มจะทำตาโตเมื่อเห็นหญิงสาวพุ่งตัวเข้าหาอินดิเวียอย่างบ้าบิ่น หากดาบในมือไม่กวัดแกว่งอย่างแม่ยำและความเร็วประดุจสายลมพัดผ่าน ก็เชื่ออยู่เหมือนกันว่า ร่างกายที่บอกกันว่าเป็นของปีศาจสาวแห่งความหยิ่งทระนงคงจะกลายเป็นเม่นน้ำแข็งและลอนดิเน่คงเหลือแต่ชื่อภายในไม่กี่ก้าวก่อนจะถึงตัวปีศาจสาวแห่งความริษยา

    เคร้ง! ก่อนดาบในมือของลอนดิเน่จะได้แตะต้องผิวกายปีศาจสาวแห่งความริษยา อาร์เพียก็เรียกดาบสองคมรูปทรงเพรียวบางก็เข้าขวางทางดาบของเธอ ก่อนจะปัดให้ลอนดิเน่ต้องถอยหลังออกไปหลายก้าว แล้วอินดิเวียก็เป็นฝ่ายเข้าจู่โจมบ้าง ท่วงท่า การก้าวย่างและพลังในการลงดาบเป็นไปอย่างชำนาญและหนักหน่วงจนลอนดิเน่ทำได้แค่ปัดป้องไม่สามารถจะทำอะไรได้อย่างใจ

     

    “ยายอาร๋เพียเก่งขึ้นนี่ สงสัยอินดิเวียจะสอนมาดี”

    เดเรคเหลือบมองการต่อสู้ของปีศาจสาวแล้วเอ่ยชมด้วยความยอมรับ คมเล็บที่แหลมคมตวัดใส่ปีศาจระดับล่างๆ ไม่หยุด ความหนักใจปรากฏเด่นชัดในสีหน้าของเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจ “หากลอนดิเน่หย่อนฝีมือ ยายนั่นเจ็บหนักแน่”

    “ไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเก่งขนาดนี้” แจ็คเคิลที่อยู่ไม่ไกลรำพึงออกมาด้วยรู้สึกยอมรับในฝีมือของปีศาจสาวรับใช้ น้อยครั้งที่เขาจะเห็นผู้หญิงเชี่ยวชาญในเพลงดาบขนาดนั้น นายทหารรับจ้างหนุ่มหลบคมดาบของปีศาจที่ฟาดลงมาแล้วเอี้ยวตัวตวัดขวานสองคมในมือใส่ร่างสูงใหญ่จนต้องสลาย แต่ปากของเขาก็ยังเอ่ยชมปีศาจสาว “ผมเคยคิดว่าลอนดิเน่เก่งมากแล้ว แต่อาร์เพียอะไรนั่นก็เก่งไม่แพ้กันเลย”

    “ยายอินดิเวียเก่งกว่านี้อีก” เดเรคเหลือบมองปีศาจสาวแห่งความริษยาที่ตอนนี้นั่งลงบนบัลลังก์ทำหน้าที่เป็นผู้ชมการประดาบของปีศาจสาวรับใช้กับลอนดิเน่ ท่าทีชดช้อยและเต็มไปด้วยสเน่ห์อันยั่วเย้าดูจะห่างไกลจากคำว่าเชี่ยวชาญดาบในความคิดของใครๆ อยู่ไม่น้อย

    “พูดผิดพูดใหม่ได้นะครับ” แจ็คเคิลที่จ้องมองท่วงท่านางพญาบนบัลลังก์ของปีศาจสาวแห่งความริษยาหันมาถามเดเรคเพื่อความมั่นใจ ทั้งๆ ที่มือก็กวัดแกว่งขวานสองคมใส่ปีศาจอย่างไม่ลดละ 

    “ยัยอินดิเวียเป็นปีศาจแห่งความริษยาและคนที่ยายนั่นริษยาก็คือนอเช่ แม่นั่นไม่อยากยอมแพ้นอเช่ก็เลยมักหาเรื่องแก่งแย่งชิงดีโดยที่นอเช่ไม่รู้ตัวเป็นประจำ” เดเรคไม่สนใจท่าทีอันเหลือเชื่อของแจ็คเคิล เขายิ้มเหยียดบางๆ พร้อมทั้งเล่าเรื่องในอดีคแทนคำยืนยัน ในใจนึกสมเพชในการกระทำของอินดิเวียที่ผ่านมา “เห็นนอเช่ฝึกดาบอินดิเวียก็ฝึกบ้าง ข้อดีของอินดิเวียคือไม่ชอบยอมแพ้ แม่นี่ถึงได้เชี่ยวชาญเพลงดาบขนาดนี้ไงล่ะ”

    “อย่าชมศัตรูแบบนี้สิครับ“ แจ็คเคิลทำหน้าเมื่อยใส่ปีศาจหนุ่มที่อดใจให้เอ่ยชมเชยเพื่อนร่วมเชื้อสายปีศาจด้วยกันไม่ได้ ทั้งที่คนที่เจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจกำลังถูกรุกไล่อยู่อย่างนั้น “ฟังแล้วรู้สึกกังวลนะครับ ยิ่งเห็นลอนดิเน่ตอนนี้ด้วย ยิ่งทำให้ไม่สบายใจไปกันใหญ่”

    “ถึงห่วงแล้วเราจะทำอะไรได้นอกจากมองดู นี่มันเป็นเรื่องที่ยายนั่นต้องแก้ไขด้วยฝีมือของตนเองนะ” เดเรคหันไปยักคิ้วให้นายทหารหนุ่มและแสยะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าอัดอั้นไม่สามารถจะชอบคำถามของเขาได้ แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่แจ็คเคิลมีต่อลอนดิเน่อย่างจริงใจ เจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจก็ถอนหายใจพร้อมทั้งการันตีฝีมือของคนที่เลี้ยงดูมา

                 “ถึงข้าจะยอมรับว่ายายอาร์เพียกับอินดิเวียมีฝีมือ แต่ลอนดิเน่เป็นคนที่ข้ากับนอเช่สอนมากับมือ สิบกว่าปีมานี่พวกเขาไม่เคยปล่อยให้ยายนั่นนั่งผัดหน้าทำผม เพราะฉะนั้นเจ้าคิดว่าพวกข้าจะใจดำส่งลอนดิเน่ไปเป็นไก่รองบ่อนหรือไง”

    “ก่อนจะไปห่วงคนอื่น ห่วงตัวเองก่อนดีไหม” ซิเลซิโอที่ได้ยินตลอดการสนทนาของนายทหารรับจ้างหนุ่มและเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจ ไม่มีความคิดห่วงในการถอยร่นของลอนดิเน่เมื่อถูกปีศาจสาวแห่งความริษยารุกไล่ เจ้าชายหนุ่มแห่งเมทัลลิกหันมาขึงตาใส่แจ็คเคิลกับเดเรคที่ทำตัวสบายๆ จนหน้าหมั่นไส้ทั้งที่พวกเขาก็มีพวกปีศาจล้อมหน้าล้อมหลังไม่แพ้กัน

    “ห่วงตัวเองหรือเวโรน่าก่อนจะดีกว่า” เฟรมเอรัสเองแต่ก็เอานิ่วหน้าให้กับปีศาจที่มากมายจนแทบจะรับมือไม่ไหว จากหางตาเขามองเห็นปีศาจส่วนหนึ่งวิ่งออกไปในทิศทางเดียวกับเจ้าหญิงแห่งเอควอเลี่ยน “ไม่รู้ว่าสองคนนั่นจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่า”

    “ก็ได้ ข้าเองก็เริ่มรำคาญพวกปลาซิวปลาสร้อยนี่เหมือนกัน” เมื่อถูกเตือนให้ระลึกถึงเจ้าหญิงแห่งเอควอเลี่ยนที่ตนเองบังคับให้ออกจากสมรภูมิชั่วคราว เดเรคก็พยักหน้ายอมรับคำตักเตือนของเจ้าชายหนุ่มแห่งฟรัวโก เขาโบกมือข้างหนึ่งเป็นสัญญาณให้ซิเลซิโอ แจ็คเคิลและเฟรมเอรัสรับรู้ว่าให้ระวังตัว

    ฟู่! เปลวไฟจำนวนมหาศาลที่มาจากฝ่ามือของเดเรคเผาผลาญปีศาจใหญ่น้อย เสียงกรีดร้องดังไปท่วทุกมุมของท้องพระโรง ปีศาจมากมานนอนกลิ้งเกลือกเพื่อดับไฟที่ไหม้ตามตัว แต่อานุภาพของเปลวไฟจากเจ้าชายแห่งเอ่ามังกรปีศาจก็ไม่สามารถจะดับได้โดยง่าย มิหนำซ้ำยังต้องดิ้นทุรนทุรายก่อนที่ร่างกายจะสลายเหลือพียงเถ้าธุลี

    แจ็คเคิลถึงกับกลืนน้ำลายเมื่อมองเห็นเปลวเพลิงโหมกระหน่ำที่คร่าชีวิตปีสาจใหญ่น้อย ถึงจะรู้จักเดเรคมาแล้วในหลายๆ แง่มุม แต่นายทหารรับจ้างหนุ่มก็ไม่เคยเห็นเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจในคราบปีศาจร้ายที่สนุกสนานกับการทำลายเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์แบบนี้

    “ดีนะที่ตอนนี้เดรคยังไม่เห็นเราเป็นศัตรูที่ต้องกำจัด” เฟรมเอรัสที่หลบเปลวไฟไปอีกทางกระโดดมารวมกลุ่มพร้อมกับซิเลซิโอ แววตาของสองเจ้าชายหนุ่มในเวลานี้เต็มไปด้วยความเวทนาต่อการทุกข์ทรมานของปีศาจเหล่านั้นอยู่ไม่น้อย

    “รุนแรงเกินไปหรือเปล่า” ซิเลซิโอนิ่วหน้าหันไปมองไปมองเดเรค แต่เจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจกลับไปสนใจเพราะเอาแต่หัวเราะร่าให้กับอาการฉุนเฉียวของลอนดิเน่ เจ้าชายแห่งเมทัลลิกเห็นส่งสายตาคมค้อนเดเรคแล้วกราดใส่พวกเขา โดยที่ซิเลซิโอเองก็ยังไม่รู้ว่าเธอผละจากการประดาบกับอาเพียร์ตั้งแต่เมื่อไร

    “ลอนดิเน่โกรธที่ถูกเปลวไฟของเดรคขัดจังหวะนะครับ” แจ็คเคิลที่พอจะทันเห็นลอนดิเน่ถีบตัวเองออกจากตำแหน่งลูกหลงหันมาเล่าให้เจ้าชายแห่งเมทัลลิกรับรู้ สีหน้าของนายทหารหนุ่มแห่งอาร์เบอรีเต็มไปด้วยความขบขันและไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยเมื่อได้เห็นความขุ่นมัวของลอนดิเน่ “เจ้าตัวเขากำลังเพลินไปขวางเขาอย่างนั้นก็เลยเป็นแบบนี้ล่ะครับ” 

     

    “เดเรค!

    เสียงเอ่ยนามเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจทที่ดังจากปีศาจสาวแห่งความริษยาไม่ต่างอะไรกับเสียงกรีดร้องของสัตว์ป่าที่เกรี้ยวกราด ดวงตาสีม่วงอเมทิสจ้องมองไปรอบๆ ท้องพระโรงที่เต็มไปด้วยเสียงโอดโอย กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นเหม็นไหม้จากเปลวไปแห่งแดนปีศาจ

    “เจ้าทำแบบนี้กับพวกพ้องได้ยังไง” อินดิเวียร้องถามปีศาจหนุ่มเสียงแหลม ดวงตาเต็มไปด้วยคำถามที่แฝงความโกรธและเกลียดชัง “เจ้าพวกนี้เป็นพวกร่วมเผ่าพันธุ์ของเจ้านะ!

    “ข้ายอมรับว่าเจ้าพวกนี้คือปีศาจที่ร่วมเผ่าพันธุ์” เดเรคยิ้มเหยียดให้กับปีศาจสาว ดวงตาสีรัตติกาลวาวโรจน์มีความรังเกียจเห็นชัด “แต่ปีศาจที่เห็นผิดเป็นชอบ ขัดขืนคำสอนขององค์ราชาปีศาจและคิดคดทรยศอยากเป็นราชาปีศาจเสียเอง จะไม่มีวันเป็นพวกพ้องของข้าอย่างเด็ดขาด”

    เจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจมองเหล่าปีศาจที่ทรมานจากเปลวไฟของตนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอำนาจ ใบหน้าคมคายไม่ได้แสดงความสาแก่ใจหากแต่เต็มไปด้วยความเวทนาในความโง่เขลาของปีศาจเหล่านั้น “พวกเจ้าเอาแต่งมงายกับของล่อใจที่อินดิเวียสรรหามาให้จนลืมไปว่าพวกเจ้าเป็นใคร คิดว่าอำนาจที่อินดิเวียมันล้นเหลือจนไม่มีใครเอาผิดเจ้าได้ คิดว่าพลังอำนาจที่มีอยู่มันเหนือกว่าผู้อื่น เป็นไงบ้างล่ะ เวลาที่ผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่า น่ากลัวดีไหม”

    เสียงโอดโอยยังมีเป็นระยะ ปีศาจหลายตนเริ่มลนลานและหวาดกลัว ถึงยังมีปีศาจอีกไม่น้อยที่มองเดเรคด้วยสายตาเกลียดชัง แต่เจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านดวงตาสีรัตติกาลที่เรืองไปด้วยอำนาจจ้องมองปีศาจน้อยใหญ่ไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่งราวกับหวังว่าคำพูดของเขาจะทำให้ปีศาจพวกนั้นคิดได้

    “แต่ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า” ในสุด เดเรคก็ประกาศด้วยน้ำเสียงกึกก้อง เรียกความสนใจจากปีศาจใหญ่น้อยที่นอนดิ้นทุรนทุรายได้ชะงัก สายตาหลายคู่แสดงความไม่ไว้วางใจพร้อมทั้งนีกสงสัยว่าเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจจะมาไม้ไหน

     “จากความกรุณาของนอเช่ ปีศาจตนใดที่ยอมกลับไปดินแดนปีศาจ องค์ราชาปีศาจจะไม่ถือโทษพวกเจ้าและยอมให้พวกเจ้าอยู่ในดินแดนปีศาจตามสิทธิดั้งเดิมของพวกเจ้า” แล้วเจ้าปีศาจพวกนั้นก็ทำตาโตเมื่อคำประกาศของเดเรค เสียงฮือฮาดังขึ้นทั่วสารทิศ สายตาหลายคู่มองเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจด้วยความไม่ไว้วางใจ

    “จะเอายังไง! ข้าให้โอกาสแค่นับหนึ่งถึงสิบ หลังจากนั้นใครอยู่ที่นี่ก็หวังไปเกิดใหม่สถานเดียว” เพราะไม่ได้รับปฏิกิริยาใดๆ นอกจากมองตาค้างไม่มั่นใจ เดเรคจึงตวาดลั่นอย่างขัดใจ ใบหน้าคมคายบึ้งตึงแล้วเริ่มนับอย่างไม่รีรอ “หนึ่ง สอง สาม สี่...”

    เมื่อเดเรคเริ่มนับเลขแบบไม่สนใจใคร ปีศาจใหญ่น้อยที่กลัวการลงทัณฑ์ของเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจก็พากันออกตัววิ่งอย่างโกลาหล ปีศาจที่บาดเจ็บเล็กน้อยดูจะมีภาษีดีกว่าเพราะวิ่งเหยียบปีศาจเจ็บหนักผ่าออกไป

    ตูม! เสียงระเบิดสร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วท้องพระโรงแต่นั่นยังไม่ทำให้เกิดความโกลาหลได้เท่ากับอะไรสักอย่างที่คล้ายคลึงกับหนวดปลาหมึก ซึ่งทะลุจากพื้นที่ทำจากหินอ่อนแรงที่มหาศาลทำให้ศิลาหนากลายเป็นก้อนหินก้อนเล็กๆ จนพื้นท้องพระโรงกลายเป็นบึงขนาดใหญ่มองเห็นพื้นน้ำสีดำบ่งบอกถึงความลึกที่ไม่อาจหยั่งได้

    เหวอ! ปีศาจมากมายกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เมื่อหนวดปลาหมีกมากมายที่มีขนาดเท่าเสาต้นใหญ่ได้ตวัดร่างปีศาจน้อยใหญ่ที่ทำท่าหนีจากท้องพระโรง ร่างของเหล่าปีศาจที่ดูกระจ้อยร้อยเมื่อเทียบกับหนวดปลาหมึกขนาดมหึมา แล้วเสียงร้องเหล่านั้นก็กลายเป็นเสียงสุดท้ายบนดินแดนมนุษย์เมื่อหนวดปลาหมึกขนาดมหึมาได้ดึงร่างพวกนั้นจมหายลงไปในพื้นน้ำที่อยู่ใต้ท้องพระโรงแห่งนี้

    “คราเคน!” เดเรคเอ่ยชื่อของเจ้าหนวดปลาหมึกขนาดเท่าเสาต้นใหญ่ด้วยน้ำเสียงที่คาดไม่ถึง ก่อนที่ใบหน้าคมคายที่บึ้งตึงหันไปมองปีศาจสาวความกรุ่นโกรธกลับมาอีกครั้งเมื่อเห็นร่างแสนยวนตายืนเด่นบนบัลลังก์สูง “เจ้าเอามันมาเลี้ยงที่นี่ แล้วยังใช้พวกพ้องของเจ้าเป็นเหยื่อสังเวยอย่างนั้นหรือ”

    “อย่าลืมสิว่าคราเคนเป็นสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของข้า” ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มกวนประสาทให้กับเจ้าชาทยแห่งเผ่ามังกรปีศาจ ดวงตาสีอเมทิสต์ฉายความสาแก่ใจให้กับเหล่าปีศาจที่ต้องหายกลายเป็นเหยื่อสังเวย “แล้วสัตว์เลี้ยงที่น่ารักจะลงทัณฑ์ปีศาจที่ดีแต่หันหัวหาผลประโยขน์ให้ตัวเองมันผิดตรงไหน เป็นอาหารของคราเคนยังมีประโยชน์เสียกว่า”

    ปีศาจสาวแห่งความริษยาค่อยๆ เยื้องกรายลงจากบัลลังก์ด้วยท่วงท่านางพญา ดาบน้ำแข็งงดงามปรากฏในมือ ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาจ้องมองลอนดิเน่อย่างไม่ลดละ ความปรารถนาที่จะให้หญิงสาวแดดับอย่างทรมานฉายชัดชนิดที่คนโง่ๆ คนหนึ่งมองก็ดูออก

    “ตัวเอกลงมาเล่นแล้วสิครับ” แจ็คเคิลหันไปยักคิ้วใส่มองซิเลซิโอแล้วสบตากับเฟรมเอรัส ถึงจะทำปากดียิ้มร่าเหมือนกำลังสนุกที่จะได้เห็นการต่อสู้ชั้นยอด ทว่าเจ้าชายหนุ่มแห่งฟรัวโกก็มองเห็นความห่วงใยที่ซ้อนอยู่ในดวงตาสีอำพัน สายตาที่สื่อออกมาเหมือนบังคับให้เขาทำหน้าที่ช่วยเหลือลอนดิเน่หากเจ้าหล่อนพลาดให้กับอินดิเวีย ราวกับนายทหารรับจ้างแห่งอาร์เบอรีได้มอบหมายให้เจ้าชายหนุ่มแห่งฟรัวโกเป็นองครักษ์พิทักษ์นักล่าปีศาจสาวเสียอย่างนั้น

    เฟรมเอรัสได้แต่ถอนหายใจพร้อมทั้งทำเป็นไม่เห็นแววตาเอาเรื่องของแจ็คเคิลด้วยการระวังหนวดของปีศาจคราเคน เฟรมเอรัสลงความเห็นว่าหน้าตาของคราเคนดูไม่ต่างอะไรกับปลาหมึกยักษ์ แต่ขนาดของมันคงกินขาดเพราะไม่เพียงปีศาจน้อยใหญ่ที่อยู่ที่นี่แต่แถมพวกเขารวมถึงรูปสลักน้ำแข็งที่ทำจากมนุษย์ ก็คงจะไม่พอครึ่งกระเพาะของเจ้าปลาหมึกโคตรยักษ์

     

    “อาร์เพีย!

    เมื่อลงมาถึงพื้นที่เหลือเล็กน้อยเพราะถูกคราเคนทำลายจนแทบกลายเป็นทะเลสาป อินดิเวียก็เรียกปีศาจสาวรับใช้ ร่างที่มีบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ จากการประดาบกับลอนดิเน่ก็ถลันเข้ามาคอยรับคำสั่ง “ตามเวโรน่าไป แล้วกำจัดมันให้ทรมาณที่สุด”

     “เพคะ พระนาง” ใบหน้างามยิ้มร่าเมื่อรู้ถึงคำบัญชาของเจ้านายสาวที่ไม่ได้แตกต่างอะไรกับความต้องการของตนเอง ร่างระหงส์ที่เต็มไปด้วยสเน่ห์ยั่วยวนจงใจตรงไปทางลอนดิเน่เพื่อหวังเดินผ่านด้วยสีหน้าเย้ยหยัน การกระทำที่ตั้งใจจะยั่วโทสะส่งผลให้ลอนดิเน่เตรียมถลันเข้าขัดขวางหากดวงตาสีฟ้าสดใสจะมองไม่เห็นปลายดาบคมที่พุ่งตรงเข้ามา

    เคร้ง! คมดาบที่พุ่งตรงมาถูกดาบทรงสวยของลอนดิเน่ตวัดเปลี่ยนทิศทาง คราวนี้ปีศาจสาวแห่งความริษยาก็ได้เผชิญหน้ากับหญิงสาวที่ตนริษยาชิงชังยิ่งกว่าสิ่งใด ดวงตาสีม่วงอเมทิสต์จ้องมองลอนดิเน่ด้วยสายตาเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด ทว่าริมฝีบางสีแดงดุจโลหิตสดๆ ของปีศาจสาวกลับคลี่ยิ้มกวนประสาท

    “ข้าจะยอมเล่นเป็นเพื่อนเจ้าสักพัก ในเวลาเดียวกันคนของข้าก็ยินที่จะเป็นเพื่อนเล่นให้กับคนของเจ้า” อินดิเวียประกาศการลงสนามรบอย่างเต็มตัว สิ้นเสียงของปีศาจสาวแห่งความริษยา ความฮึกเหิมกลับมาอีกครั้ เหล่าปีศาจน้อยใหญ่ที่เลือกอยู่ฝ่ายของเธอก็พากันโห่ร้องให้กึกก้อง ปีศาจพวกนั้นมองสองเจ้าชายหนุ่มแห่งเมทัลลิกและฟรัวโก รวมไปถึงนายทหารรับจ้างแห่งอาร์เบอรีไม่ต่างกับของเล่นที่ทนไม้ทนมือ

    ขณะนี้ปีศาจมากมายไม่ได้รู้สึกเกรงใจต่อเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจแม้แต่น้อย ความหวาดหวั่นที่เคยมีต่อเดเรคดูจะจางหายไปตั้งแต่เห็นอินดิเวียลงสนามรบ ยิ่งได้เห็นเดเรคยืนมองอินดิเวียลงแรงหวังให้คมดาบในมือฟาดฟันร่างโดยที่เขาไม่คิดยื่นมือเข้าช่วย รวมทั้งหนวดมากมายของคราเคนที่เริ่มตวัดใส่ร่างของมนุษย์พวกนั้น ปีศาจเหล่านั้นยิ่งได้ใจเป็นเท่าทวี

    เคร้ง! เสียงดาบที่กระทบกันอีกครั้งเรียกสติให้ทุกคนมุ่งสู่สงครามเต็มรูปแบบ ปีศาจมากมายหันคมเขี้ยวและอาวุธใส่เจ้าชายและนายทหารแห่งแดนมนุษย์ ความโกลาหลจึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง เสียงอาวุธกระทบกัน เสียงโครมครามที่เกิดจากหนวดปลากหมึกขนาดมหึมาที่ฟาดใส่เสาต้นใหญ่ ความสั่นสะเทือนและเสียงกรีดร้องดังก้องจนสับสนไปหมด

    ปักๆๆๆๆ เสียงน้ำแข็งแหลมคมที่กระทบตามพื้นและผนังบอกถึงความรุนแรงและเอาจริงเอาจังของอินดิเวีย แจ็คเคิลมองเห็นปีสาจสาวแห่งความริษยาเข้ารุกไล่หมายมุ่งหวังจะปลิดชีวิตลอนดิเน่ด้วยมือของเธอเองให้ได้ อีกทางหนึ่งเดเรคก็กำลังหาทางจัดการกับปีศาจคราเคนอย่างยากลำบาก ดูเหมือนว่าเปลวไฟของเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจจะทำอันตรายปีศาจปลาหมึกยักษ์ที่อาศัยผืนน้ำเป็นโล่กำบัง

    ส่วนเฟรมเอรัสก็โดนปีศาจกลุ่มหนึ่งไล่ต้อนแต่ดูเหมือนฝ่ายที่ถูกหลอกล่อจะเป็นปีศาจพวกนั้นมากกว่า เพราะแจ็คเคิลมองเห็นปีศาจหลายรายที่ต้องกลายเป็นเป้านิ่งให้กับดาบคมที่ทอแสงสีแดงอ่อนๆ ในมือของเจ้าชายหนุ่มแห่งฟรัวโก ขณะที่ซิเลซิโอก็ดูจะเพลิดเพลินกับการหลบหลีกปีศาจอีกกลุ่มและหนวดของคราเคนที่พุ่งเหนือน้ำหมายดึงเจ้าชายหนุ่งแห่งเมทัลลิกให้ร่วงหล่นน้ำ ถ้าไม่ได้เปลวไฟของเดเรคที่สกัดทางเอาไว้ หนวดปลาหมึกขนาดเท่าต้นเสาก็คงไม่พลาดจากเป้าหมาย

    “แจ็คเคิล!” เสียงของลอนดิเน่ที่เรียกชื่อของเขาดังชัดเจนท่ามกลางเสียงอึกทึกอันโกลาหล เจ้าของชื่อที่กำลังช่วยเดเรคล่าปลาหมึกหมายจะใช้มันเป็นอาหารหลังศึกสงบต้องเลิกคิ้วข้างหนึ่งแล้วหันมองเจ้าของเสียงดังฟังชัดที่กระโดดหลบสายฝนน้ำแข็งไปอีกทางอย่างสนใจ

    “ตามอาร์เพียไป อย่าให้ยายนั่นทำร้ายเวโรน่า” ความต้องการของลอนดิเน่สร้างความอ่อนใจในทันที แจ็คเคิลไม่ได้รู้สึกประหลาดใจเพราะพอจะเดาได้ว่า ห่วงชิ้นใหญ่ที่เป้นถึงเจ้าหญิงของเอควอเลี่ยนจะต้องมาหล่นใส่คอของเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่เขาก็อดไม่ได้ที่นึกอยากจะตบหน้าผากตนเองแล้วกระโดดไปเป็นอาหารของคราเคนเมื่อได้ยินคำสั่งของเจ้าหล่อน ขอย้ำ ลอนดิเน่สั่งเขา!

    “แต่ว่าทางนี้...” แจ็คเคิลอดที่จะแย้งไม่ได้ ไม่ใช่เขาไม่นีกห่วงเวโรน่าแต่เมื่อเทียบสถานการณ์ตรงหน้า เขาคิดว่ามนุษย์สามคนบวกหนึ่งเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรปีศาจปะทะปีศาจสาวแห่งความริษยา คราเคนขนาดตัวไม่ปรากฎแต่หนวดใหญ่ว่าเสา และกองทหารปีศาจ พวกเขาที่อยู่ที่นี่หนักหนากว่าทางเวโรน่าเยอะเลย

    “ไม่มีแต่!” ลอนดิเน่แย้งในทันที ช่วงเวลาที่พอได้หายใจดวงตาสีฟ้าใสก็ฉายแววร้องขอที่มองยังไงก็ไม่ต่างกับการออดอ้อน “ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน เดรค เฟรมเอรัสแล้วก็ซิเลซิโอเถอะนะ”

    เมื่อลอนดิเน่ประกาศอย่างนั้น ทั้งเดเรค เฟรมเอรัสแล้วก็ซิเลซิโอก็พร้อมใจกันแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ พลังแห่งการทำลายล้างดูจะสำแดงเดชออกมาแข่งกัน แสดงให้เห็นว่าพวกเขาต่างออกเสียงสนับสนุนความคิดของลอนดิเน่โดยลงมือทำ เป็นการสื่อออกมาอย่างแนบเนียนให้นายทหารรับจ้างหนุ่มแห่งอาร์เบอรีไร้ข้อโต้แย้ง

    “แต่/แต่ไม่ได้” ถึงแจ็คเคิลอยากจะคัดค้านแต่ลอนดิเน่ก็ไม่ยินยอมสักเท่าไร เวลานี้ดวงตาสีฟ้าใสที่ออดอ้อนดูวาววับราวกับเด็กที่กำลังถูกขัดใจ ก่อนจะให้เหตุผลที่เขาเองก็ไม่สามารถคัดค้านได้เลย “ที่นี่เอควอเลี่ยน เราจะปล่อยให้เจ้าหญิงแห่งเอควอเลี่ยนเป็นอะไรไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างใจของอินดิเวียอย่างเด็ดขาด”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×