ตอนที่ 5 : Chapter 4
-4-
หลังจากคำอุทานอันแสนติดเรทของโอเซฮุนจบลง ปาร์คชานยอลก็แทบจะวิ่งไปกระโดดถีบเพื่อนตัวเองให้แม่งตายคาประตูตรงนั้น นั่นไอ้ฮุนมันเห็นแบคฮยอนเลยนะ เห็นหลังขาวๆของแบคฮยอนมันเลยนะเว้ย แล้วแบบนี้ชานยอลจะไปยอมได้ไง
“ไอ้เหี้ยฮุน ทำไมไม่เคาะประตูก่อนไอ้สัด”
“กูจะไปรู้ไหมล่ะว่าทำอะไรกันอยู่ ปกติกูมาก็ไม่เคยเคาะ”
“ทีหลังกรุณาเคาะด้วย เพื่อความปลอดภัยของเมียกู”
“โอ้โห เมียกูเต็มปากเต็มคำ มินอาล่ะ ใครหรอ กาอินล่ะ ใครหรอครับปาร์คชานยอล ? ”
“ไม่เอา...ไม่เสือก”
เซฮุนรู้สึกหน้าสั่นเล็กน้อยแต่ก็ยังดึงความมั่นใจและความมั่นหน้ากลับคืนมาได้ คนหล่อต้องไม่กลัวไอ้ชานยอล คนหล่อต้องอดทน คนหล่อต้องนิ่งเดี๋ยวไม่คูล
“อะแฮ่ม...แล้วมึงจะไปเรียนไหมครับ ?” คนโดนด่ากระแอมเสียงดังพร้อมกับถามเพื่อนตัวเองไปด้วย ถึงแม้คำตอบจะเป็นคำว่าไม่ไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นแต่โอเซฮุนต้องถามมันก่อน คนอื่นจะได้เห็นว่าเขาเป็นคนหล่อและตั้งใจเรียนแค่ไหน
“ยังจะถาม”
“นั่นสิ ยังจะถาม งั้นกูควรเนรเทศตัวเองออกจากห้องมึงใช่มั้ย”
“อือ”
“เค” เซฮุนพยักหน้าและถอยหลังกลับมาก้าวนึง ดึงกระเป๋าเป้ที่สะพายด้วยไหล่ข้างเดียวเดินกลับไปยังลิฟต์ ระหว่างทางก็นึงอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนตัวไปกระแทกกับอะไรซักอย่างจนจุก ชายหนุ่มร้องอั้กออกมาเบาๆและพยายามตั้งสติเพ่งมองไอ้คนที่กล้าดีมาทำให้คนหล่อของคณะวิศวะโดนชนจนเซ
“เห้ยนาย โทษๆ” คนตัวเล็กที่วิ่งมาบั๊มกับเซฮุนพูดรัวพร้อมกับตั้งหน้าตั้งตาจะเดินไปต่อ แต่เรื่องอะไรคนหล่อจะยอมครับ ดึงสิ ดึงข้อมือสิ เอาให้เป็นรอยแบบจำเลยรักไปเลย
“ขอโทษแบบนี้ไม่ต้องขอโทษก็ได้ป่ะวะ”
“เออ ไม่ขอโทษก็ได้” ทันทีที่คนที่สูงแค่อกเงยหน้ามา เซฮุนรู้สึกเหมือนอะไรกระแทกที่หัวแบบจังๆ อะไรจะน่ารักปานนั้น....ดูดิ ตาก็โต จมูกก็รั้นๆ ปากก็บาง แถมช้อนมองเขาอย่างนี้อีก หล่อบอกเลยครับว่าหล่อไม่ทน...
เฮ้อ...คนอย่างโอเซฮุนนี่มันใช้คำว่าหล่อสิ้นเปลืองจริงๆ
“ทำไมทำนิสัยงี้วะ” และด้วยความปากไวปนปากหมาของเซฮุนก็โพล่งออกมาเสียงดัง คนหน้าหวานเขม่นตาใส่พร้อมกับทำปากขมุบขมิบซึ่งเซฮุนคิดว่าน่าจะด่าเขาเสียหมาไปหลายประโยคแล้ว
“ก็เราขอโทษนายแล้วอ่ะ”
“ก็ตั้งใจขอโทษหน่อยดิวะ”
“โอ๊ย จะอะไรนักหนาเนี่ย เห...อะ...โอเซฮุนงั้นหรอ ?” เจ้าของเสียงหวานมองป้ายชื่อบนเสื้อช็อปของอีกคนตาโต นี่โอเซฮุนที่สาวๆคณะเขาหลงไหลงี้หรอ ไอ้หล่อน่ะหล่อจริง แต่ปากหมาไม่สมกับที่คนชอบเลย
“อ้าว รู้จักฉันหรอ”
“ถามมั้ยว่าอยากรู้จักรึเปล่า” คนตัวเล็กถอนหายใจและเดินกระแทกไหล่ของเซฮุนเดินตรงไปห้องของเพื่อนตัวเองทันที แต่ก็ไปได้ไม่ไกลเพราะถูกดึงกระเป๋าอีกรอบ ครั้งนี้แรงพอๆที่จะทำให้เขาหงายหลังได้เลยแหละ ไอ้บ้านี่เป็นโรคจิตหรอวะ
“เอ่อ...ชื่อไรอ่ะ”
“ฮะ ?”
“ชื่ออะไร”
“จะอยากรู้ไปทำไม ไปด่าให้แฟนคลับนายมาตบฉันรึไง”
“ไม่หรอก ว่าแต่ชื่ออะไร”
“เอ๊ะ พูดขนาดนี้ก็คือไม่บอกแล้วป่ะวะ” ร่างบางตวัดสายตาไปมองพร้อมกับก้าวขาไปที่ห้องของเพื่อนตัวเองซักที ถึงแม้ว่าเซฮุนจะไม่ปล่อยกระเป๋าก็ช่างหมอนั่นเหอะ เขาเดินลากร่างโย่งๆนั่นไปซะเลยก็จบ
ไม่นานทั้งคู่ที่ฉุดกระชากลากดึงกันจนมาถึงหน้าห้องหมายเลข 0627 อันเป็นห้องที่เซฮุนเพิ่งออกมาเมื่อกี๊ มือเล็กกำปั้นเคาะไปเบาๆให้เกิดเสียง ทั้งที่ร่างสูงที่กำลังยืนงงอยู่ว่าคนสวยคนนี้มามีเพื่อนอะไรอยู่ที่หอนอก แถมยังเป็นห้องของไอ้ชานยอลด้วย ถ้างั้นก็คงเป็นเพื่อนแบคฮยอน อ้าว...แล้วไหนบอกว่าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเมทตัวเองเป็นใครไงวะ อะไรเนี่ย..
“แบค...แบคโว้ย !”
แกร๊ก
“อ้าวอีลู่ มึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหรอ่ะคิดถึงงงงง” แบคฮยอน (ที่อยู่ในสภาพปกติแต่เดินกะเผลกๆหน่อย)เปิดประตูมาพร้อมกับทำหน้าปริ่มสุดชีวิตหลังจากเจอเพื่อนตัวเองที่ไปแลกเปลี่ยนที่อังกฤษตั้งสามเดือน ทั้งคู่กอดกันแน่น โดยที่ลู่หานก็ปล่อยกระเป๋าที่ถูกดึงอยู่ให้เซฮุนถือแล้วมากอดเพื่อนรักแทน
“ใครวะแบค..อ้าวไอ้ฮุนยังไม่ตายหรอ” ชานยอลเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วถามถึงคนที่มาใหม่ แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นไอ้เพื่อนเวรของตัวเองที่ไม่ไปซักที เห็นหายไปนานแล้วก็นึกว่ามันไปเรียน
“ชานยอล นี่ลู่หานเพื่อนกูเอง” แบคฮยอนเดินจูงมือเล็กๆของเพื่อนตัวเองเข้ามาข้างใน ตามด้วยเซฮุนที่ไม่มีคนเชิญแต่มั่นหน้าเดินเข้ามาเอง ร่างสูงทั้งสองมองหน้ากันนิ่งๆก่อนที่ชานยอลจะเอ่ยทัก
“อ้าว แล้วมึงมากับเพื่อนแบคมันได้ไง”
“ก็เดินชนกูอ่ะ”
“หือ ?” คราวนี้ทั้งชานยอลทั้งแบคฮยอนครางเสียงสูงเนื่องจากสงสัยในคำพูดของคุณโอเซฮุนรองเดือนวิศวะคนนี้
“ก็คือว่า..เห้ยเชี่ย จะสิบโมงแล้วนี่หว่า” ลู่หานกำลังจะอ้าปากบอกแต่มองเห็นหน้าปัดนาฬิกาบนฝาผนังว่านี่เลยเวลาที่เขาจะไปรายงานตัวหลังจากกลับมาเกาหลีแล้ว คนหน้าหวานผุดลุกขึ้นทันที มองเลิ่กลั่กหาคนไปส่งเนื่องจากตัวเองโบกรถแท็กซี่มา อีแบคก็ขับรถไม่เป็น เมทมันก็ไม่รู้จัก จะโทรให้อีคยองมารับก็ยังไงๆอยู่ อีจุนมยอนนี่ไม่ต้องคิดต่อให้ว่างแม่งก็ไม่มารับ เหลือไอ้เปรตโอเซฮุนนี่คนเดียวที่กำลังยักคิ้วให้อยู่
“ไปส่งป่าว ?”
“เออ เร็วๆ ลุกเดี๋ยวนี้ ฉันรีบ” ลู่หานไม่รอช้ารีบวิ่งไปคว้ากระเป๋าพร้อมกับลากแขนร่างสูงออกไปทันที ไม่สนแล้วว่าคนในคณะจะมองมั้ย กะอีแค่รองเดือนคณะวิศวะปากหมาเอง คงไม่มีกระแสแอนตี้เขาเพราะนั่งรถมากับหมอนี่หรอกน่า
แบคฮยอนเกาหัวตัวเองเบาๆพร้อมกับมองเพื่อนสนิทของตัวเองที่พูดเองเออเองแล้วก็วิ่งไปเอง อะไรของมันวะ.....
“เพื่อนมึงนี่ดูแปลกๆเนอะ” ชานยอลพูดพร้อมกับนั่งคิดเรื่องเมื่อคืน นี่เขาเปิดซิงแบคฮยอนไปแล้วใช่มั้ย สรุปนี่กูได้มันแล้วใช่ป่ะ คือกูก็เป็นผัวมันแล้วใช่มั้ยล่ะ
“อือ แล้วมึงไปเรียนป่ะวันนี้” แบคฮยอนเอ่ยถามคนข้างๆ ชานยอลพยักหน้าพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนไปมาเหมือนเบื่อมันเต็มที
“กูว่าจะเข้าบ่าย ส่วนมึงไม่ต้องหรอก เดินไปหน้าห้องยังจะไม่ไหวเลย”
“เอ้า ทีมึงยังไปได้เลย”
“ก็กูไม่ได้เป็นอะไรไง”
“แล้วกูเป็นอะไรล่ะ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย”
“มึงโดนกูเอา จบนะ”
แบคฮยอนทำตาโตและมองแรงใส่ชานยอล นี่มันกล้าพูดหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ยังไง เรียนวิศวะแล้วมึงเอาปูนมาร์กหน้าหรอถึงได้หนาขนาดนี้ แล้วทำไมเขาต้องมานั่งเขินคำพูดหมาๆแบบนี้ด้วยวะขอถามตัวเองหน่อย
..........
“ชานยอล กูขอไปนะๆๆๆ” คนตัวเล็กกำลังเดินดึงแขนเสื้อช็อปสีเข้มที่ถูกสวมใส่โดยชานยอล แบคฮยอนกระตุกมันถี่ๆหวังให้ไอ้ชานยอลสนใจตัวเองซักนิด แต่มันก็ยังเลือกที่จะเมินแบคฮยอนซะอย่างนั้น
“ชานย๊อลลลลล”
“มึงจะไปทำไมวะ คลาสมึงมันมีเรียนเต็มวันนี่”
“กูไปเรียนครึ่งวันก็ได้ นะๆ”
“แบคฮยอน....”
“นะชานยอล นะ...น้าๆ”
ร่างสูงพยายามที่จะหลบสายตาหมาๆของรูมเมทตัวเล็ก ยังไงเขาก็จะไม่ให้มันไปเด็ดขาด เพราะถ้าไปสภาพนี้รับรองว่ากลับมาแล้วแบคฮยอนไข้ขึ้นแน่ๆ แต่ก็นั่นแหละ...ชานยอลแพ้ลูกอ้อนมันเต็มเปาเลย
“เออ จะไปก็ไป”
“เย้” แบคฮยอนกระโดดเป็นเด็กๆ แต่เหมือนจะลืมไปว่าตัวเองเพิ่งผ่านอะไรมา ความเจ็บแล่นปรี๊ดจนคนตัวเล็กแทบทรุด ดีที่มือคว้าเข้าที่คอชานยอลทัน ไม่งั้นนอกจากจะเจ็บก้นแล้ว แบคฮยอนจะต้องเจ็บขาเพิ่มแน่ๆ
“มึงนี่มัน....จริงๆเลย”
แบคฮยอนเดินเข้ามาในคณะเป็นช่วงที่พักกลางวันพอดี สอดส่องสายตามองหาเพื่อนตัวเองก็เห็นคยองซูกับลู่หานกำลังคุยอะไรกันเสียงดัง และแน่นอนว่าอีจุนมยอนก็ยังก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือต่อไป ขนาดเขาเดินไปหาแล้วมันยังไม่เงยหน้าขึ้นมาเลย สังคมก้มหน้าจริงๆ
“เห้ย อีจุ๋มโว้ย” แบคฮยอนตะโกนกรอกหูเพื่อนตัวเองจนมันสะดุ้งแบล็กการ์ดแทบหลุดมือ จุนมยอนมองตาขวางใส่อีเพื่อนหน้าหมาของตัวเองพร้อมกับทำท่าจะขว้างไอโฟนใส่ ช่างเป็นท่าที่น่าหมั่นไส้เหลือเกิน....
“อ้าวแบคฮยอน นั่งสิอีดอกยืนบังผู้ชายกูหาพ่อมึงหรอ” คยองซูเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนตัวเองด้วยสายตาเพลียๆ เขากับลู่หานอุตส่าห์แย่งชิงทำเลดีๆที่จะมองผู้ชายคณะวิศวะกับผู้ชายคณะแพทย์จากชะนีหลายๆนางได้เลยนะ แล้วดูสิ ดูอีอ้วนแบคมันมาบังสิ
“ไหน ไหนผู้ชายมึงหรอคยองซู ใช่จงอินวิดวะป่ะว้า” แบคฮยอนทำหน้าทะเล้นพลางตะโกนเสียงดัง และยิ่งโรงอาหารด้วย เสียงมันเลยก้อง แถมกลุ่มของจงอินก็กำลังเดินมาทางนี้ด้วย คยองซูทำตาโตรีบมุดหลังลู่หานเพื่อหลบหนุ่มวิศวะสุดหล่อว่าที่แฟนในอนาคตทันที ถ้าจงอินไม่ชอบนี่หน้าแหกเลยนะ และนี่คิดดูตั้งกี่คณะ กี่คน อีแบคนี่มันอีแบคจริงๆ !
แบคฮยอนนั่งลงแล้วแย่งขนมเพื่อนกินทันที ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าวันนี้คนตัวเล็กรองพื้นหนามาก โดยเฉพาะคอ แบคฮยอนจะไม่ให้รู้ว่าตัวเองไปทำอะไรมา เดี๋ยวเรตติ้งตก ไม่ได้ๆ
“ชานยอล ทำอย่างนี้กับมินอาได้ยังไงคะ เราเป็นของตายหรอ !!” เสียงของผู้หญิงดังขึ้น ทั้งโรงอาหารเงียบเพื่อดูคู่ชายหญิงที่กำลังทะเลาะกันอยู่ แบคฮยอนมองไปก็เห็นว่ามินอากำลังแสดงสีหน้าที่โกรธจัดใส่ชานยอล ซึ่งเพื่อนของเขาก็แค่ยืนมองนิ่งๆเท่านั้น
“ที่ผ่านมามันคืออะไรอ่ะชานยอล ไหนชานยอลบอกว่ารักเราไง” มินอาทุบอกชานยอลแรงๆแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวทั้งตะโกนพาลโทษนู่นโทษนี่ไปทั่ว
“ไม่ มินอา ยังไงเราก็ไปกันไม่รอด” ชานยอลพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่เพราะว่าเสียงในโรงอาหารเงียบจึงทำให้ได้ยินเสียงของคนทั้งคู่ชัดๆ
“เพราะมันใช่มั้ย เพราะมันใช่มั้ย !!!” คราวนี้หญิงสาวเดินมาทางแบคฮยอน ร่างบางเริ่มกระแอมเสียงเตรียมพร้อมสู้เพราะยังไงมันก็ไม่พ้นเขาอยู่แล้ว แบคฮยอนยกน้ำแดงของลู่หานมากระดกดื่มแล้วแลบลิ้นเลียฝีปาก เพื่อนในกลุ่มมองแบคฮยอนด้วยแววตาให้กำลังใจ ประมาณว่าสู้ๆนะอีแบค เพื่อผู้ชายกูรู้มึงทำได้...
“ไม่ใช่เพราะใครทั้งนั้นแหละมินอา” แต่ยังมาไม่ถึงไหนก็ถูกชานยอลกระชากแขนไปก่อน มินอาสะบัดตัวสุดแรงจนหลุด แบคฮยอนคิดว่าจริงๆแล้วชานยอลมันไม่ได้ล็อกแน่นอะไรหรอก เหมือนทำให้ดูเท่ๆไปงั้น
“แก ! แบคฮยอน !!” มินอาเดินมากระชากแขนแบคฮยอนจนน้ำแดงแทบหก คือแบบกูจะแดกไง ให้กูแดกก่อนไม่ได้หรอสังคม....
“อ้าว เกี่ยวไรกับฉันเนี่ย” แบคฮยอนสะบัดแขนออกและลุกขึ้นยืนมองมินอาด้วยแววตาสงสัย แต่ดูเหมือนจะกวนประสาทซะมากกว่า คนตัวเล็กเอียงคอมอง ยักคิ้วยิ้มๆให้หญิงสาวสั่นไปมาอย่างกับเจ้าเข้า
“แกทำให้ชานยอลบอกเลิกฉัน แก !”
“เอ้า ก็ชานยอลบอกเลิกเธอแล้วเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ”
“อย่ามาตอแหล”
“อุ๊ยรู้ด้วยอ่ะ งี้แหละ คนตอแหลมันก็เห็นกันเองอยู่แล้วเนอะ 55555” แบคฮยอนป้องปากหัวเราะด้วยท่าทางน่าหมั่นไส้ มินอาง้างมือจะตบใบหน้าของแบคฮยอนแต่ถูกมือของคยองซูปัดออกไปก่อน คนตาโตจ้องเขม็งไปที่หญิงสาว พรรคพวกของมินอาเริ่มมากันเป็นกลุ่มใหญ่
“เอ้าพอ แยกๆ เดี๋ยวกูก็ให้ป๊าไล่ออกซะให้หมดหรอก” จุนมยอนได้ฤกษ์วางไอโฟนของตัวเองแล้วปัดมือไล่ ทุกกลุ่มแตกฮือทันทีเมื่อพูดถึงพ่อของจุนมยอน แหงสิ...ก็คุณคิมเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายอธิการบดีนี่ ใครจะทำอะไรยังไงก็เอาชนะจุนมยอนไม่ได้หรอก แบ็กเขาดี
“เออ...บทจะจบก็จบง่ายๆงี้เลยอ่อวะ” ลู่หานนั่งเกาหัวพร้อมกับมองไปรอบข้างที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ คือ...เมื่อกี๊มันจะตบกันนะ เห้ย...พวกมึงไม่ตกใจอะไรกันหน่อยหรอ ลู่หานไปแลกเปลี่ยนแปปเดียวนี่กลับมาทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก อะไรคือการที่ทุกคนไม่มีใครตื่นเต้น เว เว เว๊ ?
“เห้ยมึง ทำไมนิ่งกันจังวะ” ลู่หานถามแบคฮยอนที่เพิ่งนั่งลง เพื่อนตัวเล็กเพียงแค่ยักไหล่แล้วแย่งน้ำของเขาไปดูดต่อ
“มินอากับการมีเรื่องมันเป็นของคู่กันอยู่แล้ว กูก็งงว่าทำไมนางไม่โดนไทร์ออก ที่แท้แม่งเก่งแต่ปาก ไม่เห็นจะลงไม้ลงมืออะไรกับใครซักที” คยองซูนั่งลงพร้อมกับอธิบายเพื่อนหน้าสวยฟัง ลู่หานพยักหน้าแต่ก็ไม่วายมองไปที่กลุ่มของชานยอลที่นั่งกินข้าวต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อ๋อ...มีไม่ปกติอยู่คนนึง
ตอนแรกลู่หานคิดว่าเซฮุนไม่ปกติ แต่จริงๆแล้วหมอนั่นก็แค่ไม่สมประกอบแบบขาดสติสุดๆ เขาเพิ่งรู้กะอีตอนที่เซฮุนตะโกนนั่นแหละ แต่ถ้าตะโกนแบบปกติคงไม่อะไรขนาดนี้ ถ้าเซฮุนไม่ตะโกนว่า
“เห้ยไอ้ชานยอล เด็กอักษรนี่น่ารักทุกคนเลยป่าววะ” แล้วมองมาที่กลุ่มพวกเขา....อีแก๊งค์วิศวะทั้งโต๊ะโห่ฮิ้วรับแล้วชี้มาที่โต๊ะของพวกเขาไม่ขาดระยะ มันแปลกตรงที่คุณหนูจุนมยอนผู้ขี้วีนไม่ได้แสดงอาการอะไรนอกจากอมยิ้ม
เดี๋ยวนะ...อีจุ๋มเนี่ยนะอมยิ้ม ?
“อีจุ๋ม..มึงยิ้มไรอ่ะ” แบคฮยอนเป็นคนไขข้อข้องใจของลู่หาน เสียงแหลมๆเอ่ยคาดคั้นอีคุณหนูที่กำลังอมยิ้มแล้วกดโทรศัพท์แก้เขิน มองเห็นตัว T แว๊บๆนะเมื่อกี๊
“ป๊าว ยิ้มไร๊ ”
“แหน่ะ ตอแหลจริงๆละแบบนี้”
“ก็...กูก็เขินเป็นป่ะวะ....”
ทันทีที่จบคำพูดหน้าขนลุกของจุนมยอน เพื่อนๆก็ทำหน้าเหวอทันที เหยด...อีจุ๋มเขาเขินเด็กวิศวะครับสังคม เด็กวิศวะที่ชื่อนำหน้าว่าตัว T ที่เห็นแว้บๆในไลน์ คาดว่าน่าจะอยู่ในกลุ่มของชานยอลนั่นแหละ เขาทำได้ไงให้อีจุ๋มเขินเนี่ย ยอดคนจริงๆ
แบคฮยอนกลับหอทันทีที่เรียนจบคลาส มานั่งรอไอ้ชานยอลซื้ออะไรมาให้กินดีกว่า เขาไม่อยากเดินไปไหนมาไหนกับพวกคยองซูซักเท่าไหร่ตอนที่ร่างกายยังมีสภาพแบบนี้ ร่างบางยกมือขึ้นเช็ดเหงื่อหลังจากเข้าห้องมาแล้ว ก่อนจะสำเหนียกตัวเองได้ว่าควรจะไปอาบน้ำได้แล้ว แต่..ไหนๆไอ้ชานยอลก็ไม่อยู่ห้องแล้ว แบคฮยอนจะเดินไปมาให้เพื่อถอดเสื้อผ้าให้เจ็บตัวอีกทำไม ก็แก้แม่งหน้าห้องน้ำนี่แหละ
คนตัวเล็กค่อยๆปลดกระดุมเสื้อนิสิตที่โครตร้อนนี่ทีละเม็ด เหลือแค่กางเกงยีนส์เนื้อดีรัดรูป แผ่นหลังบางที่มีรอยคิสมาร์กเต็มไปหมดไม่ต่างอะไรจากแผ่นอกและลำคอ แบคฮยอนลูบตามรอยนั้นเบาๆ ไอ้ชานยอลมันทำรอยขนาดนี้เลยหรอ เยอะมากจนลายตาไปหมด ยิ่งซอกคอกับไหปลาร้านี่แทบจะไม่มีที่ว่างให้เลย
แกร๊ก
“แบคฮยอน..กู....” ร่างสูงๆที่มีเสื้อช็อปพาดบ่าเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับชูถุงขนม แต่ก็ต้องนิ่งไปเมื่อเห็นสภาพของคนตรงหน้า ชานยอลลอบกลืนน้ำลายแล้วพยายามจะตั้งสติ แต่ร่างกายมันไม่สามัคคีกับสมองเลย ทำไมเขาถึงได้ไปยืนช้อนหลังแบคฮยอนจนแนบชิดขนาดนั้นล่ะ...อันนี้เดือนวิศวะก็ตอบไม่ได้จริงๆ
“เห้ย มึงมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เดี๋ยว...” แบคฮยอนมองอีกคนผ่านกระจกและเอียงคอหนีเมื่อปลายจมูกโด่งเริ่มซุกไซร้เข้าที่ลำคอระหงส์อีกครั้ง ปลายลิ้นไล้ซอกคอขาวไปมาจนคนตัวเล็กขนลุกซู่
“มาถึงก็ยั่วกูเลยนะ...ถ้ากูจับกดอีกอย่ามาร้องให้กระแทกเบาๆล่ะแบคฮยอน”
Comment &Hashtag
#ฟิคเสี้ยนชบ
TALK
หมดคำจะพูดกับปาร์คชานยอลเเล้วจริงๆค่ะ....พี่เขาเสี้ยนจริงๆไม่ติงนัง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ออพีฉันเริ่มไม่มั่นใจและว่า อิแบคนางอ่อยพี่ ฉันว่าพี่หื่นมากกว่าน้ะ????????
ฮุนฮานมีความคู่กัด5555 ชานเเบคยังไม่หายเจ็บเเกอดใจรออีกสักนิสสส
บทพอได้กันเท่านั้นแหล่ะ จ้องจะกินแบคตลอด 5555555555
อิชานแม่งงงงง แบคไม่ใช่ตุ๊กตายางนะว้อยยยยยย