ตอนที่ 30 : Chapter 27
-27-
สีหน้าเหมือนคนจะเป็นลมของลู่หานทำเอาโอเซฮุนที่ยืนรออยู่ถึงกับต้องเดินไปสะกิด ตอนแรกเขาก็คิดว่าข้อสอบไม่ยากเท่าไหร่ พอมาเจอแบบนี้เซฮุนถึงได้รู้ว่าอักษรไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิด ดูจากสีหน้าของคนตัวเล็กข้างกายก็เห็นได้ชัด
“เฮ้ย ไหวปะเนี่ย” มือหนาดึงกระเป๋าของคนข้างกาย ลู่หานสะดุ้งเล็กน้อยเพราะถูกรั้งจากด้านหลัง ดวงตากลมโตเผลอเบิกกว้างเล็กน้อย
“ฮะ อะไรนะ เรียกเราปะ” ลู่หานสะบัดหัวเล็กน้อยเหมือนสติจะค่อยๆกลับมาทีละนิด เขารู้สึกเหมือนหัวตัวเองจะมึนๆจากข้อสอบไฟนอลเมื่อสิบนาทีที่แล้ว มันเหมือนตอนเล่นเกมแล้วพลังกำลังจะหมดแต่ถูกชุบชีวิตจากเสียงหมดเวลาของ อาจารย์พร้อมกับปลายปากกาที่ตวัดอักษรตัวสุดท้ายเสร็จพอดี ขอบคุณโอเซฮุนที่มาดึงสติเขา ถ้าไม่งั้นเผลอๆลู่หานอาจจะสะดุดบันไดหัวทิ่มตายไปแล้ว
“เออ ก็อยู่กันสองคนจะให้เรียกหมาที่ไหนล่ะ”
“พูดดีๆนี่จะลงแดงตายหรอ” คนตัวเล็กหันมาชกแขนแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของเซฮุนสุดแรง คนตัวสูงแอบสะดุ้งเล็กน้อยเพราะลู่หานก็ผู้ชาย หมัดเล็กๆแบบนี้ละเฉี่ยวอย่างเจ็บเลยขอบอก
“พูดดีๆไม่ลงแดงตายหรอก แต่ถ้าไม่เจอหน้าลู่แค่วันนึงอะจะลงแดงตาย” เซฮุนยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ลู่หานอีกรอบ
“ไป ไปเดินเอาหัวโขกกำแพงตึกซะนะเซฮุนนะ”
ปิดเทอม แบคฮยอนรอเวลานี้มานานแล้ว หกเดือนที่ผ่านมามันทำเขาเก็บกดจากการเรียนหนังสือในมหาวิทยาลัยและงานอันหนักหนาสาหัสมากๆ
ปิดเทอมคนอื่นอาจจะไปเที่ยว ไปพักผ่อน บางคนกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว แต่สำหรับแบคฮยอนมีคำตอบเดียวเท่านั้น คือนอน นอน และนอน!!
เรียนอักษรไม่ง่าย งานก็ไม่ง่ายแถมยังสั่งเยอะอีก เขายังไม่เห็นวิศวะแบบชานยอลทำงานหนักเท่านี้เลย บางทีแบคฮยอนก็งงตัวเองว่าจะสอบเข้าคณะนี้มาทำไม แต่เพิ่งมานึกขึ้นได้ว่างานของชานยอลเยอะกว่าตัวเองตั้งหลายเท่า แต่มันทำตัวว่างเองต่างหาก
รอดเอฟมาได้ก็เป็นบุญหัวแล้วจริงๆ
เอาล่ะ ตอนนี้ก็ได้เวลานอนมาราธอนของแบคฮยอนแล้ว คนอื่นจะไปเที่ยวไปเมาที่ไหนก็ช่างแม่งละ กูจะนอน กูง่วง เวลาหนึ่งเทอมที่ผ่านมาได้พรากเวลานอนของแบคฮยอนไปและตอนนี้ก็กำลังมาทวงบัลลังก์ที่นอนของเขาแล้ว
คนตัวเล็กทิ้งตัวลงบนที่นอน ชุดนักศึกษาตอนนี้กูก็ไม่ถอดละครับ กูง่วงครับ กูรู้สึกเหมือนตัวเองถูกฆ่าโดยมีฆาตกรบนกระดาษที่เขียนจั่วหัวไว้ว่า Final
แบ คฮยอนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เครื่องสวยถึงจะรู้สึกตัวนั่นแหละ มือเรียวควานหาโทรศัพท์ของตัวเองแล้วกดรับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ใครมันโทรมาตอนตีสองวะ....
“ครับแม่”
(แบคฮยอน หนูอยู่ไหน!) เสียงตื่นตกใจของมารดาทำเอาแบคฮยอนตาสว่าง ร่างบางเด้งตัวลุกขึ้นทันที
“อยู่หออะ แม่มีอะไรหรือเปล่า ทำไมทำเสียงแบบนั้น”
(หนูสอบเสร็จแล้วใช่ไหมลูก...)
“อ่า ใช่ครับ”
(คือน้องแบค ฟังแม่นะ)
“.....” ฟังอะไรวะ... แบคฮยอนเริ่มใจไม่ดีแล้วนะ...
(คือพ่อเส้นเลือดในสมองแตก ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว...)
“อะไรนะ...” แบคฮยอนรู้สึกหูอื้อชั่วขณะ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้มันเป็นแค่ฝัน อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่แบบนี้ ไม่ใช่สุขภาพของพ่อ...
(พ่อเส้นเลือดในสมองแตก ตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลยลูก) เสียงหวานของแม่เริ่มสั่น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสะอื้นที่กลั้นไม่อยู่
“แล้วทำไมแม่เพิ่งมาบอกแบค ทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้!!” แบคฮยอนเผลอใส่อารมณ์กับแม่ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเพิ่งมาบอกกัน สุขภาพของพ่อมันใช่เรื่องที่ต้องเก็บไว้ไม่ให้ลูกอย่างเขารู้หรอ
(แม่....แม่เห็นว่าแบคกำลังจะสอบ แม่เลยไม่อยากให้หนูเครียด) หญิงวัยกลางคนพูดพร้อมกับสะอึกสะอื้น แบคฮยอนนิ่งทันทีที่ได้ยินเหตุผลของแม่ คนตัวเล็กกัดปากตัวเองแน่น
เขาแค่ไม่อยากให้แม่ได้ยินเสียงตอนเขาร้องไห้ แค่นั้นเอง..
แบคฮยอนก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลหยดลงหมอนใบโปรดช้าๆ เขาทั้งเสียใจและรู้สึกผิดไปพร้อมๆกัน เสียใจที่แม่ไม่บอกว่าพ่อเป็นอะไร และรู้สึกผิดที่เผลอตวาดใส่แม่ ทั้งๆที่ผู้หญิงคนนี้เป็นห่วงเขามากที่สุดแล้ว.....
“ละ...แล้วพ่ออยู่ไหน”
(พ่อถูกส่งตัวไปรักษาแล้วก็บำบัดที่นอร์เวย์)
“นอร์เวย์? แล้วใครเป็นคนดูแลล่ะแม่?”
(ตอนนี้ยังไม่รู้ เพราะแม่ทิ้งบริษัทที่เกาหลีไปไม่ได้ อาจจะต้องจ้างให้คนอื่นดูแลไปก่อน..)
“ไม่ต้อง เดี๋ยวแบคดูแลเอง”
(แบคลูก....)
“แค่นี้ก่อนนะแม่ เดี๋ยวแบคจะเตรียมของแล้ว จองไฟลท์บินให้แบคเลยนะ เอาแบบด่วนที่สุด”
คนตัวเล็กกดตัดสายมารดาตัวเองแล้วรีบลุกไปลากกระเป้เดินทางใบใหญ่ของตัวเอง แบคฮยอนรวบเสื้อผ้าในตู้เกือบทั้งหมดมาพับเก็บ รวมถึงของสำคัญที่ต้องเอาไปใช้ที่นู่น
ความเป็นห่วงพ่อที่มากกว่าอะไรทั้งหมดในตอนนี้ทำให้แบคฮยอนไม่แม้แต่จะสนใจแจ้งเตือนไลน์ที่เด้งรัวๆ อยู่บนเตียง ใจเขาอยู่ที่สนามบินแล้ว นึกภาพพ่อกำลังอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลแล้วมีสายอะไรระโยงระยางเต็มไปหมดแบคฮยอนก็ใจแป้วแล้ว
เสียงปลดล็อคประตูจากกุญแจด้านนนอกก็ไม่อาจดึงความสนใจจากแบคฮยอนไปได้ จนกระทั่งชานยอลเดินเข้ามาในห้อง เห็นแฟนตัวเองกำลังเก็บเสื้อผ้าก็ได้แต่ยืนนิ่ง
“เห้ย มึงจะไปไหน!” ชานยอลวิ่งลงไปขวางหน้าแบคฮยอนที่กำลังรูดซิปเก็บของอยู่ คนตัวเล็กขมวดคิ้วแน่น ไม่รู้จะบอกยังไง ของก็ต้องเก็บ ไฟลท์บินก็ต้องรอแม่จองให้อีก
“นอร์เวย์”
“ไปทำไมอะ เห้ยมึงตอบกูก่อน”
“พ่อกูเส้นเลือดในสมองแตก” คนตัวเล็กพูดพร้อมกับเดินไปหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาแม่ตัวเองเพื่อดูไฟลท์บิน อ่า...อักสามชั่วโมง น่าจะไปถึงพอดี
“แล้วมึงจะไปไม่บอกกูแบบนี้หรอวะ...”
“ชานยอลมึงฟังกูนะ ตอนนี้กูไม่มีเวลาแล้ว กูต้องไป” แบคฮยอนหันไปจับแขนของอีกฝ่ายไว้แล้วผละออกไปหาพาสปอร์ตที่เตรียมไว้
“บางทีกูก็คิดว่ากูไม่สำคัญจนถึงกับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมึงเลยหรอ...”
“มึงสำคัญ แต่...”
“แต่อะไรวะ ถ้ากูกลับมาไม่ทันแล้วเห็นแค่โพสอิทโง่ๆจากแฟนตัวเองว่าไปนอร์เวย์ทั้งที่กูไม่รับรู้อะไรเลยอะนะ มึงแม่งใจร้ายชิบหาย....”
“มึงอย่างี่เง่าได้ปะวะ ไม่มีกูมึงก็อยู่ได้ไม่ใช่หรอชานยอล” นี่แบคฮยอนไม่ได้ชวนทะเลาะนะ แต่นั่นพ่อเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา จะให้มาเสียเวลานั่งทะเลาะกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ก็คงไม่ใช่เรื่อง
“มึงอย่าชวนทะเลาะได้มั้ยวะแบคฮยอน”
“ใครชวนทะเลาะ? กูไปดูแลพ่อกับมึงที่เพิ่งกลับมาจากแดกเหล้าแล้วมาโวยวายใส่แบบนี้ ใครชวนทะเลาะกันแน่วะชานยอลมึงลองคิดอีกทีซิ”
“อย่างน้อยมึงก็ควรจะบอกกูซักนิด”
“กูบอกมึงกี่รอบ กูโทรไปกี่สายเคยรับบ้างไหม”
“ก็นี่ไง กูกลับมาแล้ว”
(‘แบคฮยอน คุณหมอบอกว่าตอนนี้พ่อเกร็ดเลือดต่ำมาก อาการน่าเป็นห่วงมากกว่าสามวันที่แล้ว’ )
โทรศัพท์ในมือสั่นจนต้องกดดูว่าใครที่ส่งข้อความมาตอนนี้ ข้อความจากแม่ทำให้แบคฮยอนสะบัดมือจากชานยอลออกแล้วรีบวิ่งไปหยิบพาสปอร์ต และเงินติดตัวทั้งหมดของตัวเองพร้อมกับลากกระเป๋าออกไปหน้าห้อง ตอนนี้รถที่แม่บอกให้มารับคงมารอแล้ว แต่ก่อนจะออกไปก็โดนมือหนากระชากแขนอีกรอบ
“กูไม่มีเวลามาทะเลาะเรื่องไร้สาระกับมึงแล้วนะชานยอล” คนตัวเล็กยืนพูดด้วยอารมณ์ไม่พอใจนัก ตอนนี้พ่อเขากำลังแย่ ไม่มีอะไรสำคัญไปมากกว่าบยอนจุนซึงแล้ว...
ได้ยินประโยคนี้ ชานยอลถึงได้ปล่อยมือของแบคฮยอนแล้วปล่อยให้คนตัวเล็กลากกระเป๋าใบใหญ่อย่างเร่งรีบกดลงลิฟต์ไป แบคฮยอนไม่แม้แต่จะหันมาโบกมือลาเขาด้วยซ้ำ....
ชานยอลทิ้งตัวลงเตียง เขารู้ว่าแบคฮยอนรักพ่อมากขนาดไหน เขารู้ด้วยว่าตัวเองไม่ใส่ใจที่จะรับโทรศัพท์แบคฮยอนเอง แต่ถ้าจะทิ้งกันไปดื้อๆแบบนี้มันไม่ใจร้ายไปหน่อยหรอ....
พุงพุงเดินออกมาจากบ้านแมวแล้วมาคลอคลียที่เท้าเขา ชานยอลก้มลงอุ้มอีแมวผีลูกของแบคฮยอนมากอดไว้ อย่าน้อยก็ถือว่ามันเป็นตัวแทนของแบคฮยอนช่วงที่ไม่อยู่ก็แล้วกันนะ...
มือหนาหยิบโทรศัพท์ของตัวเองแล้วกดเบอร์ที่คุ้นที่สุด รอเสียงสัญญาณไม่นานก็ได้ยินเสียงคนที่ตัวเองเจอหน้ามันมาทั้งชีวิต รวมถึงปรึกษาได้ทั้งชีวิตเหมือนกัน
“แชริน....” เสียงทุ้มกรอกใส่โทรศัพท์ที่เป็นเบอร์ของพี่สาวแท้ๆด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
(ไร)
“กูทะเลาะกับแบคฮยอน แล้วตอนนี้มันไปนอร์เวย์แล้ว กู...กูจะทำยังไงดี”
(เดี๋ยวนะ บอกกูทีว่าไม่ได้ดูละครอยู่...)
“คืองี้ ฟังกูนะ.....” ชานยอลเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่สาวตัวเองฟัง ถึงแม้มันจะทุเรศที่ผู้ชายแมนๆอย่างเขามาปรึกษาหญิงสาวที่สูงห่างกันเกือบยี่สิบเซนติเมตรแบบแชริน แต่ก็นะ...ช่างมันเถอะ
(จริงๆแล้วมันก็ผิดทั้งคู่ แบคฮยอนก็เป็นห่วงพ่อ แต่ก็ผิดที่ไม่บอกอะไรมึงเลย มึงก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ใส่ใจไม่รับโทรศัพท์เขา )
“แล้วจะให้กูทำยังไง ตอนนี้แบคฮยอนขึ้นเครื่องไปแล้ว..”
(เลิกโง่จะตายไหมปาร์คชานยอล มึงก็บินตามเขาไปสิ โอ้ยให้ตาย...)
“ไม่อะ ในเมื่อมันยังเทกูได้แล้วเรื่องอะไรกูต้องไปวิ่งตามมันด้วยอะ”
(แล้วแต่นะ ถ้าพูดแล้วไม่ฟังก็แล้วแต่) แชรินพูดประโยคทิ้งท้ายก่อนจะกดตัดสายน้องชายของตัวเอง เดี๋ยวถ้ามันทนไม่ไหวก็คงไปหาแบคฮยอนเองนั่นแหละ ยังไงซะชานยอลมันก็ลงอีหรอบเดิม ติดเมียเหมือนเดิม
ชานยอลทิ้งตัวลงเตียงอีกรอบ ไม่เป็นไร ถ้ามันจะไปแบบนี้เขาก็จะอยู่แบบนี้ แต่ถ้ามีคนมาแทนที่ของมันก็อย่าหาว่าเขาใจร้ายละกัน...
ผ่านไปเกือบหกชั่วโมง ทันทีที่ขาแตะพื้นสนามบินที่นอร์เวย์ แบคฮยอนก็รีบเดินไปหาเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทันที เขาไม่มีอารมณ์ไปไหนทั้งนั้นแหละนอกจากไปเจอพ่อ
คนตัวเล็กนั่งมองถนนทอดยาวที่เต็มไปด้วยรถยนต์หลายยี่ห้อ ในใจก็ได้แต่กระวนกระวายว่าเมื่อไหร่จะถึงซักที ในหัวนึกภาพคุณบยอนที่เคยอวบอ้วนและมีรอยยิ้มทุกครั้งที่ลูกกลับไปหา แต่ครั้งนี้คงมีแค่ห้องสี่เหลี่ยมแคบๆที่มีแต่กลิ่นยาและเสียงเครื่องวัดความถี่ของหัวใจซะละมั้ง...
“ถึงแล้วครับ” คนขับรถหันมาพูดกับญาติผู้ป่วยชั้นVIPที่มัวแต่นั่งเหม่อ แบคฮยอนพยักหน้ารับพร้อมกับเปิดประตูรถวิ่งลงไปที่ห้องประสานงานของโรงพยาบาลทันที เพราะเสื้อผ้าและสิ่งของที่เขาหอบมาทางโรงพยาบาลจะมีบริการนำไปจัดเก็บไว้ให้
‘VIP 421’
ตัว หนังสือเลี่ยมกรอบทองตรงหน้าไม่ได้ดูสวยเลยซักนิด มือเรียวผลักประตูสีขาวเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือชายวัยกลางคนที่เคยอวบอ้วนกลับผอมลงเหมือนไม่ใช่คนเดิม ผ้าพันแผลที่โพกศีรษะและเข็มที่เจาะคาข้อมือไว้ทำเอาคนตัวเล็กน้ำตาไหล
คุณบยอนที่เคยเป็นฮีโร่ของเขา กลับกลายเป็นคนป่วยในวันนี้ เครื่องวัดหัวใจและเครื่องช่วยหายใจที่ระโยงระยางเยอะไปหมดไม่ควรมาอยู่บนตัวของพ่อเลย ไม่เหมาะกับพ่อเลยซักนิด...
“ตื่นได้แล้วน่าคุณบยอน มีคนมาเยี่ยมนะเห็นไหม...” มือเรียวเอื้อมไปแตะหลังมือของพ่อเอาไว้ น้ำตาเม็ดแล้วเม็ดเล่าหยดลงจนเปียกที่นอนสีขาวของโรงพยาบาล
“ฮึก..นะ...ไหนรางวัลสอบเสร็จของแบคล่ะ พ่อตื่นมาให้รางวัลแบคก่อนสิ...ฮือ” หัวกลมซบลงกับเตียงนุ่ม สะอึกสะอื้นจนตัวโยน เกิดมาเขาไม่เคยเห็นพ่อป่วย หรือบางทีพ่ออาจจะป่วยมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้บอกให้ใครรู้ จนกระทั่งมันหนักขึ้นๆทุกวัน
คนตัวเล็กหมดเวลาทั้งวันไปกับการนั่งอ่านหนังสือและเล่าเรื่องราวให้พ่อฟัง ถึงแม้ว่าท่านอาจจะไม่ได้ยิน แต่อย่างน้อยมันก็คงดีกว่าการนอนเงียบๆและไม่มีกำลังใจอะไรเลย
“เอ้อพ่อ แบคมีแฟนแล้วนะ อยากเห็นไหม” แบคฮยอนพูดแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา กดเชื่อมต่อสัญญาณไวไฟของโรงพยาบาลก่อนจะกดเปิดไลน์ของคนที่ตัวเองคุยบ่อยที่สุด ตัวหนังสือยาวยืดที่ชานยอลส่งมาแล้วแบคฮยอนไม่ได้เปิดอ่านกำลังทำให้เขานิ่งอีกรอบ
‘แบคฮยอน กูรู้ว่าพ่อมึงป่วยหนัก รู้ว่าเป็นห่วงแต่จะไม่สงสารกูหน่อยหรอ หนีกันไปแบบนี้คิดว่ากูไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ กูไม่ได้โกรธ แต่มึงก็รู้ว่ากูรักมึงมากขนาดไหน แค่บอกกูซักนิดอธิบายให้กูฟังมันยากมากเลยหรอวะ... มึงอาจจะคิดว่าทำไมกูต้องทำตัวเป็นปัญหาทั้งที่จริงๆแล้วกูจะบินตามมึงไปก็ได้ แต่ความรู้สึกกูอะ มึงรู้ตัวไหมว่าคำพูดของมึงมันทำให้กูรู้สึกแย่แค่ไหน จนบางทีกูก็คิดว่าถ้ากูไม่อยู่ขวางหูขวางตามึงมันน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าเนอะว่าไหม’
คนตัวเล็กนิ่งไปแต่ก็ทำใจกล้ากดเลื่อนอ่านข้อความต่อไป มันเป็นข้อความสั้นๆที่ทำให้เขาร้องไห้อีกรอบของวัน ไม่สิ ร้องไห้หนักที่สุดของวันเลยแหละ....
‘อยากเลิกกับกูไหมแบคฮยอน....’
100%
Comment & Hashtag
#ฟิคเสี้ยนชบ
TALK
สอบกลางภาคเสร็จแร้วววววววว มาต่อฟิคแร้ววววว ร้ากน้านุเย้กทั้งหลาย เริ้ปๆๆๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

คืออารมณ์คนมันห่วงพ่อปะวะ แล้วอีกอย่างอยู่ด้วยกันมาขนาดไหน คำว่าเลิกทำไมพูดมาง่ายจังวะเห้ย
นี่คิดว่ารักเป็นของเล่นหรอ จะรักจะเลิกรักตอนไหนก็ได้อะ