ตอนที่ 22 : Chapter 20
-20-
รถยนต์คันสีขาวชะลอจอดข้างฟุตปาธของมหาลัยช่างกล ชานยอลมองไปที่ประตูนิ่งเพื่อหาไอ้คนที่ทำให้งานของแบคฮยอนเสียหาย จนคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆต้องลูบต้นแขนให้อีกฝ่ายใจเย็นก่อน
“มึงมองซะน่ากลัวเลย...” แบคฮยอนพึมพำพลางลูบต้นแขนชานยอลให้ใจเย็นๆก่อน แค่แกล้งเขายังโดนขนาดนี้ แล้วถ้าหนักกว่านี้มันจะไม่ตายเอาหรือไง โอ๊ยให้ตายสิ...
“มึงจำหน้าไอ้นี่ไว้ มันออกมาตอนไหนแล้วสะกิดกูด้วย” ชานยอลโยนใบภาพถ่ายรูปของจุงกิเอาไว้ หลับตาช้าๆเพื่อรอให้ตัวเองอารมณ์เย็นกว่านี้ซักหน่อย เพราะถ้าเขาลงไปตอนนี้บอกเลยว่าไอ้จุงกิปากแตกทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรแน่ๆ
“มึงนี่มัน...” แบคฮยอนขมวดคิ้วถอนหายใจ เขาอยากให้ชานยอลใจเย็นกว่านี้ ไม่ใช่เอะอะก็เอาแต่ใช้กำลังหรือว่าทำเหมือนเขาเป็นคนที่อ่อนต่อโลกและใช้บารมีผัว ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นจริงๆก็เถอะ
คนตัวเล็กหรี่ตามองกระจกหลังเมื่อเห็นว่าเซฮุนมาจอดรถต่อจากชานยอล แบคฮยอนจำทะเบียนได้ แต่ไม่เห็นว่าลู่หานนั่งมาด้วยรึเปล่าเพราะติดฟิล์มทึบ พร้อมกับหางตาที่ตวัดไปเห็นร่างของคนในรูปกำลังเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย เหมือนคนนั้นจะรู้ตัวว่าชานยอลกับเซฮุนมาถึงได้เตรียมพรรคพวกมาเต็มไปหมด
เดี๋ยวนะ...พรรคพวกงั้นหรอ
แล้วผัวกูมีกันอยู่สองคน อีชิบหาย !!!
“อ้าว ออกมากันแล้วนี่หว่า” ชานยอลดันตัวเองขึ้นนั่งพร้อมทั้งทำท่าจะเปิดประตูรถลงไปแต่ก็ถูกมือของแบคฮยอนยื้อไว้ก่อน ร่างสูงหันมามองอีกคนด้วยความสงสัย
“มึงดูดิ๊ว่ามันมากันกี่คน มึงกี่คน เจ็บตัวอีก”
“เถอะน่า”
“น่าแม่มึงสิ เห็นไหมกูนั่งหัวโด่เป็นห่วงมึงอยู่เนี่ย แล้วมากันสองคนแบบนี้มึงก็รู้ว่ามันหมาหมู่ ถ้าแม่งจะเล่นพวกขึ้นมามึงซวยนะเว้ย ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงเมียมึงที่ต้องการจะผลาญเงินผัวอย่างกูนิดนึง” แบคฮยอนร่ายยาว ถึงแม้ประโยคจะดูส้นตีนไปนิดนึงแต่เขาเชื่อว่าชานยอลจะต้องสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงของเขาแน่นอน
“นี่มึงห้ามกูเพราะกลัวไม่มีใครให้เงินพามึงไปซื้อไอโฟนหรอ”
“เออ”
ชานยอลรู้สึกหน้าสั่นประมาณวิครึ่งเมื่อได้รับคำตอบแบบไม่ถนอมน้ำใจของอีเมียตัวดีที่นั่งหน้าตากวนส้นตีนอยู่ข้างๆ จนกระทั่งเห็นเซฮุนเดินลงออกมาจากรถแล้วสาวเท้าเข้าไปหาจุงกิชานยอลถึงได้ลงจากรถซักที เขาต้องรีบปิดประตูก่อนที่จะโดนเสียงด่าของแบคฮยอนมาทำลายระบบประสาท
ชายหนุ่มในชุดนิสิตทั้งสามคนยืนจ้องหน้ากันนิ่ง ลีจุงกิเลิกคิ้วมองชานยอลกับเซฮุนสลับกันไปมาเหมือนไม่รู้จักกันทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นแค่การแสดง ริมฝีปากสีคล้ำที่เกิดจากการสูบบุหรี่ของจุงกิกระตุกยิ้มมุมปากยั่วอารมณ์โมโหของชานยอลอยู่ไม่น้อยแต่เขาก็ทำได้แค่นิ่ง เพราะตอนนี้ต้องเคลียเรื่องของเซฮุนก่อนเพราะหนักหนากว่าเขาอยู่เยอะ
“หน้าคุ้นๆ หุ่นก็คุ้นๆนะ” เซฮุนเปิดปากพูดก่อน ใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มบิดข้อมือไปมา สีหน้าและน้ำเสียงดูท้าทายเอาเรื่อง
“ก็เคยมีเรื่องกันไม่ใช่หรอ ?” จุงกิเลิกคิ้วมองเซฮุนตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วมองย้อนขึ้นไปอีกรอบ
“อืม เคยมีเมื่อไม่กี่วันนี่เลยแหละ” ร่างสูงยักไหล่ไม่สนใจสีหน้าแปลกใจของอีกฝ่าย จุงกิดูงงๆเมื่อเซฮุนพูดถึงเรื่องเมื่อหลายวันก่อน
“เรื่องอะไรหรอ ไม่เห็นรู้” ท่าทางเหมือนไม่รู้นั่นทำเอาเซฮุนอยากจะวิ่งเข้าไปตั๊นหน้าแม่งให้ปากแตกซักทีแต่ก็ต้องใจเย็นไว้ จนลู่หานที่นั่งอยู่ในรถถึงกับต้องเปิดประตูออกมาเมื่อเซฮุนทำท่าจะวิ่งเข้าไปเล่นจุงกิก่อน ยังไงซะเขาก็ไม่อยากให้เซฮุนเป็นคนผิดเพราะเริ่มก่อน อย่างน้อยถ้าจะต่อยก็ให้จุงกิเริ่มก่อนเถอะ คนของเราจะได้ไม่ผิด
อ่า...คนของเรางั้นหรอ....
“ลู่ ลงมาทำไม !” เซฮุนหันไปดุลู่หานที่วิ่งมาดึงแขนตัวเองไว้ นี่พูดจากใจจริงเลยนะว่าไม่อยากให้ลู่หานมาเห็นตัวเองตอนไปมีเรื่อง เพราะกำลังทำคะแนนอยู่ไง เดี๋ยวลู่หานจะกลัวเขาเอา แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว อย่างน้อยเซฮุนก็ขอปกป้องลู่หานด้วยวิธีเถื่อนๆของเขาละกัน
“กะ..ก็....” ลู่หานชะงักเมื่อหันไปเห็นจุงกิเต็มๆสองตา ภาพความทรงจำเก่าๆย้อนมาจนเขาทำอะไรไม่ถูก ยิ่งมือตัวเองถูกดึงเพราะมือของจุงกิด้วยแล้ว ลู่หานอยากจะบ้าตายจริงๆ
เซฮุนถึงกับเดือดเมื่อเห็นข้อมือเล็กๆของลู่หานโดนไอ้จุงกิจับไว้ ใช่สิ ถ่านไฟเก่ามันคุขึ้นมารึไง หรือว่าเพราะเขายังไม่ได้ขอลู่หานเป็นแฟนจริงๆจังๆมันถึงได้อึดอัดแบบนี้ ไม่รู้ล่ะ ตอนนี้อยากต่อยไอ้จุงกิชิบหายเลยครับสังคม
“ลู่หาน นายกับมันรู้จักกันหรอ” จุงกิดึงลู่หานจนคนตัวเล็กเซเข้าไปชนกับอก ถึงแม้เซฮุนอยากจะพุ่งไปซัดมันแค่ไหนแต่เขาก็ทำได้แค่เพียงมองภาพตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด รวมถึงชานยอลที่เริ่มจะรำคาญไอ้จุงกินี่บ้างแล้ว
“........” ลู่หานยังคงเงียบเพราะไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไง ปกติเขาต้องตอบอยู่แล้วว่าเซฮุนเป็นอะไรกับตัวเอง แต่นี่เพราะว่าคนที่ถามคือจุงกิ คือแฟนเก่าของเขาเอง
“ลู่หาน ทำไมถึง....”
“เงียบได้แล้ว น่ารำคาญ” ลู่หานเอ่ยแทรก เขาไม่พอใจที่จะถูกจุงกิดึงไปมาแบบนี้ เลิกก็คือเลิก ต่อให้มีความรู้สึกหลงเหลืออยู่แต่ลู่หานบอกเลยว่าเขาไม่ชอบที่จุงกิจะมาใส่อารมณ์กับเขาแบบนี้ เขาไม่ชอบ !
โอเซฮุนแอบยิ้มมุมปากเมื่อเห็นผลตอบรับที่ค่อนข้างแย่ของลู่หาน เอาล่ะ ทีนี้ก็ควรแสดงตัวเป็นพระเอกแล้วใช่ไหมล่ะ
“ปล่อยดิวะ” คนตัวเล็กสะบัดข้อมือจุงกิออก เดินมาเผชิญหน้าอีกฝ่ายทั้งที่ยังทำหน้าบึ้งตึง ลู่หานชี้หน้าจุงกินิ่ง ดวงตากลมสวยที่มีแพขนตาหนาดูวาวโรจน์เมื่อนึกถึงเรื่องที่ผู้ชายคนนี้ทำแย่ๆกับพี่สาวและตัวเองไว้
“ลีจุงกิ นายเห็นว่าฉันโง่มากหรอ โง่จนไม่รู้ว่าไอ้เหี้ยนั่นที่มาหาฉันในห้องน้ำน่ะไม่ใช่นายงั้นหรอ คิดผิดแล้ว.....”
“.........”
“ฉัน อ่าไม่สิ...แฟนฉันฉลาดกว่านายเยอะ อย่าคิดว่าแค่แมสปิดปากโง่ๆอันนั้นจะทำให้นายพรางตัวจนฉันจำไม่ได้ แล้วไอ้ประโยคนั่นก็มีแค่นายคนเดียวที่กล้าพูดแบบนี้เพราะไม่มีใครรู้ว่าสรรพนามของนายกับฉันคืออะไร”
“รู้ตัวก็ดี ผัวคนนี้คิดถึงจะแย่แล้ว” จุงกิยักไหล่เหมือนไม่แยแส เขาพูดคำคำนี้โดยไม่นึกถึงหน้าลู่หานหรือว่าคนอื่นๆที่จะได้ยินเข้าจะมองหน้าลู่หานยังไง คนตัวเล็กจะเสียความรู้สึกขนาดไหน
“ไอ้เหี้ยนี่แม่ง...” เซฮุนสบถคำหยาบมาสั้นๆก่อนจะพุ่งไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย สวนหมัดกระทบโหนกแก้มเต็มแรงจนจุงกิล้มไม่เป็นท่า ชานยอลที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับหน้าเหวอ ไม่คิดว่าเพื่อนตัวเองจะใจร้อนขนาดนี้ จริงๆเซฮุนไม่ใช่คนใจร้อนอะไรหรอก เพียงแค่เรื่องนี้เป็นเรื่องของลู่หาน
คนพิเศษก็มักจะได้รับการยกเว้นเสมอนั่นแหละ...
แบคฮยอนรีบเปิดประตูรถลงไปดูเหตุการณ์ข้างล่าง ตอนนี้ทุกอย่างมันชุลมุนเพราะเซฮุนกำลังโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ส่วนชานยอลก็พยายามดึงลู่หานเอาไว้ เรื่องนี้มันจะยิ่งบานปลายถ้าหากลู่หานเจ็บตัวหรือเข้ามาห้ามเซฮุนกับจุงกิเอง หน้าที่ของทุกคนตอนนี้คือพยายามเอาใจช่วยเซฮุน แต่ถ้าให้ไปลากมันออกมาชานยอลบอกเลยว่าเขาไม่ทำ ในเมื่อได้ต่อยแล้วก็เอาแม่งให้สุด ห้ามไปทำไมให้เหนื่อยล่ะ
Rrrrrr~
เสียงโทรศัพท์ในกางเกงยีนส์ของชานยอลดังขึ้นมา ร่างสูงจิ๊ปากอย่างขัดใจ ทั้งๆที่ไอ้จุงกินั่นเกือบขะน่วมตีนแล้วแท้ๆ ใครแม่งโทรมาขัดวะ
“โหล ใครเนี่ยโทรมาทำไม” ชานยอลค่อยๆก้าวออกมาเพียงสองสามก้าวแล้วกดรับโทรศัพท์โดยที่ยังไม่ได้อ่านชื่อว่าใครโทรมา
(ปาร์คชานยอล นี่มึงตะหวาดใส่กูหรอ !) เสียงแหลแหลมของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมา ชานยอลเผลอหายใจสะดุดไปช่วงหนึ่งเมื่อนึกขึ้นได้
“เอ่อ...ชะ...แชริน” เสียงทุ้มดูหงอยลงไปถนัดตา ถึงแม้ว่าเพื่อนจะกำลังต่อยกับเด็กเมื่อวานซืนอยู่ชานยอลก็ไม่อาจให้ความสนใจได้มากกว่าคนสวยในโทรศัพท์ได้หรอก
ก็ปาร์คแชรินมันพี่สาวของเขาที่โคฟเวอร์เป็นยักษ์ตั้งแต่ชานยอลเกิดมาลืมตาดูโลกเลยนี่นา ผู้หญิงอะไร ห้าวก็ห้าวแถมปากหมาอีก ชานยอลละหมั่นไส้ยัยยักษ์นี่ซะจริง
(เออ)
“มึงกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วมาทำส้นตีนอะไรตอนนี้) ชานยอลอดไม่ได้ที่จะหลุดปากด่าพี่สาวตัวเองที่อายุห่างกันเพียงหนึ่งปี แต่แชรินไปเรียนที่อเมริกาเลยไม่ค่อยมีคนรู้นักว่ายัยยักษ์นี่เป็นพี่สาวแท้ๆของเขา
(ปากดี มึงมารับกูที่สนามบินเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้โย่ง) แชรินโวยวายเสียงดังแว้ดๆใส่โทรศัพท์เครื่องหรู จนชานยอลต้องรีบเดินออกมาจากพวกที่กำลังต่อยกันอยู่ เขาหันไปมองก็เห็นว่าไอ้จุงกิมันก็ใจพอที่จะไม่เล่นพวกกับเซฮุน
“กู..กูมีสอบย่อย ไปไม่ได้”
(ตอแหล เร็วๆกูให้เวลามึงครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่เห็นหูกางๆและหน้าเหียกๆของมึงกูจะโทรไปฟ้องป๋าเรื่องที่มึงเอาบัตรเอทีเอ็มกูไปซื้อกระเป๋าแชแนลให้เด็กในสต็อกมึง แล้วก็เรื่องที่มึงไม่ไปเรียนมัวแต่ไปขลุกอยู่ที่ผับ แถมยังติดหญิง แล้วก็เรื่อง....)
“เออ กูไปก็ได้ ! แล้วหุบปากหมาๆของมึงให้เงียบสนิทเลยนะ”
(ให้ไวเลยไอ้โย่ง ให้ไว)
“เงียบไปอีเตี้ย เจอมึงที่สนามบินเมื่อไหร่เดี๋ยวพ่อจะเตะให้”
(สัด !)
ชานยอลอยากขว้างโทรศัพท์ให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อนก็มีเรื่อง พี่ก็กลับมาจากอเมริกา ถ้าไม่ไปรับมันเดี๋ยวโดนพ่อด่าอีก แม่งเอ๊ย !
เซฮุนถีบเข้ากลางท้องของจุงกิ ทำท่าจะวิ่งเข้าไปอีกรอบแต่โดนลู่หานดึงแขนไว้ แค่มาต่อยเขาหน้ามหาลัยก็มั่นหน้ามากพอแล้ว นี่ยังจะเอาให้หนักกว่าเดิมอีก ให้ตายสิ....
“เซฮุน พอได้แล้ว” ลู่หานดึงแขนของเซฮุนแล้วลากออกมา ถึงแม้ว่าคนโดนลากด้วยแรงน้อยนิดนั่นแทบจะไม่ได้ทำให้ร่างกายของเขาขยับเขยื้อนเลย แต่อย่างน้อยแค่ไอ้จุงกิมันลุกขึ้นมาไม่ไหวก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขาแล้วล่ะ
“ลู่ ขึ้นรถ” เซฮุนขืนตัวไว้ทำท่าจะเดินเข้าไปคุยกับจุงกิอีกรอบ หางตาดันตวัดไปเจอชานยอลที่กำลังเดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไอ้ฮุน ไหนๆมึงก็ต่อยมันคุ้มละ ฝากด่าหน่อย อะไรก็ได้”
“ฮะ เดี๋ยว อะไรวะ...”
“แชรินมา กูต้องไปรับมัน ไปแล้วนะเดี๋ยวชะตาขาด” ชานยอลพูดรัวๆแล้วคว้ามข้อมือแบคฮอยนที่ยืนเหวออยู๋ขึ้นรถไปทันที นี่ให้เขามายืนดูไอ้ฮุนต่อยไอ้จุงกิแลเวขับรถไปรับแชรินหรอ ไหนจะเรื่องที่แม่งแกล้งแบคฮยอนล่ะ โทษใครไม่ได้นอกจากแชริน อีเตี้ยยยยยยย
“เออๆ ลู่ไปขึ้นรถได้แล้ว” เซฮุนพยักหน้างงๆ มือก็ดึงลู่หานให้ขึ้นรถแต่ตัวเองก็ยังยืนเฉย
“ขึ้นไปพร้อมเราดิ”
“เดี๋ยวไป..”
“ไม่ ไม่ไปไหนทั้งนั้นอ่ะ ขึ้นรถก็ขึ้นรถดิ” ลู่หานขมวดคิ้ว ลากเซฮุนแล้วผลักให้ไปนั่ง จนเซฮุนต้องยอมให้กับความรั้นของคนตัวเล็กจึงจำยอมขับรถไป แต่ตอนผ่านกลุ่มของจุงกิก็ยังไม่วายเปิดกระจกไปชูนิ้วกลางใส่อีกฝ่ายให้พวกมันเดือดเล่นๆอีก
“หึ” เซฮุนอมยิ้มเมื่อนึกถึงประโยคที่คนข้างๆพูดออกมา ตอนที่ลู่หานบอกว่าเขาเป็นแฟนนี่แม่ง...โครตน่ารัก
“อะไร”
“ก็ป่าว พอดีมีคนชมว่าฉลาด แถมเรียกนี่ว่าแฟนอีก”
“เออ ไหนๆก็ไหนๆละ” เซฮุนหันไปมองลู่หานตอนที่รถติดไฟแดง ดวงตาคมจ้องใบหน้าหวานนิ่งจนลู่หานเริ่มประหม่า
“อะไรของนาย...” ดวงตากลมโตกรอกไปมาพยายามหลีกเลี่ยงสายตาของเซฮุน เขาไม่ชินกับโหมดจริงจังของเซฮุนเลยจริงๆ
“ไอ้ที่บอกว่านี่เป็นแฟนอ่ะ หมายความว่าไง”
“ก็ตอนนั้นมันโมโห ก็เลยเผลอพูดไปเฉยๆอ่ะ”
“เห้ย ทำงี้ได้ไงอ่ะ” เซฮุนเสียงดังขึ้นจนลู่หานสะดุ้ง คนตัวเล็กกระพริบตาถี่ๆเรียกสติของตัวเอง
“อะ..อะไร ทำไมต้องตะโกนอ่ะ!”
“มาพูดงี้แล้วไม่รับผิดชอบได้ไง รู้ป่ะว่าคนที่ได้ยินเค้าก็คิดกันไปหมดแล้วว่าเราเป็นแฟนกันอ่ะ”
“เอ้า แล้วจะให้ทำไงอ่ะ”
“ข้อหาที่ลู่หานทำสาวๆและเด็กในสต็อกเราได้ยินแบบนั้น ต้องรับผิดชอบ”
“.....”
“ด้วยการ....” เซฮุนเลื่อนใบหน้ามาจนแก้มแนบกับแก้มนุ่มๆของลู่หาน ริมฝีปากฉียดแก้มและใบหูของคนตัวเล็กไปมาจนลู่หานหน้าร้อนผ่าว
“อะ...อะไร”
“เป็นแฟนกับนี่ โอเคป่ะ ?”
ชานยอลจอดรถที่ลานจอดรถทันเวลาอย่างหวุดหวิด สายตาของเขาไล่หาร่างเตี้ยๆและพยายามคอยฟังเสียงแจ๋นๆของแชริน จนสายตาไปสะดุดอยู่ที่ผู้หญิงผมสีเทาควันบุหรี่ยาวถึงกลางหลัง กางเกงยีนส์ขาสั้นอวดต้นขาที่แม้จะไม่ได้ยาวแต่เรียวสวย ดวงตาชั้นเดียวเต็มไปด้วยอายไลนเนอร์ราคาแพง ลิปสติกสีชมพูพีชและเครื่องประดับแบรนด์ดัง
“ไอ้โย่ง !!!” เสียงของแชรินแหวกอากาศดังขึ้นมา หญิงสาวรีบวิ่งมาหาน้องชายที่ดึงส่วนสูงของตัวเองด้วยความเร็วก่อนที่จะถูกดึงไปอยู่ในอ้อมกอดของน้องชายร่างสูง แชรินสูงแค่อกชานยอลเท่านั้น แบคฮยอนที่ยืนมองอยู่ถึงกับอมยิ้มกับโมเมนต์น่ารักๆของพี่น้องปาร์คที่นานๆจะเจอกันที
“เตี้ย กูไม่เจอมึงมากี่ปีแล้ววะ”
“เจ็ดปี แต่กูกลับมาอยู่เกาหลีถาวรละ” แชรินผละตัวออกมาจากอ้อมกอดของน้องชาย มือเรียวใส่แหวนหลายวงยื่นกระเป๋าแบรนด์ดังหลายใบให้ชานยอลเป็นคนถือ แชรินพยักหน้ารับเมื่อเห็นแบคฮยอนโค้งให้
“กลับมาทำไม เปลืองอากาศประเทศกู อยู่เมกาก็ดีอยู่แล้ว”
“เชี่ยนี่ เดี๋ยวกูตบหน้าสั่นเลยไอ้สัด” แชรินหันไปโวยวายใส่ชานยอลพลางนึกน้อยใจเวลาจะตบชานยอลซักทีต้องยืนบนโซฟาหรือไม่ก็แอบตบตอนมันนอน ทำไมพ่อกับแม่ช่างไม่มีความสมดุลเลย เอาความสูงไปให้ไอ้ชานยอลหมด แล้วแชรินล่ะ ก็เป็นอีเตี้ยของมันนี่ไง !
แบคฮยอนเดินตามหลังทั้งคู่เงียบๆ เขารู้จักแชริน แต่คาดว่าอีกฝ่ายคงจะจำตัวเองไม่ได้ ไหนจะเรื่องที่แบคฮยอนคบกับชานยอลทั้งที่เปนผู้ชายทั้งคู่อีก ปาร์คแชรินจะแหกอกเขามั้ยเนี่ย....
“เออชานยอล พ่อบอกว่ามึงไม่ได้อยู่บ้าน”
“เออ อยู่หอ”
“อยู่ทำเหี้ยไร บ้านมึงไม่มีนอนหรอ” แชรินด่าน้องชายตัวเองอีกแล้ว... หลายคนอาจจะคิดว่าทั้งคู่เกลียดกัน แต่ไม่หรอก แชรินกับชานยอลรักกันดี แต่เพราะว่าคุยสไกป์กันบ่อยแต่ไม่ค่อยเจอตัวกันจริงๆจังซักที
“กูก็อยู่กับเมียกูสิ”
“ไหนวะ มาป่ะ ?” แชรินชะเง้อมอง แบคฮยอนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อหางตาของหญิงสาวตวัดมาหยุดที่เขา ทำไมพี่แชรินมองแบคฮยอนหัวจรดเท้าแบบนั้นล่ะ...เกร็งนะ
“น่ะ คนที่มึงมองอยู่นั่นแหละ”
“ฮะ ผู้ชาย ?” แชรินอุทานเสียงเบา หันมามองแบคฮยอนอีกรอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งจนคนโดนมองใจไม่ดี
“สวัสดีครับ พี่แชริน” แบคฮยอนเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ นี่เขาไม่เคยหงอขนาดนี้เลยนะตั้งแต่เกิดมาเนี่ย
“อืม” เธอตอบรับในลำคอแล้วเดินตรงไปทันที ดูก็รู้ว่าแชรินไม่พอใจแบคฮยอน ก็ในเมื่อพี่เขาแสดงออกมาขนาดนั้น
อ่า.....งานใหญ่แล้วล่ะแบคฮยอน...
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แบคออกจะน่ารัก ถถถถถถถถถถถถ
น้องแบคต้องสู้นะคะ เอาชนะใจพี่แชรินให้ได้