sf 3*8 นิทานก่อนนอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร - sf 3*8 นิทานก่อนนอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร นิยาย sf 3*8 นิทานก่อนนอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร : Dek-D.com - Writer

    sf 3*8 นิทานก่อนนอน โฉมงามกับเจ้าชายอสูร

    นิทานกันริท

    ผู้เข้าชมรวม

    1,350

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    1.35K

    ความคิดเห็น


    8

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ต.ค. 54 / 00:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
       กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีพ่อค้าผู้หนึ่ง นามว่าโตโน่ เขามีลูกทั้งหมด 3 คน คือ เก่ง เซน และกัน
      ทั้งหมดเป็นชายหนุ่มรูปงาม แต่ชายหนุ่มที่มีรูปงามจนเป็นที่เลื่องลือก็คือ “กัน” ลูกชายคนเล็ก
      เดิมพ่อค้าโตโน่เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวย แต่ต่อมาต้องสิ้นเนื้อประดาตัว เขาจึงอพยพครอบครัวไปอยู่ในชนบท
      ในวันหนึ่งมีจดหมายมาถึงเขาว่า ว่ามีเรือสินค้าลำหนึ่งที่หนีเจ้าหนี้มาได้ พ่อค้าโตโน่จึงออกเดินทางไปดูเรือสินค้า แต่ก่อนออกจากบ้านเขาได้ถามลูกชายทั้งสามคนว่า อยากได้ของฝากอะไรไหม

                      “เก่งขอรถคันใหม่”

                      “เซนขอเสื้อผ้าใหม่”

      กันมองพี่ชายที มองพ่อที แล้วตัดสินใจพูดขึ้นว่า

                      “กันขอดอกกุหลาบแล้วกันครับ”

      หลังจากนั้นคุณพ่อโตโน่ผู้แสนดีก็ออกจากบ้านไปที่ท่าเรือ ก่อนจะพบว่าเรือของเขาถูกเจ้าหนี้ยึดกลับไปได้

      เขาโศกเศร้าเสียใจที่ไม่มีของฝากไปให้ลูก  เขาเดินโซซัดโซเซหลงทางไปจนถึงคฤหาสน์หลังใหญ่หลังหนึ่ง

      เขาเดินเข้าไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงห้องอาหารที่มีที่มีอาหารน่าทานวางอยู่บนโต๊ะ

      คุณพ่อโตโน่รับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย และก้าวออกจากคฤหาสน์หลังนั้นไป

      เมื่อเดินออกมาจากคฤหาสน์เขาก็มองเห็นแปลงกุหลาบเรียงรายอยู่ริมรั้ว พลันเขาก็นึกถึงลูกชายคนเล็กขึ้นมา
      น้องกันอยากได้ดอกกุหลาบ  คิดได้ดังนั้นคุณพ่อผู้แสนดีจึงดึงเอาดอกกุหลาบมาจากแปลงทันที

                      “อุตส่าห์ให้กินข้าว แล้วยังขโมยของอีกเหรอ จับขังซะดีมั้ย” เสียงคำรามเสียงหนึ่งดังขึ้น

      เมื่อโตโน่หันไปมอง ก็พบกับเงาสูงทะมึนอยู่ตรงหน้า

                      “ท่านขอรับ สงสารกระผมเถอะ กระผมมีลูกที่ต้องดูแล และกระผมแค่อยากเอากุหลาบนี่ไปให้ลูกเฉยๆ”

                      “ดี งั้นให้ลูกเจ้ามาเป็นตัวประกันแทน ข้าให้เวลาเจ้า 7 วัน” อสูรตอบ

      คุณพ่อโตโน่เดินคอตกกลับไปที่บ้าน เมื่อถึงบ้าน ทั้งเก่งและเซนก็ถามหาของฝาก แต่คุณพ่อมีเพียงดอกกุหลาบกลับมาให้กันเท่านั้น

      แล้วก็เล่าให้ลูกๆทั้งสามฟังถึงเรื่องที่ลูกคนใดคนหนึ่งต้องไปเป็นตัวประกันที่คฤหาสน์อสูร

                      “เพราะนายคนเดียวเลยกัน ทำให้พ่อต้องลำบาก” เก่งเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นพี่ชายพูพดอย่างนั้น เซนก็เลยเอาบ้าง

                      “ใช่ กัน เพราะนายคนเดียว ถ้านายไม่อยากได้ดอกกุหลาบนะ ”

                      กันมองพี่ทั้งสองอย่างเสียใจ น้ำตาคลอ แล้วตัดสินใจพูดขึ้นมาว่า

                      “งั้นกันจะไปเอง” พูดพร้อมกำหมัด เงยหน้ามองฟ้า

      รุ่งเช้ากันออกเดินทางมาจากบ้าน พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ และอีกมือหนึ่งถือชะลอม ขึ้นรถสามล้อ มาหยุดตรงป่าหน้าบ้านของอสูร

      แล้วเดินเท้าต่อเข้าไปประมาณ
      3.8 กิโลเมตร

                      เมื่อถึงหน้าบ้านกันก็กดออด ประตูก็เปิดโดยอัตโนมัติ กันเดินเข้าไปในบริเวณบ้าน ทุกอย่างในบ้านล้วนเปิดออกโดยอัตโนมัติ ตอนนี้กันก็เลยมายืนอยู่ที่ห้องโถงกลางบ้าน มองซ้าย มองขวา ก็ไม่เห็นมีใคร

                      “นายใช่ไหม ที่มาแทนพ่อของนาย ”เสียงหนึ่งเอ่ยถาม น้ำเสียงมีแววผิดหวังนิดๆ

                      “ใช่ นายจะกินฉันก็รีบกินซะสิ” กันตอบ คิ้วขมวดมุ่นเมื่อเห็นที่มาของเสียง พ่อบอกว่าเป็นอสูรน่ากลัว สงสัยตอนที่พ่อเจอมันจะมืดไปหน่อย เพราะอสูรที่พ่อบอกว่าตัวใหญ่น่ากลัว สูงกว่าเขาไม่ถึงสิบเซนต์

                      “ฉันชื่อริท นายชื่ออะไร”

                      “นายจะกินฉันอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมั้ง” แล้วกันก็ทำท่าจะเดินหนี แต่อสูรตนนั้นเดินมากระชากแขน แล้วลากกันเข้าห้องๆ หนึ่งไป

                      “นายไม่บอกฉันก็ไม่เป็นไรนะ นายตัวดำ นี่คือห้องของนาย ทุกวันนายต้องทำงานบ้าน แล้วตอนเย็นต้องกินข้าวเย็นกะฉันทุกวัน นายจะไปไหนก็ได้ในบ้านนี้ ยกเว้นหอคอยด้านตะวันตก”

                      “เออๆ บอกก็ได้ ฉันชื่อกัน พอใจยัง” สิ้นคำโวยวายของกัน อสูรริทก็เดินออกจากห้องไป

      ตกเย็น กันและอสูรริทก็มารับประทานอาหารกันที่ห้องอาหาร ระหว่างที่รับประทานอาหารอยู่ อสูรริทก็เอ่ยขึ้น

                      “กัน แต่งงานกะริทไหม”

                      “พรวด” กันที่กำลังกินน้ำอยู่ พ่นน้ำออกมาใส่หน้าอสูรทันที อสูรริทลูบน้ำออกจากหน้า แล้วลุกออกจากโต๊ะอาหารไปทันที

                      ตกค่ำ กันเข้านอน และฝัน ฝันเห็นเด็กหนุ่มผิวขาว ร่างเล็กยิ้มให้เขา สักพักก็มองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ

      กันสะดุ้งตื่น แล้วก็สงสัยว่าหนุ่มน้อยปริศนาในฝันคือใคร เขาพยายามตามหาไปทั่วบ้าน  จนเกือบไปถึงหอคอยด้านตะวันตก

      แต่อสูรริทมาเจอเสียก่อน กันจึงต้องกลับไปทำงานบ้าน และกลับห้องตัวเอง ทุกๆเย็น กันก็ต้องไปกินข้าวกับอสูรริท และอสูรริทก็ถามคำถามเดิมทุกๆวัน

      38 วันผ่านไป วันนี้อสูรริทเอาเสื้อผ้ามาให้กัน พร้อมบอกให้แต่งตัวแบบนี้ลงไปทานข้าว เสื้อเชิ้ตสีชมพู กับกางเกงสีน้ำตาล

      เมื่อมาถึงห้องอาหาร อสูรริทก็ชวนกันกินข้าว หลังจากนั้น

      “ร้องเพลงเป็นเพื่อนริทหน่อยสิกัน”

      “ได้สิ เอาเพลงอะไรอ่ะ”

      “หากันจนเจอ”

      เมื่อทั้งคู่ร้องเพลงจบ อสูรริทก็เอ่ยกับกันอีกครั้งเหมือนเช่นทุกวัน  

      “กันคิดถึงบ้าน” เมื่อพูดจบ อสูรริทก็เอากระจกวิเศษให้ดูความเป็นไปในบ้าน กันเห็นคุณพ่อกำลังป่วย กันจึงขออสูรกลับบ้าน 7 วัน

      อสูรอนุญาต และให้แหวนวิเศษหายตัวได้ เพื่อที่กันจะได้ไม่ต้องนั่งสามล้อมาอีก

      กันกลับไปดูแลพ่อที่ป่วยหนัก เมื่อพยาบาลพ่อจนหายดีแล้วกันก็มาดูกระจกที่อสูรให้มา เพื่อดูความเคลื่อนไหวในคฤหาสน์

      เห็นอสูรริทกำลังป่วย ดอกกุหลาบที่ปลูกไว้ในบ้านก็เหี่ยวเฉา กันเห็นดังนั้นจึงใช้แหวน วาร์ปไปที่คฤหาสน์ทันที

      เมื่อถึงคฤหาสน์ กันรีบไปหาอสูรริทที่มานอนห้องเขาตั้งแต่เขาจากไป

      “กันกลับมาแล้วนะริท” พูดพร้อมกุมมืออสูรไว้และยิ้มให้

      “ริทรักกันนะ กันรักริทที่เป็นอสูรมั้ย” อสูรริทเอ่ยถามเสียงแห้ง น้ำตาคลอ

      “รักสิครับ” สิ้นเสียงเอ่ยของกัน ตัวของอสูรริทที่อยู่บนก็กระตุก แล้วเปลี่ยนเป็นร่างของหนุ่มน้อยหน้าหวาน ร่างเล็ก เล็กกว่าเขาเสียอีก กันขมวดคิ้วด้วยความงุนงง ที่แท้เด็กหนุ่มที่เขาตามหา อยู่ตรงหน้าเขานี่เอง

      “เดิมทีริทก็เป็นคนหน้าตาดีอ่ะนะกัน แต่ว่าโดนสาปให้กลายเป็นอสูร คนสาปบอกริทว่าถ้าริทเจอรักแท้ภายในร่างอสูรเมื่อไหร่ ริทจะคืนร่างเดิม” คนที่เคยเป็นอสูรเอ่ยขึ้น แล้วปากบางๆนั่นก็จ้อไม่หยุด

      “เอ้อ กัน ที่ริทเคยขอแต่งงาน..” พูดไม่ทันจบก็โดนปิดปากด้วยริมฝีปากนุ่มๆของคนตรงหน้า

      “กันแต่งครับ” กันเอ่ยขึ้นเมื่อผละริมฝีปากออก

      “แต่กันต้องเป็นเจ้าบ่าวนะ” กันพูดต่อยิ้มๆ

      “ได้ไง ริทขอ ริทต้องเป็นเจ้าบ่าวสิ.....” แต่ยังพูดไม่ทันจบ กันก็จูบริทอีกครั้ง ค้นหาความหวานไปทั่ว แล้วทาบร่างตัวเองตามลงไป

      ใครจะเป็นเจ้าบ่าว หรือเจ้าสาว คงมีแต่สองคนนั้นเท่านั้นที่รู้

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×