ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Short Fictions [All x SUHO]

    ลำดับตอนที่ #10 : [Kris x Suho]:::Endurance

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 56


    Story: [OS] Endurance
    Couple: Kris x Suho
    Info: คำหยาบนิ๊ดนะคะ มันคือคริสโฮที่รีดเดอร์อาจจะสงสัยว่าตกลงมันคริสโฮจริงรึเปล่า ฮา







    ทุกครั้งได้แต่คิดว่าจะได้เจอเขาไหม
    ?

     

    ทุกครั้งได้แต่คิดถึงแต่ทำอะไรไม่ได้

     

    ทุกครั้งได้แต่เปิดหน้าต่างแชทขึ้นมาเพื่อที่จะหาเรื่องคุยแต่สุดท้ายก็ไม่กล้า

     

    …ไม่กล้าที่จะเดินหน้าต่อเพราะกลัว

     

    ...กลัวว่าจะทำให้อะไรอะไรมันเปลี่ยนไป

     

    และทุกวันนี้ก็เหมือนทุกๆครั้งที่ คิมจุนมยอน ภาวนาให้ได้ใกล้ชิดกับเพื่อนที่ตนแอบชอบ

     

     




     

    “จุนมยอน!” เพื่อนสนิทหน้าหวานแต่รูปร่างที่สูงกว่าโบกมือเรียกอีกฝ่ายที่เดินตัวขาวมาแต่ไกล จุนมยอนระบายยิ้มใส่ทีนึงก่อนจะรีบเดินไปที่โต๊ะภายในโรงอาหารใหญ่ที่มีนักศึกษาเกือบทุกคณะเดินกันให้วุ่น

     

    “ทำไมวันนี้มึงเลิกเร็วได้วะ” คนมาใหม่ถามอีกคนด้วยภาษาที่ค่อนข้างจะแสดงความสนิทสนมซึ่งคนอื่นก็พูดอยู่บ่อยครั้งว่ามันไม่ได้เข้ากับใบหน้าน่ารักนั้นเลย แต่จุนมยอนหรือจะแคร์ ก็มันเรื่องของเค้ากับเพื่อนเค้าก็แค่นั้น

     

    “ ’จารย์ปล่อยเร็ว กูดีใจแทบตาย” และนี่ก็เป็นอีกคนที่คนอื่นพูดทำนองเดียวกับจุนมยอนเลย แต่ก็นั้นแหละนะเพื่อนสนิทกันนิสัยก็เหมือนๆกันเลยคบกันมาได้ตั้งแต่ม.ปลายยันมหาลัย ทั้งสองคนเม้าท์กันไปเรื่อยเหมือนไม่ได้เจอกันนานเพื่อรอเพื่อนร่วมแก๊งค์คนอื่นที่ยังไม่โผล่หน้ามาสักที สงสัยวันนี้อาจารย์จะจัดเต็ม

     

     

    “ลู่หาน วันนี้กูเจอมินซอกด้วย อิจฉากูป้ะ?” จุนมยอนที่นั่งคุยกันไปได้สักพักก็ดันนึกเรื่องที่ต้องโอ้อวดเพื่อนสนิทซะหน่อย แถมยิ่งเป็นเรื่องของ คิมมินซอก คณะบริหารซึ่งเป็นเพื่อนเซคเดียวกับเค้าบางวิชา และที่สำคัญเป็นคนที่เพื่อนสนิทชอบนะรายนั้นแทบจะย้ายก้นมานั่งฟังเรื่องที่จะเล่าแบบเอ๊กซ์คลูซีฟกันเลยทีเดียว แถมยังโวยวายทันทีจนคนรอบข้างแอบหันมามอง

     

    “เจอที่ไหนวะ? เค้าอยู่กับใครวะ? แล้วทำไรอยู่วะ?” ลู่หานถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนคนเป็นเพื่อนได้แต่ส่ายหน้าระอา

     

    “โหยมึงหนิ จะรู้ไปทำส้นตีนอะไรวะครับ ถามไปมึงก็แค่รับรู้ จบป่ะ?”

     

    “ไอ่เชี่ยจุนมยอน มึงมันมารขัดควาสุขกู กูก็แค่อยากรู้ มึงมันไม่รักกูเหอะ” อ้าวดู! อยู่ดีๆก็โดนดราม่าใส่ซะอย่างงั้น จุนมยอนหัวเราะหึก่อนจะบอกทุกอิริยาบถของมินซอกที่ตนเองเห็นตั้งแต่ไกลจนถึงทักกันรวมทั้งคุยอะไรกันไปเอาแบบให้เพื่อนมันฟินเหมือนเจอเองไปเลย อีกฝ่ายที่ฟังก็ทำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนคนเล่านึกหมั่นไส้เลยโบกหัวไปฉาดใหญ่

     

    เพื่อนสนิทสองคนนั่งง้องแง้รอเพื่อนคนอื่นกันสักใหญ่เพราะเซคทั้งสองคนดันปล่อยเร็วเลยต้องมานั่งเม้าท์กันแค่นี้ก่อน แต่ไม่นานเกินรอเพื่อนร่วมแก๊งค์ตัวสูงโย่งก็เดินตรงมาที่โต๊ะตามคำบอกในกรุ๊ปแชทว่านั่งสถิตกันอยู่หนใด

     

     

    “จุนมยอน ลู่หาน พวกมึงไม่รักกู!” จุนมยอนกับลู่หานถึงกับร้องห๊าเสียดังแล้วขมวดคิ้วใส่เพื่อนร่างสูงที่มาถึงก็มาตัดพ้อกัน คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะสองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างส่ายหัวไม่เข้าใจว่าไอ่เพื่อนอีกคนเกิดบ้าอะไรขึ้นมาไม่ก็เพระอาจจะเรียนหนักเกินไปเลยบ้า ทั้งคู่เลยรอให้มันเอาก้นงามๆของมันมานั่งและก็ให้มันเปิดปากพูดซะว่าเป็นอะไรของมัน

     

    “เป็นไรของมึงชานยอล?”

     

    “ก็พวกมึงอ้ะ!!”

     

    อะไร๊!?” ลูห่านที่เห็นเพื่อนมันยึกยักไม่ยอมบอกสักทีเลยแง่งใส่ไปทีจนชานยอลต้องหันไปกอดจุนมยอนที่ได้แต่ตบบ่าปุๆเป็นเชิงปลอบ เพราะถึงจะเห็นอีกฝ่ายหน้าหวานดูเรียบร้อยแต่มันใจร้อนแถมแมนเกินใครโทโหขึ้นมา อย่าได้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยบนโลกใบนี้ ก็เว่อร์ไป

     

    “คุณจุนมยอน ลู่หานมันดุคุณชานยอลอ้ะ” ชานยอลหันมาอ้อนเพื่อนสนิทตัวขาวที่นั่งหัวเราะหึ แล้วส่งยิ้มหวานไปทั่วเพื่อขอโทษคนรอบข้างที่ดูเหมือนจะมองมาทางพวกเค้าบ่อยครั้งนัก

     

    “ก็คุณชานยอลทำไมไม่บอกสักทีล่ะครับว่าน้อยใจอะไร” คนตัวขาวที่ตอนนี้ถูกมือยาวกอดคอไว้หลวมก็ดันบ้าจี้ใช้สรรพนามงุ้งงิ้งกันสองคนจนลู่หานนึกหมั่นไส้เลยจับทั้งคู่แยกกันซะ

     

    “ไอ่ชานยอลมึงพอ นั้นเมียกู”

     

    “เมียพ่อง!” จุนมยอนรีบตอกหน้าเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยิ้มเจ้าเล่ห์กลับทันควัน มันพูดงี้เดี๋ยวคนอื่นจะเค้าใจผิดหมด

     

    “อ้าววว ทำไมพูดงี้กับสามียังงี้ล่ะครับ คนสวย”

     

    “พวกมึงพอ! กลับมาสนใจกูต่อนี่!!” ชานยอลที่เห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนเล่นกันจนชักจะออกนอกเรื่องของเค้าไปไกลแหละเลยรีบฉุดเข้ามาใหม่ไม่งั้นคนหล่อได้หายงอลเสียก่อน(?)

     

    มึงก็บอกมาสักทีว่าเป็นอะไร” คราวนี้จุนมยอนเริ่มกลับมาเป็นคนปกติที่ไม่เล่นอะไรไร้สาระแล้ว ทำให้ชานยอลถึงกลับเงิบเพราะอยากจะเล่นต่อหรือยังไง

     

    “ก็พวกมึงชวนน้องแบคฮยอนนิเทศน์ไปกินข้าวแล้วไม่ชวนกู” ชานยอลครางหงิงคล้ายจะเป็นหมาในสายตาของคนทั้งคู่แต่ก็น่ะ มันไม่ได้น่ารักเลยเหอะตัวโตยังกะสัตว์ที่เอาไว้ใช้งานแถวๆนา

     

    “ถุ้ยหน้ามึงสามที พูดมาได๊”

     

    พอเพื่อนสนิทบอกสาเหตุจบปุ๊บเพื่อนหน้าหวานที่ปากไม่ค่อยจะหวานสักเท่าก็ใส่ทันที

     

    “วันนั้นมึงบอกกูว่าไร กูไม่ว่าง ไม่ว่างเชี่ยไร เดินควงกับน้องปีหนึ่งผ่านหน้าพวกกูด้วยเหอะมึง”

     

    “อุ้ย!”

     

    ชานยอลถึงกลับไปไม่ถูกเพราะดูเหมือนเหตุผลมันจะไม่สามารถเอามาใช้เป็นข้ออ้างที่สามารถจะงอลเพื่อนได้แทบยังจะโดนด่ากลับมาอีกซะงั้น ชานยอลที่กำลังจะหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนอีกคนก็ต้องเก็บความคิดนั้นไว้ฉับพันเพราะอีกคนน่ะหรอ นั่งกุมท้องหัวเราะเสียงดังแบบปิดไม่มิด ตาที่ปิดจนอยากจะเอามือเข้าไปแหกให้

     

    “ไอ่เชี่ยจุนมยอน มึงขำมากไปแหละ ตลกอะไรนักหนา”

     

    “อ้าว ไม่ฮาอ่อ กูว่าฮาออก กร๊ากกกก”

     

    กูงอล!” ชานยอลบอกแล้วสะบัดบ็อบไปนั่งข้างลู่หานแทนและเป็นเวลาเดียวกันที่เพื่อนอีกทั้งสองคนเดินมาพอดี

     

    “เห้ย! คริส เซฮุน ทางนี้!” ลู่หานที่นั่งหันหน้าให้กับเพื่อนทั้งสองคนที่เดินท่ามกลางสายตาของคนทั่วโรงอาหารทำให้คนที่เรียกน่ะหรอแบะปากพลางเก็บมือของตนที่โบกให้ทันที ก็พวกมันเดินกันซะเท่ห์เชียว มือไม้ก็ไม่โบกกับล้วงทำซากอะไรไม่รู้กระเป๋ากางเกงน่ะ

     

    จุนมยอนหันมองตามมือของเพื่อนสนิทหน้าหวานก็เจอกับเพื่อนใหม่อีกสองคนที่พึ่งรู้จักกันเทอมนี้เอง เป็นเพื่อนของพัคชานยอลอีกทีอ่านะ เค้าอยู่บริหาร ลู่หานอยู่เภสัช ส่วนชานยอลอยู่วิศวะกับอีกสองคนที่เหลือและนี่ก็เป็นปีสองของพวกเค้าที่ดูเหมือนจะใ

    ช้ชีวิตกันแบบไม่เครียดสักเท่าไหร่

     

     

    เพื่อนใหม่ตัวสูงทั้งสองคนเดินมานั่งที่โต๊ะโดยที่คริส หรือ อู๋อี้ฟานนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเพื่อนตัวขาว ส่วน โอเซฮุนก็เดินไปนั่งข้างลู่หานที่ลากเก้าอี้มาให้เสร็จสับ

     

    “อาจารย์ปล่อยช้าหรอ?” คนตัวขาวหันไปถามคนข้างกายแล้วระบายยิ้มจนตาปิด เพราะถ้าไม่ชวนคุยเค้ากลัวว่ามันแลดูอึดอัดไปซึ่งเค้าก็ไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่

     

    “อื้ม ก็เค้าถามแล้วไม่มีใครตอบ เลยพึ่งปล่อยน่ะ” จุนมยอนยิ้มรับแล้วหันไปสนใจเพื่อนคนอื่นต่อเพราะถ้าให้พูดตามตรงเค้าสองคนก็คุยกันเรื่องนู่นเรื่องนี้ได้แต่ก็ไม่สนิทเท่ากับคนอื่นหรอก

     

    “พี่คริสครับ ช่วยขยันมาเรียนนิดนึง ไลน์น่ะหันตอบมั่งนะ” ชานยอลที่นั่งตรงข้ามเอ่ยอย่างเซ็งๆเพราะคุยไปถามไปนานมากกกกกกกกกว่าจะตอบและพอโทรไปก็ไม่รับทั้งๆที่ตอนอยู่ด้วยกันก็เห็นเล่นมือถืออยู่ตลอดเวลา

     

    “ไม่ตอบแค่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ” พออีกฝ่ายตอบพร้อมกับรอยยิ้มขันทุกคนถึงกับปล่อยกร๊ากออกมาทันที ชานยอลเลยได้แต่ทำท่ากระซิกๆ

     

    “แล้วตกลงดูหนังเอาไง?” เซฮุนที่เพิ่งได้เปิดประเด็นก็เอ่ยถามขึ้น

     

    “ก็ไปดิ ยังไงพรุ่งนี้ตอนเย็นก็ต้องไปฟังบรรยายรวมอยู่แล้วหนิ” ลู่หานตกลงทันทีซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับกันเป็นแถวๆ

     

    คริสสส มารับเค้าหน่อยดิ๊” และไม่ทันไรคนที่ขับรถไม่เป็นอย่างชานยอลก็รีบอ้อนเพื่อนร่วมคณะทันทีแต่อีกคนน่ะหรอก็ทำท่าครุ่นคิดเพราะอยากแกล้งอีกคนทำให้ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมา รวมทั้งคนที่นั่งข้างๆที่แอบนึกอิจฉาอยู่ในใจเพราะเค้าไม่กล้าที่จะอ้อนอะไรแบบนั้นหรอก และบางทียังนึกอิจฉาชานยอลเลยที่กล้าคุยกับคริสกล้าอ้อนคริสตลอดเวลา

     


     

    ไม่เหมือนกับเค้านี่ต้องคอยหักห้ามการกระทำของตัวเองที่กลัวจะทำให้อีกคนรับรู้ได้…

     

    …ถึงความรู้สึกที่มันเกินเพื่อนไปแล้ว

     

     

    “คริสก็ไปรับมันหน่อยดิ จะงอลตายแล้วมั้งน่ะ” จุนมยอนเอ่ยขึ้นขำๆเพราะหน้าเพื่อนสนิทเค้าตอนนี้น่ะมันเหมือนตูดลิงเข้าไปทุกทีล่ะ คริสไม่ได้ตอบอะไรแต่หันมาขำกับคนตัวขาวสองคน

     

     

    ทั้งห้าคนที่พอรับประมานอาหารกลางสุดหรู(?)กันเสร็จแล้วเลยชวนไปนั่งคาเฟ่เพื่อนทานของว่างกันต่อ แต่ก็แอบมีคนนึงที่อยากจะอ้วกอยู่แล้วเพราะเมื่อกี้ดันหิวเกินเลยจัดหนักไปหน่อย แต่ถ้ามานั่งแช่ไม่กินคงเดียวคงดูอึดอัดชอบกล

     

    มึงกูจะอ้วกแล้ว

     

    ฮะๆ ไม่สั่งอันเล็กมาวะ” เพื่อนสนิทอย่างลู่หานหัวเราะเยาะเพื่อนสนิทที่มันอิ่มแต่ดันสั่งเครปช็อคโกแล็ตอันใหญ่มา

     

    “ก็กูอยาก”

     

    “ถุ้ย! แดกไปครับ” พอสิ้นคำเพื่อน ร่างบางเลยได้แต่ตักเข้าปากแต่ก็นะดูเหมือนจะกลืนไม่ค่อยจะลงเท่าไหร่

     

    “คริสกินป้ะ? เราอิ่มจนจะอ้วกล่ะ” จุนมยอนหันไปถามคนข้างๆที่แทบจะกินเค้กชาเขียวของตนหมดแล้ว

     

    มาๆช่วยๆ” คริสหัวเราะทีนึงก่อนจะค่อยๆใช้ส้อมของตัวเองตัดเครปไปกิน

     

    “อิ่ม ไม่ไหวละ”

     

    “แล้วริสั่งจานใหญ่”

     

    “ก็เราอยากอ้ะ!” จุนมยอนตอบเสียงงุ้งงิ้งก่อนจะจิ้มๆผลไม้ในจานเครปของตนเข้าปาก บางทีจุนมยอนก็แอบเขิลตัวเองเหมือนกันเพราะสรรพนามของเค้ากับคริสมันดูสุภาพยังไงก็ไม่รู้ แต่กับเซฮุนก็สุภาพเหมือนกันแต่มันคนละฟีลกันเลย

     

    “คร้าบๆ ช่วยคร้าบ” คริสยิ้มแล้วหัวเราะน้อยๆจนจุนมยอนต้องตีที่ไหล่กว้างไปทีอย่างนึกหมั่นไส้

     

     

     

     

     

     

     [ คนหล่อs ]

     

     

    Sehun ENGI

                      ‘โทษนะเว้ย ดูหนังไม่ได้ละ เจอกันตอนเย็นเลย T ^ T

    ไอ่บ้าลู่

                      เหมือนกันเลยวะ พรุ่งนี้เพื่อนมันนัดคุยโปรเจค OTZ

    ทำไมทำร้ายจิตใจกันงี้อ่า

    พัคหยอย

                      อ้าวงี้ทำไง เหลือ คริส จุนมยอนแล้วก็กูอ่าดิ

    มึงเอาไงพัคชาน กูได้หมด

    พัคหยอย

                      เดี๋ยวกูบอกอีกละกันอย่างงี้

    อ้าว เชี่ยมึงจะทิ้งกูอ่อ กูอยากดูหนัง!

    ไอ่บ้าลู่

                      มึง ไว้กูเลี้ยงมึงวันหลังนะ

    กูขอปั่นโปรเจคไปคุยกะเพื่อนพรุ่งนี้แปป

    เอออออ มึงไปเลย

    กูเป็นคนดีพอคราวนี้กูจะปล่อยไปก่อน

    ไอ่บ้าลู่

                      ขอบคุณครับเมีย จุ้บ! ^ 3 ^

    เมียพ่อง! มึงนี่ไม่เลิก

    Sehun ENGI

                      555555 ได้เสียตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่อง

    เซฮุนอย่าไปบ้ากับมันนนน

    พัคหยอย

                      คุณแฟนครับ พรุ่งนี้น้องแบคฮยอนให้กูไปหาวะ

                      กูขอโทษ สงสัยมึงต้องคุยกับไอ่คริสเอาว่าจะเอายังไง

    ไอ่เชี๊ย! พวกมึง เดี๋ยวแฟนเดี๋ยวเมีย

    ถ้ากูไม่มีตัวจริงของกู

    เดี๋ยวพวกมึงจะได้เป็นจริงๆ

    Sehun ENGI

    55555 เคลียกับคริสเอาแล้วกันนะ

     

     
     

    ร่างบางวางมือถือลงข้างตัวพลางถอนหายใจกับบทสนทนาที่เพื่อนเค้าเทประดังเข้ามา อุตส่าห์นัดวันเวลากันซะดิบดีแล้วนี่คืออะไร! แถมคนที่เหลืออยู่อย่างคริสก็ไม่ตอบไลน์อีก

    จุนมยอนหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งพลางเปิดไปหน้าต่างแยกที่เคยคุยกับคริสเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว

     

    “พรุ่งนี้เอายังไง…ไม่ๆๆๆๆ

     

    จุนมยอนกดลบตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปพลางส่ายหัวไปมา เจ้าตัวคิดว่าถ้าคุยกันล่อยเกินหรือมากเกินไปคริสอาจจะรับรู้ได้ว่าเค้านั้นทำอะไรเกินเพื่อน แต่ๆๆๆๆ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้คุยกันแบบส่วนตัวอีก โอ๊ยยยย จุนมยอนปวดหัว

     

    “เอาว่ะ โทรเลยละกัน” จุนมยอนที่ตัดสินใจแน่วแน่กดหาเพื่อนทันทีเพราะถ้าเจ้าตัวก็ขี้เกียจพิมพ์แถมถ้าอีกคนไม่ตอบละ พรุ่งนี้ก็ได้เง้กกันตามๆกันไป เค้ากลัวคริสจะไปเก้อด้วยแหละ

     

     

    “ฮัลโหลครับ คริสอ่านไลน์หรือยัง?”

     

     

    “อื้อ”

     

     

    “เอางั้นหรอ?”

     

     

    “โอเค ไว้เจอกัน”

     

    พอวางสายปุ๊บจุนมยอนก็ถลาลงเตียงนอนทันทีพลางนอนบิดไปบิดมา แย้มยิ้มมีความสุขจนอยากจะบ้า ก็เพราะว่าอีกคนดันไม่แคนเซิ่ลนัด ยังงี้ก็ได้ไปเที่ยวกันสองคนน่ะสิ!! จุนมยอนฟิน!

     

     

    แต่พอมานั่งคิดดูดีๆแล้วก็แค่เพื่อนไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะคริสไม่ได้รู้ซะหน่อยว่าเพื่อนคนนี้แอบชอบ

     

    การชอบใครสักคนของจุนมยอนอาจจะดูง่ายเกินไป

     

    เพราะตั้งแต่ชานยอลแนะอีกคนให้รู้จัก ได้ทักกัน ได้คุยกัน เค้าคนนี้ก็แทบจะคิดถึงอีกคนอยู่ตลอดเวลา

     

    แต่เพราะเค้ากลัวจะเสียความสัมพันธ์ตรงนี้ ทำให้ไม่กล้าที่จะปฏิบัติกับอีกฝ่ายพิเศษกว่าคนอื่น

     

    จุนมยอนขอเก็บความรู้สึกนี้คนเดียวคงพอ

     

    ถึงอยากจะระบายแต่ก็ไม่กล้าที่ระบายออกไป ถ้าลู่หานรู้เรื่องนี้ ลู่หานอาจจะช่วยทำให้เค้าคบกันซะด้วยซ้ำ

     

    แต่เค้าคิดว่าแอบชอบแบบนี้ดีกว่าหลายร้อยเท่า เพราะกลัวว่าถ้าต้องเลิกรากัน แล้วจะเข้าหน้ากันไม่ติด

     





     

     

     

     

     

     

    จุนมยอนยืนมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองมานับสิบรอบได้แล้ว เพราะอีกฝ่ายที่สัญญาว่าจะมาดูหนังด้วยกลับยังไม่โผล่หน้ามาทั้งๆที่มันเลยเวลานัดมาตั้ง 2 ชั่วโมง เจ้าตัวที่โทรไปหาแล้วสองรอบได้แต่แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงจะขับรถเลยไม่ได้รับโทรศัพท์ จนไม่กล้าโทรไปอีกเพราะกลัวว่าเพื่อนคนนี้จะนึกรำคาญเค้าไปซะก่อน

     

     

    มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไลน์หาอีกคนเพราะไม่มีท่าทีว่าจะรับโทรศัพท์เค้าสักที

     

     

    Fri, OO Dec

    14:56 คริสอยู่ไหนแล้ว

     14:56 เราคงดูหนังไม่ทันแล้วล่ะ

     

     

     

     

    ร่างบางนั่งรออีกสักพักจนเค้าคิดว่าเค้าคงจะรอต่อไปไม่ไหวแล้ว แถมเวลาที่กระชันชิดเข้ามา ทำให้คนที่รออยู่ตัดสินใจเดินไปที่จอดรถพร้อมกับความรู้สึกน้อยใจ เสียใจ โกรธ ปนเปกันไป เพราะเค้าไม่ได้เตรียมใจว่าอีกคนจะปล่อยเกาะเค้าแบบนี้

     

    จุนมยอนขึ้นมายังรถของตัวเอง ปิดประตูเสียบกุญแจพร้อม แต่ไม่มีท่าทีว่าจะสตาร์ทรถออก

     

    ความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกคอจนพูดไม่ออก จะระบายออกมาก็ไม่ได้ นี่คงเป็นบทเรียนที่ดีที่ทำให้เค้าคิดได้ว่าเค้าไม่ควรที่จะหวังอะไรอีกต่อไป แม้กระทั่งคำพูดของเพื่อนสนิทของเค้า

     

     

    “คริสดูสนิทกับมึงดีเนอะ อิจฉาวะ มันเดินรอมึงตลอดอ่ะเวลาเดินช้า”

     

    อันนี้เค้าก็ไม่รู้สิเพราะเค้าไม่ทันสังเกตุ

     

    “แล้วกูก็เห็นมันนั่งข้างมึงตลอด”

     

    อันนี้เค้าก็ไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษเพราะเก้าอี้ข้างเค้ามันก็ว่างตลอด

    มึงอ่ะคุยกันสองคนบ่อยจะตาย ถ้ากูอยู่คริสสองคนนะ กูไม่รู้จะคุยอะไรวะ

     

    กูไม่รู้ว่าจะเชื่อมึงดีมั้ย เพราะต่อหน้ากูทีไรกูก็เห็นมึงคุยกับมันปกติ

     

    “อยากสนิทมั่งอ้ะ!”

     

    แล้วที่มันกับมึงแกล้งกันเล่นกันจนกูอิจฉาเค้าไม่เรียกว่าพวกมึงสนิทกันหรอวะ ชานยอล…

     








     

    __________________________70%____________________________






    Kris ENGI                    

     

    จุนมยอนอยู่ไหน

     

     

     

     

     

    หน้าจอแชทเด้งทำให้จุนมยอนที่กำลังจอดรถข้างหอประชุมใหญ่ภายในมหาลัยต้องรีบจอดให้เสร็จแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู แต่ก็ต้องตัดสินใจปิดหน้าจอให้ดับลงเช่นเดิม

     

    รู้สึกเหมือนยิ่งได้ฟังได้เห็นอะไรก็แล้วแต่จากคนที่ชอบตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่ใช่ผลดีสักเท่าไหร่ คนตัวขาวระบายยิ้มเศร้าก่อนจะล็อครถและเดินไปหาเพื่อนที่น่าจะมาถึงกันแล้ว

    จุนมยอนเดินเข้าห้องประชุมที่บรรจุคนได้หลายร้อยคนและก็พบกับเพื่อนสนิทที่โบกมือเรียกเค้าอยู่แถวเกือบหลังสุดทางปีกขวาของหอประชุมที่ตอนนี้มีคนนั่งกันอยู่ปละปลาย

     

     

    “หนังเป็นไงวะ?” ลู่หานที่นั่งอยู่กับชานยอลร้องถามเพื่อนตัวขาวที่เพิ่งจะหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ

     

    “ป่าวกูไม่ได้ไปดู ไว้คุยกันนะมึง กูง่วงเดี๋ยวกูขับรถไม่ไหว” พูดจบก็ใส่หูฟังพลางหลับตาลงเพราะตอนนี้เค้าเหนื่อยยังไงก็ไม่รู้

     

    “เห้ยมึงเป็นไรวะ?” ลู่หานที่เห็นเพื่อนผิดปกติเลยดึงหูฟังออกข้างนึงแล้วถามออกไปตรงๆ

     

    “กูเปล่า”

     

    “กูจะเชื่อมึงดีมั้ยเนี่ยห๊ะะ

     

    “…กูเหนื่อย”

     

    อะไรของมึงวะ แล้วทำไมไม่ไปดูหนัง มึงบอกมึงอยากดู” ลู่หานที่เริ่มจับสังเกตุของเพื่อนที่คบกันมานานได้แล้วรีบริบหูฟังอีกคนทันที ไม่ให้ใส่จนกว่าจะตอบคำถามของเค้าให้เคลียซะก่อน ก็ดูมันทำหน้าเค้าสิ ดูเหมือนจะร้องแหล่ไม่ร้องแหล่อยู่แล้ว

     

    “คริสมันรู้รึเปล่าว่าพวกกูไม่ได้ไป” ชานยอลที่อยากจะรู้เหมือนกันว่าเพื่อนสนิทเป็นอะไรเลยต้องช่วยกันเค้นคอกับลู่หาน และคำตอบที่ได้รับคือเพื่อนสนิทตัวขาวนั้นพยักหน้าและพยายามจะแย่งหูฟังคืน

     

    “พวกมึงเลิกถาม กูขอร้อง แล้วกูขอนั่งกลางด้วย ลุกๆๆ” พอพูดจบปุ๊บจุนมยอนก็ยืนขึ้นแถมเร่งยิกๆให้เพื่อนอย่างลู่หานลุกขึ้นเพื่อเปลี่ยนที่นั่งกันเพราะกันไว้ก่อนเพื่อคนที่ตอนนี้ไม่อยากจะเจอหน้ามาเข้าบรรยาย ส่วนลู่หานน่ะหรอก็รีบลุกเปลี่ยนที่ให้อย่างงงๆ

     

    “มึงทะเลาะไรกับไอ่คริสมาป่าวเนี่ย” เสียงทุ้มเริ่มถามเสียงเรียบจนจุนมยอนได้แต่หันหน้าไปมองเพราะเพื่อนสนิทอย่างชานยอล มันน่ะขี้เล่นจะตาย ทำไมอยู่ๆดีเสียงมันถึงดูไม่สบอารมณ์ยังไงก็ไม่รู้

     

    “ป่าววว คุณแฟน คุณสามีครับ ขอร้องตอนนี้อย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง เอาให้หมดเปลือกเลย”

     

    “ให้มันจริงเหอะมึง” ลู่หานบอกก่อนที่จุนมยอนกระแทกเสียงตอบว่า เออ ดังๆและก็แย่งหูฟังคืน อุดหูหลับตาตัดขาดจาดโลกภายนอกทันที

     

     

     

     

    ไม่นานนักเซฮุนก็ตามมา และต่อด้วยคริสที่เดินเข้ามาหน้าเครียดจนลู่หานกับชานยอลถึงกับมองหน้ากัน

     

    “เป็นไรวะหน้าเครียดๆ” เซฮุนทักอีกคนทันทีเพราะสีหน้าของอีกฝ่ายนั้นแสดงออกชัดเจน

     

    “วันนี้กูนัดกับจุนมยอนไว้น่ะสิ แต่กูดันไม่ได้ไปเพราะกูไม่ตื่น” ร่างสูงเอ่ยพลางลอบมองไปที่อีกคนที่ตอนนี้นั่งหลับตาฟังเพลงและไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และเค้าก็มั่นใจได้เลยเพราะเสียงเพลงที่เล็ดลอดออกมานั้นไม่อยากจะให้ใครเข้าไปกวนสักเท่าไหร่

     

    “งานงอกแล้วล่ะมึง” ชานยอลยกยิ้มก่อนจะหันไปมองเพื่อนข้างตัว

     

    “เออกูรู้ กูทั้งโทรหาทั้งส่งไลน์ไปจุนมยอนไม่ตอบกูเลย” คริสบอกและยีหัวตัวเองแรงๆ ไม่รู้ว่าจะขอโทษอีกคนยังไงดี รู้สึกผิดแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นมันอาจจะง่ายกว่านี้ถ้าจะขอคืนดี แต่นี่คือจุนมยอน คนที่เค้าปล่อยให้รอมาหลายชั่วโมงแถมเป็นคนที่เค้าไม่เคยอยากให้โกรธเลยด้วยซ้ำ

    ร่างสูงหันไปมองอีกฝ่ายรอบที่เท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ อยากขอโทษ อยากปรับความเข้าใจแต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะเป็นไปได้ยาก

     

     

    การบรรยายเริ่มขึ้นแสดงทาฟังคนดูถูกปิดลงเหลือแต่บนเวทีที่มีอาจารย์สองสามคนรวมทั้งคนนอกที่ถูกเชิญพูดกันไปเลย ร่างบางเริ่มตาขึ้นทางมองตรงไปทางเวที เค้าคิดว่าตอนนี้ข้างๆลู่หานคงมีเซฮุนกับคริสนั่งอยู่เลยไม่ได้หันไปมอง ชานยอลที่หันมาเห็นเพื่อนสนิทลืมตาแล้วเลยทำท่าจะพูดอะไรแต่คนตัวเล็กกลับเอามือขึ้นมาจุ๊ปากไว้ก่อนแล้วยิ้มให้ หัวมนกลมพิงไหล่สูงอย่างเหนื่อยล้า

     

    “กูจะโดนน้องแบคฮยอนดักตีหัวป่าววะ” จุนมยอนพูดติดตลกและก็หลับตาลงอีกครั้งแต่คราวนี้เค้าเลือกที่จะดึงหูฟังออก

     

    “มึงเป็นไรวะ”ชานยอลกระซิบถามพลางเอามือตบหัวเพื่อนเบาๆคล้ายจะปลอบ

     

    สายตาจุนมยอนที่หักห้ามเอาไว้ไม่ได้ที่จะมองหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ทางด้านลู่ห่าน สายตาคมสบเค้าทันทีเมื่ออีกฝ่ายมองมาทำให้จุนมยอนต้องรีบลุกขึ้นทันที มือใหญ่ของชานยอลและลู่ห่านถูกคนตัวเล็กกว่าจับไว้แน่นก่นอจะฉุดให้ลุกขึ้นให้เดินตามออกมา

     

    “เดี๋ยวกลับมานะ” จุนมยอนยิ้มให้เซฮุนทีนึงเพราะดูท่าจะงงซะเหลือ เซฮุนพยักหน้ารับก่อนจะหันไปสนใจบรรยายบนเวที

     

    คริสที่เห็นว่าร่างบางเดินจูงเพื่อนสนิททั้งสองคนเดินออกไปก็แทบจะรุดวิ่งตามไปแต่ติดตรงที่เค้าไม่อยากจะปล่อยให้เซฮุนนั่งอยู่คนเดียว คริสยีหัวแรงๆอีกทีจนเซฮุนได้แต่ยิ้มเยาะเพื่อนมันไปที

     

     

     

    “ใจเย็นดิมึง เดี๋ยวก็มีโอกาสได้เคลียร์กัน”

     

    “กูกลัวจุนมยอนจะเป็นพวกโกรธยากหายยากอ่ะดิ”

     

    “งั้นก็สมน้ำหน้ามึงแล้ว ดันไม่ตื่น”

     

     

     

     

     

    ทางด้านจุนมยอนที่ลากเพื่อนสนิทออกมาก็ยืนพิงกับราวกั้นแล้วพ่นลมหายใจออกมาดังเฮือก

     

    “มึงเล่าได้แล้วหรอ?” ลู่หานถามพลางยืนพิงราวกั้นเช่นกัน

     

    “ทำไมคริสเพิ่งมาล่ะ?” ปากเล็กเลือกที่จะถามกลับ แต่คำถามเนี่ยสิทำให้ชานยอลกับลู่หานคิดนักเลยว่าจะตอบออกไปดีรึเปล่า

     

    “มัน….”

     

    คริสทำไม?”

     

    มันบอกว่ามันเพิ่งตื่นน่ะ” ชานยอลตอบทำให้ลู่หานที่อึกอักตั้งนานตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่เพราะเค้ากะจะให้ทั้งคู่ได้คุยกันเอง แล้วแบบนี้จุนมยอนจะยอมเจอหน้าอีกคนรึเปล่าเหอะ

     

    “เหตุผลง่ายดีเนอะ กูต้องไปรอตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า” รอยยิ้มยิ้มส่งให้คนตอบแต่ทำไมเพื่อนตรงหน้ามันเหลมือนจะร้องไห้ออกมาก็ไม่รู้

     

    “มึงชอบมันหรอวะ?” ชานยอลที่เห็นสีหน้าของเพื่อนเหมือนเก็บอะไรไว้มากมายจนเค้าต้องถามออกมา และคราวนี้จุนมยอนก็เลือกที่จะพยักหน้ายอมรับและบอกเพื่อนทั้งสองคน

     

     

     

     

     

    “…แต่กูกำลังจะเลิกชอบแล้ว”

     

     

     

     

     

    บรรยากาศเงียบไปสักพักเพราะเพื่อนตัวขาวไม่ได้พูดอะไรต่อทำให้คนที่รับฟังอยู่นั้นก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรได้ นี่ดีเท่าไหร่แล้วว่าคนที่ทำให้เพื่อนเค้าเจ็บช้ำแบบนี้เป็นคริสที่สนิทด้วย ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ พรุ่งนี้คงได้มีเรื่องกับเค้าสองคนเป็นแน่

     

     

    “มึงคิดดีแล้วหรอวะ?” ลู่หานเดินมาประเชิญหน้ากับเพื่อนตัวเล็กกว่าที่ตอนนี้ก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เค้า เค้าเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของจุนมยอนที่สุด รอยยิ้มของจุนมยอนที่ไม่ยอมพูดออะไรออกมาให้หมดทำได้แต่ให้คนอื่นสบายใจและไม่เป็นทุกข์กับเรื่องของตัวเองแต่มันกลับกัน

     

    “กูว่าเรียกคริสมาเคลียร์เลยเหอะ กูเห็นมึงเป็นแบบนี้แล้วกูหงุดหงิดวะ”

     

    “อย่านะ! ชานยอล” จุนมยอนรีบเรียกเพื่อนสนิทที่หมุนตัวเตรียมเดินเข้าไปในห้องประชุมทันที เค้าเข้าใจว่าอีกคนคงจะเป็นห่วงและไม่อยากเห็นเค้าเป็นแบบนี้แต่ให้ทำไงได้ล่ะ พอไม่เล่าก็อยากให้เล่าและพอเล่าก็มาเป็นทุกข์กับเค้าแบบนี้

     

     

     

    “คริสยังไม่รู้ว่ากูชอบเพราะฉะนั้นเรื่องที่กูโกรธวันนี้ก็แค่ กูโกรธเพื่อนที่ไม่มาตามนัด กูขอเวลาตัดใจ แล้วกูจะคุยกับคริสเอง พวกมึงอยู่เฉยๆ”  จุนมยอรร่ายยาวทันทีหลังจากตัดสินใจได้แล้ว

     

    “แต่มึง…”

     

    กูขอร้อง

     

    ชานยอลกับลู่หานเตรียมแย้งเต็มที่แต่ก็ต้องปิดปากฉับเพราะคำว่า ขอร้อง คำเดียวของเพื่อนสนิท

     

    “เฮ้อ ตามใจมึงแล้วกัน”

     

    “วันนี้มึงกลับไปก่อนเหอะ ไปนอนไป๊”

     

    “ถ้ามึงอยากร้องไห้โทรหาพวกกูนะ”

     

    ชานยอลกับลู่หานสลับกันพูด บอกเป็นนัยว่าเป็นห่วงเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน และประโนคสุดท้ายเท่านั้นแหละจากที่ไม่อยากร้อง น้ำตามันก็ดันไหลออกมาซะอย่างนั้น

     

    “…ฮึก…ไอ่เชี่ยยยย” จุนมยอนด่าทั้งคู่ทันทีที่น้ำเอ่อล้นออกมา ชานยอลกับลู่หานที่ไม่คิดว่าอีกคนจะร้องออกมาจริงๆเลนรีบเข้าไปเช็ดน้ำตากอด แล้วก็ปลอบกันใหญ่

     

    โอ๋~ร้องไห้เป็นเด็กเลยคุณแฟน” ชานยอลลูบหลังอีกคนที่ตอนนี้เล่นร้องไก้ซะตัวสั่นไปหมด

     

    “แฟนพ่อง!”

     

    “แต่เมียกู กร๊ากกกกก” จุนมยอนที่หมั่นไส้เพื่อนสนิทที่กำลังเช็ดน้ำตาให้ก็ตีที่แขนไปทีแรงๆ

     

    “กูกลับแล้ว พวกมึงอ้ะชอบเตาะกู เดี๋ยวกูเปลี่ยนใจจากคริสมาหาพวกมึงแล้วพวกมึงจะหนาว” จุนมยอนชี้หน้าฉอดแล้วตอบท้ายด้วยเสียงหัวเราะตามเดิม ทำให้ลู่หานและชานยอลถึงกลับยิ้มออก

     

    “ได้ตลอดครับคนสวย”

     

    “โธ่ คุณแฟนครับ ไม่รักแฟนแล้วจะรักใคร”

     

    สาธุปากพวกมึง ไปละ” จุนมยอนโบกมือหยอยๆแล้วเดินไปขึ้นรถ เค้ารู้สึกขึ้นเยอะเลยหลังจากระบายกับเพื่อนไปนิดนึง ส่วนเรื่องตัดใจจากคริสสงสัยคงต้องพยายามล่ะนะ

    เค้าแลดูเป็นคนง่ายคิดที่จะชอบและก็คิดที่จะเลิกแบบปุบปับแบบนี้เลยไม่มีแฟนสักทีรึเปล่านะ

     

     

     

     

     

     

    วันต่อมา

     

    “จุนมยอนละ?” คริสที่เดินมาที่โต๊ะกินข้าวแต่กลับไม่เจออีกคนที่เมื่อคืนเค้าพยายามจะติดต่อด้วย ตอนแรกๆก็ไม่รับแต่หลังเหมือนจะตัดปัญหาปิดเครื่องนี้ไปเลย

     

    “กลับบ้านไปแล้ว” ลู่หานตอบ

     

     

    2 วันต่อมา

     

    “วันนี้จุนมยอนมีเรียนเย็น มึงอย่าบอกว่ากลับไปแล้ว” คริสที่เดินมาที่โต๊ะเดิมแต่กลับไม่เห็นอีกคน เลยรีบดักเพื่อนสนิทของร่างบางอย่างลู่หานเอาไว้ก่อน

     

    “แต่มันกลับไปแล้ว มันโดด” ลู่หานไหวไหล่แล้วบอกเพื่อนพลางยิ้มเยาะมันไปที

     

     

    3 วันต่อมา

     

    ชานยอล มึงช่วยกูหน่อยเหอะ” คริสนั่งลงบนโต๊ะตัวเดิมพลางเอ่ยอย่างหมดแรงกับเพื่อนร่วมคณะ เพราะสามวันมานี้เค้าทั้งเดินไปดักรอหน้าห้องเรียนของคนตัวขาว ทั้งออกจากห้องมาเร็วเพื่ออีกคนจะมาอยู่ที่โต๊ะประจำ แต่ก็ไร้วี่แวว

     

    “กูจะช่วยอะไรมึงได้วะ มึงทำตัวเอง ถ้ากูช่วยจุนมยอนโกรธกูตาย” ชานยอลตอกใส่หน้าเพื่อนตัวสูงซะหน้าแทบหงาย

     

    “เชี่ยเอ๊ยยย” ถ้านับครั้งนี้ก็เป็นรอบที่ร้อยที่คริสยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด

    หงุดหงิดที่อะไรดูก็ไม่เข้าทางเข้าสักอย่าง

     

     

    อาทิตย์หนึ่งผ่านไป

     

     

    “พวกมึงงงง กูมาแล้ว” เสียงจุนมยอนที่เดินยิ้มกว้างมาแต่ไกลทักเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประจำรวมทั้งเซฮุนและคริสก็รวมอยู่ในนั้นด้วย

     

    “ไปกับชั้น” ไม่ทันที่จะถึงโต๊ะด้วยซ้ำคริสก็ลุกขึ้นมาลากจุนมยอนออกไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งสามคนทันที ลู่หานที่ทำท่าจะลุกขึ้นห้ามแต่โดนชานยอลรั้งเอาไว้จนต้องนั่งลงเช่นเดิม

     

     

    คริส เราเจ็บ ปล่อยนะ” เสียงจุนมยอนพูดไม่ดังเท่าไหร่เพราะเค้าไม่อยากจะตกเป็นจุดสนใจของคนอื่นเค้า แต่อีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะปล่อยมือบางแต่อย่างไร

     

    คริสลากเพื่อนตัวขาวมายังรถของตนที่จอดอยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่ เปิดประตูและดันร่างบางเข้าไป จุนมยอนที่นั่งนิ่งไม่ได้เปิดประตูออกไปเพราะคิดว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วคริสอาจจะคิดว่าเค้างอลก็ได้แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น

     

    “จะพาเราไปไหน?” จุนมยอนถามเสียงใส ไม่ได้มีน้ำเสียงโกรธอยู่ในประโยคข้างหน้าแม้แต่น้อยทำให้คริสถึงกับเลิกคิ้วใส่ ตัดสินใจไม่ขับรถออกไป

     

    “นายไม่ได้โกรธชั้นหรอ?” คริสหันหน้ามาถาม

     

    “ไม่โกรธแล้ว เราโกรธเมื่ออาทิตย์ก่อนแต่ตอนนี้เราไม่โกรธแล้ว เป็นเพื่อนกันโกรธกันคนอื่นคงอึดอัด” จุนมยอนระบายยิ้มใส่คนตรงหน้าที่ตอนแรกก็ดูยิ้มดีออก แต่ทำไมตอนนี้ถึงปั้นหน้าดก็ไม่รู้

     

    “เพื่อนหรอ?” คริสที่รู้สึกหน้าชาไปเล็กน้อยพึมพำเสียงค่อยแต่จุนมยอนกลับได้ยินชัดเต็มสองรู้หู อารมณ์ถามเหมือนแบบไม่คิดกับเค้าแค่เพื่อนอย่างนั้นแหละ

     

    “กะ…ก็เพื่อนน่ะสิ” จุนมยอนย้ำถึงสถานะระหว่างเค้ากับคริส สถานะที่จุนมยอนพยายามคิดว่าคงได้เป็นแค่นี้

     

    ทั้งอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอกันเค้าพยายามตัดใจจากคริสมาตลอด พยายามไม่เจอเผื่อจะตัดใจได้ง่ายขึ้น แต่พอมาวันนี้แค่มือใหญ่ข้างนั้นสัมผัสมาที่มือของเค้า ความพยายามตลอดทั้งอาทิตย์นี้ก็ดูจะสูญเปล่า

     

     

     

     

     

    บรรยากาศภายในรถเงียบไปหลังจากที่จุนมยอนตอบออกไป คริสดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างทำให้คนที่นั่งข้างๆไม่กล้าที่เอ่ยขัดออกไป

     

     

     

     

     

    “คริส เป็นอะไรไปน่ะ?” เหมือนอีกคนจะนิ่งนานเกินไปจุนมยอนเลยพยายามเรียกสติอีกคนกลับคืนมา

     

    “แค่เพื่อนหรอ? จุนมยอนคิดกับชั้นแค่เพื่อนจริงๆหรอ”

     

    “คริสอยากพูดอะไรก็พูดมาให้เคลียร์ๆนะ! มายึกยักแบบนี้ก็ไม่เข้าใจกันน่ะสิ” จุนมยอนที่แอบยืมนิสัยลู่หานมาใช้แปปนึงเพราะอีกฝ่ายมัวแต่พึมพำอะไรอยู่ได้จนเค้าทนไม่ไหวจนจะโกรธอีกรอบแล้วเนี่ย

     

    “ชั้นชอบนาย…ชอบตั้งแต่ชานยอลแนะนำนายให้รู้จัก…” คริสที่อึ้งไปตอนแรกเพราะโดนจุนมยอนตะคอกใส่แต่ตอนนี้เหมือนต้องเดินเครื่องยังไงก็ไม่รู้

     

    ห๊ะ? อะไรนะ? เมื่อกี้หูไม่ค่อยดี” จุนมยอนจ้องเข้าในตาของคริสพลางตบหูตัวเองไปมาคล้ายจะไม่เชื่อในสิ่งที่อีกคนพูด

     

    นี่เค้าต้องฝันไปแน่ๆ คริสไม่ได้ชอบอย่างเดียว แบบชอบตั้งแต่แรกเห็น คืออะไร!!!!!!?

     

     

    “ชั้นชอบนาย”

     

    “ห๊ะ!!?”

     

    “จุนมยอนชั้นว่านายก็ไม่ได้ดูฝาดอะไรนะ”

     

    “ไม่! เรากำลังฝันอยู่ใช่เปล่า? ไม่จริงอ้ะ คริสจะมาชอบเราได้ไง” ตอนนี้จุนมยอนอยู่ในขั้นสติออบซอสุดๆเพราะไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินเลยจริงๆ

     

    “นายไม่ได้ฝันหรอก” พูดจบคนตัวสูงกว่าก็เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกชิดกัน ปากหนาระบายยิ้มนิดนึงก่อนจะขโมยความหวานจากปากนุ่มของอีกฝ่ายที่ตอนนี้เเข็งไปหินไปแล้ว

     

    จูบที่ไม่ได้ละลาบละล้วงแต่สัมผัสเบาที่ริมฝีปากก็ทำให้คนตัวขาวนั้นหน้าขึ้นสีจนอีกถอนสัมผัสออกมาถึงกับขำ

     

    “ยังอยู่มั้ย?” คริสโบกมือผ่านหน้าไปมาจนจุนมยอนถึงกลับสะดุ้งเฮือก

     

    “งื้อออออ เค้าจะฟ้องคุณแฟนกับคุณสามี!” จุนมยอนเอามือจับปากแล้วสะบัดหัวไปมา

     

    “นายคงจะหมายถึงชั้นสินะ”

     

    “อื้ออออ!”

     

    คริสพูดจบก็ปิดปากอีกคนที่ทำท่าจะแย้งทันทีโดยไม่รู้ว่าเสียงข้างบนนั้นตกลงหรือพูดไม่ได้กันแน่




    __________________________________________________________________


    ไม่รู้จุนมยอนหายโกรธง่ายไปมั้ยนะ น่าจะเอาให้อพค ลงแดงซะให้เข็ด

    แต่ก็ได้เท่านี้ ฮา

    ความจริงในใจจากไรเตอร์ที่พอแต่งไปแล้วอยากจะเปลี่ยนชื่อคู่

    ไปๆมาๆมันเหมือน ชานโฮกับลู่โฮ ยังไงก็ไม่รู้ แต่เรื่องนี้ คริสโฮ นะค่ะ!



    แล้วถ้าถามถึงเรื่องเก่าล่ะ? 555555 คือแบบโด้โฮ พล็อตมันมาแค่นั้น ติดไว้ก่อนเนอะ

    ส่วนเรื่อง เผ่าพันธุ์ ก็รอดูอยู่ 5555 ไว้จะเอาตอน 4 มาลงให้ล่ะกัน

    สปอยล์!!!!!!!  มีคนใหม่ออกมาแน่นอน!




    เจอกันอีกครั้งเมื่อ รต คึกเพราะคอมเม้นท์ *กราบ*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×