คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : [Kris x Suho]:::Endurance
Story: [OS] Endurance
Couple: Kris x Suho
Info: คำหยาบนิ๊ดนะคะ มันคือคริสโฮที่รีดเดอร์อาจจะสงสัยว่าตกลงมันคริสโฮจริงรึเปล่า ฮา
ทุกครั้งได้แต่คิดว่าจะได้เจอเขาไหม?
ทุกครั้งได้แต่คิดถึงแต่ทำอะไรไม่ได้
ทุกครั้งได้แต่เปิดหน้าต่างแชทขึ้นมาเพื่อที่จะหาเรื่องคุยแต่สุดท้ายก็ไม่กล้า
…ไม่กล้าที่จะเดินหน้าต่อเพราะกลัว
...กลัวว่าจะทำให้อะไรอะไรมันเปลี่ยนไป
และทุกวันนี้ก็เหมือนทุกๆครั้งที่ คิมจุนมยอน ภาวนาให้ได้ใกล้ชิดกับเพื่อนที่ตนแอบชอบ
“จุนมยอน!” เพื่อนสนิทหน้าหวานแต่รูปร่างที่สูงกว่าโบกมือเรียกอีกฝ่ายที่เดินตัวขาวมาแต่ไกล จุนมยอนระบายยิ้มใส่ทีนึงก่อนจะรีบเดินไปที่โต๊ะภายในโรงอาหารใหญ่ที่มีนักศึกษาเกือบทุกคณะเดินกันให้วุ่น
“ทำไมวันนี้มึงเลิกเร็วได้วะ” คนมาใหม่ถามอีกคนด้วยภาษาที่ค่อนข้างจะแสดงความสนิทสนมซึ่งคนอื่นก็พูดอยู่บ่อยครั้งว่ามันไม่ได้เข้ากับใบหน้าน่ารักนั้นเลย แต่จุนมยอนหรือจะแคร์ ก็มันเรื่องของเค้ากับเพื่อนเค้าก็แค่นั้น
“ ’จารย์ปล่อยเร็ว กูดีใจแทบตาย” และนี่ก็เป็นอีกคนที่คนอื่นพูดทำนองเดียวกับจุนมยอนเลย แต่ก็นั้นแหละนะเพื่อนสนิทกันนิสัยก็เหมือนๆกันเลยคบกันมาได้ตั้งแต่ม.ปลายยันมหาลัย ทั้งสองคนเม้าท์กันไปเรื่อยเหมือนไม่ได้เจอกันนานเพื่อรอเพื่อนร่วมแก๊งค์คนอื่นที่ยังไม่โผล่หน้ามาสักที สงสัยวันนี้อาจารย์จะจัดเต็ม
“ลู่หาน วันนี้กูเจอมินซอกด้วย อิจฉากูป้ะ?” จุนมยอนที่นั่งคุยกันไปได้สักพักก็ดันนึกเรื่องที่ต้องโอ้อวดเพื่อนสนิทซะหน่อย แถมยิ่งเป็นเรื่องของ คิมมินซอก คณะบริหารซึ่งเป็นเพื่อนเซคเดียวกับเค้าบางวิชา และที่สำคัญเป็นคนที่เพื่อนสนิทชอบนะรายนั้นแทบจะย้ายก้นมานั่งฟังเรื่องที่จะเล่าแบบเอ๊กซ์คลูซีฟกันเลยทีเดียว แถมยังโวยวายทันทีจนคนรอบข้างแอบหันมามอง
“เจอที่ไหนวะ? เค้าอยู่กับใครวะ? แล้วทำไรอยู่วะ?” ลู่หานถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนคนเป็นเพื่อนได้แต่ส่ายหน้าระอา
“โหยมึงหนิ จะรู้ไปทำส้นตีนอะไรวะครับ ถามไปมึงก็แค่รับรู้ จบป่ะ?”
“ไอ่เชี่ยจุนมยอน มึงมันมารขัดควาสุขกู กูก็แค่อยากรู้ มึงมันไม่รักกูเหอะ” อ้าวดู! อยู่ดีๆก็โดนดราม่าใส่ซะอย่างงั้น จุนมยอนหัวเราะหึก่อนจะบอกทุกอิริยาบถของมินซอกที่ตนเองเห็นตั้งแต่ไกลจนถึงทักกันรวมทั้งคุยอะไรกันไปเอาแบบให้เพื่อนมันฟินเหมือนเจอเองไปเลย อีกฝ่ายที่ฟังก็ทำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนคนเล่านึกหมั่นไส้เลยโบกหัวไปฉาดใหญ่
เพื่อนสนิทสองคนนั่งง้องแง้รอเพื่อนคนอื่นกันสักใหญ่เพราะเซคทั้งสองคนดันปล่อยเร็วเลยต้องมานั่งเม้าท์กันแค่นี้ก่อน แต่ไม่นานเกินรอเพื่อนร่วมแก๊งค์ตัวสูงโย่งก็เดินตรงมาที่โต๊ะตามคำบอกในกรุ๊ปแชทว่านั่งสถิตกันอยู่หนใด
“จุนมยอน ลู่หาน พวกมึงไม่รักกู!” จุนมยอนกับลู่หานถึงกับร้องห๊าเสียดังแล้วขมวดคิ้วใส่เพื่อนร่างสูงที่มาถึงก็มาตัดพ้อกัน คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะสองคนมองหน้ากัน ต่างคนต่างส่ายหัวไม่เข้าใจว่าไอ่เพื่อนอีกคนเกิดบ้าอะไรขึ้นมาไม่ก็เพระอาจจะเรียนหนักเกินไปเลยบ้า ทั้งคู่เลยรอให้มันเอาก้นงามๆของมันมานั่งและก็ให้มันเปิดปากพูดซะว่าเป็นอะไรของมัน
“เป็นไรของมึงชานยอล?”
“ก็พวกมึงอ้ะ!!”
“อะไร๊!?” ลูห่านที่เห็นเพื่อนมันยึกยักไม่ยอมบอกสักทีเลยแง่งใส่ไปทีจนชานยอลต้องหันไปกอดจุนมยอนที่ได้แต่ตบบ่าปุๆเป็นเชิงปลอบ เพราะถึงจะเห็นอีกฝ่ายหน้าหวานดูเรียบร้อยแต่มันใจร้อนแถมแมนเกินใครโทโหขึ้นมา อย่าได้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยบนโลกใบนี้ ก็เว่อร์ไป
“คุณจุนมยอน ลู่หานมันดุคุณชานยอลอ้ะ” ชานยอลหันมาอ้อนเพื่อนสนิทตัวขาวที่นั่งหัวเราะหึ แล้วส่งยิ้มหวานไปทั่วเพื่อขอโทษคนรอบข้างที่ดูเหมือนจะมองมาทางพวกเค้าบ่อยครั้งนัก
“ก็คุณชานยอลทำไมไม่บอกสักทีล่ะครับว่าน้อยใจอะไร” คนตัวขาวที่ตอนนี้ถูกมือยาวกอดคอไว้หลวมก็ดันบ้าจี้ใช้สรรพนามงุ้งงิ้งกันสองคนจนลู่หานนึกหมั่นไส้เลยจับทั้งคู่แยกกันซะ
“ไอ่ชานยอลมึงพอ นั้นเมียกู”
“เมียพ่อง!” จุนมยอนรีบตอกหน้าเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยิ้มเจ้าเล่ห์กลับทันควัน มันพูดงี้เดี๋ยวคนอื่นจะเค้าใจผิดหมด
“อ้าววว ทำไมพูดงี้กับสามียังงี้ล่ะครับ คนสวย”
“พวกมึงพอ! กลับมาสนใจกูต่อนี่!!” ชานยอลที่เห็นว่าเพื่อนทั้งสองคนเล่นกันจนชักจะออกนอกเรื่องของเค้าไปไกลแหละเลยรีบฉุดเข้ามาใหม่ไม่งั้นคนหล่อได้หายงอลเสียก่อน(?)
“มึงก็บอกมาสักทีว่าเป็นอะไร” คราวนี้จุนมยอนเริ่มกลับมาเป็นคนปกติที่ไม่เล่นอะไรไร้สาระแล้ว ทำให้ชานยอลถึงกลับเงิบเพราะอยากจะเล่นต่อหรือยังไง
“ก็พวกมึงชวนน้องแบคฮยอนนิเทศน์ไปกินข้าวแล้วไม่ชวนกู” ชานยอลครางหงิงคล้ายจะเป็นหมาในสายตาของคนทั้งคู่แต่ก็น่ะ มันไม่ได้น่ารักเลยเหอะตัวโตยังกะสัตว์ที่เอาไว้ใช้งานแถวๆนา
“ถุ้ยหน้ามึงสามที พูดมาได๊”
พอเพื่อนสนิทบอกสาเหตุจบปุ๊บเพื่อนหน้าหวานที่ปากไม่ค่อยจะหวานสักเท่าก็ใส่ทันที
“วันนั้นมึงบอกกูว่าไร กูไม่ว่าง ไม่ว่างเชี่ยไร เดินควงกับน้องปีหนึ่งผ่านหน้าพวกกูด้วยเหอะมึง”
“อุ้ย!”
ชานยอลถึงกลับไปไม่ถูกเพราะดูเหมือนเหตุผลมันจะไม่สามารถเอามาใช้เป็นข้ออ้างที่สามารถจะงอลเพื่อนได้แทบยังจะโดนด่ากลับมาอีกซะงั้น ชานยอลที่กำลังจะหันไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนอีกคนก็ต้องเก็บความคิดนั้นไว้ฉับพันเพราะอีกคนน่ะหรอ นั่งกุมท้องหัวเราะเสียงดังแบบปิดไม่มิด ตาที่ปิดจนอยากจะเอามือเข้าไปแหกให้
“ไอ่เชี่ยจุนมยอน มึงขำมากไปแหละ ตลกอะไรนักหนา”
“อ้าว ไม่ฮาอ่อ กูว่าฮาออก กร๊ากกกก”
“กูงอล!” ชานยอลบอกแล้วสะบัดบ็อบไปนั่งข้างลู่หานแทนและเป็นเวลาเดียวกันที่เพื่อนอีกทั้งสองคนเดินมาพอดี
“เห้ย! คริส เซฮุน ทางนี้!” ลู่หานที่นั่งหันหน้าให้กับเพื่อนทั้งสองคนที่เดินท่ามกลางสายตาของคนทั่วโรงอาหารทำให้คนที่เรียกน่ะหรอแบะปากพลางเก็บมือของตนที่โบกให้ทันที ก็พวกมันเดินกันซะเท่ห์เชียว มือไม้ก็ไม่โบกกับล้วงทำซากอะไรไม่รู้กระเป๋ากางเกงน่ะ
จุนมยอนหันมองตามมือของเพื่อนสนิทหน้าหวานก็เจอกับเพื่อนใหม่อีกสองคนที่พึ่งรู้จักกันเทอมนี้เอง เป็นเพื่อนของพัคชานยอลอีกทีอ่านะ เค้าอยู่บริหาร ลู่หานอยู่เภสัช ส่วนชานยอลอยู่วิศวะกับอีกสองคนที่เหลือและนี่ก็เป็นปีสองของพวกเค้าที่ดูเหมือนจะใ
ช้ชีวิตกันแบบไม่เครียดสักเท่าไหร่
เพื่อนใหม่ตัวสูงทั้งสองคนเดินมานั่งที่โต๊ะโดยที่คริส หรือ อู๋อี้ฟานนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเพื่อนตัวขาว ส่วน โอเซฮุนก็เดินไปนั่งข้างลู่หานที่ลากเก้าอี้มาให้เสร็จสับ
“อาจารย์ปล่อยช้าหรอ?” คนตัวขาวหันไปถามคนข้างกายแล้วระบายยิ้มจนตาปิด เพราะถ้าไม่ชวนคุยเค้ากลัวว่ามันแลดูอึดอัดไปซึ่งเค้าก็ไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่
“อื้ม ก็เค้าถามแล้วไม่มีใครตอบ เลยพึ่งปล่อยน่ะ” จุนมยอนยิ้มรับแล้วหันไปสนใจเพื่อนคนอื่นต่อเพราะถ้าให้พูดตามตรงเค้าสองคนก็คุยกันเรื่องนู่นเรื่องนี้ได้แต่ก็ไม่สนิทเท่ากับคนอื่นหรอก
“พี่คริสครับ ช่วยขยันมาเรียนนิดนึง ไลน์น่ะหันตอบมั่งนะ” ชานยอลที่นั่งตรงข้ามเอ่ยอย่างเซ็งๆเพราะคุยไปถามไปนานมากกกกกกกกกว่าจะตอบและพอโทรไปก็ไม่รับทั้งๆที่ตอนอยู่ด้วยกันก็เห็นเล่นมือถืออยู่ตลอดเวลา
“ไม่ตอบแค่นายคนเดียวเท่านั้นแหละ” พออีกฝ่ายตอบพร้อมกับรอยยิ้มขันทุกคนถึงกับปล่อยกร๊ากออกมาทันที ชานยอลเลยได้แต่ทำท่ากระซิกๆ
“แล้วตกลงดูหนังเอาไง?” เซฮุนที่เพิ่งได้เปิดประเด็นก็เอ่ยถามขึ้น
“ก็ไปดิ ยังไงพรุ่งนี้ตอนเย็นก็ต้องไปฟังบรรยายรวมอยู่แล้วหนิ” ลู่หานตกลงทันทีซึ่งทุกคนก็พยักหน้ารับกันเป็นแถวๆ
“คริสสส มารับเค้าหน่อยดิ๊” และไม่ทันไรคนที่ขับรถไม่เป็นอย่างชานยอลก็รีบอ้อนเพื่อนร่วมคณะทันทีแต่อีกคนน่ะหรอก็ทำท่าครุ่นคิดเพราะอยากแกล้งอีกคนทำให้ทุกคนถึงกับหัวเราะออกมา รวมทั้งคนที่นั่งข้างๆที่แอบนึกอิจฉาอยู่ในใจเพราะเค้าไม่กล้าที่จะอ้อนอะไรแบบนั้นหรอก และบางทียังนึกอิจฉาชานยอลเลยที่กล้าคุยกับคริสกล้าอ้อนคริสตลอดเวลา
ไม่เหมือนกับเค้านี่ต้องคอยหักห้ามการกระทำของตัวเองที่กลัวจะทำให้อีกคนรับรู้ได้…
…ถึงความรู้สึกที่มันเกินเพื่อนไปแล้ว
“คริสก็ไปรับมันหน่อยดิ จะงอลตายแล้วมั้งน่ะ” จุนมยอนเอ่ยขึ้นขำๆเพราะหน้าเพื่อนสนิทเค้าตอนนี้น่ะมันเหมือนตูดลิงเข้าไปทุกทีล่ะ คริสไม่ได้ตอบอะไรแต่หันมาขำกับคนตัวขาวสองคน
ทั้งห้าคนที่พอรับประมานอาหารกลางสุดหรู(?)กันเสร็จแล้วเลยชวนไปนั่งคาเฟ่เพื่อนทานของว่างกันต่อ แต่ก็แอบมีคนนึงที่อยากจะอ้วกอยู่แล้วเพราะเมื่อกี้ดันหิวเกินเลยจัดหนักไปหน่อย แต่ถ้ามานั่งแช่ไม่กินคงเดียวคงดูอึดอัดชอบกล
“มึงกูจะอ้วกแล้ว”
“ฮะๆ ไม่สั่งอันเล็กมาวะ” เพื่อนสนิทอย่างลู่หานหัวเราะเยาะเพื่อนสนิทที่มันอิ่มแต่ดันสั่งเครปช็อคโกแล็ตอันใหญ่มา
“ก็กูอยาก”
“ถุ้ย! แดกไปครับ” พอสิ้นคำเพื่อน ร่างบางเลยได้แต่ตักเข้าปากแต่ก็นะดูเหมือนจะกลืนไม่ค่อยจะลงเท่าไหร่
“คริสกินป้ะ? เราอิ่มจนจะอ้วกล่ะ” จุนมยอนหันไปถามคนข้างๆที่แทบจะกินเค้กชาเขียวของตนหมดแล้ว
“มาๆช่วยๆ” คริสหัวเราะทีนึงก่อนจะค่อยๆใช้ส้อมของตัวเองตัดเครปไปกิน
“อิ่ม ไม่ไหวละ”
“แล้วริสั่งจานใหญ่”
“ก็เราอยากอ้ะ!” จุนมยอนตอบเสียงงุ้งงิ้งก่อนจะจิ้มๆผลไม้ในจานเครปของตนเข้าปาก บางทีจุนมยอนก็แอบเขิลตัวเองเหมือนกันเพราะสรรพนามของเค้ากับคริสมันดูสุภาพยังไงก็ไม่รู้ แต่กับเซฮุนก็สุภาพเหมือนกันแต่มันคนละฟีลกันเลย
“คร้าบๆ ช่วยคร้าบ” คริสยิ้มแล้วหัวเราะน้อยๆจนจุนมยอนต้องตีที่ไหล่กว้างไปทีอย่างนึกหมั่นไส้
[ คนหล่อs ]
Sehun ENGI
‘โทษนะเว้ย ดูหนังไม่ได้ละ เจอกันตอนเย็นเลย T ^ T
ไอ่บ้าลู่
เหมือนกันเลยวะ พรุ่งนี้เพื่อนมันนัดคุยโปรเจค OTZ
ทำไมทำร้ายจิตใจกันงี้อ่า
พัคหยอย
อ้าวงี้ทำไง เหลือ คริส จุนมยอนแล้วก็กูอ่าดิ
มึงเอาไงพัคชาน กูได้หมด
พัคหยอย
เดี๋ยวกูบอกอีกละกันอย่างงี้
อ้าว เชี่ยมึงจะทิ้งกูอ่อ กูอยากดูหนัง!
ไอ่บ้าลู่
มึง ไว้กูเลี้ยงมึงวันหลังนะ
กูขอปั่นโปรเจคไปคุยกะเพื่อนพรุ่งนี้แปป
เอออออ มึงไปเลย
กูเป็นคนดีพอคราวนี้กูจะปล่อยไปก่อน
ไอ่บ้าลู่
ขอบคุณครับเมีย จุ้บ! ^ 3 ^
เมียพ่อง! มึงนี่ไม่เลิก
Sehun ENGI
555555 ได้เสียตอนไหนไม่เห็นรู้เรื่อง
เซฮุนอย่าไปบ้ากับมันนนน
พัคหยอย
คุณแฟนครับ พรุ่งนี้น้องแบคฮยอนให้กูไปหาวะ
กูขอโทษ สงสัยมึงต้องคุยกับไอ่คริสเอาว่าจะเอายังไง
ไอ่เชี๊ย! พวกมึง เดี๋ยวแฟนเดี๋ยวเมีย
ถ้ากูไม่มีตัวจริงของกู
เดี๋ยวพวกมึงจะได้เป็นจริงๆ
Sehun ENGI
55555 เคลียกับคริสเอาแล้วกันนะ
ร่างบางวางมือถือลงข้างตัวพลางถอนหายใจกับบทสนทนาที่เพื่อนเค้าเทประดังเข้ามา อุตส่าห์นัดวันเวลากันซะดิบดีแล้วนี่คืออะไร! แถมคนที่เหลืออยู่อย่างคริสก็ไม่ตอบไลน์อีก
จุนมยอนหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งพลางเปิดไปหน้าต่างแยกที่เคยคุยกับคริสเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว
“พรุ่งนี้เอายังไง…ไม่ๆๆๆๆ”
จุนมยอนกดลบตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปพลางส่ายหัวไปมา เจ้าตัวคิดว่าถ้าคุยกันล่อยเกินหรือมากเกินไปคริสอาจจะรับรู้ได้ว่าเค้านั้นทำอะไรเกินเพื่อน แต่ๆๆๆๆ แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้คุยกันแบบส่วนตัวอีก โอ๊ยยยย จุนมยอนปวดหัว
“เอาว่ะ โทรเลยละกัน” จุนมยอนที่ตัดสินใจแน่วแน่กดหาเพื่อนทันทีเพราะถ้าเจ้าตัวก็ขี้เกียจพิมพ์แถมถ้าอีกคนไม่ตอบละ พรุ่งนี้ก็ได้เง้กกันตามๆกันไป เค้ากลัวคริสจะไปเก้อด้วยแหละ
“ฮัลโหลครับ คริสอ่านไลน์หรือยัง?”
“อื้อ”
“เอางั้นหรอ?”
“โอเค ไว้เจอกัน”
พอวางสายปุ๊บจุนมยอนก็ถลาลงเตียงนอนทันทีพลางนอนบิดไปบิดมา แย้มยิ้มมีความสุขจนอยากจะบ้า ก็เพราะว่าอีกคนดันไม่แคนเซิ่ลนัด ยังงี้ก็ได้ไปเที่ยวกันสองคนน่ะสิ!! จุนมยอนฟิน!
แต่พอมานั่งคิดดูดีๆแล้วก็แค่เพื่อนไปเที่ยวกับเพื่อนเพราะคริสไม่ได้รู้ซะหน่อยว่าเพื่อนคนนี้แอบชอบ
การชอบใครสักคนของจุนมยอนอาจจะดูง่ายเกินไป
เพราะตั้งแต่ชานยอลแนะอีกคนให้รู้จัก ได้ทักกัน ได้คุยกัน เค้าคนนี้ก็แทบจะคิดถึงอีกคนอยู่ตลอดเวลา
แต่เพราะเค้ากลัวจะเสียความสัมพันธ์ตรงนี้ ทำให้ไม่กล้าที่จะปฏิบัติกับอีกฝ่ายพิเศษกว่าคนอื่น
จุนมยอนขอเก็บความรู้สึกนี้คนเดียวคงพอ
ถึงอยากจะระบายแต่ก็ไม่กล้าที่ระบายออกไป ถ้าลู่หานรู้เรื่องนี้ ลู่หานอาจจะช่วยทำให้เค้าคบกันซะด้วยซ้ำ
แต่เค้าคิดว่าแอบชอบแบบนี้ดีกว่าหลายร้อยเท่า เพราะกลัวว่าถ้าต้องเลิกรากัน แล้วจะเข้าหน้ากันไม่ติด
จุนมยอนยืนมองนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเองมานับสิบรอบได้แล้ว เพราะอีกฝ่ายที่สัญญาว่าจะมาดูหนังด้วยกลับยังไม่โผล่หน้ามาทั้งๆที่มันเลยเวลานัดมาตั้ง 2 ชั่วโมง เจ้าตัวที่โทรไปหาแล้วสองรอบได้แต่แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงจะขับรถเลยไม่ได้รับโทรศัพท์ จนไม่กล้าโทรไปอีกเพราะกลัวว่าเพื่อนคนนี้จะนึกรำคาญเค้าไปซะก่อน
มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไลน์หาอีกคนเพราะไม่มีท่าทีว่าจะรับโทรศัพท์เค้าสักที
Fri, OO Dec
14:56 คริสอยู่ไหนแล้ว
14:56 เราคงดูหนังไม่ทันแล้วล่ะ
ร่างบางนั่งรออีกสักพักจนเค้าคิดว่าเค้าคงจะรอต่อไปไม่ไหวแล้ว แถมเวลาที่กระชันชิดเข้ามา ทำให้คนที่รออยู่ตัดสินใจเดินไปที่จอดรถพร้อมกับความรู้สึกน้อยใจ เสียใจ โกรธ ปนเปกันไป เพราะเค้าไม่ได้เตรียมใจว่าอีกคนจะปล่อยเกาะเค้าแบบนี้
จุนมยอนขึ้นมายังรถของตัวเอง ปิดประตูเสียบกุญแจพร้อม แต่ไม่มีท่าทีว่าจะสตาร์ทรถออก
ความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกคอจนพูดไม่ออก จะระบายออกมาก็ไม่ได้ นี่คงเป็นบทเรียนที่ดีที่ทำให้เค้าคิดได้ว่าเค้าไม่ควรที่จะหวังอะไรอีกต่อไป แม้กระทั่งคำพูดของเพื่อนสนิทของเค้า
“คริสดูสนิทกับมึงดีเนอะ อิจฉาวะ มันเดินรอมึงตลอดอ่ะเวลาเดินช้า”
อันนี้เค้าก็ไม่รู้สิเพราะเค้าไม่ทันสังเกตุ
“แล้วกูก็เห็นมันนั่งข้างมึงตลอด”
อันนี้เค้าก็ไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษเพราะเก้าอี้ข้างเค้ามันก็ว่างตลอด
“มึงอ่ะคุยกันสองคนบ่อยจะตาย ถ้ากูอยู่คริสสองคนนะ กูไม่รู้จะคุยอะไรวะ”
กูไม่รู้ว่าจะเชื่อมึงดีมั้ย เพราะต่อหน้ากูทีไรกูก็เห็นมึงคุยกับมันปกติ
“อยากสนิทมั่งอ้ะ!”
แล้วที่มันกับมึงแกล้งกันเล่นกันจนกูอิจฉาเค้าไม่เรียกว่าพวกมึงสนิทกันหรอวะ ชานยอล…
__________________________70%____________________________
Kris ENGI
จุนมยอนอยู่ไหน
หน้าจอแชทเด้งทำให้จุนมยอนที่กำลังจอดรถข้างหอประชุมใหญ่ภายในมหาลัยต้องรีบจอดให้เสร็จแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู แต่ก็ต้องตัดสินใจปิดหน้าจอให้ดับลงเช่นเดิม
รู้สึกเหมือนยิ่งได้ฟังได้เห็นอะไรก็แล้วแต่จากคนที่ชอบตอนนี้มันดูเหมือนจะไม่ใช่ผลดีสักเท่าไหร่ คนตัวขาวระบายยิ้มเศร้าก่อนจะล็อครถและเดินไปหาเพื่อนที่น่าจะมาถึงกันแล้ว
จุนมยอนเดินเข้าห้องประชุมที่บรรจุคนได้หลายร้อยคนและก็พบกับเพื่อนสนิทที่โบกมือเรียกเค้าอยู่แถวเกือบหลังสุดทางปีกขวาของหอประชุมที่ตอนนี้มีคนนั่งกันอยู่ปละปลาย
“หนังเป็นไงวะ?” ลู่หานที่นั่งอยู่กับชานยอลร้องถามเพื่อนตัวขาวที่เพิ่งจะหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ
“ป่าวกูไม่ได้ไปดู ไว้คุยกันนะมึง กูง่วงเดี๋ยวกูขับรถไม่ไหว” พูดจบก็ใส่หูฟังพลางหลับตาลงเพราะตอนนี้เค้าเหนื่อยยังไงก็ไม่รู้
“เห้ยมึงเป็นไรวะ?” ลู่หานที่เห็นเพื่อนผิดปกติเลยดึงหูฟังออกข้างนึงแล้วถามออกไปตรงๆ
“กูเปล่า”
“กูจะเชื่อมึงดีมั้ยเนี่ยห๊ะะ”
“…กูเหนื่อย”
“อะไรของมึงวะ แล้วทำไมไม่ไปดูหนัง มึงบอกมึงอยากดู” ลู่หานที่เริ่มจับสังเกตุของเพื่อนที่คบกันมานานได้แล้วรีบริบหูฟังอีกคนทันที ไม่ให้ใส่จนกว่าจะตอบคำถามของเค้าให้เคลียซะก่อน ก็ดูมันทำหน้าเค้าสิ ดูเหมือนจะร้องแหล่ไม่ร้องแหล่อยู่แล้ว
“คริสมันรู้รึเปล่าว่าพวกกูไม่ได้ไป” ชานยอลที่อยากจะรู้เหมือนกันว่าเพื่อนสนิทเป็นอะไรเลยต้องช่วยกันเค้นคอกับลู่หาน และคำตอบที่ได้รับคือเพื่อนสนิทตัวขาวนั้นพยักหน้าและพยายามจะแย่งหูฟังคืน
“พวกมึงเลิกถาม กูขอร้อง แล้วกูขอนั่งกลางด้วย ลุกๆๆ” พอพูดจบปุ๊บจุนมยอนก็ยืนขึ้นแถมเร่งยิกๆให้เพื่อนอย่างลู่หานลุกขึ้นเพื่อเปลี่ยนที่นั่งกันเพราะกันไว้ก่อนเพื่อคนที่ตอนนี้ไม่อยากจะเจอหน้ามาเข้าบรรยาย ส่วนลู่หานน่ะหรอก็รีบลุกเปลี่ยนที่ให้อย่างงงๆ
“มึงทะเลาะไรกับไอ่คริสมาป่าวเนี่ย” เสียงทุ้มเริ่มถามเสียงเรียบจนจุนมยอนได้แต่หันหน้าไปมองเพราะเพื่อนสนิทอย่างชานยอล มันน่ะขี้เล่นจะตาย ทำไมอยู่ๆดีเสียงมันถึงดูไม่สบอารมณ์ยังไงก็ไม่รู้
“ป่าววว คุณแฟน คุณสามีครับ ขอร้องตอนนี้อย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง เอาให้หมดเปลือกเลย”
“ให้มันจริงเหอะมึง” ลู่หานบอกก่อนที่จุนมยอนกระแทกเสียงตอบว่า เออ ดังๆและก็แย่งหูฟังคืน อุดหูหลับตาตัดขาดจาดโลกภายนอกทันที
ไม่นานนักเซฮุนก็ตามมา และต่อด้วยคริสที่เดินเข้ามาหน้าเครียดจนลู่หานกับชานยอลถึงกับมองหน้ากัน
“เป็นไรวะหน้าเครียดๆ” เซฮุนทักอีกคนทันทีเพราะสีหน้าของอีกฝ่ายนั้นแสดงออกชัดเจน
“วันนี้กูนัดกับจุนมยอนไว้น่ะสิ แต่กูดันไม่ได้ไปเพราะกูไม่ตื่น” ร่างสูงเอ่ยพลางลอบมองไปที่อีกคนที่ตอนนี้นั่งหลับตาฟังเพลงและไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และเค้าก็มั่นใจได้เลยเพราะเสียงเพลงที่เล็ดลอดออกมานั้นไม่อยากจะให้ใครเข้าไปกวนสักเท่าไหร่
“งานงอกแล้วล่ะมึง” ชานยอลยกยิ้มก่อนจะหันไปมองเพื่อนข้างตัว
“เออกูรู้ กูทั้งโทรหาทั้งส่งไลน์ไปจุนมยอนไม่ตอบกูเลย” คริสบอกและยีหัวตัวเองแรงๆ ไม่รู้ว่าจะขอโทษอีกคนยังไงดี รู้สึกผิดแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง ถ้าเป็นเพื่อนคนอื่นมันอาจจะง่ายกว่านี้ถ้าจะขอคืนดี แต่นี่คือจุนมยอน คนที่เค้าปล่อยให้รอมาหลายชั่วโมงแถมเป็นคนที่เค้าไม่เคยอยากให้โกรธเลยด้วยซ้ำ
ร่างสูงหันไปมองอีกฝ่ายรอบที่เท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ อยากขอโทษ อยากปรับความเข้าใจแต่ดูเหมือนตอนนี้มันจะเป็นไปได้ยาก
การบรรยายเริ่มขึ้นแสดงทาฟังคนดูถูกปิดลงเหลือแต่บนเวทีที่มีอาจารย์สองสามคนรวมทั้งคนนอกที่ถูกเชิญพูดกันไปเลย ร่างบางเริ่มตาขึ้นทางมองตรงไปทางเวที เค้าคิดว่าตอนนี้ข้างๆลู่หานคงมีเซฮุนกับคริสนั่งอยู่เลยไม่ได้หันไปมอง ชานยอลที่หันมาเห็นเพื่อนสนิทลืมตาแล้วเลยทำท่าจะพูดอะไรแต่คนตัวเล็กกลับเอามือขึ้นมาจุ๊ปากไว้ก่อนแล้วยิ้มให้ หัวมนกลมพิงไหล่สูงอย่างเหนื่อยล้า
“กูจะโดนน้องแบคฮยอนดักตีหัวป่าววะ” จุนมยอนพูดติดตลกและก็หลับตาลงอีกครั้งแต่คราวนี้เค้าเลือกที่จะดึงหูฟังออก
“มึงเป็นไรวะ”ชานยอลกระซิบถามพลางเอามือตบหัวเพื่อนเบาๆคล้ายจะปลอบ
สายตาจุนมยอนที่หักห้ามเอาไว้ไม่ได้ที่จะมองหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ทางด้านลู่ห่าน สายตาคมสบเค้าทันทีเมื่ออีกฝ่ายมองมาทำให้จุนมยอนต้องรีบลุกขึ้นทันที มือใหญ่ของชานยอลและลู่ห่านถูกคนตัวเล็กกว่าจับไว้แน่นก่นอจะฉุดให้ลุกขึ้นให้เดินตามออกมา
“เดี๋ยวกลับมานะ” จุนมยอนยิ้มให้เซฮุนทีนึงเพราะดูท่าจะงงซะเหลือ เซฮุนพยักหน้ารับก่อนจะหันไปสนใจบรรยายบนเวที
คริสที่เห็นว่าร่างบางเดินจูงเพื่อนสนิททั้งสองคนเดินออกไปก็แทบจะรุดวิ่งตามไปแต่ติดตรงที่เค้าไม่อยากจะปล่อยให้เซฮุนนั่งอยู่คนเดียว คริสยีหัวแรงๆอีกทีจนเซฮุนได้แต่ยิ้มเยาะเพื่อนมันไปที
“ใจเย็นดิมึง เดี๋ยวก็มีโอกาสได้เคลียร์กัน”
“กูกลัวจุนมยอนจะเป็นพวกโกรธยากหายยากอ่ะดิ”
“งั้นก็สมน้ำหน้ามึงแล้ว ดันไม่ตื่น”
ทางด้านจุนมยอนที่ลากเพื่อนสนิทออกมาก็ยืนพิงกับราวกั้นแล้วพ่นลมหายใจออกมาดังเฮือก
“มึงเล่าได้แล้วหรอ?” ลู่หานถามพลางยืนพิงราวกั้นเช่นกัน
“ทำไมคริสเพิ่งมาล่ะ?” ปากเล็กเลือกที่จะถามกลับ แต่คำถามเนี่ยสิทำให้ชานยอลกับลู่หานคิดนักเลยว่าจะตอบออกไปดีรึเปล่า
“มัน….”
“คริสทำไม?”
“มันบอกว่ามันเพิ่งตื่นน่ะ” ชานยอลตอบทำให้ลู่หานที่อึกอักตั้งนานตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่เพราะเค้ากะจะให้ทั้งคู่ได้คุยกันเอง แล้วแบบนี้จุนมยอนจะยอมเจอหน้าอีกคนรึเปล่าเหอะ
“เหตุผลง่ายดีเนอะ กูต้องไปรอตั้ง 2 ชั่วโมงกว่า” รอยยิ้มยิ้มส่งให้คนตอบแต่ทำไมเพื่อนตรงหน้ามันเหลมือนจะร้องไห้ออกมาก็ไม่รู้
“มึงชอบมันหรอวะ?” ชานยอลที่เห็นสีหน้าของเพื่อนเหมือนเก็บอะไรไว้มากมายจนเค้าต้องถามออกมา และคราวนี้จุนมยอนก็เลือกที่จะพยักหน้ายอมรับและบอกเพื่อนทั้งสองคน
“…แต่กูกำลังจะเลิกชอบแล้ว”
บรรยากาศเงียบไปสักพักเพราะเพื่อนตัวขาวไม่ได้พูดอะไรต่อทำให้คนที่รับฟังอยู่นั้นก็ไม่รู้ว่าพูดอะไรได้ นี่ดีเท่าไหร่แล้วว่าคนที่ทำให้เพื่อนเค้าเจ็บช้ำแบบนี้เป็นคริสที่สนิทด้วย ถ้าเป็นคนอื่นล่ะก็ พรุ่งนี้คงได้มีเรื่องกับเค้าสองคนเป็นแน่
“มึงคิดดีแล้วหรอวะ?” ลู่หานเดินมาประเชิญหน้ากับเพื่อนตัวเล็กกว่าที่ตอนนี้ก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้เค้า เค้าเกลียดรอยยิ้มแบบนี้ของจุนมยอนที่สุด รอยยิ้มของจุนมยอนที่ไม่ยอมพูดออะไรออกมาให้หมดทำได้แต่ให้คนอื่นสบายใจและไม่เป็นทุกข์กับเรื่องของตัวเองแต่มันกลับกัน…
“กูว่าเรียกคริสมาเคลียร์เลยเหอะ กูเห็นมึงเป็นแบบนี้แล้วกูหงุดหงิดวะ”
“อย่านะ! ชานยอล” จุนมยอนรีบเรียกเพื่อนสนิทที่หมุนตัวเตรียมเดินเข้าไปในห้องประชุมทันที เค้าเข้าใจว่าอีกคนคงจะเป็นห่วงและไม่อยากเห็นเค้าเป็นแบบนี้แต่ให้ทำไงได้ล่ะ พอไม่เล่าก็อยากให้เล่าและพอเล่าก็มาเป็นทุกข์กับเค้าแบบนี้
“คริสยังไม่รู้ว่ากูชอบเพราะฉะนั้นเรื่องที่กูโกรธวันนี้ก็แค่ กูโกรธเพื่อนที่ไม่มาตามนัด กูขอเวลาตัดใจ แล้วกูจะคุยกับคริสเอง พวกมึงอยู่เฉยๆ” จุนมยอรร่ายยาวทันทีหลังจากตัดสินใจได้แล้ว
“แต่มึง…”
“กูขอร้อง”
ชานยอลกับลู่หานเตรียมแย้งเต็มที่แต่ก็ต้องปิดปากฉับเพราะคำว่า ขอร้อง คำเดียวของเพื่อนสนิท
“เฮ้อ ตามใจมึงแล้วกัน”
“วันนี้มึงกลับไปก่อนเหอะ ไปนอนไป๊”
“ถ้ามึงอยากร้องไห้โทรหาพวกกูนะ”
ชานยอลกับลู่หานสลับกันพูด บอกเป็นนัยว่าเป็นห่วงเพื่อนคนนี้มากแค่ไหน และประโนคสุดท้ายเท่านั้นแหละจากที่ไม่อยากร้อง น้ำตามันก็ดันไหลออกมาซะอย่างนั้น
“…ฮึก…ไอ่เชี่ยยยย” จุนมยอนด่าทั้งคู่ทันทีที่น้ำเอ่อล้นออกมา ชานยอลกับลู่หานที่ไม่คิดว่าอีกคนจะร้องออกมาจริงๆเลนรีบเข้าไปเช็ดน้ำตากอด แล้วก็ปลอบกันใหญ่
“โอ๋~ร้องไห้เป็นเด็กเลยคุณแฟน” ชานยอลลูบหลังอีกคนที่ตอนนี้เล่นร้องไก้ซะตัวสั่นไปหมด
“แฟนพ่อง!”
“แต่เมียกู กร๊ากกกกก” จุนมยอนที่หมั่นไส้เพื่อนสนิทที่กำลังเช็ดน้ำตาให้ก็ตีที่แขนไปทีแรงๆ
“กูกลับแล้ว พวกมึงอ้ะชอบเตาะกู เดี๋ยวกูเปลี่ยนใจจากคริสมาหาพวกมึงแล้วพวกมึงจะหนาว” จุนมยอนชี้หน้าฉอดแล้วตอบท้ายด้วยเสียงหัวเราะตามเดิม ทำให้ลู่หานและชานยอลถึงกลับยิ้มออก
“ได้ตลอดครับคนสวย”
“โธ่ คุณแฟนครับ ไม่รักแฟนแล้วจะรักใคร”
“สาธุปากพวกมึง ไปละ” จุนมยอนโบกมือหยอยๆแล้วเดินไปขึ้นรถ เค้ารู้สึกขึ้นเยอะเลยหลังจากระบายกับเพื่อนไปนิดนึง ส่วนเรื่องตัดใจจากคริสสงสัยคงต้องพยายามล่ะนะ
เค้าแลดูเป็นคนง่ายคิดที่จะชอบและก็คิดที่จะเลิกแบบปุบปับแบบนี้เลยไม่มีแฟนสักทีรึเปล่านะ
วันต่อมา
“จุนมยอนละ?” คริสที่เดินมาที่โต๊ะกินข้าวแต่กลับไม่เจออีกคนที่เมื่อคืนเค้าพยายามจะติดต่อด้วย ตอนแรกๆก็ไม่รับแต่หลังเหมือนจะตัดปัญหาปิดเครื่องนี้ไปเลย
“กลับบ้านไปแล้ว” ลู่หานตอบ
2 วันต่อมา
“วันนี้จุนมยอนมีเรียนเย็น มึงอย่าบอกว่ากลับไปแล้ว” คริสที่เดินมาที่โต๊ะเดิมแต่กลับไม่เห็นอีกคน เลยรีบดักเพื่อนสนิทของร่างบางอย่างลู่หานเอาไว้ก่อน
“แต่มันกลับไปแล้ว มันโดด” ลู่หานไหวไหล่แล้วบอกเพื่อนพลางยิ้มเยาะมันไปที
3 วันต่อมา
“ชานยอล มึงช่วยกูหน่อยเหอะ” คริสนั่งลงบนโต๊ะตัวเดิมพลางเอ่ยอย่างหมดแรงกับเพื่อนร่วมคณะ เพราะสามวันมานี้เค้าทั้งเดินไปดักรอหน้าห้องเรียนของคนตัวขาว ทั้งออกจากห้องมาเร็วเพื่ออีกคนจะมาอยู่ที่โต๊ะประจำ แต่ก็ไร้วี่แวว
“กูจะช่วยอะไรมึงได้วะ มึงทำตัวเอง ถ้ากูช่วยจุนมยอนโกรธกูตาย” ชานยอลตอกใส่หน้าเพื่อนตัวสูงซะหน้าแทบหงาย
“เชี่ยเอ๊ยยย” ถ้านับครั้งนี้ก็เป็นรอบที่ร้อยที่คริสยีหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
หงุดหงิดที่อะไรดูก็ไม่เข้าทางเข้าสักอย่าง
อาทิตย์หนึ่งผ่านไป
“พวกมึงงงง กูมาแล้ว” เสียงจุนมยอนที่เดินยิ้มกว้างมาแต่ไกลทักเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ที่โต๊ะประจำรวมทั้งเซฮุนและคริสก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
“ไปกับชั้น” ไม่ทันที่จะถึงโต๊ะด้วยซ้ำคริสก็ลุกขึ้นมาลากจุนมยอนออกไปต่อหน้าต่อตาคนทั้งสามคนทันที ลู่หานที่ทำท่าจะลุกขึ้นห้ามแต่โดนชานยอลรั้งเอาไว้จนต้องนั่งลงเช่นเดิม
“คริส เราเจ็บ ปล่อยนะ” เสียงจุนมยอนพูดไม่ดังเท่าไหร่เพราะเค้าไม่อยากจะตกเป็นจุดสนใจของคนอื่นเค้า แต่อีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะปล่อยมือบางแต่อย่างไร
คริสลากเพื่อนตัวขาวมายังรถของตนที่จอดอยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่ เปิดประตูและดันร่างบางเข้าไป จุนมยอนที่นั่งนิ่งไม่ได้เปิดประตูออกไปเพราะคิดว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วคริสอาจจะคิดว่าเค้างอลก็ได้แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น
“จะพาเราไปไหน?” จุนมยอนถามเสียงใส ไม่ได้มีน้ำเสียงโกรธอยู่ในประโยคข้างหน้าแม้แต่น้อยทำให้คริสถึงกับเลิกคิ้วใส่ ตัดสินใจไม่ขับรถออกไป
“นายไม่ได้โกรธชั้นหรอ?” คริสหันหน้ามาถาม
“ไม่โกรธแล้ว เราโกรธเมื่ออาทิตย์ก่อนแต่ตอนนี้เราไม่โกรธแล้ว เป็นเพื่อนกันโกรธกันคนอื่นคงอึดอัด” จุนมยอนระบายยิ้มใส่คนตรงหน้าที่ตอนแรกก็ดูยิ้มดีออก แต่ทำไมตอนนี้ถึงปั้นหน้าดุก็ไม่รู้
“เพื่อนหรอ?” คริสที่รู้สึกหน้าชาไปเล็กน้อยพึมพำเสียงค่อยแต่จุนมยอนกลับได้ยินชัดเต็มสองรู้หู อารมณ์ถามเหมือนแบบไม่คิดกับเค้าแค่เพื่อนอย่างนั้นแหละ
“กะ…ก็เพื่อนน่ะสิ” จุนมยอนย้ำถึงสถานะระหว่างเค้ากับคริส สถานะที่จุนมยอนพยายามคิดว่าคงได้เป็นแค่นี้
ทั้งอาทิตย์ที่ไม่ได้เจอกันเค้าพยายามตัดใจจากคริสมาตลอด พยายามไม่เจอเผื่อจะตัดใจได้ง่ายขึ้น แต่พอมาวันนี้แค่มือใหญ่ข้างนั้นสัมผัสมาที่มือของเค้า ความพยายามตลอดทั้งอาทิตย์นี้ก็ดูจะสูญเปล่า
บรรยากาศภายในรถเงียบไปหลังจากที่จุนมยอนตอบออกไป คริสดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างทำให้คนที่นั่งข้างๆไม่กล้าที่เอ่ยขัดออกไป
“คริส เป็นอะไรไปน่ะ?” เหมือนอีกคนจะนิ่งนานเกินไปจุนมยอนเลยพยายามเรียกสติอีกคนกลับคืนมา
“แค่เพื่อนหรอ? จุนมยอนคิดกับชั้นแค่เพื่อนจริงๆหรอ”
“คริสอยากพูดอะไรก็พูดมาให้เคลียร์ๆนะ! มายึกยักแบบนี้ก็ไม่เข้าใจกันน่ะสิ” จุนมยอนที่แอบยืมนิสัยลู่หานมาใช้แปปนึงเพราะอีกฝ่ายมัวแต่พึมพำอะไรอยู่ได้จนเค้าทนไม่ไหวจนจะโกรธอีกรอบแล้วเนี่ย
“ชั้นชอบนาย…ชอบตั้งแต่ชานยอลแนะนำนายให้รู้จัก…” คริสที่อึ้งไปตอนแรกเพราะโดนจุนมยอนตะคอกใส่แต่ตอนนี้เหมือนต้องเดินเครื่องยังไงก็ไม่รู้
“ห๊ะ? อะไรนะ? เมื่อกี้หูไม่ค่อยดี” จุนมยอนจ้องเข้าในตาของคริสพลางตบหูตัวเองไปมาคล้ายจะไม่เชื่อในสิ่งที่อีกคนพูด
นี่เค้าต้องฝันไปแน่ๆ คริสไม่ได้ชอบอย่างเดียว แบบชอบตั้งแต่แรกเห็น คืออะไร!!!!!!?
“ชั้นชอบนาย”
“ห๊ะ!!?”
“จุนมยอนชั้นว่านายก็ไม่ได้ดูฝาดอะไรนะ”
“ไม่! เรากำลังฝันอยู่ใช่เปล่า? ไม่จริงอ้ะ คริสจะมาชอบเราได้ไง” ตอนนี้จุนมยอนอยู่ในขั้นสติออบซอสุดๆเพราะไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินเลยจริงๆ
“นายไม่ได้ฝันหรอก” พูดจบคนตัวสูงกว่าก็เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกชิดกัน ปากหนาระบายยิ้มนิดนึงก่อนจะขโมยความหวานจากปากนุ่มของอีกฝ่ายที่ตอนนี้เเข็งไปหินไปแล้ว
จูบที่ไม่ได้ละลาบละล้วงแต่สัมผัสเบาที่ริมฝีปากก็ทำให้คนตัวขาวนั้นหน้าขึ้นสีจนอีกถอนสัมผัสออกมาถึงกับขำ
“ยังอยู่มั้ย?” คริสโบกมือผ่านหน้าไปมาจนจุนมยอนถึงกลับสะดุ้งเฮือก
“งื้อออออ เค้าจะฟ้องคุณแฟนกับคุณสามี!” จุนมยอนเอามือจับปากแล้วสะบัดหัวไปมา
“นายคงจะหมายถึงชั้นสินะ”
“อื้ออออ!”
คริสพูดจบก็ปิดปากอีกคนที่ทำท่าจะแย้งทันทีโดยไม่รู้ว่าเสียงข้างบนนั้นตกลงหรือพูดไม่ได้กันแน่
__________________________________________________________________
ไม่รู้จุนมยอนหายโกรธง่ายไปมั้ยนะ น่าจะเอาให้อพค ลงแดงซะให้เข็ด
แต่ก็ได้เท่านี้ ฮา
ความจริงในใจจากไรเตอร์ที่พอแต่งไปแล้วอยากจะเปลี่ยนชื่อคู่
ไปๆมาๆมันเหมือน ชานโฮกับลู่โฮ ยังไงก็ไม่รู้ แต่เรื่องนี้ คริสโฮ นะค่ะ!
แล้วถ้าถามถึงเรื่องเก่าล่ะ? 555555 คือแบบโด้โฮ พล็อตมันมาแค่นั้น ติดไว้ก่อนเนอะ
ส่วนเรื่อง เผ่าพันธุ์ ก็รอดูอยู่ 5555 ไว้จะเอาตอน 4 มาลงให้ล่ะกัน
สปอยล์!!!!!!! มีคนใหม่ออกมาแน่นอน!
เจอกันอีกครั้งเมื่อ รต คึกเพราะคอมเม้นท์ *กราบ*
ความคิดเห็น