ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หอพักอลเวง

    ลำดับตอนที่ #3 : ความทรงจำในวัยเยาว์

    • อัปเดตล่าสุด 20 ธ.ค. 48


    Chapter 3 : ความทรงจำในวัยเยาว์



    ทางด้านคิโด้นั้น เขาได้ปฏิเสธการไปเล่นบาสฯกับจิโน่ที่โทร.มาชวนเขากับนีโอลงไปเล่น  เพราะเขาอยากไปเดินเที่ยวที่ “ทีนเซนเตอร์” มากกว่า ซึ่งแหล่งศูนย์รวมของวัยรุ่นในเมืองนี้ จึงมีแต่นีโอคนเดียวที่ลงไปเล่นบาสฯกับจิโน่



    คิโด้นั่งรถเมล์ไปยังทีนเซนเตอร์เพื่อหวังว่าจะไปดูบรรยากาศแหล่งเที่ยวของที่นี่เฉยๆ แต่แล้วกลับมีสิ่งที่ดึงดูดเขา จนทำให้เขาต้องเข้าไปร่วมจอยด้วย นั่นคือ การแข่งเต้น



    การแข่งเต้นนี้ เป็นการแข่งเต้นที่เหล่าวัยรุ่นแถวนี้มารวมตัวกันเพื่อประชันฝีเท้า และลีลา จนจบใน 1 เพลง ซึ่งก็จะแข่งทีละคู่ ใครเป็นผู้ชนะ ก็จะท้าแข่งกับคนต่อไป จนกว่าจะไม่มีใครท้าแข่งแล้ว  การแข่งขันจึงเป็นอันสิ้นสุด ซึ่งการให้คะแนนก็มาจากการนับคะแนนจากผู้ที่มาชมว่าใครควรจะได้เป็นผู้ชนะ  เป็นการแข่งที่ไม่มีรางวัล แต่เดิมพันกันด้วยศักดิ์ศรี



    “ในที่นี้ มีใครกล้ามาแข่งกับไจ่ไจ๋อีกไหม นับ 1...2...”  คนที่ทำหน้าที่พิธีกรเอ่ยถามขึ้น



    “ผมครับ!!”  คิโด้ตะโกนเสนอตัว แล้วเดินฝ่าวงล้อมคนที่มุงดูเข้าไป



    “ไม่ทราบว่าผู้กล้าท้าชิงสุดเท่ห์ของเราคนนี้ ชื่ออะไรครับ”



    “ผม ชื่อ คิโด้”



    “เอาล่ะครับ หนุ่มเท่ห์ กับสาวหล่อ มาประชันกัน รับรองว่านัดนี้ มันส์หยดแน่ครับ คุณผู้ชม”



    “นายคิดว่าจะเอาชนะฉันได้หรือ”  ไจ่ไจ๋ถามข่ม



    “ได้ หรือ ไม่ได้ เดี๋ยวก็คอยดู”  คิโด้ตอบ



    เมื่อทั้งคู่เริ่มวาดลวดลายลีลาเท้าไฟ ก็สะกดคนดูทั้งหมดไว้ ทุกๆคนต่างนิ่งเงียบแล้วจ้องดูอย่างไม่กะพริบตา  ลีลาของไจ่ไจ๋นั้นเรียกว่าเป็นลีลาที่มีสเน่ห์เฉพาะตัว มีความแข็งแกร่งและนุ่มนวลผสมกันได้อย่างลงตัว  แต่ในขณะที่คิโด้ก็มีความแข็งแกร่ง หนักแน่น และมีชั้นเชิงพอตัวเช่นเดียวกัน  ดังนั้น เมื่อเพลงจบ ทุกคนที่มุงดูต่างก็ตัดสินใจลำบากเช่นกันว่าจะเลือกให้ใครเป็นผู้ชนะ  แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว ทุกคนก็เขียนชื่อคนที่ตนเองชอบใส่ลงไปในกล่อง และแล้วผลการนับคะแนนก็ออกมาว่า...



    “คิโด้ได้ 25 คะแนน  ส่วนไจ่ไจ๋ก็ได้ 25 คะแนนครับ  นี่เป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกที่ 2 ฝ่ายนั้นเสมอกันครับ”  พิธีกรประกาศ



    “ใครว่าเสมอ”  เสียงเด็กหนุ่มคนนึงเอ่ยขึ้น



    “อ้าว... โทโร่  มาดูด้วยหรือเนี่ย  แหม... หายหน้าหายตาไปซะนาน”  พิธีกรเอ่ยทักขึ้น



    “พอดีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศน่ะ  วันนี้เลยแวะมาดูสักหน่อย”  ว่าแล้วเขาก็ส่งกระดาษที่ตนเองเขียนให้พิธีกร



    “ไจ่ไจ๋... รวมแล้ว ไจ่ไจ๋ได้ 26 คะแนน  ไจ่ไจ๋เป็นผู้ชนะในครั้งนี้ครับ”  พิธีกรอ่าน และประกาศผลคะแนนใหม่อีกครั้ง



    “ขอบคุณมากนะ”  ไจ่ไจ๋หันไปกล่าวขอบคุณโทโร่



    “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก  ผมก็ให้คะแนนตามที่ผมเห็นอยู่ คุณเต้นได้ดีทีเดียว  ส่วนนายเต้นได้เห่ยมาก”  โทโร่พูดชมไจ่ไจ๋ แล้วก็หันไปต่อว่าคิโด้



    “ไอ้บ้าเอ๊ย”  คิโด้เข้าไปกระชากคอเสื้อ ตั้งท่าจะต่อย



    “ขี้แพ้ชวนตีนี่หว่า  ผมว่าคุณน่ะเก็บแรงไว้แข่งเต้นกับผมครั้งหน้าดีกว่า  แล้วคุณจะได้รู้ว่าของจริง มันเป็นยังไง”  โทโร่ท้า แล้วก็ดึงมือคิโด้ที่จับคอเสื้อออก



    สายตาของทั้งคู่ที่ประสานกันเหมือนดั่งไฟ กับไฟ ที่พร้อมจะลุกเผาไหม้กันอยู่ทุกเมื่อ จนพิธีกรต้องเอ่ยห้ามทัพไว้ก่อน



    “เอ่อ... วันนี้การแข่งขันของเราจบสิ้นลงเพียงเท่านี้  ขอให้ทุกๆท่านกลับบ้านกันได้ แล้วค่อยพบกับการแข่งขันสุดมันส์แบบนี้ได้ในเดือนหน้าครับ  อืม...ผมว่าคุณคิโด้กับ คุณโทโร่ก็กลับไปพักผ่อนกันก่อนดีกว่านะครับ เพราะนี่ก็เย็นมากแล้ว”



    ทั้งคิโด้ และ โทโร่ รวมถึงไจ่ไจ๋ จึงแยกย้ายกันไป โดยที่ทั้ง 3 ยังไม่รู้ว่า พวกเขาจะต้องมาพบเจอกันอีกในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน  คณะเดียวกัน และสาขาวิชาเดียวกัน



    ทางด้านเจอาร์นั้น เมื่อจัดข้าวของของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินลงมารับลมเย็นๆ ทางด้านล่างของหอพัก แล้วก็เดินไปเรื่อยๆตามทาง ซึ่งคณะของเขาค่อนข้างจะใกล้หอพัก ใช้เวลาเดิน ไม่ถึง 10 นาทีก็ถึงแล้ว  เขาเดินเข้าไปอ่านประกาศที่ติดไว้หน้าคณะ  และแล้วเขาก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนนึงตะโกนเรียกชื่อเขา  เขาจึงหันไป  เขารู้สึกว่าเหมือนเคยเจอเธอที่ไหนสักแห่ง  แต่นึกไม่ออก



    “นี่นาย จำฉันไม่ได้เหรอ  ฉันอึ้งย้งไง”  เธอคนนั้นทวนความจำให้เจอาร์



    “อึ้งย้ง… เฮ้ย!  งั้นเธอก็คือ โจอี้น่ะสิ โห!  ไม่เจอกันตั้ง 6 ปี สูงขึ้นตั้งเยอะ”  เจอาร์กล่าว



    “นายเองก็เหมือนกัน ดูมีเนื้อมีหนังขึ้นกว่าเก่า” โจอี้บอก



    “นึกถึงตอนนั้น ก็ขำๆดีเนอะ ที่โดนล้อว่า ‘ก๊วยเจ๋งกุ้งแห้ง’ น่ะ”  เจอาร์พูดแล้วนึกขำตัวเอง



    ภาพในอดีตหวนคืนมาจากความทรงจำของทั้งคู่อีกครั้ง จริงๆแล้วพวกเขาทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่ ป.1  แต่มาสนิทกันจริงๆก็ตอน ป.5 – ป.6 เพราะต้องทำกิจกรรมด้วยกัน และกิจกรรมที่พวกเขาไม่เคยลืมเลยก็คือ กิจกรรมการแสดงละครเวทีในวันจบการศึกษาชั้นประถม ซึ่งทั้งคู่ถูกคัดเลือกมาจากการจับฉลาก โดยได้แสดงเป็นพระเอก – นางเอก ในเรื่อง “มังกรหยก”



    “เอ้อ! ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่คณะนี้อ่ะ”  เจอาร์ถามด้วยความสงสัย



    “ฉันเองก็เป็นเฟรชชี่คณะนี้เหมือนกัน สาขาการออกแบบเครื่องแต่งกาย”  โจอี้ตอบ



    “อืม... แต่ตอนเด็กๆ เธอไม่เห็นสนใจเรื่องพวกนี้เลยนี่  เธอเคยบอกว่า อยากเป็นหมอนี่”



    “คนเรามันก็เปลี่ยนกันได้  ฉันมาสนใจเรื่องแฟชั่นก็ตอนมัธยมน่ะ  นายเองก็เหมือนกัน ตอนนั้น ฉันจำได้ว่า นายอยากเป็นนักบินไม่ใช่เหรอ”



    “ตอนนั้นฉันรู้สึกว่าเครื่องแต่งกายของเขาเท่ห์ก็แค่นั้นเอง  แต่เอาเข้าจริงๆแล้วฉันเองก็ไม่ค่อยชอบนั่งเครื่องบินเท่าไรหรอก เพราะมันหูอื้อ  แล้วฉันก็ชอบที่จะออกแบบของใช้ต่างๆมากกว่า ฉันจึงเลือกเรียนด้านนี้”  เจอาร์อธิบาย



    “ความฝันในวัยเด็กของเรา มันอาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อโตขึ้น  แต่กับเรื่องความรักในวัยเด็ก ไม่ว่าจะยังไงมันก็ยังคงอยู่ในหัวใจของเราตลอดกาล”  โจอี้กล่าวแล้วยิ้ม



    “นี่แสดงว่า สมัยนั้นเธอก็มีความรักอ่ะดิ แหม... ตอนนั้นเธอชอบใครก็ไม่เห็นบอกกันบ้างเลย จะได้เป็นพ่อสื่อให้”  เจอาร์บอก



    “กับคนๆนี้ นายเป็นพ่อสื่อให้ไม่ได้หรอก  ถ้าฉันชอบเขา  ฉันต้องเป็นฝ่ายบอกเขาเอง   อีกอย่างตอนนั้นนอกจากเรียนแล้ว นายก็มัวแต่สนใจกับการเล่นงัดไพ่, ปั้นดินน้ำมัน, เตะบอลกระดาษกับเพื่อนในห้องอยู่นี่”  



    การที่โจอี้กล่าวเช่นนั้น เป็นเพราะตอนนั้นเธอยังไม่แน่ใจว่านั่นเป็นความรัก หรือ เป็นเพียงแค่ความประทับใจกันแน่  แล้วจนถึงตอนนี้เธอก็ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ ว่าเธอรักหรือว่าแค่ปลื้ม... “เจอาร์”



    @@@@@@@@



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×