ROTORUA ฉันคิดถึงเธอ - ROTORUA ฉันคิดถึงเธอ นิยาย ROTORUA ฉันคิดถึงเธอ : Dek-D.com - Writer

    ROTORUA ฉันคิดถึงเธอ

    สารคดีเล่าถึงเมืองโรโตรัวที่ฉันเคยได้ไปอยู่ที่นั่น 3 อาทิตย์ในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม

    ผู้เข้าชมรวม

    1,513

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.51K

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 ธ.ค. 47 / 10:47 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Rotorua  ฉันคิดถึงเธอ
          ทันทีที่สายการบินคาเธ่ แปซิฟิกร่อนลงสู่สนามบิน Auckland  ลมแห่งความหนาวเย็นก็ได้เข้ามาปะทะกับร่างกายของพวกเราเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม จนทำให้หลายๆคนต้องรีบคว้าเสื้อแจ็คเก็ตมาใส่ทับอีกชั้น  แหละนี่ก็คงเป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าการเดินทางอันน่าตื่นเต้น สนุกสนาน และประทับใจกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ณ บัดนี้แล้ว…

          การเดินทางมายังประเทศนิวซีแลนด์ในครั้งนี้ นับเป็นการเดินทางที่ออกนอกประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิตของฉัน รวมไปถึงเพื่อนๆนักเรียนแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมอีกหลายๆคน ซึ่งจำนวนนักเรียนที่เดินทางมาด้วยกันนั้นมีทั้งสิ้น 19 คน และก็ได้มีอาจารย์มาช่วยควบคุมดูแลพวกเราด้วยอีก 1 ท่าน ชื่อว่า อ.วิลาวัลย์ ซึ่งนอกจากที่ท่านจะต้องคอยควบคุม ดูแลพวกเราตลอดระยะเวลา 3 อาทิตย์แล้ว  ท่านก็ยังจะต้องคอยบันทึกคะแนนในเรื่องของการเรียนและการฝึกฝนทางด้านภาษาอังกฤษของพวกเราทุกคนเพื่อส่งผลกลับไปยังโครงการเยาวชนยูซีอี.อีกด้วย

          สำหรับเมืองที่ทางโครงการได้ให้พวกเราทุกคนไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมนั้นชื่อว่า Rotorua ซึ่งตั้งอยู่ทางเกาะเหนือของประเทศนิวซีแลนด์  ห่างจากเมือง Auckland [เมืองท่าอากาศยาน] ค่อนข้างไกลพอสมควร  เมื่อตอนวันแรกที่พวกเรามาถึง Auckland ก็ได้มีครู Sonya ซึ่งเป็นครูที่คอยทำหน้าที่ประสานงานของโรงเรียน Western Heights High School ซึ่งเป็นโรงเรียนที่พวกเราต้องไปเข้าเรียนนั้นได้มารับพวกเราที่สนามบินและพาพวกเราขึ้นรสบัสเพื่อมุ่งหน้าสู่เมือง Rotorua  ตลอดระยะทางนั้นพวกเราหลายๆคนก็นั่งหลับบ้าง คุยเล่นกันบ้าง หรือไม่ก็มองออกไปยังนอกหน้าต่างเพื่อชมทัศนียภาพของบ้านเมืองในประเทศนี้ ซึ่งแต่ละเมืองที่เรานั่งรถผ่านนี้ก็จะมีลักษณะคล้ายๆกันคือเป็นเมืองที่มีความสงบ เงียบ รถไม่ค่อยเยอะ และก็มีพื้นที่บางส่วนที่เป็นป่าเขา  สำหรับช่วงที่เดินทางไปนั้นเป็นช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิประมาณ 8 – 17 องศาเซลเซียส  อากาศช่วงนี้จึงค่อนข้างหนาวเย็น และหลังจากที่พวกเรานั่งรถบัสมาเป็นเวลา 4 –5 ชั่วโมงแล้ว  ในที่สุดพวกเราก็ได้มาถึงเมือง Rotorua

          เมื่อรถบัสจอดสนิท ณ ที่โรงเรียน Western Heights High School พวกเราทุกคนต่างก็ค่อยๆขนสัมภาระมากองรวมกันไว้  จากนั้นอาจารย์ก็ได้แยกพวกเราแต่ละคนให้ไปพักที่บ้านของ Host Family ที่ได้จัดเตรียมไว้แล้ว ซึ่งฉันได้พักกับครอบครัว Hammersley  สำหรับบ้านที่ฉันพักอยู่นั้นตั้งอยู่บนถนน Tarawera ซึ่งจะอยู่ไกลจากโรงเรียนพอสมควร และระหว่างทางไป – กลับนั้นก็จะต้องผ่านจุดๆหนึ่งที่มีกลิ่นเหม็น ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นกลิ่นของก๊าซธรรมชาติอะไรบางอย่าง ซึ่งก๊าซนี้จะไม่ส่งผลต่อร่างกายของเรา  ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลถ้าหากได้ดมกลิ่นแบบนี้  พื้นที่ฝั่งข้ามของบ้านที่ฉันพักนั้นจะเป็นป่า Redwoods ซึ่งก็เป็นสถานที่เที่ยวแห่งหนึ่งสำหรับคนที่ชอบเดินป่า  นอกจากนี้แล้วถนนสายนั้นก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งคือ Buried Village ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับทางด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี  ภายในนั้นก็จะมีเครื่องมือ เครื่องใช้ของยุดต่างๆในสมัยโบราณ  ซึ่งเขาจะมีวิทยากรนำชมแล้วก็อธิบายประวัติต่างๆให้  ส่วนทางด้านหลังของพิพิธภัณฑ์นั้น ก็ยังมีน้ำตกที่มีความสวยงามแห่งหนึ่งตั้งอยู่ด้วย

          สำหรับสถานที่ที่เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์รวมของพวกเราในการที่จะพูดคุย เรียนหนังสือ และทำกิจกรรมร่วมกัน ก็คือ ที่โรงเรียน Western Heights High School โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนสหะ(ชาย – หญิง) เป็นโรงเรียนในระดับมัธยมศึกษาที่มีขนาดไม่ใหญ่นัก ซึ่งบรรยากาศก็ร่มรื่นมาก และที่นี่ก็มีนักเรียนเอเชียจากหลายๆประเทศมาเรียนด้วย ซึ่งเขาก็จะแบ่งห้องไว้สำหรับนักเรียนเอเชียโดยเฉพาะจึงทำให้ปรับตัวได้ง่ายขึ้น  ฉันมีความรู้สึกว่านักเรียนที่นี่ทุกคนจะมีความเป็นระเบียบมาก เข้าเรียนตรงเวลา  ถ้าหากว่าจะเข้าห้องน้ำในระหว่างเรียนก็ต้องมีการขออนุญาติและขอกุญแจห้องน้ำจากครูผู้สอนในวิชานั้น  เนื่องจากว่าห้องน้ำของโรงเรียนนี้เขาจะล็อคประตูด้านหน้าไว้ตลอด  แต่สำหรับประตูห้องน้ำข้างในแต่ละห้องนั้นจะไม่มีกลอน ซึ่งก็รวมไปถึงห้องน้ำที่บ้านของ Host Family ที่ฉันพักอยู่ด้วย  ดังนั้น เวลาที่จะไปเข้าห้องน้ำของโรงเรียน  พวกเราก็มักจะไปกันเป็นกลุ่มเพื่อที่จะได้ผลัดกันเฝ้าที่หน้าประตู  ส่วนในเรื่องการเข้าชั้นเรียนของพวกเราเหล่านักเรียนแลกเปลี่ยนนั้น ก็จะมีความพิเศษกว่าเพราะว่าพวกเราจะมาเรียนที่นี่เพียงแค่ 3 อาทิตย์  ดังนั้น เขาจึงมีการแบ่งให้พวกเราได้ไปเที่ยวทัศนศึกษาตามสถานที่ต่างๆของเมืองนี้ในช่วงบ่าย  สำหรับในช่วงเช้าของบางวันนั้นก็จะมีการเข้าชั้นเรียนภาษาอังกฤษกัน  ส่วนวันเสาร์ – อาทิตย์นั้นจะเป็นวันที่พวกเราจะได้พักผ่อนอยู่กับ Host Family ซึ่งโดยส่วนมาก Mom ของฉันก็มักจะชวนฉันออกไปซื้อของตามแหล่ง Shopping ต่างๆ  สำหรับแหล่ง Shopping ที่น่าสนใจก็คือ Club Market กับ City Focus ซึ่งสถานที่ Shopping ทั้ง 2 แห่งนี้จะมีบรรยากาศที่แตกต่างกันมาก คือที่ Club Market นั้นจะมีลักษณะคล้ายๆกับตลาดนัดของบ้านเรา  เขาจะมีการจัดซุ้มขายของต่างๆ  ใครที่อยากจะซื้อหรือขายอะไรก็สามารถมาที่นี่ได้ ซึ่งสินค้าโดยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าตกแต่งภายในบ้านหรือไม่ก็เป็นพวกเสื้อผ้า ของใช้ เครื่องประดับ  ส่วนราคาก็ไม่แพงมากนัก และบรรยากาศโดยรอบของที่นี่ก็มีความเย็นสบายและร่มรื่นมาก  เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้ๆกับ Rotorua Lake ดังนั้น บริเวณนี้จึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของครอบครัวอีกแห่งหนึ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์  เมื่อฉันได้เดินผ่านไป ณ บริเวณเนินสนามหญ้าแถวนั้นก็ได้เห็นภาพของพ่อ แม่ ลูกกำลังหยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งมันก็ทำให้ฉันรู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาในทันที  นอกจากนี้แล้วก็ยังมีภาพของชายวัยกลางคนกับเด็กชายตัวน้อยๆกำลังให้อาหารนกพิราบ และก็ยังมีหนุ่มสาวบางคู่ที่ใช้สถานที่นี้เป็นที่นัดพบกัน  ในวันนั้นหลังจากที่ Mom ได้พาเดินดูของเสร็จแล้ว  Mom ก็ได้พาฉันไปทาน Hot Dog ซึ่งโดยปกติแล้วมันจะต้องเป็นไส้กรอกประกบด้วยขนมปัง แต่ Hot Dog ของที่นี่จะมีลักษณะที่ต่างออกไป คือ จะเป็นไส้กรอกที่เอามาชุบแป้งทอดแล้วเสียบไม้  เมื่อเวลาจะรับประทานเขาก็จะจุ่มลงไปในซอสมะเขือเทศ  เรื่องของรสชาตินี่ก็เรียกได้ว่าอร่อยจนลืมไม่ลงเลยล่ะ  ส่วนแหล่ง Shopping ที่ฉันกำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้นั้น จะมีลักษณะบรรยากาศที่ค่อนข้างแตกต่างกันพอสมควรเพราะที่ City Focus แห่งนี้เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องแวะมาซื้อของที่ระลึกต่างๆ ซึ่งก็จะมีวางขายอยู่หลายๆร้านด้วยกัน และเนื่องจากสถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ตรงใจกลางของเมือง จึงทำให้กลายเป็นจุดศูนย์รวมของวัยรุ่น  ถ้าหากเป็นวัยรุ่นผู้หญิงก็มักจะมาเดินเที่ยวและพูดคุยกัน  แต่ถ้าหากเป็นวัยรุ่นผู้ชายก็มักจะเล่นกีฬาประเภทสเกตบอร์ดกัน  สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการจะสอบถามข้อมูลหรือแจ้งเหตุต่างๆก็สามารถเข้าไปได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวซึ่งจะตั้งอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของ City Focus ซึ่งเขาจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำอยู่

          การเรียนรู้ของพวกเรานั้นใช่ว่าจะมีแต่ในห้องเรียนเพียงเท่านั้น เพราะการที่เราได้ออกไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆนั้นนอกจากที่จะทำให้เราได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินแล้ว  บางครั้งก็ยังทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ที่ต่างออกไป  ดังเช่น การที่ได้ไปเที่ยวที่ The New Zealand Maori Arts & Crafts Institute นั้น ก็ทำให้เราได้รับรู้ถึงวัฒนธรรม, การแต่งกาย, สภาพความเป็นอยู่ และรูปทรงลักษณะของบ้านที่ชนเผ่าเมารีนั้นอาศัยอยู่  และสิ่งที่ฉันทราบอีกอย่างหนึ่งก็คือเวลาที่เขาทักทายกันนั้นเขาจะเอาจมูกแตะกันซึ่งก็เป็นประเพณีอย่างหนึ่งของเขา  ทางด้านหลังของสถานที่แห่งนี้จะมีบ่อน้ำพุร้อนที่พุ่งสูงขึ้นมาจากพื้นดินซึ่งมันเกิดจากแรงดันภายใต้พื้นผิวโลก  ความสูงของน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นที่สูงที่สุดจะประมาณ 30 เมตร ซึ่งบ่อน้ำพุร้อนนี้มันจะมีอยู่หลายจุดในบริเวณนี้  แต่ความสูงของน้ำที่พุ่งขึ้นนั้นจะมีระดับที่ต่างกัน  นอกจากนี้แล้วบริเวณด้านข้างก็ยังมีบ่อโคลนเดือดอีกด้วย ก็นับได้ว่าเป็นพลังงานธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์อย่างหนึ่ง  ดังนั้น มันจึงเป็นการท่องเที่ยวที่ให้ทั้งความรู้และความสนุกสนานควบคู่ไปด้วย  สำหรับสถานที่ที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือ Agrodome Farm เพราะเป็นฟาร์มเลี้ยงแกะขนาดใหญ่ของเมืองนั้น จะมีการแสดงโชว์แกะในสายพันธ์ต่างๆ และก็ยังมีการโชว์ตัดขนแกะอีกด้วย  ส่วนทางด้านนอกของอาคารที่สำหรับโชว์แกะนั้น ก็มีโรงงานทอขนแกะตั้งอยู่ ซึ่งเขาก็มีเจ้าหน้าที่คอยให้ความรู้ในเรื่องของการทอขนแกะ  และทางด้านข้างก็มีโรงงานทำช็อคโกแลตตั้งอยู่ด้วย ซึ่งรสชาติของช็อคโกแลตที่พวกเราได้ชิม(ฟรี)นั้น  มันมีความหวาน มัน อร่อย จนแทบไม่อยากจะกลืนเลย  แหละนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกชอบสถานที่แห่งนี้  สถานที่ต่อไปที่อยากจะแนะนำก็คือ The Rainbow Springs  ซึ่งสถานที่แห่งนี้จะมีลักษณะเป็นสวนสัตว์ขนาดย่อม  มีสัตว์หลากหลายชนิดให้พวกเราได้ศึกษา รวมไปถึงนก กีวี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของประเทศนิวซีแลนด์ด้วย และที่นี่ก็ยังมีการเลี้ยงปลาเทร่าไว้ค่อนข้างเยอะซึ่งก็นับได้ว่าเป็นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาชมความงามตามธรรมชาติของสัตว์ต่างได้มากพอสมควร

          นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวข้างต้นแล้ว ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ทำให้พวกเราได้รับทราบถึงประวัติความเป็นมาของเมืองนี้  รวมถึงทำให้เราได้มีโอกาสเห็นอุปกรณ์เครื่องอำนายความสะดวกต่างๆที่คนในสมัยโบราณของที่นี่ใช้เขาใช้กัน  สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งแรกที่อยากแนะนำ คือ Rotorua Museum ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกับ Government Gardens ซึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่มีขนาดเล็กซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ภายในสวนนี้ก็จะมีการปลูกดอกกุหลาบไว้ มีความสวยงามมาก  ขอย้อนกลับมาบรรยายถึงในส่วนของพิพิธภัณฑ์กันต่อ คือ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้มีการบอกกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเมือง Rotorua ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเขาจะจัดทำหนังให้พวกเราดูกันในห้องฉายหนัง และเมื่อถึงเวลาที่เป็นฉากตื่นเต้น เช่น ฉากแผ่นดินไหว  เก้าอี้ที่พวกเรานั่งก็จะสั่นตามไปด้วย จึงทำให้พวกเรานั้นมีความรู้สึกเหมือนว่าได้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศแบบนั้นจริงๆ  นอกจากนี้แล้วภายในพิพิธภัณฑ์ยังได้จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับทรัพย์สมบัติ ข้าวของเครื่องใช้ของชนพื้นเมืองดั้งเดิมของที่นี้ด้วย  นอกจากพิพิธภัณฑ์แห่งนี้แล้ว ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่งซึ่งมีความน่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ Te Amorangi Museum ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เขาได้ใช้บ้านเป็นที่สะสมของเก่าและเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาชมอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้ที่ใช้อำนวยความสะดวกในสมัยโบราณซึ่งปัจจุบันนี้คงหาชมได้ยาก ดังเช่น ตู้เย็นโบราณที่ใช้เท้าเหยียบปุ่มข้างล่าง แล้วตู้เย็นก็จะเปิดออกได้เอง  ไม่ต้องใช้มือดึงตู้เย็นเหมือนสมัยปัจจุบัน  และยังมีเตารีดโบราณ  เปียโนโบราณ ฯลฯ  นอกจากนี้แล้วภายในบริเวณพิพิธภัณฑ์ก็ยังมีการจำลองร้านขายของในสมัยโบราณไว้ด้วย เช่น ร้านขายของชำ ร้านขายหมวก หรือแม้กระทั่งสถานที่ที่ใช้กักกันนักโทษ ที่เราเรียกสั้นๆว่า “คุก” ก็มีจำลองอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ด้วย ซึ่งฉันคิดว่าการที่ได้มาเที่ยวพิพิธภัณฑ์ต่างๆนี้ นอกจากว่าจะได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนแล้วก็ยังทำให้เราได้รับความรู้ต่างๆเพิ่มมากขึ้นด้วย

          Mokoia Island  ถือเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่ยากจะลืมเลือนของฉัน  เพราะมันเป็นสถานที่ที่ทำให้สมาชิกในกลุ่มนักเรียนแลกเปลี่ยนของพวกเราบางคนเกือบจะต้องจบชีวิตที่นั้นเสียแล้ว  แต่ทุกๆอย่างก็สามารถผ่านพ้นมาได้ด้วยดีเพราะ “มิตรภาพระหว่างเพื่อน”  นับตั้งแต่ช่วงเวลาแรกที่พวกเราเดินขึ้นเขาเพื่อไปชมวิวทิวทัศน์ข้างบนยอดเขานั้น  พวกเราก็ประสบกับปัญหาหลายอย่างๆ เพราะทางขึ้นเขานั้นมีความชันมากประกอบกับการที่พวกเราต้องแบกเป้เพื่อนำอาหารกลางวันและของบางอย่างติดตัวขึ้นไปด้วยนั้น  มันจึงเพิ่มภาระและความลำบากให้กับพวกเรามากขึ้นไปอีก  แต่ถึงกระนั้นแล้วการขึ้นเขาด้วยความยากลำบากนี้ก็ทำให้ฉันได้เห็นความมีน้ำใจและความเป็นสุภาพบุรุษของรุ่นน้องผู้ชายหลายคนที่มาอาสาช่วยแบกเป้ให้กับเพื่อนๆผู้หญิง  รวมถึงความมีความน้ำใจของเพื่อนๆนักเรียนหญิงด้วยกันที่คอยช่วงกันพยุง ช่วยกันดูแลเวลาที่ใครเดินขึ้นไปไม่ไหว  พวกเราได้ช่วยเหลือกันและกันมาตลอดทาง  จนกระทั้งในที่สุดก็ได้มาถึงยอดเขาซึ่งเมื่อมองลงไปก็จะเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมาก ก็เรียกได้ว่าคุ้มกับความยากลำบากที่ได้ฟันฝ่ากันมา  แต่ความยากลำบากและประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นก็ไม่ได้หมดลงเพียงแค่นี้  เพราะหลังจากที่พวกเราได้ชื่นชมวิวทิวทัศน์กันจนเต็มอิ่มแล้ว  ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องลงจากเขาแห่งนี้กันสักที  และเนื่องจากว่าฉันอยู่รอเพื่อนถ่ายรูปจึงทำให้กลุ่มของฉันเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินลงไป  และขาลงนี่แหละที่เกือบจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้นเสียแล้ว  ด้วยความที่ อาร์ตและอู่ ซึ่งเป็นรุ่นน้องนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ร่วมเดินทางมาด้วยกันนั้น พวกเขาเกิดนึกสนุก คือ อยากวิ่งลงจากเขา  ทั้งๆที่อาจารย์ก็ได้เตือนแล้ว  แต่ ณ วินาทีนั้น เมื่อพวกเขาเริ่มวิ่งก็ไม่มีอะไรที่จะมาหยุดพวกเขาได้เนื่องจากเขามันเป็นทางลาดลงไป จึงไม่สามารถที่จะทำให้หยุดวิ่งได้  พอดีว่ามันจะมีจุดหนึ่งที่เป็นลักษณะทางหัวโค้งที่ต้องเลี้ยว ซึ่งตรงจุดนี้แหละที่เกือบทำให้พวกเขาทั้ง 2 คนนั้นตกเขาเสียแล้ว  แต่โชคดีมากที่อาร์ตนั้นวิ่งไปชนกับต้นไม้เสียก่อน  ต้นไม้ต้นนั้นจึงช่วยกันไม่ให้เขาตกลงไป  ส่วนอู่นั้นก็เกือบจะพลาดตกเขาไปเหมือนกัน  แต่ว่าพวกเราก็ได้ช่วยกันดึงมือ ดึงแขนเขาไว้ได้ทัน จึงทำให้รอดพ้นมาได้  และเหตุการณ์ในวันนั้นก็ได้สอนให้พวกเรารู้ว่า “ถ้าหากเราทำอะไรลงไปโดยปราศจากความยั้งคิด  ผลที่ตามมาก็อาจจะทำให้เรานั้นต้องเสียใจไปตลอดชีวิต”

          การเดินทางมาที่เมือง Rotorua แห่งนี้นอกจากที่พวกเราจะได้มาเรียนหนังสือและท่องเที่ยวแล้ว  พวกเราทุกคนก็ยังมีภารกิจสำคัญที่ต้องกระทำอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ การเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ซึ่งพวกเราก็ได้มีการจัดเตรียมทำบอร์ดนิทรรศการ ซ้อมการแสดงและทำอาหารไทย  เมื่อถึงคืนที่ต้องแสดงโชว์ก็จะมี Host Family ของแต่ละคนมาดูการแสดงด้วยทำให้พวกเราทุกคนนั้นตื่นเต้นมาก ซึ่งการแสดงนั้นก็เปิดฉากด้วยการรำอวยพร ต่อด้วยเซิ้ง ซึ่งฉันก็ได้ร่วมแสดงในชุดนี้ด้วย  จากนั้นก็จะเป็นรำวงมาตรฐานถึงตอนนี้พวกเราทุกคนก็จะไปเชิญให้ Host Family ของพวกเรามาร่วมรำด้วย ซึ่งพวกเขาก็ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ทำให้พวกเราทุกคนรู้สึกประทับใจมาก  นอกจากจะมีการแสดงรำชุดต่างๆแล้ว ก็ยังมีการแสดงดนตรีไทยด้วยนั่นก็คือ การเป่าขลุ่ย โดยน้องอู่ [ผู้ที่เกือบจะตกเขาในวันนั้น]  แต่การแสดงที่ทำให้ Host Family ตลอดจนครู – อาจารย์ที่โรงเรียนนั้นชอบมากก็คือ การแสดงโชว์ชุดพิเศษของแบงค์ [กะเทยหนึ่งเดียวในกลุ่มนักเรียนแลกเปลี่ยน] โดยที่น้องเขาจะลิปซิงค์พร้อมกับเต้นประกอบเพลงซึ่งเขาได้เตรียมมาอย่างดีตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง  หลังจากที่การแสดงโชว์ของแบงค์สิ้นสุดลง  พวกเราทุกคนก็ได้ออกมาเต้นปิดท้ายกันในเพลง โดเรมี ของเบนซ์ – พรชิตา  ซึ่งก็เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้พอสมควร  เมื่อเสร็จสิ้นการแสดงก็ถึงเวลาที่พวกเราทุกคนจะได้อิ่มเอมไปกับอาหารไทยหลายๆอย่างซึ่งพวกเราทุกคนเป็นผู้ที่ได้จัดเตรียมกันมา มีทั้ง ต้มยำกุ้ง หมูสะเต๊ะ ไก่อบ ข้าวผัด รวมไปถึงขนมหวานอีกหลายอย่างซึ่งมีทั้งที่เป็นขนมไทยและเป็นขนมพื้นเมืองของเมืองนั้นด้วย และค่ำคืนนั้นก็นับเป็นอีก 1 ความทรงจำและความประทับใจของฉันที่ฉันได้รับจาการที่ได้มาเมือง Rotorua แห่งนี้

          หลังจากที่พวกเราได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันมา  ในที่สุดก็ถึงวันที่พวกเราจะต้องลาจากเมืองนี้ไป  ณ ช่วงเวลานั้น ทั้งฉันและเพื่อนๆอีกหลายคนก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันคือไม่อยากที่จะจากเมืองนี้ไป  ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ได้เห็นรอยน้ำตาของใครๆหลายๆคนซึ่งรวมไปถึง Host Family ของทุกคนที่ได้มาส่งพวกเราในวันนั้นด้วย  เมื่อร่ำลากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว  พวกเราก็ค่อยๆทยอยขนกระเป๋าขึ้นรถบัสเพื่อที่จะไปขึ้นเครื่องที่สนามบิน Auckland ตลอดเส้นทางจากเมือง Rotorua ไปสู่เมือง Auckland นั้น  ก็จะผ่านฟาร์มเลี้ยงแกะและไร่  กีวีอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งคนขับรถก็ใจดีพาพวกเราแวะพักลงข้างทางเพื่อที่จะให้ไปชมไร่กีวีและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อนกลับบ้าน  ต่อจากนั้นก็พาพวกเรามุ่งหน้าสู่เมือง Auckland โดยไม่ได้แวะที่ไหนอีกเลย เนื่องจากกลัวว่าจะไปขึ้นเครื่องไม่ทัน  และในท้ายที่สุดพวกเราทุกคนก็ได้กลับมาถึงเมืองไทยอันเป็นถิ่นกำเนิดโดยสวัสดิภาพ

          ตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์ที่พวกเราได้ใช้ชีวิตอยู่ที่เมือง Rotorua นั้น  ทำให้พวกเราได้เรียนรู้ในหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจหาได้จากในตำราเรียน เพราะการใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ทำให้พวกเราต้องรู้จักปรับตัว รู้จักการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือ ทำให้พวกเราได้รู้ซึ้งถึงความหมายของคำว่า “มิตรภาพ” ซึ่งมันคงไม่สามารถบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรได้ทั้งหมด  แต่มันจะคงอยู่ในความทรงจำของพวกเราทุกคนตลอดไป…

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×