ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เลขสื่อรัก [TD,Yuri]

    ลำดับตอนที่ #8 : 7 แลกเบอร์

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 60



              “อย่างนั้นเหรอ...” รุชายิ้มกริ่ม พวงแก้มนวลขาวฟ้องเฉดระเรื่ออย่างเขินอาย ก่อนจะวางตะเกียบลง แล้วหันไปหยิบน้ำอีกขวดเปิดดื่ม...

                    “มา...กินเสร็จแล้วทิ้งในนี้ เดี๋ยวรุชเอาไปทิ้งให้” รุชาเสนอหยิบถุงพลาสติกมาใส่กระดาษห่อผัดไทย ก่อนจะแบมือขอกระดาษที่มยุเรศเพิ่งกินเสร็จใส่ทิ้งตามลงไป

                    คนที่ยังเจ็บขาไม่หายได้แต่อมยิ้มชื่นชมในการใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มยุเรศเองมองว่า อันที่จริง รุชาไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้

                    “รุช เป็นคนสุพรรณเหรอ แต่การพูดดูไม่เหมือนคนสุพรรณเลยนะ” มยุเรศเริ่มเอ่ยชวนคุยด้วยคำถามพื้นๆ อย่างสนใจ ให้รุชาหันมามองหน้าก่อนฉีกยิ้มสวย

                    “ยายน่ะ ยายเป็นคนสุพรรณ แต่พ่อเราเป็นคนกรุงเทพ เราอยู่กับยายที่นี่ตอนเด็กๆ แล้วพอโตขึ้นหน่อยพ่อกับแม่ก็พาไปใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพ นานๆ จะได้กลับมาเยี่ยมยายสักที”

                    “เหรอ...” มยุเรศหันมามองเพียงเสี้ยวหน้าหวานคมของรุชา อ่อนเยาว์สดใส ทำให้เธอแอบเก็บความประทับใจไว้ในใจเล็กๆ ในบุคลิกที่ยิ้มง่าย เปิดเผยและเป็นคนที่น่ารักคนหนึ่ง “ยายเป็นคนสุพรรณทั้งที แต่ไม่พูดสุพรรณ ไม่โดนว่าเหรอ”

                    “อูย เราไม่ค่อยพูดหรอก” รุชาโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ให้มยุเรศเลิกคิ้วมองสงสัย

                    “ทำไมล่ะ...”

                    “ก็ตอนเด็กๆ พอติดสำเนียงสุพรรณ พอแม่พาไปเรียนที่กรุงเทพแล้วโดนเพื่อนล้อใหญ่เลยน่ะ” รุชาบอกก่อนจะยิ้มขำในเหตุการณ์วันวาน ที่โดนล้อจนเป็นที่ฝังใจ ท้ายที่สุดเธอจึงพูดภาษากลางชัดถ้อยคำ แม้จะโดนยายบ่นจนหูชา แต่สุดท้ายยายก็ยอมส่ายหัวระอาไปเอง...

                     “นกยูงล่ะ...เป็นคนกรุงเทพแน่ๆ เลยใช่มั้ย หน้าตาขาวสวย แบบนี้ คงไม่ใช่คนสุพรรณหรอก”

                    คำชมพร้อมกับแววตาที่เปล่งประกายทอสานมาที่สาวสวยอย่างปิดไม่มิด ทำเอาคนถูกชมถึงกับนิ่งไปชั่วขณะกับดวงตามีเสน่ห์ และรอยยิ้มสวยๆ สะกดใจให้เธอมองกลับเนิ่นนาน

                    “ใช่...เราเพิ่งอยู่ที่นี่ หลังจากสอบบรรจุครูได้สักปีนึงได้แล้วน่ะ”

                    “เหรอถ้างั้น นกยูงก็อายุมากกว่ารุชล่ะสิ”

                    “จะ 25 แล้วล่ะ...” มยุเรศตอบพลางหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นสีหน้าอึ้งของรุชา

                    “รุชเพิ่ง 21 เอง งั้นคงต้องเรียกว่าพี่แล้วสินะ”

                    “อูยไม่ต้องๆ...เรียกมาถึงขนาดนี้แล้ว...เรียกแบบเดิมเถอะ” มยุเรศรีบปฏิเสธอย่างกระดากอาย ให้รุชาพยักหน้ายอมตามใจ ขณะที่แอบเหลือบมองวงหน้าสวยใสอย่างชื่นชม ว่าคนตัวเล็กร่างบางอย่างมยุเรศทำไมถึงดูเด็กกว่าอายุจริงหนอ...

                    แต่อายุจะมากหรือน้อยตอนนี้สำหรับรุชา เธอไม่สนใจแล้วล่ะ...

                    จะสนใจก็เพียงแค่ การได้อยู่ใกล้ๆ แล้วได้ยิ้มบ่อยๆ ของเธอกลับมาทำให้หัวใจมีความสุขต่างหาก

                    “มัวแต่นั่งอมยิ้มคนเดียวน่ะ แอบคิดอะไรไม่ดีหรือเปล่าเนี่ย” มยุเรศกระเซ้าแหย่ เมื่อเห็นว่ารุชานั่งนิ่งไป หากแต่ใบหน้าเรียบเฉยกลับมีรอยยิ้มบางที่ช่างดูดีมากมายเหลือเกิน

                    “เปล่า” รุชาหันมาสบตา รอยยิ้มยังไม่จางไป “แค่รู้สึกว่า นกยูงดูเด็กกว่าอายุน่ะ...น่ารักดี” พูดไปใบหน้าของรุชาก็แดงระเรื่อด้วยความเคอะเขิน แต่ด้วยบุคลิกที่เป็นคนคิดอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จึงทำให้เธอติดมันเป็นนิสัยที่จะเอ่ยให้ใครต่อใครรับรู้

                    แม้ว่ายามนี้มยุเรศจะนิ่งอึ้งกะพริบตาปริบๆ กับบุคลิกแสนซื่อตรงของสาวเท่หน้าหวาน ที่เธอไม่เคยพบพานที่ไหนมาก่อนก็ตาม

                    “ปกติพูดแบบนี้กับใครหลายคนรึเปล่านะ ทำไมดูคล่องปากจัง”

                    “ไม่หรอกฮะ...รุชพูดให้กับคนที่อยากฟัง และพูดกับคนที่เราอยากให้เค้ารับรู้มากกว่า”

                    “น่ารักดีนะ...” มยุเรศอมยิ้มตาหวานส่งกลับมาอย่างชื่นชม ให้รุชาหัวเราะเบาๆ กลบเกลื่อนเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรงสั่นไหวไปกับความน่ารักดั่งตุ๊กตาของคนชม

                    “แล้วนี่จะทำงานที่ไหนล่ะ กรุงเทพหรือสุพรรณ” มยุเรศยังหาเรื่องชวนคุยมาเรื่อยๆ เมื่อได้เห็นบุคลิกเปิดเผย และเป็นที่น่าพอใจของรุชามากขึ้น

                    “ยังไม่แน่ใจเลย...แม่เพิ่งจะมีน้องอีกคนด้วยล่ะ กดดันนะเนี่ย”

                    “แม่มีน้อง? แม่รุชน่ะนะ”

                    “ช่าย...” รุชาพยักหน้า “ตกใจใช่มั้ยล่ะ”

                    “อื้ม แม่รุชอายุเท่าไหร่แล้วล่ะคะ” มยุเรศเอียงคอมองอย่างสงสัย

                    “45 แล้ว...”

                    “โถ...งั้นก็ลูกหลงล่ะสิ”

                    “อื้ม ตอนนี้สาละวนวุ่นวายกันใหญ่เลยล่ะ” รุชาพูดไปยิ้มไป ไม่อยากให้บรรยากาศเครียด ก่อนจะย้อนถามสาวหน้าหวาน

                    “แล้วนกยูงล่ะ มีพี่น้องกี่คน”

                    “เราเป็นลูกโทน ไม่มีพี่น้องหรอก”

                    “อ้าว แล้วนี่อยู่ต่างจังหวัดตัวคนเดียวน่ะ ไม่เหงาเหรอ” คำถามของรุชาเอ่ยขึ้นตามมาอีก หากแต่คราวนี้ทำเอามยุเรศยิ้มเซียวไป ก่อนบอก

                    “ที่จริง เราจะมาตามหาใครบางคน แต่มันผ่านมาจะปีนึงแล้วน่ะ...คงคิดว่าไม่เจอแล้ว”

                    “เหรอ...ไม่สู้ต่ออีกหน่อยล่ะ” รุชาย้อนถามอย่างเห็นใจ

                    “ไม่อ่ะ...มันนานมากแล้ว ก็ควรปล่อยไป...” มยุเรศคลี่ยิ้มบาง ก่อนพาเปลี่ยนเรื่อง “รุชมีแฟนรึยังเนี่ย มานั่งกับเราแบบนี้ เดี๋ยวคนของรุชเข้าใจผิดแย่เลยนะ”

                    “เปล่านะ!” รุชารีบโบกมือปฎิเสธร้องเสียงหลง “เรายังไม่มีใคร ถ้าเรามีแล้ว เราจะมาอยู่ใกล้ๆ นกยูงทำไมล่ะ?”

                    “จริงอ่ะ?” มยุเรศเอียงคอมองสงสัย หากแต่ใบหน้ายังระบายยิ้มสบายใจ

                    “จริงๆ”

                    “แต่ว่า...เราไม่เคยคบใครแบบรุชเลยนะ” มยุเรศเผลอลูบคางตัวเองเบาๆ อย่างลังเล แต่หางตายังไม่วายเหลือบมองรุชา ซ่อนรอยยิ้ม

                    “ของแบบนี้...ควรดูข้างในมากกว่าข้างนอกไม่ใช่เหรอจ๊ะ นกยูง” รุชาย้อนกลับ แถมด้วยการยักคิ้วเข้มทะเล้นใส่ ให้มยุเรศหัวเราะเบาๆ ก่อนเอื้อมมือมาตีเนื้อนวลไหล่อย่างหมั่นไส้ หากแต่รุชาเอี้ยวตัวหลบได้เพียงเสี้ยววินาที

                    “มุกเยอะนักนะ...” มยุเรศย่นจมูกใส่

                    “แล้วชอบรึเปล่าล่ะ”

                    “ไม่รู้...” มยุเรศอมยิ้มกริ่ม แสร้งเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เมื่อเห็นดวงตาของรุชาที่เหมือนแก้วกระจกใส มองเพียงปราดเดียวก็อ่านออกไปถึงไหนให้หัวใจสั่น

                    เพราะนานมากแล้วเหลือเกินที่มยุเรศจะเจอคนที่ปากกับใจตรงกัน และมีความซื่อใสเล็กๆ กับคนที่อายุเท่านี้

    รุชาตัดสินใจ กระเป๋าเชิ้ตเสื้อหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมา ก่อนจะจดเบอร์โทรศัพท์ขยุกขยิกส่งยื่นให้มยุเรศด้วยรอยยิ้มบาง

                    “นี่เบอร์โทรเรา”

                    “หืมม์...” มยุเรศรับมาดูยิ้มๆ ก่อนจะเห็นเบอร์โทรศัพท์ของรุชาที่มีชุด 23 และ 32 เรียงสลับกันถึงสามคู่ “ทำไมเลขชุด 32 กับ 23 ของรุชมันเยอะจัง ชอบเลขนี้เหรอ”

                    “อื้มเราชอบเลข 2 กับเลข 3 น่ะ...” รุชาสารภาพไปตามตรง แม้ในใจจะแอบพ่วงต่อท้ายว่า ถึงแม้จะขุ่นเคืองกับปากไม่ดีของเทพไทยก็เถอะ

                    “ให้ง่ายแบบนี้เลยเหรอรุช” มยุเรศเงยหน้ามองคนร่างสูงที่ลุกยืน ดวงตากลมโตเหมือนตุ๊กตากะพริบตาปริบๆ ขณะที่ริมฝีปากบางอมชมพูระเรื่อจากการเคลือบด้วยลิปกรอสบางๆ ยังคงคลี่ยิ้มสวย

                    “รุชให้ง่ายแบบนี้ล่ะ แต่รุชรักจริงนะ ถ้าเกิดรู้หัวใจตัวเองเมื่อไหร่ก็โทรมาหารุชแล้วกัน” รุชาสารภาพออกไปยิ้มๆ ให้คนฟังพยักหน้าหงึกหงัก แม้ยามนี้เสียงหัวใจของมยุเรศจะกำลังเต้นรัวกระหน่ำก็ตาม...

                    “จ้ะ...แล้วเราจะรับไว้พิจารณานะ” มยุเรศกล่าวพร้อมส่งยิ้มให้สวยๆ ขณะที่รุชาพยักหน้ายิ้มกริ่มมีความสุข




                    ทิวทัศน์จอดมอเตอร์ไซค์แล้วลงจากรถพร้อมการหอบหิ้ว อาหารทะเลติดมือมาพะรุงพะรังทั้งสองข้าง ก่อนจะวางลงไว้ที่หน้าชานบ้าน ท่ามกลางสีหน้าหน้าตกใจของดาวเรือง หาญกล้า และณรา

                    “เอ็งไปถูกหวยมาหรือไงไอ้ทิว ซื้อของมาเยอะขนาดนี้” ดาวเรืองร้องตกใจการจับจ่ายซื้อของของทิวทัศน์ ที่ดูเหมือนซื้อมาถล่มบ้านจนมากเกินเหตุ ก่อนจะตีลงบนเนื้อไหล่กำยำของหลานชายให้ทิวทัศน์ทำหน้าเหยเก

                    “อูย ยายเบาๆ” ทิวทัศน์จับข้อมืออันเหี่ยวย่นของดาวเรือง เพื่อหยุดการตีของยาย ก่อนจะหันมาบอกทางหาญกล้าและณราที่กำลังมึนงง

                    “ฉันสอบบรรจุผ่านแล้วจ้ะ เดี๋ยวเปิดเทอมใหญ่นี้ทิวคงได้เป็นครูเต็มตัวแล้วนะจ๊ะ น้าณรา น้าหาญ”

                    “จริงเหรอวะ!” ดาวเรืองร้องเสียงหลง ยิ้มหน้าบานดีใจจนเนื้อเต้นที่หลานชายจะรับราชการเต็มตัว

                    “จริงจ้ะยาย”

                    “เอ้อ ดีใจด้วยๆ” หาญกล้าพูดพลางตบบ่าของเด็กหนุ่มเบาๆ อย่างชื่นชม ให้ทิวทัศน์ฉีกยิ้มกว้าง อวดฟันเรียงตัวสวยเป็นระเบียบอย่างดีใจ

                    “แล้วนี่ ไอ้รุชมันไม่อยู่เหรอ ว่าจะให้มาปิ้งปลา ย่างปลาหมึกกับกุ้งด้วยกันเสียหน่อย”

                    “มันไปติดสาวตั้งแต่บ่าย ยังไม่กลับเล้ย” ณราอาสาตอบให้ ก่อนออกความเห็น “เราทำกินกันก่อนเลยดีกว่านะ”

    ทิวทัศน์จึงรีบจัดแจงเอาของสดไปล้างน้ำให้สะอาด ก่อนจะนำถ่านหินและเตาอิฐมาตั้งหน้าแคร่ใต้ถุนหน้าบ้าน ขณะที่ณราและหาญกล้าไปจัดเตรียมพวกน้ำดื่มและจานชามให้เรียบร้อย...



    กลิ่นกุ้งและปลาหมึกย่าง ส่งกลิ่นหอมตรลบอบอวลไปทั่ว ขณะที่ทิวทัศน์ยังคงปิ้งของทะเลสดอย่างดีใจ เมื่อความน่ากินของเนื้อสัตว์ทะเลที่เขาหามานั้น กำลังยั่วน้ำลายสอ

    หากแต่...

    อ้วก!!!!ณราที่กำลังนั่งอยู่บนแคร่ รอกินอาหารทะเลและไม่มีอาการว่าจะแพ้ท้อง จู่ๆ ก็สำรอกออกมาที่พาเอาทิวทัศน์ ดาวเรืองและหาญกล้า หันไปมองกันอย่างตกใจ

    “เอ้า ณรา เป็นอะไรมากหรือเปล่า” หาญกล้าบอกหน้าเครียด เมื่อเห็นว่าณราสำรอกออกมาเป็นน้ำเหลวๆ อย่างคนที่ยังไม่ได้กินอะไรทั้งวัน  อีกทั้งใบหน้าซีดเซียวไร้เม็ดสีกำลังทำให้เขาเป็นกังวลนัก

    “ไอ้หาญเอ้ย เอ็งเอาณราขึ้นไปนอนพักบนบ้านเถอะ มันคงกินด้วยไม่ได้แล้วล่ะ” ดาวเรืองบอกให้หาญกล้าช่วยประคองณราขึ้นไปบนบ้าน ทำเอาทิวทัศน์มองตาม ก่อนจะหันมามองของที่อุตส่าห์เตรียมมาสีหน้าเศร้า

    “อ้าวไอ้ทิว กลับกุ้งบ้างสิ เดี๋ยวก็ไหม้หรอก” ดาวเรืองร้องตะโกนบอกเมื่อยังนั่งเมียงมอง ให้ทิวทัศน์สะดุ้งก่อนหันไปยิ้มให้ยายจืดเจื่อน

    “น้าณรากินด้วยกันไม่ได้เหรอยาย อย่างนั้นก็กร่อยแย่สิ”

    “คนมันแพ้ท้อง เอ็งก็อย่าน้อยใจไป ยังมีข้ามีไอ้หาญ แล้วเดี๋ยวรุชมันก็กลับมากินกับเอ็ง”

    “จ้ะ...” ทิวทัศน์พยักหน้าหงึกหงัก ก่อนหันไปมองของกินที่วางไว้บนแคร่ใต้ถุนบ้าน เห็นว่ามีแต่เบียร์กระป๋องเตรียมไว้ให้หาญกล้าพร้อมน้ำแข็ง แต่ยังขาดน้ำดื่ม

    “ยาย ฉันลืมซื้อน้ำมา ยายจะกินแป๊ปซี่ด้วยกันมั้ย เดี๋ยวจะได้โทรบอกรุช” ทิวทัศน์บอกด้วยท่าทางรีบร้อน

    “ไอ้น้ำดำๆ หวานๆ ซ่าถึงใจน่ะเหรอ” คนแก่ย้อนถาม ด้วยไม่ชินกับยี่ห้อที่เรียกไม่คล่องปากนัก

    “ใช่จ้ะยาย”

    “เออ เอามาๆ ให้ไอ้รุชมันซื้อพวกน้ำส้มมาให้แม่มันด้วยล่ะ”

    “จ้ะ...งั้นหนูฝากยายดูปลาหมึกกับกุ้งแปบนึงนะ เดี๋ยวไหม้”

    “เออๆ...” ทิวทัศน์รีบปรี่ขึ้นไปบนบ้าน หยิบมือถือของตนเองมากดโทรออกหารุชาทันที...



    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่รุชาแยกย้ายกับมยุเรศเรียบร้อยแล้ว สองขารีบปั่นจักรยานกำลังจะหักเลี้ยวเข้าปากซอย หากแต่เสียงโทรศัพท์ยังสั่นและดังขึ้นกว่าเก่าในกระเป๋ากางเกงยีนตัวเก่ง ทำให้รุชาเบรกรถจอดเข้าไหล่ทางชั่วขณะ ก่อนกดรับสายเมื่อเห็นว่าทิวทัศน์โทรมา

    “ว่าไงไอ้ทิว”

    “ไอ้รุช ซื้อเป็ปซี่ขวดใหญ่ กับน้ำส้มคั้นมาให้แม่เอ็งด้วยนะ แม่เอ็งน่ะกินอะไรไม่ค่อยได้”

    “ดะ เดี๋ยวๆ” รุชารีบขัดจังหวะน้ำเสียงที่พูดรัวเร็วของทิวทัศน์จนฟังไม่ทัน “ไอ้เป็ปซี่น่ะข้าพอหาได้ แต่น้ำส้มคั้นเอ็งจะให้ข้าหาที่ไหนวะ ข้าหักเลี้ยวรถเข้ามาในซอยแล้ว”

    “ไม่รู้ล่ะ ยายสั่งมา ลองดูแถวนั้นแล้วกันนะ แม่เอ็งแพ้ท้องมาก ข้าซื้อของทะเลมาเยอะก็กินไม่ได้ กลัวว่าจะเหลืออยู่เนี่ย”

    “เออๆๆ เดี๋ยวข้าจะลองหาดู” รุชาพูดจบก่อนกดวางสายไปแล้วหันไปมองร้านชำที่อยู่ตรงหน้า

    สาวเท่ปั่นจักรยานไปจอดหน้าร้าน ก้าวลงจากรถหลังจากตั้งขาตั้งเรียบร้อย แล้วเดินเข้าไปหาเจ้าของร้านที่กำลังนอนดูหนังบนเตียงผ้าใบอย่างออกรส

                    “น้า มีเป็ปซี่ป่ะ เอาสักสองขวด”

                    “อยู่ในตู้ หยิบได้เลย” เจ้าของร้านบอกโดยที่สายตายังไม่ละไปจากจอทีวี ให้รุชาเดินไปหยิบมาสองขวดแล้ววางบนโต๊ะ

                    “น้ำส้มคั้นละน้า มีมั้ย?” รุชายังไม่วายถามออกไป พร้อมทำหน้าสงสัย ให้เจ้าของร้านหันกลับมามองหน้า แล้วขมวดคิ้วมุ่น เพราะถูกขัดจังหวะที่กำลังดูละคร

                    “แฟนต้าน่ะเหรอ อยู่ข้างๆ กันนั่นไง เอ็งก็หยิบไปสิ”

                    “ไม่ใช่ น้ำส้มอ่ะ น้ำส้มคั้นน่ะน้า”

                    “ไม่มีโว้ย ของแบบนั้นใครเขาจะขายกัน” เจ้าของร้านบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะทำท่าจะโบกมือไล่รุชาอีกต่างหาก ทำเอาสาวเท่สะดุ้งก่อนยิ้มเจื่อน

                    “งั้นเอาแค่นี้ละกัน เท่าไหร่ฮะ?”

                    “50 บาท”



    รุชาเปิดกระเป๋าหยิบธนบัตรสีฟ้าส่งยื่นให้พอดี ก่อนจะถือของออกมาจากร้านใส่ในตะกร้าจักรยาน ครั้นเตะขาตั้งจักรยานขึ้นเตรียมปั่นเข้าบ้าน คิ้วเข้มของรุชายังคงขมวดมุ่นเป็นกังวล เมื่อยังหาซื้อน้ำส้มไม่ได้

                    ...จะไปหาที่ไหนวะเนี่ย ให้ไปซื้อในตลาด น่องฉีกกันพอดี...สาวเท่พ่นลมออกทางจมูกอย่างเซ็งๆ เพราะระยะทางจากตลาดสดที่ห่างกับบ้าน ค่อนข้างหลายกิโล ถ้าขี่มอเตอร์ไซค์ ใช้เวลา 10-15 นาทีก็ถึง แต่นี่จักรยานคงได้ปั่นจนลิ้นห้อยเป็นลมก่อนแน่ๆ...

                    รุชายังคงปั่นไปตามแรงมุ่งหน้าไปตามท้องถนน ขณะที่สายตายังคงสอดส่องหา รถเข็นน้ำส้มที่เธอภาวนาว่ามันจะมีเข็นผ่านมาบ้าง...

                    แต่จนแล้วจนรอด เธอกลับไม่เห็นอะไรนอกจากต้นหญ้าที่ขึ้นปกคลุมหนาทั้งสองข้างทาง...

                    “สงสัยมีแววปั่นไปตลาดแน่เลยกู...” มือเรียวปาดป้ายเหงื่อที่ผุดซึมบนใบหน้าด้วยความร้อน ก่อนจะหักรถทำท่าจะตีกลับไปอีกเส้นทางหนึ่งเพื่อมุ่งตรงไปที่ตลาด

                    “น้ำส้ม น้ำส้ม รอก่อน! เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งเอ่ยตะโกนเรียก ให้รุชาหันไปมองตามด้านหลัง ก่อนจะเห็นรถน้ำส้มที่เข็นมาอีกฝั่งหนึ่งไกลๆ

                    ริมฝีปากบางโค้งยกขึ้นอย่างดีใจ ก่อนจะรีบหักรถมุ่งไปทางทิศเหนือเช่นเดิม ไปจอดตรงหน้ารถเข็นน้ำส้มคั้นเย็นฉ่ำ มีประมาณ4-5 ขวดวางไว้ในตู้กระจกใส

                    “น้ำส้มขวดนึงฮะ”

                    “น้ำส้มขวดนึงจ้ะ”

    สองคนสั่งไปตามความประสงค์ทันทีที่รถน้ำส้มจอดเบี่ยงเข้าไหล่ทาง ให้รุชาเงยหน้ามองก่อนจะเห็นสาวขายปลาที่เธอเคยช่วยเก็บปลากระโดดดิ้นออกมาให้ และการจำได้ทำให้รุชาไม่ลืมที่จะส่งยิ้มทักทายไปตามแบบฉบับของคนช่างยิ้ม

    ทำเอาคนได้รับรอยยิ้มนิ่งตะลึงงัน เขินอายจนบิดม้วนตัวไปมาต่อหน้าคนขายน้ำส้ม

    “ชื่ออะไรอ่ะตัวเอง บ้านอยู่แถวนี้เหรอ” ปิยธิดายิ้มกรุ้มกริ่มยามที่ได้ยืนข้างสาวเท่ร่างสูงระยะประชิด

    “อ่อ...ใช่ฮะ” รุชาพยักหน้าก่อนส่งยิ้ม กริ่งเกรงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นสไตล์การแต่งตัวของสาวขายปลาที่ดูโตกว่าวัย ทำให้เธอประมวลผลอายุในหัวสมองไม่กล้าที่จะคุยโต้ตอบมากนัก

    เพราะด้วยการแต่งตัวเสื้อยืดลายจุดขาว เนื้อผ้าสีดำแขนจั้มพ์ตัวโคร่ง กับกางเกงเลกกิ้งขายาวเขารูปสีเทา ขรึมเข้มเสียจนผิดหูผิดตาจากวันที่เจอกันในตลาด

    “เค้าชื่อปิ่นนะ ชอบกินน้ำส้มเหมือนกันเหรอ” ปิยธิดาพยายามอ่อยสุดกำลัง อยากให้รุชามองเธอเหลือเกิน เพราะเพียงแค่วันแรกที่ได้สบตา และเห็นน้ำใจงามก็พาให้หัวใจลอยไปไกลแสนไกล

    “เอ่อ...ซื้อให้แม่น่ะ ไม่ได้กินเองหรอกจ้ะ”

    “เหรอ...” ปิยธิดายิ้มพอใจกับการสนทนาสั้นๆ และส่งเงิน รับน้ำส้มที่ลุงคนขายตักใส่ขวดให้เรียบร้อย “ไปก่อนนะ ไว้ค่อยเจอกันนะจ๊ะ สุดหล่อ”

    ไม่พูดเปล่า หากแต่มือเรียวยังฉวยโอกาสหยิกแก้มรุชาเบาๆ แล้วเดินจากไป ทิ้งให้คนยืนรอน้ำส้มทีหลังนิ่งเหวอ หันไปมองความกล้าของสาวขายปลาแบบงุนงง และรีบยกแขนเสื้อเช็ดแก้มตนเองเป็นการใหญ่

    ก่อนจะหันมาฉีกยิ้มโบกมือปฏิเสธให้กับลุงคนขายเพื่อบอกว่าเธอไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลยสักนิดเดียว...


    _________________________________________________________

    แวะมาอัพ หลังจากหายไปนาน วันนี้รักคุณเท่าล้านดวงดาว sale ด้วยนะพร้อมบอกโปรโมชั่นประจำวันนี้ใครสนใจเรื่องอะไร จิ้มได้โหลดได้เลยหรือติดตามข่าวสารนิยายเพิ่มเติมที่ เพจ http://www.facebook.com/tanakornclubcub



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×