ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เลขสื่อรัก [TD,Yuri]

    ลำดับตอนที่ #6 : 5 เชื่อมต่อ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ธ.ค. 56


    ตอนที่ 5 เชื่อมต่อ

                 

    “พี่รุช...พี่รุช!! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”

    เสียงฝีเท้าวิ่งมาแต่ไกลของกระติบดังเข้ามาใกล้บริเวณประตูรั้วบ้าน แต่เช้าตรู่หลังจากรุชาตั้งวงกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อย สาวเท่รีบลุกขึ้นหันไปมองตามต้นเสียง ก่อนจะลุกยืนขึ้นเต็มร่างสูง เมื่อเห็นเด็กชายตัวแสบ วิ่งหน้าตั้งมาพร้อมเสียงหอบให้รุชาหันไปมองสงสัยหลังจากวางโทรศัพท์

    “มีอะไรกระติบ วิ่งหน้าตั้งมาเชียว” สาวเท่เดินมาหยุดตรงหน้าประตูรั้วอย่างงุนงง

    “ตรงหัวมุมฝั่งตลาดจ้ะพี่รุช มีรถจากเมืองกรุงมาจากไหนไม่รู้ เฉี่ยวชนพี่สาวเข้า ไม่รู้ป่านนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

    กระติบรีบรายงานข่าวด้วยน้ำเสียงหอบเหนื่อย

    “หา?” รุชาร้องเสียงหลงอย่างตกใจ

    “ไม่หาแล้ว อยู่ตรงตลาดนู้น เรารีบไปกันเถอะ” กระติบบอกด้วยสีหน้าตื่น ให้รุชาพยักหน้า ก่อนจะปรี่ไปที่รถมอเตอร์ไซค์คันเก่ง หยิบหมวกกันน็อคสวมใส่ ขณะที่กระติบรีบนั่งประจำที่ซ้อนท้ายอย่างรู้งาน

    “เฮ้ย จะไปไหนกันอีกวะเนี่ย” ดาวเรืองรีบตะโกนถาม เมื่อเห็นรุชาหุนหันพลันแล่นกำลังจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง

    “ไปดูรถชนที่ตลาดแปบนึงจ้ะยาย เดี๋ยวมานะ” รุชารีบบอกรายงานก่อนจะเร่งเครื่องพุ่งทะยานออกไปโดยเร็ว

    “มันจะใกล้มืดแล้วนะโว้ย! รีบไปรีบมานะ” ดาวเรืองป้องปากตะโกน ก่อนจะย่นจมูกตามหลังใส่กระติบ เด็กชายตัวแสบที่มาป่วนบ้านของเธอให้วุ่นวาย...

    บริเวณหัวมุมทางโค้งเลียบเข้าฝั่งทางตลาดสดของตัวเมืองสุพรรณ มยุเรศกำลังนั่งทรุดกับพื้นถนนสีหน้าเหยเก ขณะที่รถจักรยานจอดล้มอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เบื้องหน้าของเธอเป็นรถเบนซ์สีดำคันโก้หรูจอดอยู่ พร้อมกับชายร่างท้วมที่ลงมาจากรถด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะเสียงซุบซิบนินทาของไทยมุงโดยรอบยังคงหนาหู

    “หนู...เป็นอะไรมากมั้ย ถ้าฉันจ่ายเงินให้เธอ เธอจะไปโรงพยาบาลเองไหวมั้ย เพราะฉันก็รีบเหมือนกัน” ชายร่างท้วม สวมใส่เสื้อเชิ้ตรีดเรียบจับจีบสีฟ้าอ่อนกับกางเกงแสลกและรองเท้าคัชชูขัดมัน ผิวพรรณอย่างคนเมืองกรุง ก้าวลงมาจากรถด้วยมาดสุขุม บอกด้วยน้ำเสียงขรึมเครียด ในขณะที่มยุเรศยังคงนั่งปวดข้อเท้าจากการเฉี่ยวชน พยุงตัวลุกขึ้นไม่ไหว

    “ปวดข้อเท้ามากเลยค่ะคุณอา คาดว่าคงไปเองไม่ไหว...” มยุเรศบอกน้ำเสียงจืดจ๋อย เมื่อความเจ็บยังร้าวระบม ให้เธอขยับเขยื้อนร่างกายไม่ได้ ขาข้างขวาเริ่มบวมเขียว ให้ชายร่างท้วมบอกเสียงเครียด

    “แล้วจะทำยังไงล่ะ ฉันก็รีบเหมือนกัน...”

    การถกเถียงที่ยังไม่ได้ตกลงกัน ทำให้เสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นอย่างหนาหูยิ่งขึ้น...

                    “คนเมืองกรุงนี่มันแล้งน้ำใจจริงนะแม่ จะไปส่งเขาหน่อยก็ไม่ได้” ปิยธิดา สาวขายปลาที่กำลังยืนมองเหตุการณ์อยู่ไกลๆ แอบวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของหนุ่มร่างท้วม หน้าตาหล่อเหลาหากแต่ไม่ค่อยจะแสดงความมีน้ำใจให้น่าพอใจเท่าไหร่นัก

                    “เออ...ไม่รู้ใหญ่คับฟ้ามาจากไหน ทำเป็นขับเบนซ์มาจากเมือง มาเบ่งอวดอีโก้แถวบ้านเรารึไงฟะ” ผู้เป็นมารดาออกความเห็นอย่างขัดเคืองใจ

    ระหว่างนั้นมีเด็กชายคนหนึ่งพยายามจับจูงรุชาให้เบียดเสียดกลุ่มชนเข้ามาในตำแหน่งที่แม่ค้าสาวขายปลายืนอยู่ด้วยความกระวนกระวายใจ

                    “ขอโทษนะครับ ขอโทษฮะ...” น้ำเสียงหวานใสของรุชาเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจไปตลอดทาง เสียงที่คุ้นหูทำเอาคนที่นินทาเจ้าของรถเบนซ์หันมามองก่อนจะอึ้งตะลึงงันอีกครั้งในการพบกันโดยบังเอิญ

                    “แม่ๆ...ดูคนนั้นสิ น่ารักมั้ยแม่” ปิยธิดารีบสะกิดแขนมารดาถี่ๆ ให้มารดาหันไปมองรุชาที่กำลังเบียดเสียดเข้าไปในกลางกลุ่มเหตุการณ์ และมองดูอยู่ห่างๆ

                    “นกยูงๆ เป็นอะไรมั้ย...” รุชารีบปรี่เข้าไปหาหญิงสาวทันทีที่เห็นว่ามยุเรศกำลังบาดเจ็บ

    คิ้วเข้มกดขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวล ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคู่กรณีที่เฉี่ยวชนมยุเรศหวังจะต่อรองเจรจา แต่เมื่อเงยหน้าสบตา รุชาจำต้องหน้าซีดเผือดผงะตกใจ เมื่อเห็นว่าหาญกล้ายังกอดอกนิ่ง

    “พ่อ...” แม้เป็นการเอ่ยน้ำเสียงเบาหวิวราวกับเสียงกระซิบ แต่ก็ดังพอที่ทำให้มยุเรศตาโต หันมามองวงหน้าของรุชาสลับกับชายร่างท้วมผิวขาวด้วยความประหลาดใจ

    “รู้จักคนๆ นี้ด้วยเหรอ รุช” การสนทนาพูดคุยกันระหว่างหาญกล้าและรุชาเกิดขึ้น ทำเอาเหล่าไทยมุงเริ่มพูดเสียงดังเซ็งแซ่ยิ่งขึ้นไปอีก รวมไปถึงมารดาของสาวขายปลาออกความเห็น อย่างไม่ปลื้มเท่าไหร่นัก

     “คนกรุงเหมือนกันนี่หว่า คงแล้งน้ำใจเหมือนๆ กัน”

    คำวิพากษ์วิจารณ์แม้จะอยู่นอกวงที่ถูกรุมล้อมไกลๆ แต่ก็ดังพอที่ทำให้รุชาหันไปมองตามต้นเสียง ให้ทุกคนหยุดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ลงทันทีเมื่อเห็นแววตาคมจ้องมองมา

                    “ทำไมพ่อไม่ไปส่งเค้า โรงพยาบาลคลินิก หรืออะไรก็ได้น่ะ” บุตรสาวรีบยืนขึ้นเต็มร่างสูง มองบิดาอย่างผิดหวังไปเล็กน้อยในการกระทำครั้งนี้ ที่ทำเอาเรื่องราวใหญ่โตบานปลายไปทั้งซอยหมู่บ้าน

                    “ต่อจากตรงนี้ก็ต้องออกไปอีกไกลกว่าจะถึงโรงพยาบาล พ่อจะไปให้ถึงบ้านยายไวๆ แล้วไหนแม่เรารอในรถอีก” หาญกล้าบอกไปตามความจริงด้วยเพราะห่วงณราที่กำลังท้องอ่อนๆ อยู่ อีกทั้งการเดินทางเป็นชั่วโมงจากกรุงเทพมาสุพรรณบุรี ทำให้เขาต้องคอยหาถุงมารองปากให้ภรรยาอาเจียนมาตลอดทาง

                    “อืมๆ พ่อไปเถอะ เดี๋ยวรุชจัดการเอง...” พอเข้าใจเหตุผลกระจ่างแจ้ง รุชาก็หันไปขออนุญาตหญิงสาวที่กำลังบาดเจ็บเพียงครู่ ก่อนจะช้อนตัวอุ้มร่างบางไว้บนแขน ก่อนจะเดินออกไปจากไทยมุงที่กำลังร้องฮือฮาอย่างตกใจ

    รุชาวางมยุเรศซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์อย่างแผ่วเบาและนิ่มนวล ก่อนจะหันไปบอกกระติบที่เดินติดตามก้นมาด้วยน้ำเสียงเครียด

                    “จากตรงนี้คงไม่ไกลจากบ้านเอ็งนัก เอ็งกลับบ้านเองนะกระติบ เดี๋ยวพี่จะไปส่งพี่นกยูงหาหมอก่อน”

                    “ได้จ้ะ ขับรถดีๆ ล่ะพี่รุช”

                    “อืม” รุชาพยักหน้าให้ยิ้มๆ ก่อนจะนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์ และหันไปบอกมยุเรศด้วยรอยยิ้มบาง “เกาะแน่นๆ นะ เดี๋ยวเราจะค่อยๆ ขับ ขานกยูงจะได้ไม่เจ็บ”

                    “จ้ะ...” มยุเรศพยักหน้าหงึกหงัก แล้วคลี่ยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจ “ขอบคุณนะ...”

                    “ไม่เป็นไรจ้ะ...”

    รถมอเตอร์ไซค์คันเก่งแล่นทะยานออกไปจากท้องตลาด โดยที่มีมยุเรศสอดประสานวงแขนโอบกอดรอบสะเอวบางของรุชาไว้แน่น ให้รุชาค่อยๆ ขับไปตามถนนดินแดงออกมา ลัดเลาะเพื่อมุ่งตรงไปยังคลินิกที่ใกล้ที่สุด...

                    แม้ใจหนึ่งจะเต็มไปด้วยความเป็นห่วง

                    แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกอิ่มเอมนัก ที่ได้ใกล้ชิดกับสาวสวยที่ตนเองประทับใจในระยะเวลาสั้นๆ

    ไม่นานนักรถมอเตอร์ไซค์ ก็มาจอดหน้าคลินิกแห่งหนึ่งนอกตัวเมืองสุพรรณ เป็นคลินิกเล็กๆ ที่ทำให้รุชาคลี่ยิ้ม ทันทีที่หาเจอและหวังว่าจะทำให้มยุเรศทุเลาจากอาการบาดเจ็บลงไปบ้าง...

    รุชาโอบประคองมยุเรศเข้าไปในคลินิกอย่างระวัง ความใกล้ชิดกันเพียงเอื้อมทำเอาหัวใจของรุชาเต้นรัวระส่ำ ยามที่ได้กลิ่นแชมพูสระผมติดบนเส้นผมมันดำสนิทของมยุเรศ ยั่วเย้าให้หัวใจเตลิดไปไกลแสนไกล จนเธอรู้สึกว่าอยากหยุดเวลาให้ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ ไปให้นานแสนนาน

    สาวเท่ประคองมยุเรศจนมาถึงบริเวณเก้าอี้ไม้เก่าๆ ในคลินิก เพื่อรอพบหมอ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงข้างๆ เมื่อเห็นว่าแผลที่ข้อเท้าของหญิงสาวยังคงระบม

    “เจ็บมากมั้ย ทานน้ำก่อนมั้ย” รุชาหันไปถามความเห็น เมื่อเห็นว่ามยุเรศยังนั่งนิ่ง รุชาจึงลุกขึ้นเดินไปที่แท็งก์น้ำดื่ม กดน้ำใส่กรวยกระดาษมาส่งยื่นให้

    “ทานน้ำก่อนนะ จะได้ดีขึ้น”

    “ขอบใจนะ...” มยุเรศตอบพร้อมส่งยิ้มจืด เป็นยิ้มเศร้าที่ทำเอารุชารู้สึกผิดไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    “เราขอโทษแทนพ่อเราด้วยนะ...พ่อเราคงไม่ได้ตั้งใจหรอก”

    “ไม่เป็นไร เราก็ขับรถออกมาเร็วจนไม่ได้ดูทางโค้งให้ดีด้วยล่ะ” มยุเรศรีบบอก ก่อนเอ่ยถาม “รุชมีพ่อแม่อยู่กรุงเทพเหรอ แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่สุพรรณล่ะ”

    คำถามของมยุเรศที่เริ่มมีความสนใจในตัวรุชาขึ้นมา ทำเอาสาวเท่นิ่งไป ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้น

    คุณมยุเรศ เชิญพบหมอค่ะ” พยาบาลที่คุมเคาน์เตอร์เพียงคนเดียว เอ่ยขึ้นให้มยุเรศหยุดการสนทนาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะลุกขึ้น โดยที่มีรุชาเป็นฝ่ายประคองให้เข้าไปด้านใน

    “เป็นอะไรมาคะ...” เสียงหมอหญิงสูงวัยคนหนึ่ง ขยับแว่นที่ตกลงมาตรงปลายจมูกเล็กน้อย พร้อมคลี่ยิ้มให้อย่างใจดี เมื่อเห็นว่ารุชาประคองมยุเรศเข้ามาข้างใน

    “เหมือนข้อเท้าของเธอจะเจ็บน่ะหมอ แต่ไม่แน่ใจว่ามันอักเสบหรือฉีกหรือเปล่า ช่วยดูให้ทีนะฮะ” รุชาบอกไปตามอาการก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อเห็นหมอหันมาเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจในหางเสียงลงท้าย

    “อืม...ถ้าอย่างนั้นคุณไปรอข้างนอกก่อนนะ เดี๋ยวหมอขอเอ็กซเรย์คนไข้แปบนึง” หมอสาวสูงวัยบอกให้รุชาพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินออกมาจากห้องตรวจ...

    เวลาผ่านไปกว่าชั่วโมงเศษ ให้รุชาองนาฬิกาบนฝาผนังเห็นว่าจวนจะ บ่ายโมงกว่าแล้ว แต่มยุเรศก็ยังไม่ออกมาจากห้อง ทำเอาคนรอเริ่มมีอาการกระวนกระวายใจ

    ...เฮ้อ...ช้าจังเลย...

    ไม่นานนัก มยุเรศก็ออกมาจากห้องด้วยผ้าพันขาและสำลีแน่นจนเกือบจะเหมือนเท้าช้าง ให้รุชาดีดตัวลุกขึ้นอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปปรี่ประคอง หญิงสาวโดยพลัน...

    “ทำไมพันขาเยอะขนาดนี้...”

    “หมอบอกว่าเส้นเกือบฉีกน่ะ ต้องห้ามขยับ แล้วสองอาทิตย์ค่อยมาดูผล...” คำบอกเล่าของมยุเรศ ทำเอารุชานิ่งอึ้งกะพริบตาปริบๆ และพยาบาลผู้หนึ่งก็เรียกให้ไปชำระเงิน

    “วันนี้หมอจัดยาแก้ปวดให้ไป แล้วก็ยาคลายกล้ามเนื้อ ให้ทานทุกวันจนหมด แล้วขาอย่าให้ลงน้ำหนักมากเกินไปนะคะ อาทิตย์หน้าคุณหมอนัดดูอาการอีกครั้งนะคะ” พยาบาลชี้แจงรายละเอียดพร้อมบอกราคาค่าใช้จ่าย ให้มยุเรศเตรียมหยิบเงินในกระเป๋า หากแต่รุชาโบกมือปฏิเสธ

    “ไม่เป็นไร เรารับผิดชอบเอง” สาวเท่หน้าหวานหันไปบอกด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะหยิบแบงก์สีเทาในกระเป๋าหนังส่งยื่นให้พยาบาล ก่อนรับถุงยาและเงินทอนกลับมา

    “ไป เดี๋ยวรุชไปส่งที่บ้าน”

    “ขอบคุณนะคะ รุช” มยุเรศบอกด้วยความซาบซึ้งใจ และแอบเมียงมองรุชาในระยะประชิดด้วยความชื่นชมน้ำใจดีงามที่สาวเท่เป็นคนหยิบยื่นให้

    ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีครามแสงแดดอ่อนแสงลงสู่ช่วงเวลาบ่ายแก่ ดาวเรืองมานั่งรอหลานสาวที่หน้าชานบ้านพร้อมกับการตำเชี่ยนหมากไปพลางๆ เริ่มเป็นกังวล เมื่อยังไม่เห็นว่ารุชาจะกลับบ้านเสียที ในขณะที่ณรา และหาญกล้านั่งคุยอยู่กับทิวทัศน์อย่างออกรถอยู่ที่ใต้ถุนบ้าน...

    “แม่ อย่ามัวแต่มองนักเลย เดี๋ยวหลานสุดที่รักของแม่มันก็มา ห้าวเกินผู้ชายขนาดนั้นอย่าห่วงไปเลย” ณราร้องทักขึ้นมา เมื่อเห็นดาวเรืองยังไม่หยุดชะเง้อคอยืดยาวมองหา

    “เอ็งก็พูดไป ถึงมันจะเหมือนผู้ชาย มันก็ยังเป็นผู้หญิงล่ะวะ ข้าล่ะเป็นห่วง” ดาวเรืองหันมาบอกลูกสาว ก่อนจะหยิบเชี่ยนหมากที่ตำเสร็จเรียบร้อยเข้าปากเคี้ยว

    “ก็คงพาสาวคนนั้นไปหาหมออยู่น่ะ...เดี๋ยวก็มาแม่” หาญกล้าบอกก่อนจะเล่าเรื่องราวโดยย่อให้ดาวเรืองฟัง เมื่อเวลาบ่ายคล้อยที่ผ่านมา

    บรื๊น! เสียงรถมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับของที่ถือมาจากร้านชำ ติดไม้ติดมือเข้ามาที่ทำให้ทิวทัศน์หัวเราะก่อนหันไปพูดแซวเล่นกับผู้ใหญ่

    “เห็นมั้ย เผลอแปบเดียวมาละยาย ไอ้นี่มันหนังเหนียว” ทิวทัศน์พูดเมื่อเห็นว่ารุชาก้าวเท้าลงจากรถ ถอดหมอกกันน็อคสวมไว้แขวนที่แฮนด์ขับ แต่ยังไม่วายปัดแต่งทรงผมที่เสียทรงให้ดูเท่เหมือนเดิม

    สองมือถือถุงขนมมาส่งยื่นให้กับทิวทัศน์ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง “อ่ะ ถุงนี้ของเอ็ง ขนมปักกิ่งช็อคโกแลตที่เราเคยกินกันตอนเด็กๆ ข้าว่าเดี๋ยวนี้เหลืออันเล็กนิดเดียว”

    “เออ ขอบใจมาก นี่ที่กลับเย็นเพราะแวะซื้อของอีกเหรอวะ” ทิวทัศน์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะรีบแกะขนมมานั่งกินอย่างมีความสุข

    “ใช่สิ...เห็นไม่มีพวกขนมเลยนี่หว่า” รุชาตอบพลางถอนใจวุ่นๆ ก่อนจะหยิบถุงนมส่งยื่นให้ณราที่นั่งข้างๆ

    “ส่วนอันนี้ ของแม่จ้ะ นมแอนลีน กินเยอะๆ น้องจะได้แข็งแรง”

    “โธ่ไม่ต้องซื้อมาก็ได้ แม่ยังกินมากไม่ได้หรอก กินกี่ที อ้วกออกหมด” ณราบ่นเสียงโอดครวญ

    “หนูอยากให้แม่กินนี่นา กินๆ ไปเถอะ ถ้าแม่อยากมีน้องไว้ หนูก็อยากเป็นพี่ที่ดีบ้าง”

    การสารภาพอย่างตรงไปตรงมา ทำให้หาญกล้าหัวเราะในความคิดของรุชา ที่ดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาบ้าง หลังจากรับรู้ว่า ณราตั้งท้องอ่อนๆ

                    รุชาปลีกตัวเดินขึ้นไปบนเรือนก่อนจะล้มตัวนอนตักของดาวเรืองที่มีกลิ่นคนแก่ให้อุ่นใจ ก่อนจะส่งยื่นขนมบ้าบิ่นของโปรดให้ยาย ทำเอาดาวเรืองคลี่ยิ้ม

                    “อะไรเนี่ยหืมม์ ยังจำกันได้อีกหรือ?”

                    “โธ่ยาย ใครจะลืมคนแก่แสนน่ารักอย่างยายเล่า” รุชาสารภาพก่อนจะนอนกลิ้งศีรษะไปมาบนต้นเนื้อขาคนแก่ กลิ่นตัวแสนอบอุ่นคุ้นเคยลอยโชยเข้าจมูกให้ ดาวเรืองอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมืออันสากเหี่ยวย่นมาแตะลูบใบหน้านวลอย่างซาบซึ้งใจ

                    “ขอบใจนะ เอ็งมันปากหวานอย่างนี้ทุกที กลัวว่ามีแฟนแล้วจะไม่ได้ยินคำพูดแบบนี้ ข้านึกหวงขึ้นมาแล้วสิ”

                    “แหม่ยายก็ หนูยังเป็นหนูเหมือนเดิมล่ะจ้ะ” รุชาฉีกยิ้มกว้าง อวดฟันเรียงตัวสวยเป็นระเบียบ ออดอ้อนยายไม่ต่างไปจากวันวาน เป็นภาพที่ทำให้คนที่นั่งเยื้องไม่ห่างจากรุชามากนักหันมามอง

                    “เอ็งลุกได้แล้วมั้งไอ้รุช เดี๋ยวกระดูกกระเดี้ยวยายก็หักกันพอดี” ทิวทัศน์บอกเสียงเข้ม ให้ทั้งณราและหาญกล้าต่างหัวเราะ เมื่อเห็นรุชายอมลุกขึ้นโดยพลัน แต่ไม่วายทิ้งสายตาค้อนขวับกลับมาให้

                    “ยายยังแข็งแรง อยู่ไปถึงร้อยปีเลยนะยาย”

                    “อู้ย ถ้าอยู่ไหวก็คงเป็นบุญวาสนาแล้วล่ะ” ดาวเรืองพูดไปก่อนจะหยิบขนมบ้าบิ่นที่ห่อใส่ใบตองร้อนๆ เข้าปาก หลังจากคายหมากทิ้ง ให้รุชายิ้มกริ่ม

                    “ยายน่ะอยู่ไหวอยู่แล้ว! อยู่รอถึงไอ้ตัวเล็กมันวิ่งได้ยังสบายเลยนะยาย”

                    “เออ แล้วแต่เบื้องบนจะให้ข้ามาแล้วล่ะไอ้รุช” ดาวเรืองพูดพลางลูบศีรษะของรุชาเบาๆ ก่อนส่งยิ้มกว้างอย่างคนแก่ แม้จะเหลือฟันที่เคยเรียงตัวเป็นระเบียบไม่กี่ซี่ แต่ก็ยังมีความอบอุ่นที่ไม่เคยจางหาย

                    “ไปๆ เข้าบ้านกินข้าวกินปลาเสียเถอะ” ดาวเรืองตัดบท ให้คนที่นั่งเล่นกินลมอยู่หน้าชานบ้าน ทั้งหมดรีบลุกขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้าน...

                    ด้วยบรรยากาศความอบอุ่น โอบล้อมอย่างเป็นสุขอีกครั้ง สำหรับการมาของณราและหาญกล้าที่มาเยี่ยมเยียนดาวเรืองถึงสุพรรณ ทั้งเสียงของทิวทัศน์ที่ได้พูดคุยกับญาติๆ อย่างอบอุ่น...ทุกอย่างมีสีสันสวยงามขึ้น หลังจากที่มีเหล่าสมาชิกครอบครัวต่างมาพบปะสังสรรค์กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×