คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1 เบอร์ใหม่
บทที่ 1 เบอร์ใหม่
รุชาตัดสินใจเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ในเช้าวันต่อมา ก่อนเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าในเป้ใบใหญ่ มองบรรยากาศห้องด้วยสายตาอาลัย เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมาเธอเคยชินกับการพักอาศัยในหอพักนี้มาโดยตลอด จนคิดว่าเป็นบ้านหลังที่สองให้ทั้งความอบอุ่นและความสงบมากมายในคราเดียวกัน
สาวจิตรกรรมหันไปมองตามพื้นผนังที่เคยวางรูปภาพ มีรอยการสีที่ผสมแล้วเปรอะเปื้อนกำแพงบ้างเพียงเล็กน้อย เชิญชวนให้รุชาเดินเข้าไปจับสัมผัสเบาๆ ก่อนคลี่ยิ้มบาง จดจำทุกๆ อย่างที่เกิดขึ้นไว้เป็นเพียงความทรงจำ
รุชาหยิบเสื้อคลุมแขนยาวตัวเก่งมาสวมทับเสื้อยืด เข้ากับกางเกงยีนขาเดฟตึงเปรี๊ยะแนบเนื้อทุกสัดส่วน อวดเรียวขายาวสวยยามเดินลงมาจากด้านล่าง เธอคืนกุญแจห้องให้กับป้าที่คุมหอ คอยการรับใบเสร็จและเงินค่าประกันห้องก่อนจะเดินออกมาจากหอด้วยท่าทางปลอดโปร่งใจ
“จะไปแล้วจริงๆ เหรอวะ ไม่เปลี่ยนใจเหรอรุช” กวินรัตน์เอ่ยถามขึ้นเมื่อมายืนคอยอยู่ด้านล่างพร้อมเทพไทย
“ดูทำหน้าเข้า ข้าไม่ได้ไปรบนะเว่ย” รุชาตบไหล่ของกวินรัตน์เบาๆ พร้อมส่งยิ้มให้
“มันใจหายนี่หว่า เคยทำงานไปไหนไปกันสามคน” กวินรัตน์บ่นอุบ
“ก็นี่ไง มีไอ้หมออีกคน มันคงยังไม่ไปไหนหรอก ใช่มั้ย” รุชาหันมาถามยิ้มๆ ให้เทพไทยพยักหน้าตอบ
“ขืนอยู่กับมันสองคนนานๆ คงได้เพี้ยนตามมันแหงๆ” กวินรัตน์หันไปต่อว่าจิกกัดเทพไทยด้วยความหมั่นไส้ ให้รุชาหัวเราะ ก่อนพลิกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามอง
“เฮ้ย เหมือนจะสายแล้ว ข้าไปก่อนนะ เดี๋ยวต้องไปขอยาแก้ภูมิแพ้ที่โรงพยาบาลอีก”
“เออๆ ดูแลตัวเองดีๆ นะ” กวินรัตน์และเทพไทยต่างโบกมือลา ให้รุชากึ่งเดินกึ่งวิ่งจากไป แต่ก็ไม่วายตะโกนกลับมาด้วยรอยยิ้ม
“อย่าลืมกันนะเว้ย! รักเสมอ!!”
บรรยากาศที่โรงพยาบาลเกษมชน มีหมอสาวผู้หนึ่งร่างเล็กบาง ใบหน้าสะสวยสุขภาพดี ถือเสื้อกาวน์พาดแขนมาพร้อมกระเป๋าเครื่องมือแพทย์ บุคลิกปราดเปรียวและสง่าเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้คนที่พบเห็น เพราะรอยยิ้มสดชื่นแจ่มใส ทักทายให้กับทุกคนที่ทำงานอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะเอ่ยถามพนักงานสาวผู้หนึ่งที่อยู่ในโรงพยาบาล
“วันนี้มีเคทคนไข้ที่พบตอนเช้ามั้ย หรือว่ามีพยาบาลคนไหนขึ้นวอร์ดกับวาดรึเปล่า” แพทย์หญิงชโลธรเอ่ยถาม อิงอร พยาบาลสาวก่อนจะคลี่ยิ้มให้
“ไม่มีนะคะ แต่มีคุณรุชา มาพบแต่เช้าเลยค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ” ชโลธรเลิกคิ้วสูงอย่างประหลาดใจ เมื่อรายชื่อคนไข้นามนี้เพิ่งจัดยาให้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา “ขอบใจมากนะที่บอกข่าว”
เธอส่งยิ้มให้บางเบาก่อนจะปลีกตัวออกไป...
บรรยากาศในห้องทำงานของแพทย์หญิงชโลธร พรปัญญาประเสริฐ มีสาวเท่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้นั่งพร้อมกับ พลิกนาฬิกาข้อมือดู เห็นว่าสายมากแล้ว และยังไม่เห็นวี่แววของชโลธรที่จะมาที่ห้องเลย...
...ฮ้า...ขืนช้าแบบนี้ เธอคงได้กลับถึงสุพรรณตอนบ่ายแก่ แดดร้อนเปรี้ยงให้อารมณ์เสียแหงๆ...รุชานึกในใจก่อนจะเท้าคางเคาะโต๊ะที่นั่งอย่างเบื่อหน่าย เมื่อยังไม่เห็นว่าหมอประจำตัวที่จัดชุดยาแก้ภูมิแพ้ให้ตั้งแต่เล็ก จนเปรียบเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ยังไม่เข้ามาในห้อง
“ว่าไงรุช” ชโลธรเอ่ยทักขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้อง ก่อนจะเห็นว่าสาวเท่มาดทอมบอยอย่างรุชา กำลังฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“พี่หมอ ช่วยจัดยาให้รุช สักสองสามเดือนทีสิ นะ...” รุชาบอกตามความประสงค์ แถมยังกะพริบตาปริบๆ เป็นการรองข้ออ้อนวอนให้ชโลธรนิ่งงัน
“เอาไปทำไมตั้งเยอะแยะ...”
“จะกลับสุพรรณน่ะพี่หมอ พอดีรุชเรียนจบแล้ว อยากไปอยู่บ้านยายสักพัก”
“แล้วเรื่องงานล่ะ...จะไม่หาทำที่กรุงเทพเหรอรุช” ชโลธรทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หลังจากสวมเสื้อกาวน์เรียบร้อย พินิจดวงหน้าหวานใสของรุชา ที่แต่งตัวเท่ๆ พร้อมกับการแบกกระเป๋าเป้หลังตุงมาพร้อมเดินทาง
“รุชจะไปพักที่นั่นก่อน สักสองสามเดือน ที่นี่วุ่นวายจะตาย อยากพักก่อนแล้วค่อยว่ากันน่ะ”
“เฮ้อ...” ชโลธรส่ายหัวกับความคิดแสนเด็กที่ยังไม่ยอมโตของรุชา “พ่อแม่รู้รึยังน่ะรุช”
“รู้แล้วฮะ”
“อันที่จริงเรื่องสาวๆ น่ะนะ เราก่อเองทั้งนั้น” ชโลธรบอกเตือนสติ ด้วยเพราะรู้ดีว่ารุชาเป็นคนช่างแจกยิ้ม ที่เสมือนเป็นเสน่ห์แพรวพราวชักนำให้ใครต่อใครเข้ามา จะเข้ามาอย่างเอ็นดูหรือพิศวาสก็สุดแท้แต่คนจะคิดกันไป รอยยิ้มของรุชานั้น หากใครได้พบเห็นคงชอบได้ไม่ยาก
เพราะความลงตัวหวานใสของหน้าตา แม้จะแต่งตัวสุดเท่ แต่ก็ช่างมีเสน่ห์มากมายคนหนึ่ง ด้วยเพราะใบหน้ารูปเรียวไข่ ผิวออกขาวเหลือง คิ้วเข้มสวยเป็นระเบียบ ตาหวานคมชัด นัยน์ตาดำสนิทราวกับตากวาง จมูกโด่งสวยรับกับปากบางเฉียบที่ดูอมยิ้มน้อยๆ ตลอดเวลาแม้จะทำหน้าวางเฉย ทุกอย่างลงตัวอย่างเหมาะเหม็ง ดูผิวเผินแล้วเหมือนเด็กกรุงเทพที่เป็นลูกคุณหนูเสียมากกว่าจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขเป็นคนสุพรรณด้วยซ้ำ
แต่เพราะรุชามาโตที่กรุงเทพตามพ่อแม่ของเธอที่มาสร้างเนื้อสร้างตัว เปิดโรงงานสีข้าวจนเป็นเฒ่าแก่ใหญ่ จึงทำให้ฐานะทางบ้านของรุชา เอื้ออำนวยที่จะทำให้รุชาเติบโตมาโดดเด่นกว่าคนสุพรรณทั่วไป...
“พี่ให้ยาแก้หอบไปสองตัวพอนะ จะได้กลับมาที่กรุงเทพบ้าง ไม่ใช่ไปติดที่สุพรรณจนพ่อแม่เป็นห่วง เราก็ลูกคนเดียว”
“โธ่พี่หมอ ทำเป็นเครียดไปได้ รุชาไปอยู่กับยายนะ ไม่ได้ไปเที่ยว นี่ว่ายังดีซะอีกที่กลับไปเยี่ยมบ้าง เพราะแม่ไม่ค่อยว่างกลับไปเท่าไหร่”
“เออนั่นแหละ จะไปเลยเหรอเนี่ย” ชโลธรเอ่ยถามหลังจากจดชื่อยาเสร็จเรียบร้อย
“ใช่ฮะ จะไปเลย เดี๋ยวไม่ทันรถ แล้วจะร้อนด้วย”
“อืม ถ้างั้นก็รอไปติดต่อห้องรับยาได้เลย” ชโลธรบอกก่อนที่จะรับไหว้รุชาที่เดินออกไป...
สาวเท่จ่ายเงินรับยาเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็เดินออกมาจากโรงพยาบาล พร้อมกับโบกรถประจำทางขึ้นไปนั่ง ท่ามกลางบรรยากาศแอร์เปิดบนรถเย็นฉ่ำสบาย ไม่ค่อยมีคนมากนัก หลังจากจ่ายเงินให้กระเป๋ารถเมล์แล้ว รุชาจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาเสียบหูฟังเพลงคั่นเวลา...
สาวแก่วัยเจ็ดสิบปี สวมเสื้อคอกระเช้าสีชมพูบานเย็นกับผ้าซิ่น ประแป้งผสมน้ำอบไทยพอหอม เดินงกๆ เงิ่นๆ บนบ้านไม้หลังใหญ่บ่อยครั้ง ดูนาฬิกาบนฝาผนังอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อยังไม่เห็นว่ารุชามาถึงบ้าน...
“ทิว ทิวโหว้ย” ดาวเรืองออกปากตะโกนเรียกให้ชายหนุ่มผู้เป็นหลานชายชื่อ ทิวทัศน์ รีบวิ่งแจ้นเข้ามาหาโดยไว
“คร้าบ ยายเรืองมีอะไร”
“เอ็งดูนาฬิกาหน้อยซิ มันกี้โมงแล้ว” ดาวเรืองพูดเสียงติดเหน่ออย่างคนสุพรรณ วานขอความช่วยเหลือจากหลานชายที่จบปริญญาตรีด้านครุศาสตร์จาก ม.รามคำแหงมาเกือบปีแล้ว สร้างความภูมิใจให้กับดาวเรืองเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่าทิวทัศน์กลับมาใช้ชีวิตอยู่บ้านไม่ห่างจากอ้อมอก
แม้ยามนี้หลานชายจะยังรอผลสอบเพื่อเทียบการบรรจุ จึงได้แต่ปลูกผักชาย มาช่วยเหลือจุนเจือดาวเรืองก็ตาม
แต่ก็นับว่าไม่ได้ขัดสนอะไร เพราะยามนี้ทิวทัศน์ก็พร้อมเต็มใจมาช่วยเป็นหูเป็นตาโดยไม่ปริปากบ่นอะไรสักคำ
“เที่ยงวันแล้วจ้ะยายเรือง”
“อ้อ...เหร้อ ไหน๋ไอ้รุชมันบอกว่าจะมา ป้านนี้มันยังไม่โผล่หัวมาอี้ก”
“แหม๋ ยายก้อ ใจเย็นหน้อยซีครับ เดี๋ยวไอ้รุชมันก็มา...”
“ปัดโถ๊ะ นานเหลือเกิน” ดาวเรืองถลกผ้าซิ่นนั่งขัดสมาธิหน้าลานบ้านอย่างขัดเคือง ให้ทิวทัศน์ส่ายหัวเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม
“อ้ดใจรอนิดนึง ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปด้าย”
“ก็ข้าไม่เห็นหน้ามันนานแล้วนี่หว่า...คิดถึงมันน่ะ” ดาวเรืองบอกก่อนทำหน้ามุ่ย ให้ทิวทัศน์ทรุดตัวนั่งข้างๆ เอื้อมมือไปโอบกอด โยกตัวดาวเรืองเบาๆ ปลอบอารมณ์ร้อนให้เย็นลง
ไม่นานนักเสียงรถสองแถวคันหนึ่งแล่นมาจอดหน้าประตูบ้าน ก็ทำให้ทั้งดาวเรืองและทิวทัศน์รีบลุกขึ้นยืนมอง ก่อนเห็นรุชากระโดดลงมาจากรถ จ่ายเงินให้กับคนขับพร้อมรอยยิ้ม แบกกระเป๋าเป้หลังตุงเดินไปที่หน้าประตูรั้วบ้านของดาวเรือง...
“ยายจ๋า !! ทิว!” รุชาป้องปากร้องเรียกคนที่อยู่ในบ้าน ก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นทิวทัศน์ ลูกพี่ลูกน้องที่ห่างกันเพียงสามปี แต่เล่นกันมาด้วยกันตอนเด็กๆ ก่อนที่เธอจะย้ายไปอยู่กรุงเทพกับพ่อแม่ วิ่งมาเปิดประตูให้
“ไงทิว...” รุชาตบไหล่ทักทายก่อนฉีกยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ให้ทิวทัศน์หัวเราะเบาๆ
“เออ สบายดี นู้นเอ็งรีบเข้าไป คนแก่ เข๋าบ่นถึงใหญ่แล้ว”
“เออๆ” รุชารับคำก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน ให้ทิวเป็นคนปิดประตูรั้ว แล้วตนเองก็รีบโผเข้ากอดดาวเรืองที่กำลังนั่งคอยที่ชานบ้านอยู่ก่อนแล้ว
“หวัดดีจ้ะยาย คิดถึงม้ากมากเลยเนี้ย” รุชาโผเข้าทั้งกอดทั้งหอม ให้ยายลูบหลังปลอบแล้วฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจที่เห็นหน้าหลาน หลังจากไม่ได้เจอกันเลย 4 ปี
“เอ็งผอมไปนะรุช อดเหร้อ” คนแก่เอ่ยถามพลางจับเนื้อจับตัวรุชาอย่างเป็นห่วง ให้รุชาคลี่ยิ้มบางก่อนตอบ
“ไม่ได้อดหรอกจ้ะยาย งานหนักมากกว่า” รุชาตอบยิ้มๆ
“มาอยู่ที่นี้ก็กินให้มันอ้วนไปเลยนะ” ดาวเรืองพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเหลือบมองนาฬิกา ชำเลืองแลอย่างไม่ถนัดให้รุชาเอ่ยปากถามอย่างสงสัย
“ยายมองอะไรอยู่จ๊ะ”
“ข้ามองนาฬิกาน่ะ ไม่ค่อยจะเห็น ตาคนแก่อย่างข้า” ดาวเรืองพูดไปบ่นไป ให้รุชาคลี่ยิ้มบางก่อนจะมองนาฬิกาบนฝ่าผนังบ้านให้
“จวนจะบ่ายโมงแล้วยาย”
“เอ้อดีเลย ข้าจะชวนเอ็งไปจ่ายตลาดซะหน่อย ป่านนี้คงตั้งตลาดกันแล้ว ไปรุช...ไปซื้อของหาอะไรกินเถอะ”
พูดจบดาวเรืองก็พยายามพยุงตัวลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ให้รุชาเป็นคนช่วยประคองคนแก่ที่เริ่มร่างกายอ่อนแอ กระดูกแข้งขาไม่ค่อยดีนัก เป็นภาพที่ทำให้รุชามองด้วยสายตาเศร้า
“ยายจะไปไหวมั้ยเนี่ย ให้หนูไปกับไอ้ทิวมันดีกว่า”
“ไม่ต้องห่วงๆ ข้าจะไปกับเอ็งนี่ล่ะ ไอ้รุช ปล่อยไอ้ทิวมันเฝ้าบ้านไป” ดาวเรืองออกคำสั่งให้ทิวทัศน์ เด็กหนุ่มที่เพิ่งวิ่งเข้ามาทำหน้าเหวอไป
“แหม ยายเรือง พอไอ้รุชมาก็ทิ้งฉันเลยนะ”
“เอาน่า เอ็งอยู่ดูบ้านไปแล้วกันนะ นานๆ หลานข้าจะมาให้หายคิดถึงเสียที” ดาวเรืองพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะอารมณ์ดีให้รุชาคลี่ยิ้มตาม...
รถมอเตอร์ไซค์คันเก่าแล่นไปตามถนนดินลูกรัง โดยที่มีรุชาอาสาเป็นคนขับให้ดาวเรืองนั่งซ้อนท้ายรถกอดสะเอวหลานแน่น ขณะที่รุชาคลี่ยิ้มไปตามบรรยากาศของสายลมปะทะเข้าใบหน้าเบาๆ และความเขียวขจีของทุ่งหญ้าสองข้างทางผ่านไประหว่างทาง...
ใช้เวลาไม่นานนัก รถมอเตอร์ไซค์คันเก่งก็แล่นมาจอดเทียบหน้าตลาดสดเจ้าประจำของหมู่บ้าน ยามนี้เริ่มมีคนเดินผ่านไปผ่านมาสัญจรในตลาดสด สำเนียงคำเหน่อๆ พูดคุยกันตะโกนเซ็งแซ่ระหว่างร้าน ให้รุชาฉีกยิ้มกว้างกับสถานที่คุ้นเคยครั้งยังเป็นเด็กเล็ก และมักจะรบเร้าดาวเรืองให้พามาเดินตลาดเป็นประจำ
ยามนี้รุชาเป็นฝ่ายจับจูงประคองดาวเรืองแทน อาสาถือกระเช้าตะกร้าใส่ผักมาไว้ในมือของตนเอง มุ่งหน้าเข้าไปในตลาด มีทั้งของคาวของหวาน ต่างจัดตั้งวางเรียงรายกันไปทั่ว รุชาเดินผ่านขนมหวานสายไหมแล้วยิ้มนึกถึงบรรยากาศบ้านๆ ที่คุ้นเคย ก่อนจะเดินเข้าไปทางมุมเนื้อสัตว์ตามนิ้วมือที่ชี้ไปของยาย...
“เฮ้ย ดิ้นแล้ว ดิ้นออกไปแล้วแม่!” เสียงของหญิงสาวขายปลาคนหนึ่ง สวมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนสั้นเต่อร้องขึ้นมาอย่างกระโตกกระตากตกใจ เมื่อปลาดุกที่เพิ่งเอามาลงขาย ดีดตัวออกไปดิ้นนอกกะละมัง
“เอ็งก็ไปจับสิปิ่น เร็วเข้าเดี๋ยวตายแล้วขายไม่ออกพอดี” คนเป็นแม่ร้องตะโกนเมื่อยังง่วนอยู่กับการขอดเกล็ดปลา นิลอยู่อีกมุม
“โธ่แม่แม่ก็มาช่วยฉันหน่อยสิ มันลื่น”
ทั้งสองคนแม่ลูกเอาแต่ถกเถียงกัน ในขณะที่คนเป็นลูกกำลังก้มพยายามจับปลาที่ดีดดิ้นอยู่บนพื้นอย่างลำบาก เพราะความลื่นของผิวเมือกปลา ทำให้เธอจับให้อยู่ไม่ได้เสียที
และก่อนที่จะหลุดมืออีกครั้ง จู่ๆ เธอก็สะดุดกับมือขาวเรียวสวยของคนแปลกหน้ามาช่วยจับหัวฝั่งหนึ่ง ในขณะที่มือของเธอกำลังจับส่วนท้าย
“จับแน่นๆ ฮะ จับตรงนี้ด้วย...”
สำเนียงแปลกแปร่งของคนพูดที่ไม่ออกเหน่อเท่าไหร่นัก ทำเอาปิยธิดาเงยหน้ามองขณะที่จับปลาตามคำแนะนำคนเสียงหวานใสบอก พลันสายตาของเธอก็ถูกตรึงไปกับวงหน้าคมคาย หากแต่ผิวสะอาดสะอ้านไม่ต่างไปจากผู้ชายเกาหลี
...เธอฝันไปหรือเปล่าเนี่ย!...
“นั่นแหละฮะ ได้แล้ว โอเคนะฮะ” รุชาคลี่ยิ้มบางก่อนจะหันไปหยิบผ้าขี้ริ้วที่วางบนแคร่ตั้งขายปลามาเช็ดมือแล้วส่งยิ้มพิมพ์ใจให้กับปิยธิดา
ในขณะที่แม่ค้าสาวขายปลาเอาแต่ยืนนิ่งตะลึงงัน จนรุชาเป็นฝ่ายเลิกคิ้วสูง
“ไม่เอาลงกะละมังเดี๋ยวมันก็ตายหรอกฮะ”
“อ้อ...ใช่...” เธอพยักหน้าหงึกหงักเมื่อสติกลับมา ก่อนจะหันไปปล่อยปลาลงกะละมัง และหันกลับมาอีกครั้ง
หากแต่กลับไม่พบคนหน้าหวาน คมเท่คนนั้นแล้ว...
อ้าว...ไปไหนแล้วล่ะ...?
บรรยากาศของการเลือกซื้ออีกมุมหนึ่งของตลาด แม่ค้ากำลังชั่งกิโลน้ำหนักเนื้อไก่อยู่ ขณะที่ดาวเรืองกำลังยืนคอย เนื้อไก่ที่จะไปทำกับข้าวเย็นนี้
“เท่าไหร่น่ะ นังหนู”
“56 บาทฉันคิดยาย 50 แล้วกันนะ” แม่ค้าพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มกับดาวเรืองอย่างใจดี ก่อนจะหยิบใส่ไก่ให้ถุงยื่นให้
“ขอบใจมากนะ นังหนู” ดาวเรืองพูดด้วยรอยยิ้มกว้างจนตาหยี ใบหน้าเหี่ยวย่นไปด้วยรอยตีนกาส่งให้คนขายคลี่ยิ้มตาม ก่อนที่จะหันไปมองหารุชาอย่างงุนงง เมื่อเดินตามมาอยู่ด้วยกันหลัดๆ แต่ยามนี้ไม่รู้หายไปไหน
“ไปไหนของมันนะ...” ดาวเรืองบ่นอุบ พยายามมองหารุชาท่ามกลางคนที่เดินสวนกันไปมาอย่างขวักไขว่
“เสร็จรึยังยาย...” เสียงหนึ่งร้องทักขึ้นให้ดาวเรืองสะดุ้ง ก่อนจะหันไปตีเปี๊ยะบนเนื้อนวลไหล่ของรุชา ทำเอาสาวเท่ทำหน้าแหย แล้วลูบแขนตนเองหน้าม่อย
“ยายตีทำไมเนี่ย”
“ข้าให้เอ็งช่วยถือของ นี่ไปไหนมาหืมม์ ตาข้าก็ไม่ค่อยจะดีอยู่นะ”
“โธ่ยาย หนูไปช่วยร้านขายปลาเก็บปลามา ปลามันดิ้นออกกะละมัง”
“ใช่ธุระเอ็งรึเปล่า นึกจะไปไหนก็ไป นี่ไม่ต้องไปไหนแล้วนะ อยู่กับยาย ห้ามไปไหน” ดาวเรืองบอกเสียงเข้ม ก่อนจะยื่นถุงเนื้อไก่ที่ซื้อเมื่อครู่ส่งยื่นให้หลานสาวใส่ลงตะกร้าที่ถือมา
“จ้า...ดุไม่เคยเปลี่ยนเล้ย” รุชารับของมาถือ แสร้งบ่นไปอย่างนั้นเอง หากแต่รอยยิ้มแบบฉบับของเธอยังคงเต็มแก้ม เดินตามติดก้นดาวเรืองไม่ต่างไปจากเด็ก เพราะถ้อยคำของดาวเรืองยังคงแฝงความเป็นห่วง ไม่ต่างไปจากวันวาน
รุชาเดินตามดาวเรืองลัดเลาะไปที่มุมขายผักที่ตลาด ก่อนจะยืนคอยยายอยู่ด้านหลัง เมื่อดาวเรืองยังคงหยิบผักมาดมๆ เลือกๆ ต่อหน้าเจ้าของร้าน
“ใครน่ะยายเรือง ด้านหลังน่ะ หน้าตาหล่ออย่างกับหนุ่มเกาหลีแหนะ” ป้าคนขายทักขึ้น ทำเอารุชาแก้มแดงจัดด้วยความขวยเขิน จนถอยหลังไปยืนห่าง
“ไปไหนน่ะรุช สวัสดีป้าพรมเขาหรือยัง” ดาวเรืองชี้มือไปที่คนขายให้รุชาไหว้งงๆ แต่นั่นกลับทำให้คนขายผักร้องอ้อขึ้นมาทันที
“อ้อ รุชตอนที่เห็นยังเล็กๆ นั่นนะยาย”
“เออ ไอ้เด็กคนนั้นแหละ แม่มันส่งไปเรียนกรุงเทพซะนาน...นานๆ จะได้กลับสุพรรณ”
“ตายจริง จำไม่ได้เลย...”
“เออ นี่ล่ะ ไอ้รุชของจริง”
ผู้ใหญ่สองคนเริ่มคุยกันอย่างออกรส ให้รุชารู้สึกเก้อเขินจนไม่รู้จะทำหน้าอย่างไร จึงเมินมองไปที่อื่น ก่อนจะหันไปสะดุดตากับหญิงสาวสวย สวมเสื้อแขนจัมพ์ตุ๊กตาสีครีม กับกระโปรงผ้าชีฟองเพียงสองคืบฝ่ามือ อวดเรียวขาสวยที่กำลังก้าวตรงมาในพื้นที่ๆ เธอยืนอยู่ตามจังหวะการย่ำเท้า เร่งเร้าให้หัวใจของรุชาเต้นรัวกระหน่ำ เมื่อพินิจมองเห็นวงหน้าหวาน ผมยาวสลวยผิวขาวโดดเด่นใกล้เข้ามา และมาหยุดยืนที่ แผงร้านขายสลัดผักที่อยู่ข้างกัน
“เหมือนเดิมค่ะ ไม่เอาแตงกวา กับมะเขือเทศ นอกนั้นใส่หมด” น้ำเสียงหวานๆ สำเนียงภาคกลางจ๋า สั่งเจ้าของร้านพร้อมส่งยิ้มสวยเก๋ ให้รุชานิ่งหลุดไปในภวังค์
...สวยจังเลย... สาวเท่ซ่อนยิ้มในใจ เมียงมองความงดงามของหญิงสาวแปลกหน้าระยะประชิด สำเนียงภาคกลางจ๋าแต่หวานน่าฟัง ทำให้รุชาแอบจดจำรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเธอผู้นี้ไว้เพียงลำพัง...
และเหมือนหญิงสาวผู้นั้นจะรู้ตัวว่ามีใครมองเธออยู่ เธอจึงหันมามองเห็นรุชาที่กำลังยืนข้างๆ อย่างสงสัย เมื่อไม่เห็นว่ารุชา จะเบือนสายตาไปทางอื่น
รุชาคลี่ยิ้มสวยให้หญิงสาวผู้นั้น ให้คนรับยิ้มตอบอย่างงุนงง ก่อนจะรับสลัดมาแล้วเดินออกไป...
กลายเป็นความน่ารักตรงใจที่ทำให้รุชาได้แต่อมยิ้ม...หลงชอบความสดใส หวานสวยของสาวแปลกหน้าที่มาซื้อสลัดในตลาดสดเสียแล้ว...
“ไปรุช เอ็งจะเอาอะไรอีกมั้ย” ดาวเรืองหันมาถามเมื่อคุยธุระกับคนขายเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะส่งยื่นผักให้รุชาใส่ในตะกร้า
“ไม่เอาจ้ะยาย...แค่นี้ก็อิ่มแล้ว...” รุชาตอบด้วยรอยยิ้ม รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกับแรกพบเหลือประมาณ...
ความคิดเห็น