ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ม.แม่ฟ้าหลวง" มหาวิทยาลัยในฝันของฉัน (ประสบการณ์วันไปสอบ)

    ลำดับตอนที่ #4 : แนะนำหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยจ้าาา ^^

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 58


       
         สวัสดีค่าาา  


        พี่คิดว่าคงมีรุ่นน้องหลายคนที่ใฝ่ฝันอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงเหมือนพี่ใช่มั้ยคะ แน่นอนว่าปัญหาอันดับแรกที่หลายคนกลัวกันก็คือการสอบ ไม่รู้ว่าควรจะเตรียมตัวในการอบยังไง ใช้หนังสืออะไร ข้อสอบออกเนื้อหายังไง บลาๆๆๆ ซึ่งนั้นก็คือปัญหาใหญ่ของพี่ตอนเตรียมตัวเหมือนกันค่ะ 

         พี่เลยใช้วิธีการเลือกหนังสือเตรียมอ่านแบบนี้ คือ เราต่างก็ไม่รู้ใช่มั้ยล่ะว่าข้อสอบของมหาวิทยาลัยแต่ละวิชามันจะออกเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรบ้าง ดังนั้นเวลาเราคิดจะเลือกหนังสือที่ใช้ในการอ่านเพื่อเตรียมสอบนี้ เราควรเลือกหนังสือที่มีเนื้อหาครอบคลุมทุกเรื่องที่เรียนมา คือหาหนังสือที่น้องดูแล้วมันเนื้อหาคลอบคลุมเยอะสุดอ่ะค่ะ และถ้าจะให้ดี ควรเป็นหนังสือที่มันเป็นแนวข้อสอบเลยดีกว่า  ตอนพี่เลือกหนังสืออ่าน ส่วนมากพี่ซื้อแต่หนังสือที่เป็นคลังแนวข้อสอบมาทุกเล่มเลยอ่ะ เพราะมันเข้าใจง่ายกว่าและเหมือนเราได้ทดสอบหาจุดบกพร่องของตัวเองไปด้วย อ้อ และได้ฝึกจับเวลาตอนลองทำแนวข้อสอบด้วย อีกเหตุผลหนึ่งที่พี่เลือกซื้อแต่หนังสือแบบนี้เพราะเวลาในการเตรียมตัวอ่านมันค่อนข้างมีเวลาจำกัดค่ะ เพื่อนพี่ยังบอกเลยว่ามันอ่านไม่ทันร้อกก ยังไงก็ไม่ทันแน่ๆ ใครมันจะไปอ่านทันกัน เวลาแค่เดือนเดียวนี่นะ พี่เลยตั้งใจอ่านเลยค่ะ คือเคยพลาดม.เชียงใหม่ที่รักมาแล้ว พอมาม.แม่ฟ้าหลวงเลยเคร่งค่าาเคร่งง และไม่น่าเชื่อว่าพี่จะอ่านทันวันสุดท้ายก่อนออกเดินทางขึ้นเชียงรายพอดีเป๊ะ ยังงงตัวเองอยู่เลยว่า นี่เราอ่านทันได้ไง555

        ผลดีของการอ่าน+ฝึกทำแนวข้อสอบในหนังสือพวกนี้มันจะทำให้เวลาอยู่ในสนามสอบจริงเราไม่ตื่นเต้น ทำข้อสอบได้จริง ผิดน้อยแน่นอน และสิ่งสำคัญคือทำข้อสอบได้ทันเวลา ตอนเข้าห้องสอบแนะนำให้ใส่นาฬิกาเข้าไปด้วยนะ มันขาดไม่ได้จริงๆค่ะน้อง

     วิธีการอ่านหนังสือให้จำง่ายและไม่เหนื่อยเกินไปตามสูตรของพี่ค่ะ


          ในการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบนั้น หลายคนอาจจะคิดว่าการที่เราอ่านทั้งวันอย่างเอาเป็นเอาตายจนถึงตี1ตี2นั้นจะสามารถทำให้เราจำเนื้อหาได้และเป็นวิธีการอ่านหนังสือที่เร่งลัดดี ทำให้เหลือเวลาติวทบทวนช่วงใกล้ๆสอบด้วย แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นความคิดที่ผิดค่ะ!สมองของคนเราย่อมต้องการพักผ่อน หากใช้วิธีอ่านทั้งคืนแบบนั้น แอดรับรองเลยว่าตื่นมาเราจะรู้สึกว่าสมองตัวเองเบลอไปทันที จนเรียนที่โรงเรียนไม่รู้เรื่องเลย แถมความรู้ทั้งหมดที่เราอ่านมาก็กลืนหายไปในอีกวันหมดแล้ว ทำให้ต้องเสียเวลาเริ่มอ่านทั้งหมดใหม่อีกรอบเลย เราก็จะมาคิดในใจเลยว่า"แล้วที่เราพยายามอ่านมาทั้งวันทั้งคืนนี่มันเพื่อไรว้าาTT" ...เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว แอดจึงขอแนะนำวิธีการอ่านหนังสือที่ดีและช่วยให้จำง่ายเลยคือพวกเราควรแบ่งเวลาระหว่างอ่านหนังสือสอบกับพักผ่อนในแต่ละวันดีกว่าค่ะ ตามหลักการนั้น ช่วงเวลาที่สมองของเราจะสามารถจดจำสิ่งต่างๆได้ง่ายที่สุดคือช่วงเช้าค่ะ ดังนั้น เราก็แบ่งเลยค่ะ 
    ใน1วันนั้น 
           -ช่วงเช้า=อ่านหนังสือสอบ จดจำเนื้อหาวิชาที่อ่านให้มากที่สุด

           -แล้วภาคบ่าย(ตั้งแต่12.00เป็นต้นไป) =เวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนของฉันแล้ว จะนอนหลับ ฟังเพลงหรือจะทำอะไรก็ได้แล้วแต่คุณ ที่มันจะช่วยให้คุณผ่อนคลายได้ <เนื่องจากภาคบ่ายสองของเราเริ่มที่จะต้องการผ่อนคลายแล้ว หากเราไปขยันอ่านหนังสือตอนบ่ายด้วย มันก็จะอาจเกิดอาการที่เรียกว่า"ง่วงนอน"ได้ค่ะ สำหรับเด็กเรียนก็คงคิดว่าเรื่องแบบนี้เราชิลๆอยุ่แล้ว แต่มันไม่ควรนะคะ บอกไว้ก่อน >

           - ส่วนตอนกลางคืนนั้นเราก็มาทบทวนเนื้อหาเก่าที่อ่านไปเมื่อเช้าสักหน่อย ช่วงกลางคืนนี้เราสามารถทบทวนได้ตั้งแต่หลังอาหารเย็นเลยจนถึง21.30น.เลยค่ะ ถ้าผ่านเวลานี้ไปแล้วควรปิดหนังสือแล้วนอนทันที เพราะถ้าเกินเวลา เผลอนอนดึกสมองเราก็จะเบลอเมื่อตื่นขึ้นมาอีกวันเลย เรื่องจริง!เพราะแอดเจอมากับตัวเองและเพื่อนมาแล้ว

        ลองนำวิธีของพี่ไปใช้ดูนะคะ ได้ผลจริงๆ ในการอ่านหนังสือเราต้องมีความพยายามด้วยนะคะ อย่าสักแต่ว่าอ่านผ่านๆไปอย่างเดียว สุดท้ายนี้แอดก็ขอให้ทุกคนโชคดีกับการสอบ ไม่ว่าจะเป็นสอบทั้งเข้ามหาวิทยาลัย หรือสอบประจำบทเรียนต่างๆ ขอให้ทำข้อสอบผ่านทุกคนค่ะ


        พี่ขอแนะนำหนังสือที่พี่ใช้ในการเตรียมสอบเป็นแนวทางให้น้องๆก็แล้วกันนะคะ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวเองว่าถนัดเตรียมตัวอ่านแบบไหน แต่พี่เลือกวิธีของตัวเองตามที่กล่าวไปข้างต้นแหละค่ะ

    ภาษาอังกฤษ

     







     

    สังคมศึกษา

     



    วิชาวัดแววครู




     
        สุดท้ายนี้พี่ก็หวังว่าตัวเองจะสอบติดมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแห่งนี้ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของนักศึกษาที่นี่ มีความสุขกับการเรียน ได้ทำกิจกรรมร่วมกับรุ่นพี่ที่นี่ และได้ทำอาชีพครูสอนภาษาจีนในอนาคตตามที่ใจหวังไว้ แต่ในกรณี...ถ้าเราไม่ติดที่นี่ก็จะไม่เสียใจหรอก เพราะอย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าเราไม่ได้ทิ้งความฝัน5ปีของเรา เราทำมันอย่างเต็มความสามารถเพื่อความฝันนี้แล้ว และแค่ได้มีโอกาสมาสอบที่นี่เราก็ดีใจแล้ว ^_^

        ...ท้ายสุดก็อยากบอกทุกคนว่าจงอย่าทิ้งความฝันของตัวเองนะคะ ไม่ว่าใครจะพูดยังไงหรือใจเราจะกลัวแค่ไหน เราก็ต้องพยายาม มีหลายคนที่ทิ้งความฝันเพียงเพราะสิ่งเหล่านี้โดยที่พวกเขาเองก็ยังไม่ได้ลองทำมันเลย แล้วรู้ได้ไงว่าจะทำไม่ได้ ขนาดคนที่พิการเค้ายังสามารถเป็นนักกีฬาทีมชาติได้เลย แล้วเราคนปกติทำไมจะทำไม่ได้ล่ะคะ สิ่งสำคัญที่แท้จริงไม่ใช่อยู่ที่สติปัญญาหรือร่างกายเรา แต่มันอยู่ที่"ใจของเรา"ต่างหาก หากทำแล้วไม่ประสบผลสำเร็จดังที่ใจปรารถนาก็อย่าเอาสิ่งนี้ไปบั่นทอนตัวเองว่าคงทำมันไม่ได้อีกแล้ว คุณคิดผิดค่ะ ความผิดพลาดนี่แหละจะเป็นตัวสอนให้เราทำฝันครั้งใหม่ให้สำเร็จ

           พี่เคยเห็นคนคนหนึ่ง เขาไม่เคยทำฝันตัวเองสำเร็จเลยสักครั้ง ไม่ว่าจะเริ่มใหม่แค่ไหน แต่หากสังเกตดีๆเราจะเห็นว่าในแต่ละครั้งที่ล้มเหลว ยิ่งเริ่มต้นใหม่หลายครั้งต่อหลายครั้งความล้มเหลวเหล่านั้นมันก็เริ่มน้อยลงๆจนปัจจุบันนี้เขาสามารถทำฝันของเขาให้เป็นจริงได้ และเขาก็สามารถต่อยอดมันให้ดียิ่งขึ้นๆได้
     
    เขากล่าวกับหลายคนว่า
        "หากความผิดพลาดและความล้มเหลวในอดีตไม่สอนผม
    ผมก็คงไม่มีวันนี้"



    ^^ สู้ๆนะคะทุกคน ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น พี่เชื่อว่าน้องๆทุกคนต้องทำได้แน่  ^^

















     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×