ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นายผัดไท กะ ยัยนกแก้ว

    ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 2 : part 2 [ ย่างก้าวในโรงแรม ]

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 49




    ตอนที่ 2 : part 2 [ ย่างก้าวในโรงแรม ]



              ตอนแรกฉันเข้าใจผิดคิดว่าเขาจะพาฉันมาโรงแรมเพื่อทำมิดีมิร้ายฉัน ถึงฉันจะไม่สวยก็เถอะเรื่องอย่างนี้ระวังตัวไว้ก่อนน่าจะดีกว่า แต่มันตรงข้ามกับสิ่งที่ฉันคิดโดยสิ้นเชิง เขาพาฉันมาที่นี่เพื่อพาฉันมาดูดาวตั้งแต่แรก ไม่ได้มีจิตคิดอกุศลอะไรกับฉัน ฉันมันบ้าไปเองที่ตีโพยตีพายไป ฉันรู้สึกผิดต่อเขาจริง ๆ ไม่น่าไปตะโกนใส่หน้าเขาเลย

              "ฉันเกลียดนาย เกลียดที่สุด"เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ฉันพูดสีหน้าเขาสลดลงทันที 

              "แก้ว ผมไม่คิดที่จะทำอะไรคุณเลย ผมเห็นว่าคุณเศร้ามาก เลยแค่จะพามาดูดาวที่นี่เท่านั้น แต่เมื่อผมทำให้คุณไม่พอใจ ผมขอโทษ..ผมจะพาคุณกลับเดี๋ยวนี้"เขาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูมันสั่น ๆ ปน ๆ กับความน้อยใจ สิ่งที่เขาพูดทำให้ฉันรู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้คิดทำอะไรฉันเลย เขาแค่อยากทำให้ฉันสบายใจขึ้นเท่านั้นเอง 

              "ขอโทษ" ฉันก้มหน้าน้ำตามันกำลังจะไหลแล้ว ฉันพยายามกลั้นมันไม่ให้ไหลออกมา

              "ขอโทษ ในสิ่งที่เราดูถูกน้ำใจของนาย ขอโทษที่ทำไม่ดี และขอโทษที่สุด...ขอโทษที่บอกว่าเกลียดนาย ขอโทษ..จริง ๆ" พอพูดจบประโยคน้ำหยดใส ๆ ร่วงหล่นลงพื้น ฉันร้องไห้ออกมาในที่สุด เขาดูตกใจมากที่เห็นฉันร้องไห้ เขาทำอะไรไม่ถูก แต่แล้ว...เขาก็เข้ามากอดฉันไว้ ตอนแรกฉันตกใจที่จู่ ๆ เขาก็เข้ามากอด แต่แล้วก็ความตกใจก็เปลี่ยนเป็นความอบอุ่นที่รู้สึกประหลาดและรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูกในอ้อมกอดของผู้ชายคนนี้

              ฉันหยุดสะอื้น น้ำตาที่เคยไหลก็ค่อย ๆ เหือดแห้งไป เขาจึงคลายวงแขนออก ฉันเพิ่งรู้สึกตัวจึงรีบถอยออกมา

              'ตายแล้วๆๆ ยัยแก้วเอ้ย!!! ทำอะไรลงไปเนี่ย ไปซบอกร้องไห้กับเขาตั้งนานสองนานเขาต้องว่าฉันแน่ ๆ เลย โอย...พระเจ้า'

              ฉันก้มหน้าหลบตาเขา รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว เราเงียบกันไปทั้งคู่ เขาขอโทษฉันอย่างติด ๆ ขัด ๆ แต่ดีนะที่เขาชวนฉันขึ้นไปดูดาวบนตึก ไม่งั้นใครแถวนี้อาจได้เห็นนกแก้วเป็นใบ้ก็ได้

              "แก้วถือหน่อย" เขายื่นกล่องใบเล็ก ๆ มาให้ฉัน

              "กล่องอะไรเหรอ" ฉันถามอย่างสงสัยว่ากล่องที่เขาให้ฉันถืออยู่มันใส่อะไรเอาไว้นะ

              "กล่องใส่เลนส์น่ะ ถือดี ๆ นะยัยนกแก้ว แพง" เขาตอบคำถามฉันพลางหันมากำชับให้ถือดี ๆ แต่น้ำเสียงมันออกกวนประสาทหน่อย ๆ

              "เจ้าค่า..." ฉันก็ไม่วายกวนประสาทเขากลับ อุตส่าห์มองว่านายนี่เป็นคนดีแล้วเชียวนะ



              เขาเอากล่องใบหนึ่งลงจากรถเป็นกล่องยาว ๆ  ฉันคิดว่าข้างในคงเป็นกล้องโทรทรรศน์เป็นแน่ เขานำทางฉันไปยังทางเข้าโรงแรม เมื่อถึงทางเข้าโรงแรมทั้งพนักงานต้อนรับทั้งพนักงานรักษาความปลอดภัยก็ทำความเคารพเขาอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะพนักงานรักษาความปลอดภัยทำท่าตะเบ๊ะทำความเคารพเขา

              "สวัสดีครับ คุณชานนท์ สวัสดีครับ คุณผู้หญิง"

               "ผมบอกพวกพี่แล้วไงครับไม่ต้องทำความเคารพผม" เขาทำหน้าลำบากใจฉันก็เช่นกัน

              "ไม่ได้ครับ เจ้านายคือเจ้านายตีเสมอไม่ได้ ครับผม!!"

              "ยิ่งคุณเป็นกันเองเรายิ่งเกรงใจนะครับ" พนักงานต้อนรับพูดขึ้น

              "ผมเถียงไม่เคยชนะพวกพี่เลยแฮะ ผมไม่กวนพวกพี่แล้ว ไปก่อนนะครับ" เขาพูดแบบยิ้ม ๆ พร้อมกับเดินตรงไปข้างใน



              เขาเดินนำฉันเข้าไปข้างใน ฉันก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นเจ้านายที่ลูกน้องรัก คงเป็นเพราะความเป็นกันเองของเขาทำให้ลูกน้องเคารพและเกรงใจเขามากอยู่เหมือนกัน เจ้านายแบบหมอนี่คงหาได้ยากพอควรในสังคมไทย ฉันคิดไปเพลินมารู้สึกตัวเขาก็เดินถึงมาถึงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

              "ขอโทษครับ ขอกุญแจดาดฟ้าด้วยครับ"

              "รอสักครู่นะคะคุณชานนท์" พนักงานพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในห้องผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฉันคิดว่าเธอคงเข้าไปเอากุญแจดาดฟ้า แต่แล้วก็มีชายวัยกลางคนเดินนำหน้าพนักงานคนนั้นออกมา เมื่อเขาเห็นชายผู้นั้นเขาก็ยกมือไหว้โดยพลัน 

              "สวัสดีครับลุงชัยรัตน์" เขาไหว้อย่างอ่อนน้อม

              "ไหว้พระเถอะไอ้หลานรัก" ชายกลางคนนั้นพูดพลางตบไหล่นายไทพลาง

              "ลุงครับนี่แก้วเพื่อนผม อยู่คณะเดียวกับผมครับ" 

              "แก้ว...นี่ลุงชัยรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของโรงแรมเรา เป็นเพื่อนกับคุณลุงของผมเอง"

               "สวัสดีค่ะ คุณลุง"ฉันไหว้อย่างนอบน้อม

              "สวัสดีจ้ะหนู"คุณลุงรับไหว้ด้วยกิริยาท่าทางเป็นกันเอง

              "ลุงครับมันตั้งสองทุ่มกว่าแล้วเลยเวลาเลิกงานมาตั้งนานแล้วนะครับ"เขาทำสีหน้าเป็นห่วงพลางวิตกกังวล ฉันสังเกตที่คิ้วของเขา

              "โธ่ ไอ้หลานว่าลุงอีกแล้ว งานมันค้างอยู่"

              "พรุ่งนี้ทำก้อได้ครับเดี๋ยวป้าอรก็ว่าว่าลุงผมใช้งานลุงมากไป"เขาพูดพลางทำหน้าตาดุ ๆ

              "ป้าอรแกเข้าใจ ไม่ต้องห่วง เอ้านี่กุญแจดาดฟ้า ลุงกำลังจะกลับแล้วเหมือนกัน"ลุงชัยรัตน์โบกมือนัยว่าไม่ต้องเป็นห่วง พร้อมกับยื่นกุญแจใส่มือของเขา

              "ฝากสวัสดีป้าอรด้วยนะครับ ผมคิดถึง...ง"

              "ได้ ๆ เดี๋ยวลุงบอกให้นะ ปากหวานซะจริง ป้าอรแกถึงได้รักแกมากกว่าลุงอีก"

               "ลุงก็...อย่าหึงสิครับ ไปแล้วนะครับลุง สวัสดีครับ"เขายกมือไหว้ลุงชัยรัตน์แล้วฉันจึงไหว้ตาม

              "สวัสดีค่ะคุณลุง"

              "ขอตัวนะครับลุง"เขาพูดกับลุงชัยรัตน์ด้วยน้ำเสียงสุภาพแล้วก็หันมาพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงแบบกวน ๆ

              "ไปกันได้แล้วแก้ว"เขาหันมาเรียกฉัน

              "จ้ะ" ฉันกัดฟันพูดนี่ถ้าไม่อยู่ต่อหน้าลุงชัยรัตน์นะฉันไม่พูดกับนายอย่างนี้หรอก จะบอกให้รู้ไว้

              แต่เมื่อชานนท์และรินรดาเดินลับตาพนักงานที่ดูเหตุการณ์อยู่ก็รีบถามผู้จัดการทันทีอย่างไม่รอช้า

              "ผู้จัดการขา ผู้หญิงคนเมื่อกี๊ใครคะ" พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามาถามหลังจากที่สงสัยกันมานาน

              "เพื่อนคุณไทน่ะ แต่รู้สึกจะสนใจกันจริงเรื่องเจ้านายเนี่ย ลูกน้องไม่เกี่ยวกลับไปทำงานต่อได้แล้ว" ผู้จัดการตอบลูกน้องไปพร้อมกับตักเตือนนิดหน่อยพอเป็นพิธี แต่ในใจก็คิดอยู่เหมือนกันว่า

              'เอ็งได้หลานสะใภ้แน่งานนี้ แต่เอ๊ะ!...โครงหน้าอย่างนี้มันคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนวะ'



              เขาพาฉันขึ้นลิฟต์มาที่ฉันบนสุด แต่ในขณะที่อยู่ในลิฟต์เราสองคนก็เงียบกันไปทั้งคู่ได้พูดอะไรกันเลย จวนจะถึงชั้นบนสุดแล้วเขาถึงได้พูดทำลายความเงียบขึ้น

              "เดี๋ยวไปที่ห้องเราก่อน"

              "ไปทำไม"ฉันถามอย่างนึกสงสัยพร้อมกับคิ้วที่ขมวดขึ้นเล็กน้อย

              "ก็ไปเอาเก้าอี้พับกับเสื่อไง หรือว่าเธออยากนั่งพับเพียบดูดาว"หมอนี่กวนประสาทเป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วเนี่ย

              "ย่ะ"แล้วนี่ก็เป็นเสียงที่บอกให้เขารู้ว่าเขากวนประสาทฉันได้สำเร็จ
          
              "เออนี่แก้วกินข้าวกันก่อนละกันสองทุ่มกว่าแล้ว ยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่เหรอเธอน่ะ"เหมือนเขาจะเพิ่งนึกออกว่ามันเลยเวลากินข้าวเย็นของของคนธรรมดาไปแล้ว

              "อือ ยังไม่ได้กินหิวมากแล้วด้วย หิวยังกะจะกินช้างได้ทั้งตัวอยู่แล้ว"ฉันตอบไปตามความจริง 

              "เธอนี่มันจริง ๆ นะ ตอบแบบผู้หญิงคนอื่นที่เขาตอบ ๆ กันบ้างสิ ยังไม่ค่อยหิวค่ะ นิดหน่อยค่ะ พูดเป็นบ้างไหมเธอ" เขาพูดเหน็บแนมฉันอีกแล้ว กวนประสาทได้ทุกทีสิน่า

              "เออช่างฉัน จะให้พูดไม่ให้ตรงกับใจคิดน่ะ ขอบอกว่ายากส์"ฉันยักไหล่ทำท่าทำทางไม่สนใจกับสิ่งที่เขาพูด และเขาก็พาฉันมาหยุดตรงหน้าประตูบานหนึ่ง สีขาวสะอาดตา ลวดลายสวยงามและที่แน่ ๆ ราคาของมันคงแพงทีเดียว

              "ถึงแล้ว เดี๋ยวนะ" เขาล้วงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบการ์ดออกมารูด กดรหัสผ่านแล้วก็ไขกุญแจ โห...หลานคุณหนูชัด ๆ เลยลุงคงห่วงน่าดู แต่หมอนี่ไม่เคยแสดงตัวว่าเป็นคุณหนูเลยสักนิดเลยตั้งแต่รู้จักกันมากว่า 10 ปี

             "เข้าไปได้แล้ว"

              "รู้แล้ว...ไม่ต้องสั่ง"เผด็จการจริง ๆ เลยหมอนี่

              ภายในห้องตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่ดูคลาสสิค สีครีมกับสีเบจทำให้ห้องดูสว่างสะอาดตา

              "นั่งตรงนั้นก่อนนะแก้ว แล้วเธออยากกินอะไรล่ะ"เขาถามพลางมองมาที่ฉัน 

              'กินไรดีนะ ง่าย ๆ เอานี่ดีกว่า...'ฉันนึกออกมาได้

              "กระเพราไก่ไข่ดาว"ฉันพูดในสิ่งที่ฉันคิดออกไป

              "เอาอะไรอีกไหม"ขณะที่ถามก็กดโทรศัพท์ไปด้วย

             "ไม่ล่ะ"ฉันบอกเขาอย่างเกรงใจ แค่นี้ก็รบกวนเขามากพอแล้ว

              "สวัสดีครับ สั่งอาหารหน่อยครับ" 

              "กระเพราไก่ไข่ดาวสองที่ครับ ห้อง 2602 เอ่อ...ไม่ต้องเผ็ดมากนะครับ"

              "ครับ...สวัสดีครับ" 

              "รอแป๊บนึงล่ะกัน เอานี่น้ำ"เขายื่นแก้วน้ำที่ใสน้ำใส ๆ เย็น ๆ มาให้ฉัน

              "ขอบคุณ" แล้วฉันก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ มันเป็นเรื่องในอดีต

              "นึกถึงตอนที่เป็นพี่เลี้ยงตอน ม.4"ฉันพูดขึ้น

              "ยังจำได้อีกเหรอ ตั้งห้าปีแล้วนะ"เขาถามแกล้งทำหน้าตกอกตกใจที่ฉันจำได้ เด็กดูยังรู้เลยว่าแกล้งทำ

              "นี่นายผัดไทฉันยังไม่แก่นะ ห้าปียังไม่ลืมหรอกย่ะ"









              
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×