ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เวลาที่หัวใจรอคอย

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 49








        ผมเล่นเพลงอีกสองสามเพลงเธอก็ผล็อยหลับไปตรงโซฟาที่เธอนั่งนั่นแหละ แม่คุณหลับง่ายเสียจริง ๆผมวางกีต้าร์ลงบนเตียงแล้วค่อย ๆ ช้อนตัวเธอสู่อ้อมแขนเพื่อพาเธอไปนอนที่ห้องของเธอ เออหนอผู้หญิงตัวเบายังกับแมว ดูเธอสิเหมือนลูกแมวตัวน้อย ๆ ที่ซุกหน้าอยู่กับอกผมเลย ผมวางเธออย่างนิ่มนวลบนเตียงนอนค่อย ๆ ห่มผ้าให้แล้วจึงแก้มัดยางผมของเธอออกและนั่นทำให้ดวงหน้าที่ขาวเลือดฝาดอยู่แล้วดูเด่นสะดุดตาน่ามองมากยิ่งขึ้น 

        ผมลุกขึ้นเพื่อจะปิดไฟให้เธอแต่ผมก็ไปสะดุดตาบางสิ่งบางอย่างเข้านั่นก็คือสมุดบันทึกที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ และหน้าปกก็เขียนคำว่า 'memory of love' แต่ผมก็ได้รู้ความจริงบางอย่างเข้าเมื่อเปิดเข้าไปดูภายใน (อย่าหาว่าผมเสียมารยาทเลยนะครับ) เธอเขียนไว้อย่างนี้


    บทแรก

        ไดอารี่เล่มนี้พูดถึงพระเอกที่หน้าหล่อคนหนึ่งแต่เวลายิ้มลักยิ้มของเขาจะทำให้หน้าที่ดูหล่อเหลาอยู่แล้วหวานขึ้นอีกเป็นกอง ตัวสูงไหล่กว้าง อย่าว่าฉันโรคจิตเลยนะฉันชอบมองหลังของเขา พระเอกของฉันชื่อว่านายภูรี



    'อ้าวนี่มันชื่อผมนี่หว่า' ผมคิดในใจก่อนจะอ่านต่อ 



        ชื่อเล่นก็ภูนั่นแหละเรียกสั้น ๆ ง่าย ๆ รู้จักกันได้เพราะว่าตอนสอบเข้าโรงเรียนมัธยมเขานั่งสอบอยู่ข้างหน้าฉัน แล้วเราก็เรียนปรับพื้นฐานห้องเดียวกันแถมยังนั่งติดกันด้วย และนั่นแหละทำให้ฉันกับเขาสนิทกัน ฉันน่ะโง่อังกฤษส่วนนายภูคนนี้สอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษได้ที่หนึ่งของเขต เขาก็เลยอาสาติวให้ฉันฟรี ๆ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ (ลองเก็บตังค์สิเผ่นไปนานแล้ว...) แต่ตานี่ก็เก๊กพอดูเชียวแหละ ถ้าไม่เชื่อนะลองเอาไม้ครึ่งวงกลมมาวัดเลย ทุกอิริยาบถต้องทำมุม 45 องศาหรือ 90 องศาทั้งสิ้น ถ้าไม่เชื่อต้องลองไปท้าพิสูจน์ 555+

        ถ้าถามว่าประทับใจพระเอกคนนี้ตอนไหน ก็ตั้งแต่เรียนปรับพื้นฐานที่โรงเรียนมัธยมนั่นแหละ เพราะมีอยู่วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังเดินไปที่โรงอาหารก็มีลูกบาสพุ่งมาทางฉัน ฉันเอามือกุมหัวหลับตาปี๋คิดว่าต้องชนแน่ ๆ แล้ว แต่ไม่...ฉันไม่เป็นอะไรแต่เขาน่ะสินิ้วซ้นเพราะเอามือเข้ามากันลูกบอลที่จะโดนหัวฉัน และนับตั้งแต่นั้นมาฉันกับเขาก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมาก ปรึกษากันได้ทุกเรื่อง มีหลายคนมาสารภาพรักกับฉันทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องบางทีก็เพื่อนร่วมชั้น (ความจริงน่าจะดีใจที่มีคนมองว่า...ฉันเป็นผู้หญิง รู้ไหมเวลาผู้ชายเล่นอะไรกันฉันชอบไปเสนอหน้าเล่นกับเขาด้วย เบื่อพวกผู้หญิงในห้องน่ะบางคนชอบนินทาคนอื่นแล้วก็ชอบมาเล่าให้ฟัง พอดีว่าขี้เกียจฟังก็เลยมาเล่นกับพวกผู้ชาย เพื่อนผู้ชายดีตรงที่มีอะไรพูดตรง ๆ ดูจริงใจดี 555+) ซึ่งฉันก็บอกเขาไปตามตรง(มันติดนิสัยผู้ชายมาแล้ว...ว) ว่าฉันมีคนที่ชอบอยู่แล้ว อึ้งครับอึ้ง (คงกำลังคิดอยู่ว่ายังใครยังมองยัยนี่เป็นผู้หญิงอีกเหรอเนี่ย)...เมื่อตั้งสติได้เกือบทุกคนก็จะถามว่าคนที่ฉันชอบเป็นใคร ฉันไม่บอกว่าเขาเป็นใครบอกเพียงแต่ว่าเขาอายุมากกว่าฉัน



        'นั่นแหละครับ ผมได้ยินตอนที่เธอบอกว่าชอบคนที่อายุมากกว่า ก็เลยนึกน้อยใจเพราะรู้สึกว่าตัวเองอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลย เลยตัดสินใจว่าอยากอยู่ห่าง ๆ เธอสักพักเพื่อทำใจ' นึกเสร็จก็รีบอ่านต่อก่อนที่จะได้รู้ความจริงว่าคนที่อายุมากกว่าคนนั้นคือใคร



        ก็มันจริงนี่นาฉันไม่ได้โกหกเสียหน่อยพระเอกเขาเกิดเดือนมกราคมส่วนฉันเกิดกุมภาพันธ์ห่างกันแค่เดือนเดียวแต่ก็ถือว่าเขาเป็นพี่ชายของฉัน แล้วตั้งแต่วันนั้นเขาก็ทำตัวห่างเหินไปฉันได้แต่คิดเข้าข้างตัวเองว่าเหลืออีกแค่เดือนเดียวเขาต้องไปสอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหารแล้วคงไม่มีเวลามาเล่นกับฉันอีก ซึ่งตอนนั้นฉันรู้สึกน้อยใจนะแต่ก็เข้าใจล่ะว่าเป็นความฝันของเขา ฉันก็อยากให้เขาทำฝันตัวเองให้สำเร็จแล้วสอบติดดังใจหวัง

        

    เกี่ยวกับพระเอก

        ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก เวลาอ่านการ์ตูนอาราเล่แล้วหัวเราะได้ใจมาก ๆ สูง 180 เซนติเมตร หนัก 65 กิโลกรัม เป็นคนขี้หนาวชอบใส่เสื้อแขนยาว เป็นคนมือใหญ่มากเวลาแบมือเท่ากับหนึ่งหน้าสมุดแต่ก็เป็นคนนิ้วสวย เป็นคนนอนดิ้น ไม่ชอบวิชาสังคม ใส่เสื้อสีเทาดูดีที่สุด เล่น msn ตอนสองทุ่มถึงสามทุ่มเลิกเล่นสี่ทุ่มครึ่ง เป็นคนขัดรองเท้า ร.ด. นานมาก ชอบกินเลย์โนริสาหร่ายมากที่สุด ชอบผู้หญิงผมยาว(นั่นเป็นเหตุผมว่าทำไมฉันถึงไว้ผมยาว) ชอบเป็นหวัดตอนเช้า ๆ คล้าย ๆ ภูมิแพ้แต่ไม่ใช่ ชอบสีฟ้ากับสีเขียว ชอบน้องหมาพันธุ์ชิสุ มีปฏิกิริยารีแอคชั่นรุนแรงมาก(ห้ามจั๊กจี้เขาเด็ดขาด) กินนมเฉลี่ยวันละขวด ถักเปียเป็นด้วยแหละ(ฉันเคยเป็นหนูทดลอง) ไม่ชอบชาเขียวแต่ชอบกินลิปตันไอซ์ที ชอบคอร์เน็ตโต้มากโดยเฉพาะรสช็อกโกแลต ฯลฯ



    2 เมษายน 2533

        วันนี้เป็นวันสอบเข้าฉันได้เจอกับผู้ชายคนหนึ่ง เขานั่งสอบอยู่ข้างหน้าฉัน ตัวสูงมากเชียวแหละ ชื่อภูอะไรสักอย่างแต่จำไม่ได้แต่รู้สึกถูกชะตากับเขาแฮะเวลายิ้มหน้าเหมือนผู้หญิงเลย



    10 เมษายน 2533

        ประกาศผลสอบเข้าฉันติดด้วยแต่เอ...นายหน้าหวานคนนั้นติดไหมชื่อภู ๆ สักอย่างก็เลยลองไล่ดู ชื่อว่าภูรีแถมนายนี่สอบเข้าได้ที่ 1 มันจะเก่งเกินไปแล้วนะ



    16 เมษายน 2533

        เรียนปรับพื้นฐานวันแรกฉันไปสาย ไม่น่าเลย...พอไปถึงที่นั่งก็ไม่เหลือแล้ว ยกเว้นอยู่ที่หนึ่งตรงนายภูคนนี้แหละเขานั่งคนเดียว อาจจะเพราะรู้เกียรติศัพท์ของเขาก็ได้มั้ง แต่นายคนนี้เป็นคนดีมากเลยนะติวอังกฤษให้ฉันด้วย แล้วชื่อจริงของเขาที่ ชื่อว่า 'ภูรี' แปลว่า แผ่นดิน



    18 เมษายน 2533

        วันนี้ฉันรู้สึกถูกชะตากับเขาเรื่อย ๆ เพราะขณะที่ฉันกำลังเดินไปที่โรงอาหารก็มีลูกบาสพุ่งมาทางฉัน คิดในใจว่าหลบไม่ทันแน่จึงเอามือกุมหัวหลับตาปี๋คิดว่าต้องชนแน่ ๆ แล้ว แต่ไม่...ฉันไม่เป็นอะไรแต่เขาน่ะสินิ้วซ้นเพราะเอามือเข้ามากันลูกบอลที่จะโดนหัวฉัน



    16 พฤกษาคม 2533

        ฉันได้อยู่ห้องเดียวกับเขาด้วยอาจจะเพราะนิสัยฉันออกจะทโมนไปทางผู้ชายทำให้ฉันสนิทกับนายคนนี้เร็วเหลือเชื่อ



        จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นปีผมนั่งอ่านไดอารี่ของเธอ ไดอารี่เล่มนี้เขียนครั้งแรกเมื่อวันที่ผมกับเธอสอบเข้าโรงเรียนมัธยมและวันสุดท้ายก็คือวันนี้ วันที่ผมกับเธอมีโอกาสมาพบกันอีกครั้งหนึ่ง วันนี้ในไดอารี่เล่มนั้นเธอเขียนว่า



    24 มีนาคม 2548

        ฉันตัดสินใจมาพักร้อนที่เกาะสายน้ำตามที่หนังสือท่องเที่ยวเขียนเอาไว้ และมันมีเหตุบังเอิญเกิดขึ้นเมื่อฉันได้เจอกับเขาอีกครั้งที่นี่แล้วเขานอนอยู่ข้าง ๆ ห้องฉันอีก ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จเขาชวนให้ฉันไปเล่นกีต้าร์ฝั่งห้องเขา ฉันมานั่งเขียนไดอารี่ให้ใจฉันมันเต้นโครมครามอยู่ลดความตื่นเต้นลง เขาคงไม่รู้หรอกว่าฉันแอบชอบเขาอยู่เพราะเขาคงมองว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิง ไม่มีความอ่อนหวานน่ารักอย่างผู้หญิงทั่วไป แล้วใครจะมาชอบฉัน เฮ้อ...รู้ไหมการที่ได้เจอกับเขาที่นี่ทำให้ตะกอนความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขาฟุ้งกระจายขึ้นมาอีกครั้ง ใช่...ฉันเคยคิดว่าจะสารภาพรักแล้ว แต่กลัว...กลัวถ้าบอกออกไปมันจะไม่เหมือนเดิม กลัวจะเสียเพื่อนไป ฉะนั้นฉันขอแค่อยู่ใกล้ ๆ เขาแค่นี้ก็พอแล้ว



        น่ารัก...เมื่อเธออยู่ใกล้

        หวาน ๆ ละไมนี่แหละใจของเธอ

        ซ่อนใจ...ฉันไม่กล้าเสนอ

        กลัวว่าฉันจะเก้อเธอรักก่อนได้ไหม

        หากรัก...บอกมาค่อย ๆ

        ขวัญฉันจะลอยลิ่วไปไกลแสนไกล

        โธ่เอ๋ย...ขวัญฉันคงหวั่นไหว

        ยามที่เห็นเธอใกล้ใจฉันสั่นละเมอ



        นี่ผมเสียเวลามาสิบกว่าปีแล้วหรือ ที่ต่างคนต่างปิดบังความรู้สึกของตัวเองเพราะกลัวว่าถ้าบอกออกไปทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมเพียงแค่นั้นทำให้เราเลือกที่จะเป็นเพื่อนกันน่าจะดีที่สุด ผมอ่านทวนเพลงนั้นอีกรอบและบอกตัวเองคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป

        'ซ่อนใจ...ฉันไม่กล้าเสนอ กลัวว่าฉันจะเก้อเธอรักก่อนได้ไหม' 

        ครับ...ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นฝ่ายบอกเธอก่อนน่าจะดีกว่า ผมค่อย ๆ วางไดอารี่ให้อยู่ในสภาพเดิมแล้วเดินไปหาเธอก่อนจะบรรจงจุมพิตที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาแล้วเดินกลับห้องไปด้วยหัวใจที่พองฟู

        

        ฉันตื่นมาตอนหกโมง หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำขณะอาบน้ำก็คิดทบทวนเห็นการณ์เมื่อวาน คิดไปคิดมา เฮ้ย!!! ฉันมาอยู่นี่ได้ไงเมื่อวานฉันไปร้องเพลงห้องนายภู แล้วฉัน...ฉันก็หลับไป

        "เฮ้ย!!!" ฉันร้องเสียงหลง แล้วฉันมานอนนี่ได้ไง ฉันรับแต่งตัวแล้วไปเคาะประตูห้องข้าง ๆ ทันที 

        "ภู ๆ ตื่นรึยัง" ขณะรออยู่นั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นไดอารี่ของตัวเองที่วางอยู่บนโต๊ะเข้าก็ถึงขั้นตกใจ

    'ซวยล่ะสิ'



        ขณะที่ฉันกังวลกับไดอารี่จู่ ๆ เขาก็เปิดประตูออกมาในชุดกางเกงขาสั้นตัวเดียว ทำให้ฉันต้องรีบหันหลังด้วยความตกใจ รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนซู่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน

        "เกิดอะขึ้นน้ำ" น้ำเสียงเขาตกใจ

        "เดี๋ยวค่อยคุย นายไปใส่เสื้อก่อนสิ" ฉันบอกขณะที่หันหลังให้เขาพร้อมกับกวักมือไล่อีกมือหนึ่งก็ใช้ปิดตาเอาไว้ เห็นแค่นี้ใจฉันก็อ่อนยวบแล้วนายภูรี

        "เอ่อ...งั้นแป๊บนึง โทษที" เขาไปหยิบเสื้อยืดออกมาตัวหนึ่งก่อนจะใส่มันอย่างรวดเร็ว 

        "เอ้า...เสร็จแล้ว เข้ามาไหม" ฉันส่ายหน้า 

        "...คือ...มีเรื่องจะถามนิดหน่อย...คือฉันกลับไปนอนที่ห้องได้ไง" ฉันเปิดประเด็นถามเขาตรง ๆ 

        "ลากไปมั้ง...ก็อุ้มไปสิ ตัวเธอหนักเป็นบ้าเลยรู้ไหม" เขาหยอกฉันเล่นอีกแล้วแต่เฮ้ย! อุ้มไปเหรอ ตายแล้ว...ก่อนตั้งสติได้สิ่งที่น่าห่วงกว่านั้นนั่นคือไดอารี่

        "แล้วนายได้อ่านอะไรบนโต๊ะรึเปล่า" ฉันถาม ถ้าเขาอ่านแล้วฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเล่า...

    แต่เขาปฏิเสธว่าเปล่า เฮ้อ..ค่อยโล่งใจหน่อย

        "แน่นะ" ฉันย้ำอีกรอบ

        "แน่ดิ...เอชักสงสัยห่วงนักห่วงหนาจดหมายรักหรือเปล่า" นายนี่ทำสายตาเจ้าเล่ห์อีกแล้วมันทำให้ใจฉันหวิว ๆ ชอบกล

        "ใช่ที่ไหนล่ะ"ฉันกลบเกลื่อนกลัวเขาจับได้ถ้าจับได้ล่ะก็ อ๊าก...ไม่อยากคิด

        "แล้ววันนี้นายกะไปทำอะไรบ้างล่ะ"ฉันถามความคิดเห็นของเขาให้เขาเบี่ยงเบนประเด็นจากไดอารี่ของฉัน ซึ่งดูเหมือนว่าคนพูดก็ไม่อยากจะรู้สักเท่าไรเปลี่ยนเรื่องอย่างว่าง่ายเช่นกัน

        "ไปขับรถเล่นไหม" เขาถาม"แล้วตอนเย็นค่อยมาเล่นน้ำกัน" ความคิดเข้าท่า

        "ก็ดีสิจะได้ชมวิวรอบ ๆ เกาะ ดีเสียอีกมีคนขับรถให้" ฉันยิ้มกว้าง

        "เป็นอันว่าตกลง ตอนกลางวันก็แวะกินอาหารทะเลกัน" เขาเสนอซึ่งมันก็เป็นความคิดที่ดีมาก ๆ







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×