ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หมายเหตุประเทศไทย

    ลำดับตอนที่ #125 : เืพื่อไทยแฉ.....มาร์คใช้ตุลาโมเดล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 416
      0
      22 พ.ค. 53

    เฉลิม อยู่บำรุง นายกรัฐมนตรี คนที่ 28

    Postby rufer on 22 May 2010, 18:14

    วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2553 เวลา 17:30:58 น. มติชนออนไลน์

    มติเอกฉันท์เพื่อไทย ยื่นซักฟอก-ถอดถอน"มาร์ค"พร้อม4รมต. แนบชื่อ"เฉลิม"นายกฯคนต่อไป

    พท.มี มติยื่นซักฟอก-ถอด"มาร์ค" กับ4รมต. แนบชื่อ"เฉลิม"นั่งนายกฯ

    เมื่อ วันที่ 22 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรค นายวิทยา บุรณศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน และนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงผลการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทยนัดด่วนพิเศษ เพื่อพิจารณาข้อสรุปการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ และแนวทางการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

    ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ประชุมส.ส.พรรค ผู้บริหาร และผู้ที่เกี่ยวข้องมีมติเอกฉันท์ให้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางนาย อภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 5 คนพร้อมกับยื่นถอดถอน โดยในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ประธานวิปฝ่ายค้านจะยื่นหนังสือถอดถอนนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ทั้ง 5 ต่อประธานวุฒิสภาในช่วงเช้า จากนั้นช่วงบ่ายจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้งนี้สำหรับการแนบชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นชอบให้ใส่ชื่อตน สำหรับสาเหตุที่เดิมทีที่พรรคเพื่อไทยไม่ยื่นญัตติดังกล่าวเพราะเห็นว่า รัฐบาลเลวร้ายเกินกว่าที่เราจะตรวจสอบ เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยชุดแรกที่มีวิญญาณยิ่งกว่าเผด็จการจึงขอเรียกว่าจอมพล อภิสิทธิ์

    "พรรคมีมติเอกฉันท์ว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถที่จะบริหาร บ้านเมืองต่อไปได้ เพราะมีการดำเนินการให้พี่น้องประชาชนเสียชีวิต เลวทราม ประชาชนตายร้อย บาดเจ็บเกือบสองพันคน ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ชุมนุมกับนายอภิสิทธิ์เท่านั้น เพราะคุณมาไม่ถูกต้อง สร้างเรื่องสร้างสถานการณ์เอาประเทศชาติมาเป็นเดิมพัน ไม่มีหิริโอตัปปะ เสียแรงที่คุยโม้โอ้อวดเมื่อสมัยที่เป็นฝ่ายค้าน ทั้งนี้หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุใดถึงไม่มีชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น เนื่องจากเราไม่ให้เกียรตินายสุเทพที่จะมาตอบคำถามของพวกเรา" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

    ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาลพวกตนยินดีและยอมบรรจุระเบียบวาระก่อน พิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ ดังนั้นหวังว่ารัฐบาลอย่าแกล้งโง่ อย่าแหล้งเซ่อ และอย่าดราม่าให้มากนัก หากนายอภิสิทธิ์ยังเป็นคนเป็นมนุษย์อยู่คุณต้องร้องขอต่อประธานสภาให้บรรจุ ญัตติไม่ไว้วางใจนี้ และรัฐบาลต้องระงับการบังคับใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย

    ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้ประเมินสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการสลายการชุมนุม โดยเฉพาะการเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มคนมือที่สาม เพราะหากต้องการที่จะเผากลุ่มทุนของรัฐบาลจริง โรงแรมคอนติเนตันคงจะไม่เหลือ เพราะเจ้าของคือเขยของพรรคประชาธิปัตย์ มีภรรยาเป็นรองผู้ว่าฯกทม. สำหรับเหตุการณ์ยิงประชาชนในวัดปทุมวนารามนั้น พบว่ากระสุนเจาะตรงด้านหลังและด้านข้าง แสดงว่าบุคคลเหล่านั้นกำลังจะหนี ซึ่งคนที่ก่อการอย่างนี้ต้องโทษคุกสถานเดียว

    "เฉลิม"แฉสลายม็อบเสื้อ แดงเหมือน6ต.ค.19เหน็บ"มาร์ค"เป็นจอมพลคนสุดท้อง ยื่นซักฟอกพ่วง4รมต.

    เมื่อ วันที่ 22 พฤษภาคม ที่พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ในฐานะประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีสถานการณ์การสลายการชุมนุมว่า ตนติดตามสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มนปช.มาตลอด ซึ่งในฐานะที่ตนเคยรับราชการเป็นนายตำรวจกองปราบปรามสามยอด เหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 มีความละม้ายคล้ายคลึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ 4 ประเด็น ดังนี้ 1.มีการกล่าวหาว่าล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นเดียวกัน โดยเหตุการณ์ 16 ตุลา 2519 กล่าวหาว่ามีการเปลี่ยนแปลงการปกครองสู่ระบอบคอมมิวนิสต์ มีการสร้างภาพตัดต่อหมิ่นสถาบัน และกล่าวหาว่ามีชาวเวียดนามร่วมมือนักศึกษาต้องการล้มล้างอำนาจรัฐใน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ในขณะที่เหตุการณ์ในปี 53 มีการกล่าวหาว่าต้องการสถาปนารัฐใหม่

    ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า 2.ในปี 2519 มีการปลุกระดมผ่านสถานีวิทยุยานเกราะและเครือข่ายวิทยุของทหารว่ามี คอมมิวนิสต์ในมธ. ซึ่งคราวนี้ก็มีการปลุกระดมเช่นเดียวกัน แต่ผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐ โดยเชิญคนที่เป็นปฎิปักษ์กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปออกรายการเพื่อทำการใส่ร้ายอย่างต่อเนื่อง 3.เมื่อปี 2519 หลังเหตุกาณ์สงบ ตนเป็นคนหนึ่งที่เข้าไปตรวจค้นอาวุธในมธ. และพบอาวุธจำนวนมาก ซึ่งไม่ทราบว่าอาวุธที่ซุกซ่อนอยู่เป็นของใคร แต่ฝ่ายรัฐในขณะนั้นได้กล่าวหาว่าเป็นของนักศึกษาและเวียดนาม ที่เอามาซุกซ่อนระหว่างการชุมนุม รวมไปถึงการกล่าวหาว่ามีอุโมงค์ใน มธ. ทำให้ประชาชนในขณะนั้นเชื่อว่านักศึกษาเป็นคอมมิวนิสต์ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในปัจจุบันที่หลังจากสลายการชุมนุมมีการไปพบอาวุธและ เจอกระสุนปืนและอาวุธสงคราม แต่รัฐจับกุมผู้ครอบครองไม่ได้ และกล่าวหาว่าเป็นของกลุ่มผู้ชุมุนุม และ4.การเรียกขานกลุ่มผู้ชุมนุมในปี 2519 ว่า คอมมิวนิสต์ แต่คราวนี้รัฐเรียกว่าผู้ก่อการร้าย

    ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นนักกฎหมายสนับสนุนให้รัฐดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องชอบธรรม บนหลักนิติรัฐ และนิติธรรม อย่างไรก็ตามเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าเวลาจะผ่านมา 34 ปี แต่แนวคิดรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง ตนรำคาญเหลือเกิน โดยเฉพาะจอมพล อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฎิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่อยู่กับทหารพักเดียวก็เคลิ้มตาม

    "ตอนจอมพลอภิสิทธิ์เป็นฝ่ายค้าน จอมพลได้สร้างมาตราฐานตัวเองไปสูงเหลือเกิน เหตุผลทั้งหมดนี้ผมจะเสนอที่ประชุม ส.ส.ของพรรค เพื่อยื่นญัตติไม่ไว้วางใจจอมพลอภิสิทธิ และรัฐมนตรีอีก 4 คนประกอบไปด้วยนายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนักเลง นายชวรัตน์ ชาญวีร**ล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พระเอกงิ้ว และนายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือที่มาฉายาว่าไอ้ซาเล้ง ซึ่งตนมั่นใจว่าที่ประชุมพรรคจะเห็นด้วยกับแนวคิดนี้" ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

    ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนหวังว่าจอมพลคนสุดท้องอย่างจอมพลอภิสิทธิ์ จะคำนึงถึงเมื่อตอนที่ตัวเองเป็นฝ่ายค้านและรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้เปิดโอกาสให้มีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยวิสามัญ ซึ่งในครั้งนี้หวังว่านายกฯ จะเปิดให้มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจก่อน พอเสร็จสิ้นแล้วค่อยพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณต่อ ซึ่งรัฐบาลอย่าอ้างว่าจะปิดสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้ เนื่องจากการนำความกราบบังคมทูลขอปิดสภาสมัยวิสามัญเป็นหน้าที่ของรัฐบาล

    เมื่อ ถามว่า หากรัฐบาลไม่เปิดทางให้ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเพื่อไทยจะไม่ร่วมพิจารณางบประมาณปี 2554 ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น ต้องหารือกันก่อน แต่หากที่ประชุมมีมติเห็นตามตนวันที่ 25 พฤษภาคมก็สามารถยื่นญัตติได้ทันที ส่วนประเด็นการอภิปรายมีหลายประเด็นอาทิ คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคนายอภิสิทธิ์ ที่ในขณะนั้นที่เป็นอยู่ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค เป็นผู้ลงชื่อรับรองงบดุล ซึ่งมีความผิดประมวลกฎหมายอาญา ขณะที่นายโสภณนั้น เป็นประเด็นการเปิดประมูลงบประมาณโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ที่พบว่ามีการนำงบส่วนอื่นไปใส่ในงบก่อสร้าง โดยเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทซิโนทัยของนายชวรัตน์ สำหรับประเด็นของนายกรณ์เป็นที่น่าสังเกตว่าช่วงที่มีการประท้วงและระเบิด กันนั้นปรากฎว่ามีรัฐมนตรีบางคนรวยจากการเล่นหุ้น

    เมื่อถามถึงกรณี ที่เคยมีพรรคประชาธิปัตย์ระบุว่ามีนักการเมืองนัดล็อบบี้อัยการสูงสุด และมีการใช้เงิน 10 ล้านบาทเพื่อจัดหาพยานหลักฐานเท็จ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่รู้จักอัยการสูงสุด และไม่จำเป็นต้องล็อบบี้หรือจัดการพยานหลักฐานเท็จ ซึ่งเรื่องอย่างนี้ใครจะไปล็อบบี้ไม่ได้
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×