ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หมายเหตุประเทศไทย

    ลำดับตอนที่ #11 : โอกาสที่หลุดลอย โดย วษณ

    • อัปเดตล่าสุด 26 เม.ย. 53


     

    40
    การขายหุ้นของกลุ่มชินฯ เป็นจำนวนเงิน 76, 000 ล้านบาท
    จากต้นทุน 29,000 ล้านบาท ที่ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 2.6 เท่า
    เป็นการสร้างรายได้เข้าประเทศ ทั้งยังเป็นการให้ต่างชาติมาลงทุนสร้างความเจริญแก่ประเทศ
    ต้องสร้างและพัฒนาเครือข่ายระบบโทรคมนาคมต่อไป เพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ
    คนในชาติควรชื่นชม และช่วยกันสนับสนุน ร่วมแรงร่วมใจช่วยกันส่งเสริม
    ไม่ใช่อิจฉาริษยา จงเกลียดจงชัง กีดกันกลั่นแกล้งขัดขวางทำลายล้าง
    อย่างหน้ามืดตามัว

    น่าเสียดายโอกาส
    ที่เงิน 76,000 ล้านบาท จะได้สร้างดอกผล
    ทั้งจากการลงทุนในประเทศ หรือไปลงทุนในต่างประเทศ
    เพื่อสร้างรายได้งอกเงยต่อๆไปกลับเข้ามาสู่ประเทศไทย

     

    41
    การสร้างระบบโทรคมนาคมดาวเทียม การสร้างระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือมือถือ
    เป็นการสร้างความเจริญ สร้างการพัฒนาแก่ประเทศ
    ทั้งยังต้องจ่ายค่าสัมปทานเป็นก้อนและเป็นงวด
    เป็นการอุดหนุนเจือจุนประเทศ
    ควรเป็นคุณูปการที่คนในชาติช่วยกันสนับสนุนส่งเสริม
    ไม่ใช่ชิงชัง เกลียดแค้น ทำลาย เหยียบย่ำ อย่างที่ถูกปลุกปั่นยุยงอย่างที่เป็นมา

     

    42
    ผู้ที่เกิดมาทันยุคสมัยแต่ก่อนนี้
    ที่การจะมีโทรศัพท์ใช้ได้สักเลขหมาย เลือดตาอาจแทบกระเด็น
    จะซาบซึ้งแก่ใจ ถึงผลดีของการให้สัมปทานโทรศัพท์ต่อการพัฒนาประเทศ
    อย่างที่วัยรุ่นยุคมือถืออาจนึกไม่ถึง
    ว่ารสชาติความขมขื่นแต่ก่อนนั้นเป็นอย่างไร

    โครงการเมกะโปรเจกต์ ที่จะให้สัมปทานต่างชาติเข้ามาพัฒนาประเทศ
    หากสำเร็จ จะมีทั้งรายได้แก่รัฐเป็นค่าสัมปทาน
    และได้ทั้งระบบสาธารณูปโภคที่พัฒนาก้าวหน้าเป็นสมบัติชาติไว้ใช้สืบไป
    กลับต้องพังทลายลง
    อย่างน่าเสียดายเวลาและโอกาสอันดีที่ผ่านไปยิ่ง
    คงยากที่จะหาใครกล้าทำกล้าคิดสร้างสรรค์อีก
    เพราะเกรงภัยการถูกใส่ร้ายป้ายสียัดข้อหาขายชาติ
    ถูกโจมตีทำลายจนเสียผู้เสียคนได้
    อีกทั้งต่อไปนี้คงยากที่จะหาผู้เข้ามารับสัมปทานด้วยเช่นกัน
    ใครจะกล้าเสี่ยงกับความไม่แน่นอนของภัยการเมืองและภัยจากสื่อไร้สำนึกต่อชาติ
    ที่จะยุยงปลุกปั่นเพียงเพื่อผลประโยชน์ตนได้ทุกเมื่อ

     

    43
    การขายหุ้นของกลุ่มชินฯ ซึ่งตามกฎหมายไม่ต้องเสียภาษี
    ถูกบอกว่าขายหุ้นเป็นเงินถึง 76,000 ล้านบาท ไม่เสียภาษีแม้แต่บาทเดียว
    เป็นการสร้างกระแสโทสะเกลียดชังอย่างได้ผลราวกับราดน้ำมันใส่กองเพลิง

    แต่การจ่ายภาษีส่วนบุคคลของทักษิณ ชินวัตร กว่าสามพันล้านบาท
    และการจ่ายภาษีจากการทำธุรกิจของกลุ่มชินฯ ซึ่งถ้ารวมค่าสัมปทานด้วยแล้ว
    จะเป็นเงินถึงกว่าสองแสนล้านบาท
    ถูกปิดบังเงียบ ไม่เคยมีการกล่าวถึงร่วมด้วย
    โดยเจตนาสร้างภาพบิดเบือนให้เข้าใจผิดว่าเป็นการทำธุรกิจที่ไม่ได้จ่ายภาษีเลย

    ทั้งๆที่กลุ่มผู้ร่วมกล่าวหารวมตลอดถึงสื่อทั้งหลาย
    ล้วนต่างได้เคยขายหุ้นโดยไม่จ่ายภาษีแม้แต่บาทเดียว
    อย่างที่บิดเบือนกล่าวร้ายทักษิณมาแล้วทั้งสิ้น

     

    44
    การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ หรือการนำรัฐวิสาหกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์เป็นบริษัทมหาชน
    กระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ ยังคงเป็นเจ้าของกิจการ
    สามารถออกหุ้นเพิ่มทุน เพื่อเอาเงินมาลงทุนขยายกิจการ
    ไม่ต้องกู้เงินมาลงทุน
    ไม่ต้องแบกรับดอกเบี้ยเงินกู้
    ไม่ต้องแบกรับภาระต้องใช้คืนเงินกู้
    (ถ้ากู้เงินมาแล้วขาดทุน อาจถูกฟ้องร้องยึดทรัพย์ของกิจการอีกต่างหาก)
    มีกำไรแล้วจะจ่ายปันผลมากน้อยเท่าไรก็ได้แล้วแต่จะพิจารณา
    หากขาดทุนก็ไม่ต้องจ่ายปันผล
    ทหารจะเข้ามาเกาะกินไม่ค่อยสะดวกเหมือนรัฐวิสาหกิจเพราะมีสายตาผู้ถือหุ้นจับจ้องอยู่
    ผู้บริหารมีแรงจูงใจสร้างผลงานให้ปรากฏแก่ผู้ถือหุ้น
    ทำให้ผู้บริหารพยายามสร้างกิจการให้เติบโตงอกงาม
    แต่การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กลับถูกบอกว่าเป็นการจะขายสมบัติชาติ

     

    45
    เปรียบเทียบการขายทรัพย์สิน ยุค ปรส.
    โดยพรรคการเมืองเก่าแก่ผู้เปรียบเทียบพรรคตนเองเหมือนแมลงสาบ
    ในราคาแสนต่ำ แก่ต่างชาติ ทั้งห้ามและกีดกันคนไทยซื้อ
    ถูกบอกว่าเป็นวิธีการแก้ปัญหาของชาติ
    และถูกบอกว่าเป็นการป้องกันคนไทยไม่ให้เสียนิสัยจากการทำธุรกิจขาดทุนแล้วซื้อคืนได้ในราคาถูก
    ความจริงแล้ว คนไทยไม่ได้ทำขาดทุนเอง
    แต่ถูกทำให้ขาดทุน โดยพรรคการเมืองผู้เปรียบเทียบพรรคตนเองเหมือนแมลงสาบ
    วางนโยบายผิดพลาด เปิดช่องทางให้ต่างชาติ
    แล้วพรรคทานตะวันมาทำให้เกิดจุดอ่อนง่ายต่อการโจมตีของต่างชาติยิ่งขึ้น
    นอกจากจะห้ามคนไทยเจ้าของกิจการซื้อ
    ยังกีดกันโดยการขายนั้นไม่ขายเฉพาะกิจการ
    สำนวนที่พูดกันในเวลานั้นคือมัดรวมเป็นกำ ขายรวมเป็นก้อนขนาดใหญ่
    จะมีผู้ซื้อใดที่ประสงค์เอาไปทำธุรกิจจริงๆ ซื้อรวมมาทั้งหมด
    และในเวลานั้น จะหาคนไทยผู้ใดมีเงินมากเพียงพอที่จะซื้อหลายกิจการรวมกันเช่นนั้นได้
    การขายทรัพย์สิน ยุค ปรส. นี้ จึงจะเป็นการขายสมบัติชาติอันแท้จริง

     

    46
    ภาษีที่ใช้ในการพัฒนาประเทศ ใช้ในการจุนเจืออำนวยประโยชน์ให้ชนชั้นกลางและชนชั้นสูง
    ส่วนใหญ่เป็นภาษีที่ได้มาจากประชากรทางเศรษฐกิจระดับรากหญ้า
    ที่จ่ายภาษีผ่านระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต
    แต่ถูกบอกว่าเอาภาษีจากชนชั้นสูงและชนชั้นกลางมาแจกพวกรากหญ้า

    การโกหกหลอกลวงว่าเอาภาษีของชนชั้นกลางและชนชั้นสูงไปแจกรากหญ้านี้ได้ผลอย่างร้ายแรงและชั่วร้ายยิ่ง
    ก่อเกิดความชิงชัง รังเกียจ เคียดแค้น แตกแยกของคนในชาติอย่างรุนแรง
    สร้างความเกลียดชังให้เกิดในหมู่คนจำนวนมากต่อรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อย่างโง่เขลาและเห็นแก่ตัว

    คำพูดที่บอกว่าคนรวยเอาเงินภาษีมาจุนเจือคนจนนั้นไม่เป็นความจริง
    เพราะแท้ที่จริงแล้วเงินที่นำมาพัฒนาประเทศในแต่ละปีส่วนใหญ่แล้วมาจากน้ำพักน้ำแรงของคนจน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×