ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    นิยามรักของสองเรา(นิยายเกย์)

    ลำดับตอนที่ #1 : ลำดับตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 50



    ติ้ด!ติ้ด!!
    เสียงมือถือแจ้งเตือนข้อความเข้า ผมหยิบมันขึ้นมาอ่านดูก่อนจะโยนมันทิ้งลงไปบนที่นอนเหมือนเดิม เย็นของวันอาทิตย์ดูจะไม่สนุกอย่างที่มันควรจะเป็น เสียงเด็กตระโกนดังมาจากสนามหน้าบ้านด้วยความสนุกสนานที่ชิงช้าของเขาเหินทะยานสูงขึ้นไปจากพื้นดิน ผมเริ่มพลิกหนังสือรุ่นอย่างช้าๆทีละหน้า มันเป็นช่วงเวลาที่แสนจะยืดยาวมากเลยทีเดียวที่ต้องทนอยู่อย่างเดียวดายอยู่ในห้องแคบๆ ที่เป็นเสมือนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่เป็นของผมและผมมีอยู่  และเรื่องราวทั้งหมดที่ผมแต่งขึ้น(ไม่ใช่ซิ)มันเป็นเรื่องราวทั้งหมดที่ผมเผชิญมา เรื่องมันมีอยู่ว่า…..


                                                                    “แล้วแม่กับพ่อจะไปเยี่ยมบ่อยๆนะ เป็นเด็กดีตั่งใจเรียนล่ะ” นั่นดูจะเป็นเสียงสุดท้ายของแม่ตั่งแต่ผมย้ายเข้ามาเรียนที่กรุงเทพ ผมมาอาศัยอยู่กับน้าของผมที่มาเรียนที่นี้เช่นกัน ผมได้เข้าเรียนในระดับชั้น ม.ปลายของโรงเรียนแห่งหนึ่งในฝั่งธน เพราะผมเองยังไม่รู้จักถนนหนทางของเมืองหลวงนักจึงเป็นสิ่งดีที่สุดที่ผมจะหาที่เรียนใกล้ๆบ้านส่วนน้าของผมเรียนมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ตั่งแต่ผมมาอยู่ที่นี้ผมยังไม่เห็นน้าผมเลยด้วยซ้ำ น้าบอกกับแม่ผมซึ้งเป็นพี่สาวแท้ๆของเขาว่าเขาอยู่กับเพื่อนที่มีคอนโดอยู่กลางเมืองซึ้งจะ ไกล้มหาลัยมากกว่าจึงไม่ค่อยกลับบ้านที่ตายายของผมซื้อไว้ให้หวังว่าให้น้าได้อยู่อย่างสะดวกสบาย
    น้าแทนถึงจะเป็นน้าแท้ๆของผม แต่ผมแทบจะไม่เคยเห็นหน้าน้าคนนี้มาก่อนหลังจากที่แกย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพตั่งแต่ประถมแกก็ไม่ค่อยจะกลับบ้านที่สระบุรีนานๆทีถึงจะกลับจนผมเองก็จำหน้าแทบไม่ได้แล้วส่วนใหญ่แล้วมีเพียงตายายเท่านั้นที่จะเข้ามาเยี่ยมน้าแทนที่กรุงเทพ น้าแทนเองก็คงไม่ต่างอะไรจากผมเช่นกันเพราะผมคิดว่าน้าแทนเองก็คงจะจำผมไม่ได้แล้ว ส่วนพ่อกับแม่ผมนะหรอทั้งสองห่วงงานยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น พ่อกับแม่ทำไร่กึ่งรีสอทที่ปากช่อง จะว่าไปแล้วผมโตขึ้นมาได้เพราะยายกับตามากกว่า วันพรุ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นวันแรกที่ผมจะได้เข้าไปยังสถานที่ใหม่ๆเจออะไรใหม่ๆ ผมเองก็รู้สึกหวั่นๆอยู่ไม่ใช่น้อย คนแปลกที่แปลกทางก็อย่างงี่แหละครับ
    ติ้ดๆๆๆ  ผมเหลือบไปมองดูนาฬิกาที่แขวนอยู่บนเพดานห้องขณะที่เสียงเตือนของมันดังขึ้น
    “สองทุ่มแล้วหรอว่ะเนี่ย” ผมก้มหน้าลงบ่นกับตัวเองก่อนที่เสียงของท้องจะร้องขึ้นเตือนให้ทราบถึงเวลาอาหารเย็น  ผมเปิดประตูออกจากห้องเข้าไปในครัวเพื่อเสียบกาน้ำร้อนเหมือนทุกๆวัน มันเป็นวิธีคลายหิวที่ง่ายและสะดวกที่สุดสำหรับคนต่างถิ่นอย่างผมนั่นก็คือมาม่าต้ม
    กริ้งๆ เสียงโทรศัพท์ที่เมื่อสามวันก่อนมันนอนตายสนิทดังขึ้น
    “ใครโทรมาว่ะ” คำถามโง่ๆเมื่ออยู่คนเดียวหลุดออกมาจากปากของผม
    “ฮัลโลหวัสดีครับ”
    “อ่าว มีคนอยู่จริงๆด้วย” เสียงจากต้นสายดังขึ้น
    “ขอสายใครครับ”
    “ก็ขอสายคนที่พูดอยู่อ่ะแหละ”
    “??….??”
    “ฮิวหรือเปล่าแหละ”
    “ครับ เอ่อ น้าแทนหรอครับ”
    “อืมใช่ น้าแค่อยากรู้ว่าอยู่บ้านรึป่าวอ่ะ”
    “โห ผมจะออกไปไหนได้ครับ ไม่รู้จักที่ไหนซักที่”
    “อ่าวหรอ? อืมเดี๋ยวน้าเข้าไป พรุ่งนี้จะไปโรงเรียนแล้วนิ แม่เราโทรบอกให้น้าไปส่งที่โรงเรียนอ่ะ”
    “ครับ…. ครับ…ครับ ………หรอครับ”
    อย่างน้อยผมก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้างที่รู้ว่าจะมีน้ามาอยู่เป็นเพื่อน แล้วยังมีคนไปส่งที่โรงเรียนอีกถึงจะฟังดูแค่วันแรกก็เถอะนะอย่างน้อยก็ดีกว่าไปเองแหละน่า หลังจากผมใช้เวลานั่งทานอาหารอันเลิศรสของมื้อเย็นถึงสิบนาทีผมก็จัดการกับจานชามที่ผมใช้ไป ไม่ถึงครึ่งชั่งโมงหลังจากโทรศัพท์ดังเสียงรถยนต์ก็เทียบเข้ามาจอดกับหน้า
    เทาเฮาส์ ที่คุณยายเห็นว่ามันสุดแสนจะหรูหรา
    ก๊อกๆๆ
    “ครับรู้แล้วครับ กำลังมาครับ” เสียงผมตะโกนมาจากในครัว
    “ฮิวเปล่าเนี่ย โตขึ้นเยอะนะเรา” ผมเงยหน้ามองตามที่มาของเสียง ภาพใบหน้าผู้ชายร่างสูงโปร่ง ดูขาวสะอาด
    สะอ้าน ต่างจากเด็กวัยรุ่นอายุสิบหกที่กลับบ้านไปครั้งล่าสุด ที่กำลังใช้มือขยี้หัวผมเหมือนคนคุ้นเคยกันมาก่อน
    “เอ่อฮิวนี่เพื่อนพี่ หวัดดีซะซิ” ผมมองตามปลายนิ้วของคนที่อ้างตัวว่าเป็นน้าชี้ไปอีกทางของรถที่มีผู้ชายอีกคนกำลังปิดประตูรถและเดินตรงมาหาผม
    “กูไม่ได้แก่ขนาดให้น้องเขามาไหว้กูนะเว้ย” เสียงที่ดังก้องกังวาน กำลังทำสีหน้าบ่งบอกถึงความไม่พอใจก่อนจะหันมามองที่ผม  
    “เอ่อ น่า นี่เพื่อนพี่ พี่เพื่อน เอ่อ มันชื่อเพื่อน”
    “ไม่ต้องไหว้พี่หรอก” เจ้าของชื่อรีบห้ามปรามก่อนที่มือทั้งสองของผมจะเข้ามาประกบกัน
    “แล้วนี้ฮิว หลานกู”
    น้าแทนยังคงแนะนำผมให้รู้จักกับเพื่อนของแก ที่ชื่อสุดแสนจะแปลก สมองผมคิดไปถึงที่มาของชื่อว่าใครนะชั่งตั่งมาได้ แต่มันก็น่ารักดีอยู่หรอกนะสำหรับคนวัยนี้แต่ไม่อยากจะนึกว่าเวลาแก่ตัวไปเป็นปู่เป็นตาแล้วคงจะตลกน่าดู(ปู่เพื่อน อิอิ)
    “ทานอาไรรึยังล่ะฮิว แล้วอยู่ยังไงเนี่ย?” คำถามเบสิกเป็นชุดๆเริ่มเข้าจู่โจมผมทันที
    “ทานแล้วครับ” ผมตอบพลางเดินหลีกทางให้ทั้งสองเข้ามาในบ้านรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าบ้านเองเลยแหะ
    “มึงไม่กลับบ้านซะนานไมไม่รกเลยว่ะ ไอ้แทน”
    “ไอ้นี่แล้วมึงจะให้กูตอบว่าไงว่ะ สงสัยพี่กูทำมัง ใช่ไมฮิว”
    “เปล่าครับ ยายกับตาต่างหากแหละครับ แม่กับพ่อไม่ได้เป็นคนมาส่งฮิว” ผมตอบด้วยสีหน้าเฉยชาก่อนจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อหยิบน้ำมาให้แขกตามมารยาท
    “อ่าวหรอแล้วแม่ไปไหนอ่ะ ทำให้ตากะยายมา”
    “ไม่รู้ซิครับ โทรมาบอกว่าติดงาน…….นี่ครับน้ำ”
    “อืม แล้วพรุ่งนี้ต้องไปทำไรบ้างอ่ะ”
    “ก็มีมอบตัว ซื้ออุปกรณ์ ก็แค่นั้นมังครับ”
    “กี่โมงอ่ะ”
    “มอบตัว9โมงครับ”
    “เห่ย มึงจะตื่นทันหรอว่ะไอ้แทน” พี่เพื่อนแซวขึ้น ก่อนที่จะถูกน้าแทนด่ากลับอย่างหยาบคาย
    “อืมงั้นไปหาอาบน้ำนอนได้แล้วไปเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปโรงเรียนแต่เช้า”
    “ครับ” ผมรีบลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความยินดีเพราะเท่าที่นั่งอยู่ไม่นานผมก็รู้สึกอึดอัดจะแย่อยู่แล้วความที่ไม่สนิทและไม่คุ้นเคยมันจึงเป็นเรืองยากที่จะพูดคุยกันได้อย่างสนิทสนม

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×