ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic อุบัติรัก อุบัติหัวใจ:Taokai Exo

    ลำดับตอนที่ #1 : :อุบัติรัก อุบัติหัวใจ 1: 100%

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 57





    :อุบัติรัก อุบัติหัวใจ 1: 50%







     เมืองชิงเต่า ประเทศจีน
     
     
                 ท่าเรือที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผู้คนพลุ่กพล่าน เรือจอดเข้าเทียบท่าไม่หยุดหย่อนของท่าเรือฮวาง ท่าเรือที่ใหญ่ติดอันดับหนึ่งของประเทศ และยังมีท่าเรือนับสิบในมือ จึงทำให้ตระกลูฮวางเป็นผู้นำในการขนส่งสินค้าเข้าออกของประเทศ 
        
     
     
     
                แต่ถึงแม้ตระกลูฮวางจะมีธุรกิจท่าเรือ ธุรกิจการขนส่งสินค้าในมือ แต่ลูกชายเพียงคนเดียวกลับไม่ได้มีใจอยากลงมาบริหารธุรกิจของครอบครัว แต่กลับมีใจรัก ชอบในการถ่ายรูปมากกว่าจะมานั่งบริหารงานอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม และยังต้องแข่งขันกับคู่แข่งทางด้านธุรกิจที่ต้องการแย่งฐานในการส่งออก
     
     
     
                'ฮวางจื่อเทา' ไม่ต้องการจะห่ำหั่นกับใคร  ต้องการทำงานที่ตัวเองรัก ตัวเองชอบอย่างในการถ่ายรูป การถ่ายรูปมันเป็นสิ่งที่เขารักและมีความสุขมากที่สุดกับการได้ถ่ายรูป ได้ทำในสิ่งตัวเองรัก และมันทำให้เขาตัดสินใจเปิดบริษัทนิตยสารเชิงท่องเที่ยวของตัวเอง ถึงแม้มันจะขัดใจคุณนายฮวางเฟยลี่ ผู้เป็นมารดาแต่คุณนายฮวางก็ยอมที่จะให้ลูกชายเปิดบริษัททำในสิ่งที่ตัวเองรัก ที่มันยังอยู่ในสายตาของคุณนายฮวาง
     
     
     
                ความสวยงามของธรรมชาติ วิวทิวทัศน์รายรอบไปด้วยท้องทะเล ภูเขา ต้นไม้นานาพรรณที่เรียงรายเป็นทิวแถว เรียกเสียงกดชัตเตอร์รัวจากตากล้องหนุ่ม ความสวยงามของธรรมชาติมันช่างทำให้ตากล้องละสายตาจากความสวยงามนั้นไม่ได้
     
     
                ความสวยงามของท้องทะเล ที่รายล้อมไปด้วยภูเขาและยังมีภูเขาตั้งตะหง่าอยู่กลางทะเล ยิ่งสร้างความสวยงามน่ามอง น่าดึงดูดใจไม่น้อย ยิ่งบวกกับตึกรามบ้านช่องสไตล์ยุโรปโบราณยิ่งทำให้มีเสน่ห์ดึงดูดไม่น้อยที่จะให้ตากล้องกดเก็บภาพความสวยงามลงในกล้องคู่ใจ
     
                "แอบมาอยู่นี้เอง แม่นายถึงโทรมาถามหานายจากฉัน แล้วยังให้ฉันตามตัวนายกลับไปอีก" อี้ชิงเอ่ยขึ้นจากด้านหลังที่เพิ่งมาถึงเพื่อมาตามเพื่อนกลับออฟฟิต
     
                "ที่นี้ก็สวยดี แต่คงจะให้ลงรีวิวในปักต์ต่อไปเราคงไม่ได้" จื่อเทาบ่ายเบี่ยงเลี่ยงไม่พูดถึงมารดาตัวเอง อี้ชิงส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจกับสองแม่ลูกที่มีความเห็นไม่ตรงกัน
     
                "เฮ้ฮ....นายนี่จริงๆเลย" อี้ชิงได้แต่ถอนหายใจกับนิสัยของเพื่อน "แล้วนายคิดว่าที่ไหนดี เหมาะจะลงในหนังสือของเรา" ไม่ต้องถามอะไรให้มากกว่า อี้ชิงก็รู้ความคิดของเพื่อนสนิทที่เรียนกันมาตั้งแต่มัธยม
     
                "ปูซาน" หันมายิ้มให้กับเพื่อนที่อึ้งไปไม่คิดว่าจื่อเทาจะคิดไปถึงเกาหลี "ฉันว่าที่ปูซานมีสถานที่สวยๆมากมายให้ฉันได้ถ่าย ให้เก็บความสวยงามไว้ในกล้องตัวนี้" ยิ้มบางๆฉายบนใบหน้าคมเข้ม เมื่อนึกถึงบรรยากาศ ความสวยงามของปูซานหนึ่งในความสวยงามของประเทศเกาหลี ความสวยงาม น่าเที่ยวไม่ต่างจากโซลหรือเมืองอื่นๆในประเทศเลย
     
                "นายคิดว่าแม่ของนายจะยอมให้ไปหรือไง" อี้ชิงไม่คิดว่ามารดาของเพื่อนจะยอมให้ลูกชายบินไปเกาหลีคนเดียว ถึงแม้จะมีเขาบินไปด้วยก็ตาม มารดาของเพื่อนก็ไม่ให้ไป
     
                "อี้ชิงนายคิดว่าฉันจะบอกแม่เรื่องนี้หรือไง"ยกยิ้มเล็กน้อย อี้ชิงถึงกับปวดหัว
     
                "นายหาเรื่องให้ฉันอีกแล้ว"อี้ชิงบ่นออกมา งานหนักต้องมาตกที่ตน "นายก็รู้จักนิสัยแม่ของนายดี แม่นายคงมาบีบคอเค้นถามฉันแน่ๆ" จื่อเทาได้แต่ยิ้มหัวเราะ

                "เพราะรู้ไงฉันถึงต้องหนีไป นายคงรู้นะว่าควรจะทำอย่างไงกับเรื่องนี้"ยิ้มกวนๆตบบ่าเพื่อนอย่างให้กำลังใจ อี้ชิงได้แต่ถอนหายใจ ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ งานหนักได้ตกมาที่อี้ชิงเต็มๆ
     
     
     
     
     
     
        
     
     
     
          ปูซาน เกาหลีใต้
     
     
                ความวุ่นวายเกิดขึ้นภายในร้านรามยอนเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยลูกค้าขาประจำ หน้าใหม่และนักท่องเที่ยวต่างพาแวะเวียนลิ้มลองรามยอนแสนอร่อย มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้ใครหลายคนติดอกติดใจ
     
     
                ลูกค้าที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องจนทำให้จงอินลูกชายเจ้าของร้านวิ่งวุ่นเสิร์ฟ รับออเดอร์ เก็บโต๊ะอยู่คนเดียว ถึงแม้ต้องทำคนเดียวแต่จงอินกลับไม่บ่นเหนื่อยและยังเต็มใจจะช่วยแม่ดูแลร้านที่ไม่ต้องจ้างเด็กมาช่วย จะให้จ้างเด็กมาช่วยที่ร้านจงอินก็มีเงินไม่มากพอที่จะจ้างให้มาทำงาน ถึงแม้ว่าจะขายดีแต่ก็ยังไม่พอใช้จ่ายในร้าน และค่าใช้จ่ายในครอบครัวก็สูง ที่ยังต้องส่งน้องชายอีกสองคนเรียน จงอินยอมที่จะเหนื่อยเพื่อช่วยครองครัว
     
                "จงอินพี่มาช่วยเราเสริฟ์แล้ว" ปาร์คชานยอลพี่ชายข้างบ้านที่สนิทและเล่นกันมาตั้งแต่เด็กเดินเข้ามาช่วยเก็บจานที่โต๊ะ 
     
                "ครับพี่" ขานรับยิ้มขอบคุณพี่ชายคนสนิทที่เดินถือจานมาเก็บที่อ่างล้างจานและเดินออกไปรับออเดอร์จากลูกค้าที่เพิ่งเข้ามา
    จงอินยืนมองดูชานยอลด้วยรอยยิ้มอย่างขอบคุณ ที่พี่ชายตัวสูงนั้นมีน้ำใจ คอยช่วยเหลือเขาตลอดเวลา
     
                "จงอินเอาชุดนี้ไปเสริฟ์โต๊ะห้านะลูก"
     
                "ครับแม่" จงอินรับถาดอาหารชุดใหม่จากมารดาเดินไปเสิร์ฟลูกค้าที่ต่างนั่งรอมาลิ้มลองความอร่อยของรามยอนสูตรดั้งเดิมของครอบครัวคิม
     
     
                จงอิน ชานยอลต่างช่วยกันเดินเสิร์ฟ ต้อนรับลูกค้าที่ยังคงแวะเวียนเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้จะไม่ได้หยุดพัก แต่ทั้งสองต่างมีรอยยิ้ม หันมายิ้มให้กันเมื่อเดินสวนกัน
     
                "ขอบคุณมากนะครับ" จงอินกล่าวขอบคุณลูกค้าที่เพิ่งเช็คบิลและยังกล่าวชมว่ารามยอนที่นี้อร่อยมาก อร่อยไม่แพ้ร้านดังๆร้านใหญ่ๆในตัวเมือง
     
                "ยังไม่ชินอีกหรือไงที่มีลูกค้าชมว่ารามยอนที่นี้อร่อย" ชานยอลอดที่จะแซวไม่ได้
     
                "ก็มันอดไม่ได้ดิพี่ มันต้องมีความสุขเป็นธรรมดาที่เห็นลูกค้าชมรามยอนของเราว่าอร่อย"บอกด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข พลางเก็บจานเป็นโต๊ะสุดท้ายของวันนี้ ชานยอลนั้นเดินตรงไปประตูพลิกป้าย 'ปิด' ให้ลูกค้าได้รู้ว่าร้านปิดแล้ว
     
                "ชานยอลเราจะทานอะไร ป้าจะได้ทำให้ทาน"
     
                "อะไรก็ได้ครับป้าอินยอน" ตอบกลับมารดาของจงอินด้วยรอยยิ้มร่า จงอินได้แต่ยิ้มและเดินเอาจานไปล้างในครัว
     
                "มาพี่ช่วยล้าง" มายืนข้างๆที่จงอินต้องจับมือใหญ่ออกจากกองจาน
     
                "พี่ไปนั่งพักเถอะ เดี๋ยวชุดนี้ผมจัดการเอง"
     
                "พี่จงอินพี่ชานยอลอยากช่วยก็ปล่อยให้เขาล้างไป"เซฮุนน้องชายคนรองที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเอ่ยแทรกขึ้น เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ใส่พี่ชายข้างบ้านที่หันมามอง
     
                "ก็ยังดีกว่าเด็กบ้างคนก็แล้วกันที่ไม่คิดจะกลับมาช่วยงานบ้าน ช่วยงานพี่ชายตัวเองบ้างเลย"
     
                "พี่อย่ามาว่าผมนะ!"เซฮุนแหวใส่เมื่อโดนพี่ชายข้างบ้านว่ากลับ สายตาแข็งจ้องมองพี่ชายข้างบ้านอย่างไม่พอใจ "ผมต้องไปเรียนจะให้ผมมาช่วยพี่จงอินได้อย่างไง" สายตาแข็งขึงนึกโกรธพี่ชายข้างบ้านที่บังอาจมาว่าเซฮุนคนนี้ จงอินได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจกับทั้งคู่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่เด็ก
     
                "อย่ามาอ้างดีกว่า เลิกเรียนแล้วก็กลับมาช่วยล้างจานได้ ไม่ใช่มายืนร้องเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้"
     
                "ไอ้พี่หูกาง!" เซฮุนอดรนทนไม่ไหวถึงกับเรียกฉายาของชานยอล 
     
                "เซฮุนเราขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการเอง" เซฮุนยิ้มหยันใส่ชานยอลอย่างสะใจ แล้วยังหันมาแลบลิ้นใส่ชานยอลก่อนจะวิ่งขึ้นไปบนบ้าน
     
                "จงอินตามใจน้องแบบนี้ เซฮุนถึงเคยตัว เสียเด็ก เอาแต่ใจแบบนี้ซิ" ชานยอลอดจะบ่นว่าไม่ได้ ที่หันมาช่วยจงอินล้างจานต่อ
     
                "เซฮุนเรียนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ก็ควรจะได้พัก งานแค่นี้ผมทำได้"
     
                "เราเป็นซะแบบนี้ เซฮุนถึงได้ใจ" ไม่วายที่จะบ่น ที่จะพูดออกมาตามประสาพี่ชายที่หวังดี ไม่อยากเห็นน้องที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็กต้องเหนื่อย ทำงานหนักจนเกินไป 
     
                จงอินได้แต่ยิ้มให้กับพี่ชายข้างบ้านที่มีความหวังดีให้กันมาโดยตลอด
     
     
     
     
     
    ******************************


     
                จื่อเทากลับมาถึงบ้านก็เจอพ่อแม่มานั่งรอที่ห้องโถงใหญ่กลางบ้าน จื่อเทาหยุดเดินได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจที่จะต้องอยู่ในกรอบที่แม่วางไว้ให้หมดทุกอย่าง จะไปไหนก็ต้องรายงาน ถูกติดตามจากคนของมารดา ชีวิตของจื่อเทาไม่เคยเจอคำอิสระอย่างแท้จริง จื่อเทาอยากใช้ชีวิตอิสระบ้าง ไม่ใช่ต้องอยู่ในกฎในกรอบที่แม่วางไว้ ถึงแม้จะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก มีบริษัทของตัวเองก็ตาม แต่จื่อเทาก็ยังถูกคุมจากมารดาอยู่ตลอดเวลา 
     
                "วันนี้แกไปไหนมาทั้งวัน"เสียงทรงอำนาจที่มีอำนาจมากที่สุดในบ้านเอ่ยถามลูกชาย
     
                "ผมไปถ่ายรูปที่ภูเขาเหลาซานมา" น้ำเสียงนิ่งเย็นชาแฝงไปด้วยความเหนื่อยหน่ายใจกับการถูกมารดาซักถาม ทำเหมือนว่าจื่อเทาคนนี้เป็นเด็กๆ
     
                "แล้วทำไมไม่บอกแม่ให้รู้ก่อน แม่จะได้ไม่ต้องนัดหนูซูเล่ยมาหาแก" มองหน้าลูกชายอย่างนึกขัดใจและอดจะต่อว่าลูกชายไม่ได้ "หนูซูเล่ยต้องมานั่งรอแกทั้งวัน ต้องมาเสียเวลา ทนนั่งเมื่อยเพื่อจะเจอแก แต่แกกับผิดนัดน้อง แกทำให้แม่รู้สึกผิดกับหนูซูเล่ย เข้าหน้าพ่อแม่หนูซูเล่ยไม่ติดเพราะความไม่รับผิดชอบของแก จะทำอะไรหัดแก่หน้าแม่บ้าง" ต่อว่าเป็นชุด คุณฮวางหมิ่งซื่อได้แตาส่ายหน้าอย่างระอากับผู้เป็นภรรยาที่ห่วงหน้าตาตัวเอง
     
                "ผมขอโทษแม่ด้วยแล้วกัน ที่ผมไม่ไปตามนัด"ตัดปัญหาด้วยคำขอโทษ
     
                "คนที่แก่ต้องขอโทษคือหนูซูเล่ยไม่ใช่แม่ พรุ่งนี้แกต้องไปขอโทษหนูซูเล่ยกับเรื่องที่แกทำวันนี้"
     
                "ครับแม่" ตอบตกลงอย่างปฎิเสธไม่ได้
     
                "แกขึ้นไปพักผ่อนได้แล้วไป เดี๋ยวคืนนี้ฉันต้องบินไปดูงานที่ปักกิ่ง"
     
                "เดินทางปลอดภัยนะครับแม่" เฟยลี่พยักหน้าน้อย จื่อเทายิ้มให้กับพ่อกับแม่ก่อนที่จะหันหลังเดินขึ้นห้องด้วยรอยยิ้มดีใจ จะใช้โอกาศคราวนี้บินไปเกาหลีโดยที่จะไม่มีใครขัด
     
                "อี้ชิงช่วยจัดการจอ'ตั๋วเครื่องบินไปปูซานให้ฉันพรุ่งนี้ด้วย ฉันต้องการไฟล์เช้า" เข้ามาในห้องก็จัดการโทรหาอี้ชิงทันที
     
                "ทำไมแกถึงรีบขนาดนี้ว่ะ"
     
                "คืนนี้แม่จะบินไปปักกิ่ง โอกาศดีที่ฉันจะบินไปปูซานพรุ่งนี้" อี้ชิงเข้าใจในทันที
     
                "โอเค เดี๋ยวฉันจัดการตั๋วให้แกเลย ส่วนฉันจะได้จองตั๋วไปโซลพร้อมกับแกเลย แม่แกจะได้ไม่มาบีบคอฉันที่สมรู้ร่วมคิดกับแก" จื่อเทาถึงกับยิ้มกับการเอาตัวรอดของเพื่อน
     
                "แกนี้ฉลาดจริงๆ" ว่าด้วยรอยยิ้ม "อย่างไงต้องขอบคุณแกด้วยแล้วกันที่ช่วยเพื่อนอย่างฉัน" เอ่ยบอกก่อนจะวางสาย พอวางสายแล้วก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า โยนเสื้อผ้าไม่กี่ตัวลงบนเตียงจัดเก็บใส่กระเป๋า และที่ขาดไม่ได้เลยกล้องคู่ใจที่ไปไหนไปด้วยกันตลอดและทริปนี้ก็จะขาดกล้องตัวนี้ไม่ได้
     
                ทริปนี้จะเป็นทริปที่จื่อเทาจะเดินทางด้วยตัวเอง จะไม่มีใครติดตามเขาไปด้วย จะเป็นทริปที่จื่อเทาโบกบินเป็นอิสระด้วยตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบจริงๆไม่ต้องอยู่ในกรอบที่แม่วางเอาไว้ ไม่ใช่ฮวางจื่อเทาลูกชายตระกลูฮวาง จะเป็นจื่อเทาชายหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
     
     
     
     
     
     
     
     
       
                จงอินลงมาดูความเรียบร้อยด้านล่างของบ้าน ที่ปิดไฟ ปิดประตูจนเรียบร้อยก็เดินกลับมาที่ห้องนอนและเจอเซฮุน แจฮยอนน้องชายทั้งสองมานั่งรออยู่ตรงเตียงยังไม่ยอมนอน จงอินเดินมานั่งกับน้องชายทั้งสอง แทรกระหว่างกลางเซฮุนและแจฮยอน
     
                "ทำไมยังไม่นอนกันอีก"
     
                "ผมมีเรื่องต้องคุยกับพี่" เซฮุนเอ่ยขึ้น จงอินเลิกคิ้วสงสัย "ทำไมพี่ต้องให้พี่ชานยอลมาช่วยงานที่ด้วย" น้ำเสียงเอาแต่ใจ ขัดใจไม่น้อยที่พี่ชายให้พี่ชายข้างบ้านมาช่วย
     
                "ถ้าไม่อยากให้พี่ชานยอลมาช่วย พี่ก็กลับบ้านไวๆมาช่วยพี่จงอินที่ร้านซิ ไม่ใช่ไปเที่ยวต่อกับเพื่อน" แจฮยอนว่าใส่พี่ชายคนรอง เซฮุนตวัดสายตามองน้องชายวัยสิบห้าอย่างไม่พอใจ
     
                "เหมือนว่าแกจะรีบกลับมาช่วยพี่จงอินนิ" 
     
                "ผมเลิกเรียนก็รีบกลับมาช่วยงานพี่จงอิน ไม่เหมือนกับพี่เลิกเรียนแล้วก็ไปเที่ยวต่อ ก็สมแล้วจะให้พี่ชานยอลว่าเอาได้" 
                "ไอ้แจฮยอน!!" ตวาดใส่น้องชาย ยกมือขึ้นจะเล่นงานน้องชายดีที่ว่าจงอินห้ามศึกทัน
      
                "หยุดทั้งคู่นั่นแหละ เป็นพี่น้องกันจะมาทะเลาะกันทำไม พี่ทำงานเหนื่อยมาทั้งวันจะต้องมานั่งดูเราทะเลาะให้เหนื่อยใจอีกฟรือไง"ดูน้องชายทั้งสอง หน้าหงอยลงทันที "เซฮุนพี่รู้ว่าเราไม่ถูกกับพี่ชานยอล แต่พี่อยากให้เรารู้ว่าพี่ชานยอลเค้าหวังดีกับเรา ดีกับพี่และครอบครัวของเรามาก ถ้าพี่กับแม่ไม่ได้พี่ชานยอลช่วยเหลือเราสองคนคงไม่ได้มานั่งสุขสบายแบบนี้หรอก" จงอินมองน้องชายทั้งสองสลับกัน เซฮุนหน้ายู่เมื่อนึกถึงใบหน้าของชานยอล สายตาขุ่นเคืองพี่ชายข้างบ้านไม่น้อย
     
                "แต่พี่ชานยอลชอบว่าผม"น้ำเสียงตัดพ้อกับสีหน้าน้อยใจ สร้างรอยยิ้มขบขำให้จงอินน้อยๆฝ่ามืออุ่นลูบผมน้องชายคนกลาง
     
                "ถ้าไม่อยากให้พี่ชานยอลมาว่า เราก็ต้องเปลี่ยนตัวเองซะใหม่ รีบกลับบ้านมาช่วยพี่กับแม่ขายของ ถ้าเราทำตัวดีก็จะไม่มีใครมาว่าเราได้ เราต้องลบคำสบประมาทของพี่ชานยอลให้ได้" จงอินสอนน้องชายด้วยเหตุผล ใช้เหตุผลคุยกัน ถึงเซฮุนเอาแต่ใจแต่ไม่ใช่คนไร้เหตุผล รอยยิ้มบางๆยิ้มให้กับน้องชาย เซฮุนยิ้มกลับให้กับพี่ชาย
     
                "ผมจะลบคำสบประมาทของพี่ชานยอลให้ได้ ผมจะไม่ให้พี่ชานยอลมาว่าผมได้อีก"บอกอย่างมุ่งมั่น สายตาจริงจัง หนักแน่น
     
                "จะไปได้สักกี่น้ำ"แจฮยอนขัดกลางปล้องความคิดความตั้งใจของพี่ชายคนรอง
     
                "เราก็อีกคนชอบไปว่าพี่เค้า ชอบให้พี่เค้าโกรธหรือไง" หันมาถามน้องชายคนเล็ก เซฮุนตวัดสายตามามองน้องชายคนเล็กอย่างไม่ชอบใจ
     
                "ก็จริงดิพี่.....โอ๊ยย"ไม่พูดทันจบก็โดนฝ่ามือพิฆาตตีที่หัว จงอินต้องจับแยกน้องชายทั้งสอง
     
                "เราสองคนนี่จริงๆเลย" ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ "ไปๆเข้านอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าต้องลุกมาเปิดร้านแต่เช้า"
     
                "ครับพี่ชายสุดที่รัก ฝันดีนะครับ" แจฮยอนลุกขึ้นยืนคนแรกตามมาด้วยเซฮุน
     
                "ฝันดีนะพี่"เซฮุนหันมาบอกกูดไนท์ก่อนที่จะปิดประตูลงและเสียงดังโวยเวกตามมาทำให้จงอินต้องยิ้มขำเหนื่อยใจกับน้องชายทั้งสอง
     
                "ไอ้แจฮยอน!!!"
     
     
     
     
    Talk
     
                ครบ100 แล้ว ฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ อ่านแล้วอย่าลืมเม้น #อุบัติรักเทาไค

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×