ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เซ็น โรงเรียนจอมภูต

    ลำดับตอนที่ #1 : สงครามไม่สิ้นสุด

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 52


      ยุคที่สงครามยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นบ้านเล็กๆไปจนถึงประเทศมหาอำนาจก็ได้รับผลกระทบจากสงคราม  เป็นเวลาเกือบสี่สิบปีที่ผู้คนตรากตรำกับความลำบากยากเข็นทั้ง  หนี  หลบซ่อน  ไม่มีผู้ใดที่คิดจะต่อสู้กับกองทัพมหาอำนาจของกษัตริย์แห่งกอดัส  ที่มีทั้งความยิ่งใหญ่เกรียงไกร  ทรงพลังและไสยเวทไว้ครบถ้วนจนในที่สุดก็มีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งคิดจะต่อสู้กับกองทัพกษัตริย์  ในขณะนั้นพวกเขาได้ใช้ชื่อว่า กลุ่มหมาป่าไฟ(Burn Wolf) พวกเขาใช้ทุกวิธีเพื่อช่วยเหลือชาวบ้านในรอดพ้นจากกองทัพกษัตริย์ และรุกโจมตีทั้งปล้นสดม เผาเสบียง มีการปะทะกันอยู่เนืองๆ  ในที่สุดก็ถึงการสู้รบครั้งสำคัญ แม่ทัพของหมาป่าแดงก็คือ  กันเทอรอฟ  และกองทัพกษัตริย์ก็นำทัพมาด้วยราชเลขาส่วนพระองค์ที่ไม่มีใครเคยเห็นหน้า  การต่อสู้ทวีความรุนแรงกินเวลามากและในที่สุดชัยชนะก็ตกเป็นของหมาป่าแดงเมื่อกันทอรอฟใช้ดาบของเขาทิ่มทะลุหน้ากากของราชเลขาเกิดระเบิดครั้งใหญ่และแล้วสงครามครั้งนั้นก็ยุติลงไม่เหลือผู้ใดในสนามรบนอกจากแม่ทัพของหมาป่าแดงเพียงห้านาย คือ เคมันย่า  กันเทอรอฟ ,  อากัส เนทลีเวียส  ,  โดโรฮอฟ อังกอร์  ,  แคเธอรี่ โบมาต้า  ,  เกรเกอร์วิช กอนดอร์  หลังจากสงครามครั้งนั้นทั้งห้าก็หายตัวไปจากสายตาผู้คน  และหลังจากสงครามครั้งใหญ่สงบไม่นานกษัตริย์แห่งกอดัสก็สิ้นพระชนโดยไร้บาดแผลในที่ประทัพ  มีเพียงรอยเลือดสีดำบนพื้นเป็นตัวอักษรว่า

                                              สงคราม

                                                        ยังไม่จบ

       สักวันข้าจะกลับมา

    และแล้วทุกอย่างก็กลับมาสงบสุขประชาชนทั่วโลกต่างยินดีปรีดา จนเวลาล่วงเลยมานับพันๆปีทุกอย่างก็กลายเป็นเพียงตำนานเล่าขานสืบต่อมากับลูกหลานบางคนคิดว่าจริง บางคนคิดว่าเป็นเรื่องเล่า แต่ที่สนามรบครั้งนั้นมีรูปสลักของห้าผู้ก่อตั้งซึ่งสาบสูญของหมาป่าแดง ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองที่มีชื่อว่า เมืองวินเชย์ร่า ในตอนนี้ทุกคนต่างมีรอยยิ้มยินดีอยู่บนใบหน้าความสุขแพร่กระจายไปทุกทิศทางเป็นเวลานานจนในที่สุดมันก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง

    เมื่อในโลกใบนี้มีบางอย่างที่ต่างออกไปจากสมัยสงครามครั้งอดีต  เมื่อคนธรรมดา  กับผู้มีพลังพิเศษอยู่ร่วมกันแต่ปัจจุบันมันกลับเหมือนแยกกันเป็นสองโลกไม่ยุ่งเกี่ยวกันอย่างออกนอกหน้าโดยผู้วิเศษจะรู้กันเองว่าใครมีพลังพิเศษ แต่ผู้ไร้พลังจะไม่รู้ว่าใครมีความสามารถมากเกินกว่าตน  เห็นได้จากเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่มีการจารึกเหตุการณ์ไว้อย่างมีปริศนา เช่น การล่มสลายของกรุงโรมในยุคโรมันว่ากันว่าเกิดจากการต่อสู้จากสงคราม  แต่ก็มีร่องรอยของพลังพิเศษที่ปะทะกัน  หรือขอเอนเมืองปิซ่าที่ว่ากันว่าเกิดจากการก่อสร้างที่ผิดพลาดแต่ก็ไม่แน่ว่าอาจเกิดจากสัตว์วิเศษเป็นผู้กระทำ  ที่กล่าวมาทั้งหมดอยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์น่าสนใจของพลังพิเศษกับคิ้น(ผู้ที่ไร้พลัง) ชายชราปิดหนังสือประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและนำไปวางคู่กับหนังสือตำนานสงครามผู้วิเศษและล้มตัวลงนอนดูท้องฟ้าที่มีดาวระยิบระยับ  ที่นี่มันช่างสงบสุขดีแท้…” ชายชราพูดอย่างสบายอารมณ์  สถานที่ๆอยู่ตอนนี้คือวัดขนาดใหญ่ที่มีโบถ และวิหารที่วิจิตรตะการตาหน้าทางเข้ามีรูปปั่นยักษ์สองตัวขวางประตู  ตามบันใดมีพญานากทอดยาวตลอกราวบันใด  ด้านบนของเจดีย์ทรงสูงมีพญาครุฑที่สง่างามประดับอยู่

    ดวงดาวค่อยๆทอดยาวไปจนสุดทาง  ในขณะที่กำลังอิ่มเอมกับดวงดาวความชั่วร้ายครั้งใหม่ก็กำลังคืบคลานมาโดยไม่มีใครรู้ตัว  เมื่อมีดาวหางสีดำดวงใหญ่พุ่งตรงไปทางทิศตะวันตก ทุกคนต่างคิดว่ามันเป็นดาวหางที่งดงามดวงหนึ่งไม่มีใครคิดเลยว่ามันจะนำพาความหวังและวินาศครั้งใหญ่มาให้อีกครั้ง

    ณ ทุ่งนากว้างในจังหวัดหนึ่งของประเทศไทประเทศขนาดเล็กของเอเชียที่มีประชากรอยู่กว่าหกสิบสองล้านคน  กลางดึกมีชาวนาชรากำลังเดินทางกลับบ้านหลังจากออกไปหากบ เขียดมาเป็นอาหารเย็น  เมื่อคิดว่าระยะทางเหลืออีกมากเมื่อเหนื่อยก็หยุดเดิน  และนอนลงมองท้องฟ้าที่มีดวงดาวระยิบระยับของชาวชนบทที่ในตัวเมือง  เขาสังเกตเห็นดาวหางสีดำพุ่งตรงดิ่งลงไปที่กลางทุ่งนาที่ห่างออกไปไม่น้อย  แต่เสียงกระแทกของดาวหางที่ตกกระทบพื้นนั้นดังสะท้านทุ่งพื้นดินสั่นสะท้านไปทั่วถึงจุดที่ชาวนานอนอยู่

    อะไรวะ ลอยมาผ่าท้องฟ้ามา ชาวนารีบลุกจากจุดที่นอนอยู่  แล้ววิ่งตามดาวหางไปยังจุดที่เห็นมันตก

    สิ่งที่เห็นคือหลุมขนาดใหญ่ที่ทั้งกว้างทั้งลึกเมื่อมองไปที่ก้นก็สังเกตเห็นวัตถุคล้ายหินขนาดยักษ์ที่ร้อนระอุตอนที่ชาวนามาถึงก็ค่อยๆมีชาวบ้านคนอื่นๆมาดูเหตุการณทั้งใกล้และไกลทุกคนค่อยๆลงไปดูวัตถุนั้น เมื่อเข้าไปใกล้ก็พึ่งสังเกตว่าหินหรือที่คิดว่าเป็นหินที่ร้อนระอุนั้นมันดูใหญ่กว่าที่ดูจากขอบหลุมมาก  บางคนคิดว่าเป็นรางร้าย  บางคนก็คิดว่าเป็นสิ่งที่สวรรค์ประทาน  คิดกันต่างๆนานาตามความเชื่อเรื่องภูตผีเก่าแก่ซึ่งพวกเค้าก็ไม่เคยเห็นและไม่รู้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่  หลังจากเห็นว่ามันเลิกประทุแล้วก็มีคนนำผ้าสามสีจะมาผูกและขอบูชาก่อนที่ผ้าจะล้อมรอบหินนั้นก็เกิดแสงสว่างวาบส่องผ่านทั่วทุ่งนาและตามมาด้วยเสียงประทุและสะเก็ดหินที่พุ่งกระจาย

    หลังจากแสงสงบลงชาวนาที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและยังไม่สลบลงไปยังกับยายแก่ๆบางคน  แต่ก็ยังไม่สามารถตามเหตุการณ์ที่เกิดอย่างกะทันหันนี้ได้  เมื่อกลางกองเศษหินที่กระจัดกระจายก็เผยให้เห็นร่างของเด็กชายนอนร้องให้อยู่ที่นั่น

     

    ………………………………………………………………………………
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×