คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ::: เหตุการณ์บนรถไฟ
รวงข้าวสีทองอร่ามพากันโอนเอนไปตามสายลมที่ลู่เบา ท้าแสงอาทิตย์ในยามบ่ายอ่อนๆที่ทอจรัสกับแม่น้ำที่อยู่อีกฝั่งฟาก จนเกิดเป็นประกายสวยงาม ฤดูใบไม้ร่วงเริ่มเข้ามาเยือนหมู่บ้านชนบทแห่งนี้อย่างช้าๆ ต้นไม้ที่เริ่มผลัดใบ กับดอกไม้สีชมพูชื่อประหลาดที่เพิ่งชูช่อก้านในยามที่ผิดแปลกไปจากดอกไม้อื่น
เสียงหวูดรถไฟดังมาแต่ไกลกลบบรรยากาศอันเงียบสงบ ฝ่าฝุ่นและควันมาจอดนิ่งอยู่ตรงสถานีรถไฟ ที่เป็นเพียงแผ่นป้ายบอกชื่อสถานี "หมู่บ้านลุซเซนเบิร์ก" และม้านั่งอีกตัวสองตัว
หญิงสาวลุกขึ้นหลังจากที่นั่งรอรถไฟที่เลทมาเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ก่อนลากกระเป๋าสัมภาระใบโตกับลังไม้อีกหนึ่งลังขึ้นรถไฟไปอย่างเอื่อยเชื่อย
หญิงสาวมองดูที่ตั๋วรถไฟสีหม่น แล้วเดินไปที่ที่นั่งแบบมาก่อนได้ก่อนของเธอ วางของไว้บนราวเหนือหัว แล้วตัดสินใจที่จะนั่งชมวิวทิวทัศน์ริมหน้าต่างรถไฟ ที่เปิดออกรับแสงแดดอย่างเต็มที่
รถไฟเริ่มเคลื่อนตัว สายลมเบาๆพัดเอาผมสั้นสีน้ำตาลของเธอลู่ไปตามกระแส ในไม่ช้าหญิงสาวก็เริ่มเคลิ้ม และหลับไปในที่สุด...
"สถานีแม็คเคอเรนต์..."
เสียงประกาศของตำรวจรถไฟดังขึ้นปลุกหญิงสาวให้ตื่นจากความหลับไหล 'นี่ยังไม่ถึงนี่หน่า' เธอคิดก่อนฟุบหน้าลงหมายจะนอนหลับอีกครั้งหนึ่ง
แต่เธอก็ถูกรบกวนจังหวะการนอน ชายร่างสูงในชุดคลุมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวลากพื้นเดินขึ้นมาบนรถไฟ และทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเธอ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงพลังประหลาดบางอย่าง ทำไมในฤดูใบไม้ร่วงที่ร้อนระอุ เขาจึงใส่ชุดคลุมหนายาวอย่างนี้ รถไฟเคลื่อนตัวอีกครั้ง หญิงสาวล้มเลิกความคิดที่มานอนหลับและหันมาอ่านนิตยสารดาราฉบับย้อนหลังไปหลายเดือนแล้วแทน และคิดจะทำความรู้จักกับชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจตลอดการเดินทางครั้งนี้ "สวัสดีค่ะ" หญิงสาวตัดสินใจเอ่ยขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มดังขึ้นพอดี เขารับโทรศัพท์ขึ้นพูดเหมือนไม่สนใจเธอนัก ทำเอาหญิงสาวจ๋อยไปไม่น้อย เธออ่านนิตยสารอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่ค่อยสนใจอะไรนัก... "ฮัลโหล" ชายร่างสูงพูดขึ้นก่อน "ฉันกำลังเดินทางอยู่" เสียงจากอีกฝั่งโทรศัพท์ดังขึ้น แม้ตั้งใจฟังขนาดไหนก็คงไม่ได้ยิน ถ้าไม่ใช่ผู้ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้วย... "ได้ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้" ชายร่างสูงพูดเสียงแผ่ว "แกไม่ต้องห่วงหรอก รับรอง เรารวยกันแน่ๆคราวนี้..." หญิงสาวเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว รู้สึกตะหงิดตะหงิดเหมือนมีลางสังหรณ์ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ก่อนหันกลับไปสนใจกับนิยายรักน้ำเน่าในนิตยสารดาราอีกครั้ง หลังจากที่รถไฟเดินทางรับส่งผู้โดยสารตามสถานีรถไฟต่างๆจนตอนนี้ภายในโบกี้ เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาแล้ว หญิงสาวก็ทำท่าจะล้มนอนหลับอีกสักงีบ เพราะการเดินทางไปลอนดอนของเธอคราวนี้ คงจะไม่ถึงภายในสี่ชั่วโมงหรอกกระมัง ปัง!
แต่เธอก็ถูกรบกวนจังหวะการนอน ชายร่างสูงในชุดคลุมสีน้ำตาลเข้มที่ยาวลากพื้นเดินขึ้นมาบนรถไฟ และทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเธอ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงพลังประหลาดบางอย่าง ทำไมในฤดูใบไม้ร่วงที่ร้อนระอุ เขาจึงใส่ชุดคลุมหนายาวอย่างนี้
รถไฟเคลื่อนตัวอีกครั้ง หญิงสาวล้มเลิกความคิดที่มานอนหลับและหันมาอ่านนิตยสารดาราฉบับย้อนหลังไปหลายเดือนแล้วแทน และคิดจะทำความรู้จักกับชายที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดใจตลอดการเดินทางครั้งนี้
"สวัสดีค่ะ" หญิงสาวตัดสินใจเอ่ยขึ้น เป็นเวลาเดียวกับที่โทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มดังขึ้นพอดี
เขารับโทรศัพท์ขึ้นพูดเหมือนไม่สนใจเธอนัก ทำเอาหญิงสาวจ๋อยไปไม่น้อย เธออ่านนิตยสารอีกครั้งหนึ่งอย่างไม่ค่อยสนใจอะไรนัก...
"ฮัลโหล" ชายร่างสูงพูดขึ้นก่อน "ฉันกำลังเดินทางอยู่"
เสียงจากอีกฝั่งโทรศัพท์ดังขึ้น แม้ตั้งใจฟังขนาดไหนก็คงไม่ได้ยิน ถ้าไม่ใช่ผู้ที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้วย...
"ได้ เดี๋ยวฉันจะจัดการให้" ชายร่างสูงพูดเสียงแผ่ว "แกไม่ต้องห่วงหรอก รับรอง เรารวยกันแน่ๆคราวนี้..."
หญิงสาวเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว รู้สึกตะหงิดตะหงิดเหมือนมีลางสังหรณ์ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ก่อนหันกลับไปสนใจกับนิยายรักน้ำเน่าในนิตยสารดาราอีกครั้ง
หลังจากที่รถไฟเดินทางรับส่งผู้โดยสารตามสถานีรถไฟต่างๆจนตอนนี้ภายในโบกี้ เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาแล้ว หญิงสาวก็ทำท่าจะล้มนอนหลับอีกสักงีบ เพราะการเดินทางไปลอนดอนของเธอคราวนี้ คงจะไม่ถึงภายในสี่ชั่วโมงหรอกกระมัง
ปัง!
!เสียงปืนดังขึ้นข้างๆหญิงสาวพลางทำให้เธอสะดุ้ง ลูกกระสูนปืนพุ่งผ่านเหนือหัวเธอไปอย่างฉิวเฉียด หญิงสาวกรีดร้องแล้วก้มหัวหลบลงกับที่นั่งแบบที่ทุกคนในที่นี้ทำกันอยู่ แต่ชายร่างสูงที่นั่งข้างๆเธอ (และเป็นเจ้าของกระสุนพิฆาตเมื่อครู่นี้) กลับกระชากร่างของเธอขึ้นมาแล้วจ่อปืนเอ็มสิบหกไว้ตรงขมับขวาของเธอ ก่อนรัดคอด้วยต้นแขนขนาดมหึมา
"ทุกคนจงฟัง" ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนบนที่นั่งแล้วประกาศกร้าว ในสถานการณ์แบบนี้ รถไฟยังคงแล่นต่อไป แสดงว่ายังไม่มีใครรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นในโบกี้นี้ "ถ้าไม่อยากให้นังแม่หนูคนนี้ตาย ให้เอาเงินทุกเหรียญที่ทุกคนมี สิ่งของทุกอย่างที่ทุกคนมี มารวมกันที่นี่!"
ชายหนุ่มชี้ปืนลงบนพื้นด้านหน้าตนเอง บอกให้ทุกคนรู้ตำแหน่งที่พวกเขาต้องวางสิ่งของของพวกเขาเพื่อแลกกับชีวิตของเธอ "แต่ถ้าใครไม่ทำตาม ก็จะต้องตายตามนังคนนี้ไป!"
ทุกชีวิตในโบกี้สะดุ้งเฮือก ชายร่างสูงยิงปืนขึ้นฟ้าจนหลังคารถไฟคันเก่าคร่ำครึทะลุเป็นรูกลมโบ๋ขนาดไม่ใหญ่นัก เผยให้เห็นท้องฟ้าข้างนอกชัดเจน แล้วใช้ปืนจ่อที่ขมับขวาของหญิงสาวอีกครั้ง
ชายหนุ่มชี้ปืนลงบนพื้นด้านหน้าตนเอง บอกให้ทุกคนรู้ตำแหน่งที่พวกเขาต้องวางสิ่งของของพวกเขาเพื่อแลกกับชีวิตของเธอ "แต่ถ้าใครไม่ทำตาม ก็จะต้องตายตามนังคนนี้ไป!"
ทุกชีวิตในโบกี้สะดุ้งเฮือก ชายร่างสูงยิงปืนขึ้นฟ้าจนหลังคารถไฟคันเก่าคร่ำครึทะลุเป็นรูกลมโบ๋ขนาดไม่ใหญ่นัก เผยให้เห็นท้องฟ้าข้างนอกชัดเจน แล้วใช้ปืนจ่อที่ขมับขวาของหญิงสาวอีกครั้ง
ทุกชีวิตในโบกี้สะดุ้งเฮือก ชายร่างสูงยิงปืนขึ้นฟ้าจนหลังคารถไฟคันเก่าคร่ำครึทะลุเป็นรูกลมโบ๋ขนาดไม่ใหญ่นัก เผยให้เห็นท้องฟ้าข้างนอกชัดเจน แล้วใช้ปืนจ่อที่ขมับขวาของหญิงสาวอีกครั้ง
'จะทำอย่างไรดี' เธอคิด 'ว่าแล้วต้องมีอะไรแปลกๆ...ที่แท้...ใส่ชุดคลุมยาวเพื่อปกปิดปืนที่พกไว้นี่เอง'
จะทำอย่างไรดี' เธอคิด 'ว่าแล้วต้องมีอะไรแปลกๆ...ที่แท้...ใส่ชุดคลุมยาวเพื่อปกปิดปืนที่พกไว้นี่เอง'ผู้คนเริ่มทยอยกันนำส่วยแลกชีวิตมาวางไว้แทบเท้าของชายร่างสูง ตอนนี้บนพื้นเต็มไปด้วยนาฬิกาข้อมือ กระเป๋าสตางค์พร้อมเงิน สร้อยคอ แหวนเพชร ล็อกเก็ตและสิ่งของมีค่าอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน แต่หญิงสาวก็พยายามทำสมาธิและคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
หลังจากทุกคนวางสัมภาระเรียบร้อยแล้ว รถไฟก็จอดลงที่สถานีรถไฟอีกแห่งพอดี ยังดีที่ไม่มีคนขึ้นมา ยกเว้นชายในชุดแจ๊กเก็ตคนหนึ่งที่ขึ้นมาบนรถอย่างไม่เกรงกลัว
"โอเคไหม จอมโจรพีเอล" ชายผู้มาใหม่พูดขึ้นกับชายร่างสูง
"แน่นอน เก็บให้เรียบเลยนะ จอมโจรพีซั่ม" ชายร่างสูงพูดตอบ จอมโจรพีเอลยังรัดคอหญิงสาว และจ่อขมับเธอด้วยปืนเหมือนเดิมทุกอย่าง ในขณะที่จอมโจรพีซั่มกวาดของมีค่าทุกอย่างเข้ากระสอบผ้าอันใหญ่อย่างเบิกบาน
หญิงสาวเริ่มแผนของตนทันทีที่คิดออก เธอถีบบั้นท้ายชายหนุ่มที่กำลังกวาดของด้านหน้าของเธอใส่กระสอบแล้วเตะแบ็คคิกใส่กลางอกแข็งๆของชายหนุ่มที่ล็อคคอเธอไว้ ก่อนใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ ทุ่มชายร่างสูงลงนอนพับทับชายอีกคนอยู่บนพื้นไป ก่อนหมดสติ ผู้คนบนโบกี้ทั้งหมดลุกขึ้นมาช่วยหญิงสาวจับทั้งสองมัดไว้กับเสารถไฟ เป็นเวลาเดียวกับที่รถไฟจอดที่สถานี และตำรวจท้องที่ก็กรูกันขึ้นมาจับชายทั้งสองเพราะได้รับรายงานจากตำรวจรถไฟที่อยู่โบกี้ข้างๆ ซึ่งเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ทุกคนปรบมือให้หญิงสาว ที่ยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหมดสติฟุบลงกับพื้นทันที
ความคิดเห็น