ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก...ไม่รัก ลองดูนะ

    ลำดับตอนที่ #8 : บุรุษอีกคนหนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 48


                    ฉันพยายามไม่มองหน้าเขาตลอดเวลาที่ขับรถกลับกรุงเทพฯ แต่กลับกลายเป็นเขาซะเองที่คอยเหลือบมองฉันอยู่ตลอด อึดอัดจัง เมื่อไหร่จะถึงบริษัทซะทีนะ ฉันภาวนาขอให้ถึงเร็วๆเถอะ



                    กว่าจะมาถึงบริษัทก็ปาเข้าไปเกือบ ๑๑ โมง ยายมารีด่าตายเลยแน่ะ ฉันรีบกดลิฟต์แล้วก็ตรงปรี่ไปห้องทำงานรวม ที่ยายมารีนั่งจ้องเขม็งอยู่น่ะสิ หล่อนเกือบจะตะคอกฉันว่าทำไมมาสาย ฉันก็บอกว่าเพิ่งกลับจากชลบุรี ดูเหมือนเธอจะอ่อนลงบ้าง เธอมอบกระดาษแผ่นหนึ่งให้ฉันอ่านแล้วให้ฉันดำเนินการตามนี้ ฉันพยักหน้า เอาเถอะ ฉันเบื่อจะอยู่ที่นี่อีกแล้ว ขอฉันออกไปทำงานเร็วๆเหอะ ฉันคิด ฉันบอกมารีว่าขอเบิกรถบริษัทไปใช้ได้มั้ย เธออนุญาตโดยที่ไม่ต้องถามหัวหน้า ก็แน่ล่ะสิ เธอได้รับเป็นกรณีพิเศษในการตัดสินใจโดยไม่ต้องปรึกษาหัวหน้านี่นา

        

                    ก็เหมือนเดิมล่ะ ฉันขับรถเป็นซะที่ไหน ฉันก็พึ่งได้คนเดียวเท่านั้นแหละ คุณผู้ช่วย เขาก็พยักหน้าตกลงด้วยความเต็มใจ อ้อ ก็คงจะเต็มใจอยู่หรอก มันเป็นงานนี่ เอาเถอะ เขาก็ไม่ได้ขัดคำสั่งฉันเลยนี่ แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็น Accident  นี่นา ฉันคิดไปก็หน้าแดงไป แต่เรื่องเมื่อเช้านี่ฉันยังไม่หายโกรธหรอกนะ ฉันเดินสะบัดไปขึ้นรถ เขามองตามแล้วหัวเราะเบาๆ เอาไว้ก่อนเถอะ เสร็จงานนี้เมื่อไรฉันจะเปลี่ยนผู้ช่วย



                   เขาขับรถจนไปถึงโรงละครชัยสวัสดิ์ ไม่มีปัญหา เขาไม่ได้ขับรถซิ่งเหมือนมอเตอร์ไซค์ ขืนเป็นอย่างนั้นฉันได้ลางานวันเว้นวันแน่ ฉันเข้าไปติดต่อกับทางโรงละครเพื่อพบคุณธีระ บรรจบชัย เจ้าของโรงละครแห่งนี้ เผอิญว่าคุณธีระคุยอยู่กับพี่เดือน พี่เดือนก็เลยเข้ามาทักฉัน คุณธีระทักว่าหน้าของฉันถอดแบบมาจากพี่เดือน เพราะว่าหน้าละม้ายคล้ายคลึงกันมากจนเกือบจะแยกไม่ออก คุณธีระบอกว่าฉันสวยกว่าพี่เดือน มันจะเป็นไปได้ยังไง ใครๆก็บอกว่าพี่เดือนน่ะสวยจะตาย ไม่เห็นจะมีใครมาชมฉันเลย แล้วฉันจะไปสวยกว่าพี่เดือนได้ยังไงกัน ฉันหัวเราะเบาๆ อย่างวางตัว

        

                   พอเสร็จจากโรงละครชัยสวัสดิ์ฉันก็ให้นายภัทรขับรถไปโรงละครกิตินนท์ทันที นายภัทรก็ยอมขับไปแต่โดยดีโดยไม่ปริปากบ่น เกือบเที่ยง จริงๆฉันต้องกลับไปที่โรงละครชัยสวัสดิ์อีกทีในตอนเย็น ก็คุณธีระเขาบอกว่าเขาจะดูพี่เดือนซ้อมละคร ฉันก็เข้าใจหรอก ฉันก็เลยเปลี่ยนมาเป็นโรงละครกิตินนท์ก่อน

        

                   พอถึง ผู้หญิงร่างโปร่งคนหนึ่งก็ออกมาต้อนรับฉันเป็นอย่างดี หาน้ำหาท่ามาให้ดื่ม หล่อนบอกว่า คุณเชษฐากำลังประชุมอยู่ ฉันจึงนั่งรอเงียบๆกับนายระพีภัทร สักพัก คุณเชษฐาก็เข้ามา ฉันกับนายภัทรลุกขึ้น ว้าว เข้าใส่สูทอยู่ เท่จัง พอเขาเข้ามาถึงโต๊ะซึ่งมีอยู่โต๊ะเดียว เขาก็ถอดสูทออก เหลือแค่เสื้อเชิ้ต เขายิ้มให้ฉัน ฉันก็ยิ้มตอบเขาไป



                   “ผมเชษฐา กิตินนท์ ทีนี้ได้แนะนำตัวจริงๆกันซะทีนะ” เขาเอ่ย ฉันเอื้อมมือไปจับมือของเขาซึ่งยกค้างอยู่ก่อนแล้ว



                   “ดารา พจน์ไพฑูรย์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก” ฉันบอก เขาบีบมือฉันเบาๆแล้วก็ปล่อยออก เขาหันไปทางนายภัทร นายภัทรก็ยื่นมือไปจับพร้อมกับแนะนำตัวไป เอาล่ะ เรามาเริ่มงานกันได้แล้ว แต่เขาส่ายหน้าปฏิเสธ ทำไมล่ะ เขาให้เหตุผลว่าตั้งแต่เช้าเขาเพิ่งดื่มกาแฟรองท้องก่อนเข้าห้องประชุมไปเพียงแก้วเดียว แล้วก็ยังไม่ได้ทานอะไรอีก เอ ว่าไปฉันก็เริ่มหิวแล้วนะ ก็แหงสิ ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า โอย ถ้าคุณไม่หิวฉันก็คงจะทำงานเพลินล่ะ



                   “งั้นจะไปทานข้าวหรือคะ” ฉันถามไปทั้งๆที่รู้ เขาพยักหน้า เชิญตามสบายเถอะค่ะ ฉันจะรออยู่ในห้องนี้แหละ แต่นายภัทรกลับพูดขึ้นว่า



                   “คุณยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้าเลยไม่ใช่หรือ ตั้งแต่ตอนออกจากบ้านแม่คุณที่ชลบุรีน่ะ” เขาพูด อะไรกัน ทำไมต้องมาพูดเรื่องที่ฉันไปบ้านแม่ที่นี่ด้วย แถมยังต่อหน้าคุณเชษฐาซะด้วย ฉันหันไปมองคุณเชษฐา เขายิ้มตอบ โอย หวังว่าเขาคงไม่เข้าใจผิดหรอกนะ...ฉันคิด

        

                    “งั้นก็ไปทานด้วยกันมั้ยครับ” เขาถาม ไปดีมั้ยน้า ไปก็ดีแฮะ ฉันจึงพยักหน้าแล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้กำมะหยี่สีแดงเข้ม เดินตรงไปยังประตูที่คุณเชษฐาเปิดค้างไว้เพื่อรอให้ฉันเดินออกไปก่อน ฉันก้มหัวเป็นเชิงขอบคุณเมื่อเดินผ่านเขาไป



                     เมื่อมาถึงร้านอาหาร โอ้โห สวยจริงๆ แต่น่าน้อยใจจังน้า เขาก็คงจะพาผู้หญิงมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆสินะ



                     “จะทานอะไรก็เชิญสั่งตามสบายเลยนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง” เขาบอก ยิ้มรับเต็มที่ ฉันรีบปฏิเสธ



                     “ไม่ได้หรอกค่ะ มื้อนี้ฉันควรจะเป็นคนจ่ายมากกว่า ไม่ใช่คุณ”

      

                     “โธ่เอ๊ย มิได้หรอกครับ ไม่มีผู้ชายคนใดในโลก ยิ่งเฉพาะเป็นผมด้วยแล้ว ให้ผู้หญิงเลี้ยงข้าวหรอกครับ” เขาพูด แหม ช่างเป็นคนเกรงอกเกรงใจเหลือเกินนะ ผิดกับใครบางคนแถวนี้ลิบลับ ฉันคิด เอ๊ะ เดี๋ยวนี้ฉันเป็นอะไรไปนะ ไม่ว่าจะทำอะไรจะคิดอะไร ถึงได้มีนายคนนี้เอี่ยวไปหมดทุกอย่างเลยนะ ฉันควรจะเลิกยุ่งกับเขามากไปกว่านี้ได้แล้ว

        

                     หลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเราทั้ง ๓ คนก็ออกจากร้านอาหารตรงไปยังโรงละครกิตินนท์ทันที



                     ฉันทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นายภัทรก็เหมือนกัน ดูเขาตั้งใจทำงานดีเหมือนกันนะ ไม่รู้สิ ทั้งคุณเชษฐาและคุณระพีภัทร พอถึงเวลาทำงานก็ตั้งอกตั้งใจทำงานกันอย่างจริงจัง จนฉันอดชื่นชมไม่ได้ เอาเถอะ แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่นายภัทรนั่นพอจะสงบปากสงบคำกับเขาได้บ้าง เขาก็ดูดีไม่เบาทีเดียว



                    อุ๊ย เอาอีกแล้วไง ยายดาวเอ๊ย ขืนเป็นแบบนี้ไม่ต้องไปผุดไปเกิดซะที บอกให้เลิกคิดถึงนายภัทรนั่นได้แล้ว



                    ฉันควรจะสนใจว่าที่แฟนหมายเลข ๑ ของฉันซะที คิดได้ดังนั้นฉันก็จะเข้าไปทำความสนิทสนมกับเขาบ้าง ก็พอดีโทรศัพท์เจ้ากรรมดังขึ้น ใครกันนะ ชอบมาขัดจังหวะเรื่อยเชียว ฉันรับไป น้ำเสียงไม่พอใจอย่างแรง อ้าว คุณณัฐเหรอ มีอะไรล่ะ มากรุงเทพฯ แล้วมาบอกฉันทำไมกัน หา ให้จดที่อยู่คุณเหรอ ไม่เอาหรอก ฉันไม่ได้ชอบคุณ อยากจะบอกไปอย่างงั้นเหลือเกิน แต่มันคงจะดูไม่มีมารยาทมากๆ ฉันจึงต้องรับเบอร์ติดต่อเขามา



                    เชอะ ฉันไม่มีวันโทรไปหาคุณแน่ คุณเองนะที่เป็นคนทิ้งฉันน่ะ ป่านนี้เพิ่งจะมารู้เหรอว่าควรทำยังไง มันสายไปแล้วล่ะคุณณัฐ แต่ฉันก็เออออห่อหมกไปกับเขาแล้วก็พยายามจะรีบวางสายอย่างเร็วที่สุด แต่เขาก็ร่ายซะยาว ว่าแต่ว่าเขารู้เบอร์ฉันได้ไง ฉันถามไป เขาตอบว่ารู้มาจากแม่ โธ่ คุณแม่นะคุณแม่ ไปบอกเขาทำไมนะ เบอร์ของหนูน่ะ เอาเถอะ ฉันจะวางล่ะ ฉันคิดแล้วก็วางโดยไม่บอกกล่าวอีกฝ่าย แล้วก็กลับมาทำงานเหมือนเดิม



                    เกือบเย็น งานก็เสร็จ เฮ้อ เหนื่อยเหมือนกันนะ ต้องไปโรงละครชัยสวัสดิ์อีกล่ะเนี่ย เฮ้อ อีกนานแน่เลยกว่าจะได้กลับบ้าน คุณเชษฐาเขาก็เข้ามาคุยกับฉันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่นายภัทรจะพาฉันไปโรงละครชัยสวัสดิ์



                    “อาทิตย์หน้าไปงานเลี้ยงของวงการมายาซะหน่อยมั้ยครับ คุณดารา” เขาชวน เอ๋ เขาจะชวนให้ฉันไปเป็นคู่เขาเหรอ ฉันมองหน้าเขาอยู่นานจนเขาแปลกใจ เขาทวนอีกครั้ง คุณจะเป็นคู่ของผมได้มั้ยครับ ว้าย ที่เขาชวนฉันจริงๆน่ะหรือ ดีใจจัง ฉันควรจะตกลงสินะ ฉันพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกับชายตามองเขา เขายิ้มเบาๆ แล้วฉันก็บอกลาเขา หลังจากนั้นฉันก็เดินมาขึ้นรถข้างหน้าข้างคนขับที่รออยู่ก่อนแล้ว



                    บรรยากาศเงียบกริบ นายภัทรนี่ไปกินรังแตนมาจากไหนเหรอ ฉันคิดขณะเหลือบมองเขา หน้าเขาบึ้งจนคิ้วจนชนกันไปหมด เอาเถอะ เขาอาจจะอยากกลับไปหาแฟนก็ได้นะ



                    “คุณมีแฟนแล้วเหรอ” ฉันถาม เขาทำหน้างงๆ อ้าว เขายังไม่มีหรอกเหรอ ก็ท่าทางเขาจะจีบผู้หญิงเก่งนี่นา



                    “ยังหรอกครับ คุณสนใจด้วยหรือ” เขาปฏิเสธพร้อมกับตั้งคำถาม



                    “ไม่ได้สนใจหรอกย่ะ ก็ฉันเห็นนายทำหน้าบึ้งอย่างนั้นก็นึกว่าอยากกลับบ้านไปหาแฟนน่ะสิ” ฉันพูดประชดเขา พร้อมกับเชิดหน้าไปทางอื่น เหมือนว่าเขาจะหัวเราะ ฉันหันไปก็ไม่เห็นเขาจะขำอะไรนักหนานี่



                    หลังจากนั้นพวกเราก็มาถึงโรงละครชัยสวัสดิ์ เราไม่ได้พูดกันอีกตั้งแต่ฉันเงียบไปคราวนั้น เขาก็ไม่ได้แหย่ฉันหรอกนะ แต่ฉันเริ่มรู้สึกแปลกๆเข้าแล้วไงล่ะ เสร็จงานก็ประมาณ ๔ ทุ่มกว่า ฉันมองนาฬิกา โอ้โห นี่ฉันตั้งใจทำงานถึงขนาดนี้เชียว จะกลับบ้านยังไงล่ะ ยังไม่ทันจะคิดได้ ก็มีมือมาสะกิดฉันก่อน ฉันหันไป นายภัทรนี่เอง ฉันทำหน้าไปคล้ายจะถามว่าอะไร เขาถามฉันว่าจะให้ไปส่งมั้ย ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ฉันพยักหน้าไป เห็นเขายิ้มก่อนจะเดินนำไปยังที่จอดรถ หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันแปลกใจที่เขาพาฉันมาส่งถึงบ้านถูกโดยไม่ต้องบอกทางเลย นี่เขารู้ได้ยังไงนะ



                    “เออนี่ ขอเบอร์คุณหน่อยสิ” ฉันบอก เขายื่นนามบัตรให้ \"ขอบใจ\" ฉันพูดแล้วเดินเข้าตึกมาเลย โดยไม่ได้หันไปมองเขาอีก ฉันเพิ่งนึกได้ตอนฉันแช่น้ำอยู่ในอ่าง เขามาส่งฉันแล้วเขาก็ต้องเอารถไปคืนที่บริษัทอีกน่ะสิ แล้วเขาจะกลับถึงบ้านกี่ทุ่มนะ



                    พอฉันแต่งตัวเสร็จฉันก็หยิบเบอร์เขาแล้วก็กดไปที่บ้านทันที ไม่มีคนรับสายแฮะ รออีกหน่อยละกัน อ้าว สายตัดไปละ นี่กี่โมงแล้วหว่า ฉันคิดพลางเงยมองนาฬิกา จะเที่ยงคืนอยู่แล้ว นี่เขายังไม่กลับบ้านอีกเหรอ โทรเข้ามือถือดีมั้ยน้า แล้วฝากข้อความเอาไว้ ลองโทรดูก็ได้ เดี๋ยวถ้าเขากลับถึงบ้านช้าแล้วจะมาพลอยว่าฉันด้วยอีกน่ะสิ ฉันลองโทรไป เย้ ติดแล้ว รับสิๆ คุณระพีภัทรเหรอ ฉันถาม เขาตอบมาพร้อมกับเสียงหัวเราะหึๆในลำคอว่าใช่ ฉันจึงถามว่าทำไมยังไม่ถึงบ้าน เขาก็ตอบมาอีกว่า ก็เพิ่งจะออกจากที่บริษัทที่ฉันทำงานอยู่เมื่อกี้นี้ ฉันก็เลยบอกเบอร์ของฉันให้เขาไป แล้วฉันก็บอกเขาว่าถ้าถึงบ้านแล้วให้โทรมาบอกฉันด้วย หลังจากนั้นฉันก็วางหูโดยไม่รออีกฝ่ายโต้แย้งใดๆอีก ฉันเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ แต่ก็ลุกเดินเข้าครัวไปชงกาแฟ ก็เขาเพิ่งออกจากบริษัทเอง ฉันควรจะรอเขาติดต่อมา ฉันถึงจะกล้าหลับ ก็ฉันเป็นคนทำให้เขากลับบ้านช้านี่นา รอจนตีสองตีสามไม่เห็นโทรมาเลย นายระพีภัทรบ้า ฉันคิดจนผล็อยหลับไป
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×