ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บ้านของเขา!? ฮึ ฉันไม่สนใจซะหน่อย
              ฉันแทบจะหลับตาตลอดทาง ก็เขาซิ่งจนฉันแทบจะเปิดเปลือกตาไม่ได้น่ะสิ ถึงจะใส่ใส่หมวกกันน็อคก็ตามที  เมื่อเวลาผ่านไปได้นานพอสมควร ฉันรู้สึกถึงว่ารถชลอตัวลงแล้วจอดสนิทลง ฉันเปิดเปลือกตา เห็นคุณระพีภัทรหันมาแวบๆ แต่พอฉันมองไปเขาก็หันกลับไปข้างหน้าอีก ฉันจึงปล่อยมือจากเอวเขา แล้วค่อยๆ ลงจากรถ พอฉันลงถึงพื้นแล้วเขาถึงจะเอาขาหยั่งรถออกแล้วเขาก็ลงจากรถมาหาฉัน
              “เป็นไงครับ ที่นี่” เขาถาม ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อืม ที่นี่ดีมากทีเดียว รู้สึกเหมือนได้กลับมาที่บ้าน ก็ที่นี่คือทะเล แต่ฉันไม่รู้ว่านี่คือจังหวัดอะไร รอบๆหาดมีแต่ต้นสนกับมะพร้าวขึ้นเรียงรายตลอดริมฝั่ง ต่างกับแถวบ้านฉันซึ่งเป็นหาดโปร่งไม่มีต้นไม้ขึ้นเยอะอย่างนี้ ฉันมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงกว่าๆ เอง นี่เขาพาออกจากกรุงเทพฯมาเมื่อ ๓ ชั่วโมงกว่าๆ เองนะ ซิ่งจริงๆด้วย
              “ที่นี่ที่ไหนคะ” ฉันถามอย่างสุภาพ มันคงจะเป็นประโยคเดียวที่ฉันเพิ่งพูดกับเขาในวันนี้ เขาหัวเราะอย่างพอใจ
              “ที่นี่ชลบุรีครับ บ้านผมอยู่แถวนี้ คุณจะไปมั้ยล่ะครับ” เขาตอบ แล้วเขาก็ตั้งคำถามอีก ลากฉันมาถึงบ้านตัวเองแล้วถ้าฉันไม่เข้าไปก็น่าเกลียดแย่น่ะสิ ฉันก็เลยพยักหน้าไป เขาก็ยิ้มๆอีก ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่เลยแฮะ
    เขาเดินนำไปเรื่อยๆ เดินไปจนฉันจะขาลากอยู่แล้ว ฉันคิดแต่ไม่ได้ปริปากพูดอะไร ก็เขาทำหน้าเหมือนกับว่าตามหาขุมทรัพย์งั้นแหละ ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะเจอกองสมบัติมากมายอยู่แน่ๆ เฮ้อ ฉันนี่น้ำเน่าจริงๆ เลิกเหอะน่า คิดอะไรบ๊องๆอยู่ได้แฮะ
              ฉันเหนื่อยขึ้นตลอดระยะทางที่เดิน ทางมันลุ่มๆดอนๆเพราะว่าเป็นทราย แถมยังต้องออกแรงดันตัวไปข้างหน้าเพื่อไปให้หงายหลังไป ฉันหยุดเดินก็หอบหายใจทันที เฮ้อ เหนื่อยจนแทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว ฉันก้มหน้า ทำไมทางมันไกลอย่างนี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามานะ
              “เดินไม่ไหวแล้วเหรอ” เสียงคุณระพีภัทรดังขึ้นข้างหน้า อ้าว เขามาอยู่ตรงหน้าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันพยักหน้า ก็มันเหนื่อย ขืนฉันเดินไปมากกว่านี้มีหวังฉันได้ล้มทั้งยืนแน่ เขาเข้ามาช่วยพยุง เขายังเป็นสุภาพบุรุษอยู่
              “อยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ ตรงนั้นไง เห็นมั้ย” เขาบอกพร้อมกับชี้ไปที่บ้านไม้หลังหนึ่ง โอ้ อยู่ไม่ไกลจริงๆ ฉันผละเขาออก แล้วเอาแรงเฮือกสุดท้ายวิ่งไป เขาตกใจเล็กน้อยที่ฉันผละเขาออกหรือว่าเขากลัวว่าฉันจะเป็นลมเป็นแล้งไปงั้นหรือ
    ฉันวิ่งมาถึงแล้ว นั่งพักอยู่ตรงใต้ถุนบ้านนั้น คุณระพีภัทรเขาวิ่งเหยาะๆมา ดูเขาเหนื่อยนะ  ใช่สิ มันต้องเหนื่อยนะ แต่ฉันไม่มีแรงแล้วล่ะ เปลือกตามันก็หนักๆล่ะ......
              “อ้าว คุณ ” เหมือนไม่ได้รับรู้อะไรแล้ว เสียงคุณระพีภัทรแว่วไป
              “อ้าว รู้สึกตัวแล้วเหรอจ๊ะ” เสียงผู้หญิงดังขึ้น อะไรเย็นๆที่หน้าผาก ฉันคลำมือไป ผ้าเย็นเหรอ นี่ใครน่ะ ฉันคิด แล้วฉันมาอยู่ทีนี่ อ้อ คุณระพีภัทร บ้านของคุณระพีภัทร แล้วคุณระพีภัทรล่ะ ฉันกวาดตามองไปรอบๆ
              “มองหาภัทรเหรอจ๊ะ” เสียงผู้หญิงคนเดิมถาม ฉันพยักหน้า เธอยิ้มตอบ
              “ภัทรอยู่ในห้องครัวจ๊ะ ภัทรเขาคงไปอุ่นอะไรมาให้หนู ” เธอตอบแต่เว้นช่วงไป
              “ดาวค่ะ ดารา” ฉันเติมในส่วนที่ขาดหายไป ฉันยิ้มให้หล่อน เธอก็ยิ้มมาให้ฉันอีก
              “หนูดา หรือหนูดาวดีล่ะจ๊ะ” ร่างท้วมถาม ฉันยิ้มอีก ไม่ค่อยถนัดกับผู้หญิงใจดีอย่างงี้แฮะ แล้วหล่อนเป็นแม่ของคุณระพีภัทรเหรอ  ฉันเลิกคิ้ว แต่ฉันไม่ควรจะถามออกไปหรอก มันดูเสียมารยาทนะ
              “คุณแม่ครับ” เสียงคุณระพีภัทรดังขึ้นจากชั้นล่าง ร่างท้วมลุกขึ้น เธอตรงไปเปิดประตู แล้วตะโกนกลับไป
              “อะไรจ๊ะ” หล่อนตะโกนถามตอบเสียงนั้นไป
              “ถาดอยู่ไหนครับ” เสียงเดิมดังขึ้นมาอีก หญิงสาวยิ้มตอบไป
              “เดี๋ยวแม่ ลงไปช่วยดีกว่า” เธอยิ้มอีกแล้ว เอ จะปล่อยให้ฉันอยู่ตรงนี้คนเดียวเหรอ ไม่เอานะ
              “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวลงไปทานข้างล่างก็ได้” ฉันบอกไป เธอยิ้มอีกพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงเล็กน้อย
              ฉันเดินลงบันไดมา โอ้  ลมที่พัดจากทะเลช่างเย็นสบายดีจริงๆ ร่างท้วมเดินนำฉันไปก่อน เธอเดินไปยังหลังบ้าน ฉันเดินตามไป เข้าไปในห้องเล็กๆ แต่ไม่ถึงกับเล็กมาก คุณระพีภัทรอยู่ที่นั่น ฉันหันไปสบตากับเขาพอดี แต่เขาหลบตาทันที ทำไมล่ะ มีอะไรเหรอ ฉันหันไปทางร่างท้วม เธอก็หันมาสบตากับฉันแล้วยิ้มๆ แปลกจัง นี่ฉันงงไปหมดแล้วนะ
              “ฉันช่วยมั้ยคะ” ฉันถาม ก็ฉันไม่ชอบนั่งดูคนอื่นเข้าทำงานกัน ถึงฉันจะเป็นแขกก็ตามทีเถอะ คุณระพีภัทรหันมามองแล้วยิ้ม อีกแล้ว ฉันงงอีกแล้วนะ ทำไมคุณชอบแสดงกิริยาแปลกๆ ฉันเดาใจคุณไม่ถูกเลยนะเนี่ย แต่เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย ฉันคาดว่าถ้าไม่ได้สังเกตดูก็คงจะไม่รู้ อะไรกันแน่เนี่ย
    หลังจากทานข้าวเสร็จ ฉันก็ขอตัวออกมาเดินรับลมริมหาด ก็คล้อยบ่ายแล้ว ฉันนั่งจมปลักอยู่ตรงนั้นตั้งนาน จนเสียงคุณระพีภัทรมาดังข้างหลังฉัน ทำให้ฉันสะดุ้งตัว ฉันหันไปมองเขาแล้วก็หันกลับมาทางเดิม ทำเป็นว่าไม่ได้สนใจ
              “แหม การออกมากินข้าวกับคุณนี่ระยะทางมันช่างไกลเหลือเกินนะ” ฉันพูดประชดๆ ไป เขาหัวเราะ
              “ขอโทษครับ จริงๆผมก็อยากจะขับมอเตอร์ไซค์มาหรอก แต่อยากจะ Surprise แม่ซักหน่อย กลายเป็นว่าทำให้คุณต้องลำบาก” เขาพูด ทำหน้าหงอยๆ เอาเถอะ เขาก็คงจะไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ ฉันส่ายหัวไป เขาก็คงจะรู้ว่าฉันก็ไม่ได้โกรธเขาหรอก
              “แล้วขากลับล่ะ” ฉันถาม เขาเบิกตากว้าง แล้วขมวดคิ้ว อย่าบอกนะว่านี่ไม่ได้คิดถึงตอนกลับน่ะ
              “เดี๋ยวผมไปเอารถมาล่ะกันนะ” เขาตอบ เป็นคำตอบที่ฉันอยากฟังที่สุด ฉันพยักหน้า เขายิ้มให้ฉันแล้วเขาก็ลุกออกจากตรงนี้ไป เฮ้อ ที่นี่ชลบุรีเหรอ บ้านฉันก็อยู่ชลฯนะ อยากไปหาแม่เหมือนกัน ชวนเขาไปดีมั้ยล่ะ มันน่าเกลียดนะ ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาซักหน่อยอยู่ดีๆจะชวนไปบ้าน ไม่เอาดีกว่า ไว้วันหลังฉันมากับยายลิก็ได้
    สักพักเขาก็เดินจูงมอเตอร์ไซค์มา อ้าว ทำไมเขาไม่ขี่มาล่ะ แปลกแฮะ มันเหนื่อยไม่ใช่เหรอ ช่างเขาเถอะ เลิกสนใจเขาบ้างจะได้มั้ยยายดาวเอ๊ย
              “ทำไมคุณไม่ขี่มาล่ะ” ฉันถาม เขายิ้มพลางส่ายหน้า ช่างเถอะ ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ ฉันก็ไม่ได้อยากรู้มากถึงขนาดนั้นนี่
              “จะกลับรึยังครับ” เขาถาม ฉันส่ายหัว ยังอยากอยู่ต่ออีกหน่อย ก็พอดีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันรีบเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าพลางควานหาอย่างด่วน ใครนะ โทรมา
              “สวัสดีค่ะ” ฉันรับโทรศัพท์ อ้าว พี่เดือนนี่เอง อะไรนะ จะให้ฉันไปบ้านแม่ มีคนที่แม่อยากจะแนะนำให้รู้จัก โธ่ ทำไมต้องมารู้จักกันอะไรตอนนี้ ฉันถามไป พี่เดือนตอบกลับมาว่า คุณณัฐพงศ์ ที่ตอนเด็กๆเล่นด้วยกันบ่อยๆน่ะ เขากลับมาจากอเมริกา แล้วเขาก็จะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯน่ะสิ พี่ก็ตอบอะไรแปลกๆแฮะ เราสองคนก็อยู่กรุงเทพฯ ทำอย่างกับว่าจะไม่มีทางได้เจอกันงั้นแหละ เอาเถอะ แม่อยากให้ไปนักหนาก็จะไป ฉันจึงตอบตกลงแล้ววางสายซะ
              จะบอกกับคุณระพีภัทรยังไงล่ะ พูดไปตรงๆเลยดีมั้ย ฉันจ้องหน้าเขาอยู่นาน แต่ฉันไม่รู้ตัว เขาจึงมองฉันด้วยท่าทีแปลกๆ นั่นแหละฉันรู้เลย หน้าฉันเปลี่ยนสีจนกลายเป็นสีเข้ม เขาหัวเราะออกมาซะเสียงดัง ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ฉันคิดอย่างเจ็บใจ
              “คุณระพีภัทร” ฉันเรียก ดูเหมือนว่าเขาจะหยุดหัวเราะไปแล้วตอนที่ฉันเรียก เขาเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่ามีอะไร
              “ฉันอยากให้คุณพาไปที่ที่หนึ่ง” ฉันบอกไป เขายิ้มรับแล้วพยักหน้า อืม ก็ดี ที่เขาไม่เอาแต่ใจตัวเองเท่าไร
    ฉันบอกทางเขา เขาก็บอกว่ารู้แล้วว่าอยู่ตรงไหน ฉันรู้สึกแปลกใจ เขารู้แผนที่ทั่วจังหวัดเลยรึไงนะ แต่ฉันก็ไม่ได้ถามออกไปหรอก มันดูไร้สาระเกินไปที่จะถาม พอเขาบอกว่าน่าจะไปถูกเขาก็เดินไปขึ้นรถทันที ฉันต้องจำใจขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย แล้วเกาะเอวเขาไว้เหมือนเดิม
    ตลอดทางที่รถวิ่งอยู่ ฉันก็ยังคงหลับตาอยู่เหมือนเดิม ก็มันกลัวนี่นา ดูเหมือนกับเขาจะแกล้งขับเร็วขึ้นด้วยซ้ำ ฉันเลยต้องเกาะเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม ถ้าตกลงไปล่ะก็ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะงานนี้
    เช่นเดิม ฉันรอจนรถชลอฉันถึงจะลืมตาได้ ทำไมนายนี่ถึงไม่กลัวรถจะล้มรึคว่ำรึไงนะ ถึงได้ซิ่งดังจะไปนรกแบบนี้ ฉันคิดพลางเหลือบมองเขา เขาก็มองฉันอยู่ก่อนแล้ว ฉันจึงโยนหมวกให้เขาแล้วลงจากรถ เดินปรี่เข้าบ้านไป เหมือนเขาจะหัวเราะ แต่พอฉันหันไปมอง เขากลับหันหน้าไปทางอื่น เชอะ ฉันกระแทกเท้าขึ้นบ้านไปชั้นบน
              “อ้าว ยายดาวมาแล้ว” เสียงแม่ฉันดังขึ้นเมื่อท่านเห็นฉัน ฉันตรงเข้าไปกอดท่านแล้วก็ไหว้งามๆ กับพ่อก็ด้วย ไหว้เหมือนกัน เราก็ทักทายกันตามประสาพ่อแม่ลูกล่ะ พี่เดือนไม่รู้ไปไหน แล้วไหนล่ะ คนที่แม่อยากให้ฉันเจอ ฉันคิดพลางมองหาไปรอบๆ ไม่มีวี่แววใครเลยนอกจากพ่อ แม่ และฉัน
              “แม่คะ ไหนล่ะคะ คนที่แม่บอกจะให้ดามาพบน่ะ” ฉันเอ่ยปากถาม แม่หัวเราะ ท่านชี้ออกไปนอกหน้าต่างไปทางสวนหลังบ้าน พี่เดือนก็อยู่แน่ะ พ่อกระซิบบอก ฉันจึงขอตัวลงไปหาเขาและพี่เดือน ตอนลงไปฉันเห็นคุณระพีภัทรนั่งอยู่ตรงใต้ถุนเงียบๆ คนเดียว ฉันยังไม่ได้แนะนำเขาให้พ่อแม่รู้จักเลยนี่นา มันออกจะดูไม่มีมารยาทเอาซะเลย คิดได้ดังนั้นฉันจึงเดินไปสะกิดเขา เขาหันมามอง แล้วเขาก็เลิกคิ้วเป็นเชิงจะถามว่ามีอะไร
              “คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ข้างบน คุณจะพบท่านมั้ย” ฉันถาม เขาพยักหน้า ก็ต้องทำตามมารยาทแหละน้อ ไม่งั้นเขาคงอยากนั่งอยู่เงียบๆมากกว่า ฉันเดินนำเขาไปขึ้นชั้นบนแล้วฉันก็ขอตัวลงมา ฉันรีบเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน พี่เดือนอยู่ไหนล่ะ อ้อ อยู่นั่นไง แล้วพี่เดือนบอกว่าเขาชื่ออะไรนะ ณัฐๆ ณัฐอะไรหว่า ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเข้าไปทักก็รู้เองแหละ
              พี่เดือนคงสังเกตเห็นฉันก่อนละมั้ง เพราะฉันยังไม่ทันจะเดินเข้าไปถึงตัวเลย พี่เดือนก็ตะโกนเรียกฉันอย่างไม่อายแขกเลย ฉันจึงเดินไปหาทั้งคู่ด้วยความอาย แต่ฉันก็พยายามปิดเอาไว้ พี่เดือนกระซิบเมื่อฉันเดินเข้าไปถึงตัวว่า ยายดาว นี่คุณณัฐพงศ์ เพื่อนบ้านเราตอนเด็กๆไง รักแรกของเธอ ลืมไปรึยัง ลืมไปแล้ว ฉันอยากจะตอบไปอย่างงั้น แต่ ไม่พูดดีกว่า คุณณัฐพงศ์เป็นรักแรกของฉันเมื่อตอนเด็กๆ ก็เขาเป็นคนคอยช่วยเหลือฉันซะเกือบทุกเรื่องเลยน่ะสิ เราก็เลยสนิทกันมาก แต่เขาดันไปชอบพี่เดือนซะนี่ ฉันก็เลยตัดใจจากเขา จนป่านนี้แม้แต่ชื่อเขา ฉันก็ยังจำไม่ได้เลยล่ะ
              “สวัสดีค่ะ คุณณัฐพงศ์ ฉันดาวค่ะ ดารา จำได้มั้ยคะ” ฉันแนะนำตัว พร้อมกับตั้งคำถามเขา เขาพยักหน้าแล้วยิ้ม
              “ไม่ลืมหรอก สองพี่น้องสุดสวยประจำจังหวัด ยิ่งโตขึ้นยิ่งสวยไม่แพ้พี่เลยนะ” เขาพูด ตอบอย่างนี้ก็แสดงว่ายังไงฉันก็สวยสู้พี่ไม่ได้อยู่แล้วสิ ฉันทำหน้าบึ้ง พี่เดือนคงรู้ว่าฉันไม่พอใจ เลยไล่ฉันกลับขึ้นบ้านไป ฉันจึงรีบปลีกตัวออกมาก่อน ระหว่างทางที่กลับฉันก็บังเอิญไปสบตากับนายภัทรที่เผอิญมองลงมาข้างล่างในสวนพอดี ฉันรีบหลบหน้าเขา ไม่รู้ว่าทำไมต้องหลบเหมือนกันแฮะ
              “เป็นไงครับ ที่นี่” เขาถาม ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อืม ที่นี่ดีมากทีเดียว รู้สึกเหมือนได้กลับมาที่บ้าน ก็ที่นี่คือทะเล แต่ฉันไม่รู้ว่านี่คือจังหวัดอะไร รอบๆหาดมีแต่ต้นสนกับมะพร้าวขึ้นเรียงรายตลอดริมฝั่ง ต่างกับแถวบ้านฉันซึ่งเป็นหาดโปร่งไม่มีต้นไม้ขึ้นเยอะอย่างนี้ ฉันมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เพิ่งจะเที่ยงกว่าๆ เอง นี่เขาพาออกจากกรุงเทพฯมาเมื่อ ๓ ชั่วโมงกว่าๆ เองนะ ซิ่งจริงๆด้วย
              “ที่นี่ที่ไหนคะ” ฉันถามอย่างสุภาพ มันคงจะเป็นประโยคเดียวที่ฉันเพิ่งพูดกับเขาในวันนี้ เขาหัวเราะอย่างพอใจ
              “ที่นี่ชลบุรีครับ บ้านผมอยู่แถวนี้ คุณจะไปมั้ยล่ะครับ” เขาตอบ แล้วเขาก็ตั้งคำถามอีก ลากฉันมาถึงบ้านตัวเองแล้วถ้าฉันไม่เข้าไปก็น่าเกลียดแย่น่ะสิ ฉันก็เลยพยักหน้าไป เขาก็ยิ้มๆอีก ไม่ค่อยเข้าใจเขาเท่าไหร่เลยแฮะ
    เขาเดินนำไปเรื่อยๆ เดินไปจนฉันจะขาลากอยู่แล้ว ฉันคิดแต่ไม่ได้ปริปากพูดอะไร ก็เขาทำหน้าเหมือนกับว่าตามหาขุมทรัพย์งั้นแหละ ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะเจอกองสมบัติมากมายอยู่แน่ๆ เฮ้อ ฉันนี่น้ำเน่าจริงๆ เลิกเหอะน่า คิดอะไรบ๊องๆอยู่ได้แฮะ
              ฉันเหนื่อยขึ้นตลอดระยะทางที่เดิน ทางมันลุ่มๆดอนๆเพราะว่าเป็นทราย แถมยังต้องออกแรงดันตัวไปข้างหน้าเพื่อไปให้หงายหลังไป ฉันหยุดเดินก็หอบหายใจทันที เฮ้อ เหนื่อยจนแทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว ฉันก้มหน้า ทำไมทางมันไกลอย่างนี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่ขับมอเตอร์ไซค์เข้ามานะ
              “เดินไม่ไหวแล้วเหรอ” เสียงคุณระพีภัทรดังขึ้นข้างหน้า อ้าว เขามาอยู่ตรงหน้าฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันพยักหน้า ก็มันเหนื่อย ขืนฉันเดินไปมากกว่านี้มีหวังฉันได้ล้มทั้งยืนแน่ เขาเข้ามาช่วยพยุง เขายังเป็นสุภาพบุรุษอยู่
              “อยู่ไม่ไกลแล้วล่ะ ตรงนั้นไง เห็นมั้ย” เขาบอกพร้อมกับชี้ไปที่บ้านไม้หลังหนึ่ง โอ้ อยู่ไม่ไกลจริงๆ ฉันผละเขาออก แล้วเอาแรงเฮือกสุดท้ายวิ่งไป เขาตกใจเล็กน้อยที่ฉันผละเขาออกหรือว่าเขากลัวว่าฉันจะเป็นลมเป็นแล้งไปงั้นหรือ
    ฉันวิ่งมาถึงแล้ว นั่งพักอยู่ตรงใต้ถุนบ้านนั้น คุณระพีภัทรเขาวิ่งเหยาะๆมา ดูเขาเหนื่อยนะ  ใช่สิ มันต้องเหนื่อยนะ แต่ฉันไม่มีแรงแล้วล่ะ เปลือกตามันก็หนักๆล่ะ......
              “อ้าว คุณ ” เหมือนไม่ได้รับรู้อะไรแล้ว เสียงคุณระพีภัทรแว่วไป
              “อ้าว รู้สึกตัวแล้วเหรอจ๊ะ” เสียงผู้หญิงดังขึ้น อะไรเย็นๆที่หน้าผาก ฉันคลำมือไป ผ้าเย็นเหรอ นี่ใครน่ะ ฉันคิด แล้วฉันมาอยู่ทีนี่ อ้อ คุณระพีภัทร บ้านของคุณระพีภัทร แล้วคุณระพีภัทรล่ะ ฉันกวาดตามองไปรอบๆ
              “มองหาภัทรเหรอจ๊ะ” เสียงผู้หญิงคนเดิมถาม ฉันพยักหน้า เธอยิ้มตอบ
              “ภัทรอยู่ในห้องครัวจ๊ะ ภัทรเขาคงไปอุ่นอะไรมาให้หนู ” เธอตอบแต่เว้นช่วงไป
              “ดาวค่ะ ดารา” ฉันเติมในส่วนที่ขาดหายไป ฉันยิ้มให้หล่อน เธอก็ยิ้มมาให้ฉันอีก
              “หนูดา หรือหนูดาวดีล่ะจ๊ะ” ร่างท้วมถาม ฉันยิ้มอีก ไม่ค่อยถนัดกับผู้หญิงใจดีอย่างงี้แฮะ แล้วหล่อนเป็นแม่ของคุณระพีภัทรเหรอ  ฉันเลิกคิ้ว แต่ฉันไม่ควรจะถามออกไปหรอก มันดูเสียมารยาทนะ
              “คุณแม่ครับ” เสียงคุณระพีภัทรดังขึ้นจากชั้นล่าง ร่างท้วมลุกขึ้น เธอตรงไปเปิดประตู แล้วตะโกนกลับไป
              “อะไรจ๊ะ” หล่อนตะโกนถามตอบเสียงนั้นไป
              “ถาดอยู่ไหนครับ” เสียงเดิมดังขึ้นมาอีก หญิงสาวยิ้มตอบไป
              “เดี๋ยวแม่ ลงไปช่วยดีกว่า” เธอยิ้มอีกแล้ว เอ จะปล่อยให้ฉันอยู่ตรงนี้คนเดียวเหรอ ไม่เอานะ
              “ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ เดี๋ยวลงไปทานข้างล่างก็ได้” ฉันบอกไป เธอยิ้มอีกพร้อมกับพยักหน้าเป็นเชิงเล็กน้อย
              ฉันเดินลงบันไดมา โอ้  ลมที่พัดจากทะเลช่างเย็นสบายดีจริงๆ ร่างท้วมเดินนำฉันไปก่อน เธอเดินไปยังหลังบ้าน ฉันเดินตามไป เข้าไปในห้องเล็กๆ แต่ไม่ถึงกับเล็กมาก คุณระพีภัทรอยู่ที่นั่น ฉันหันไปสบตากับเขาพอดี แต่เขาหลบตาทันที ทำไมล่ะ มีอะไรเหรอ ฉันหันไปทางร่างท้วม เธอก็หันมาสบตากับฉันแล้วยิ้มๆ แปลกจัง นี่ฉันงงไปหมดแล้วนะ
              “ฉันช่วยมั้ยคะ” ฉันถาม ก็ฉันไม่ชอบนั่งดูคนอื่นเข้าทำงานกัน ถึงฉันจะเป็นแขกก็ตามทีเถอะ คุณระพีภัทรหันมามองแล้วยิ้ม อีกแล้ว ฉันงงอีกแล้วนะ ทำไมคุณชอบแสดงกิริยาแปลกๆ ฉันเดาใจคุณไม่ถูกเลยนะเนี่ย แต่เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย ฉันคาดว่าถ้าไม่ได้สังเกตดูก็คงจะไม่รู้ อะไรกันแน่เนี่ย
    หลังจากทานข้าวเสร็จ ฉันก็ขอตัวออกมาเดินรับลมริมหาด ก็คล้อยบ่ายแล้ว ฉันนั่งจมปลักอยู่ตรงนั้นตั้งนาน จนเสียงคุณระพีภัทรมาดังข้างหลังฉัน ทำให้ฉันสะดุ้งตัว ฉันหันไปมองเขาแล้วก็หันกลับมาทางเดิม ทำเป็นว่าไม่ได้สนใจ
              “แหม การออกมากินข้าวกับคุณนี่ระยะทางมันช่างไกลเหลือเกินนะ” ฉันพูดประชดๆ ไป เขาหัวเราะ
              “ขอโทษครับ จริงๆผมก็อยากจะขับมอเตอร์ไซค์มาหรอก แต่อยากจะ Surprise แม่ซักหน่อย กลายเป็นว่าทำให้คุณต้องลำบาก” เขาพูด ทำหน้าหงอยๆ เอาเถอะ เขาก็คงจะไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ ฉันส่ายหัวไป เขาก็คงจะรู้ว่าฉันก็ไม่ได้โกรธเขาหรอก
              “แล้วขากลับล่ะ” ฉันถาม เขาเบิกตากว้าง แล้วขมวดคิ้ว อย่าบอกนะว่านี่ไม่ได้คิดถึงตอนกลับน่ะ
              “เดี๋ยวผมไปเอารถมาล่ะกันนะ” เขาตอบ เป็นคำตอบที่ฉันอยากฟังที่สุด ฉันพยักหน้า เขายิ้มให้ฉันแล้วเขาก็ลุกออกจากตรงนี้ไป เฮ้อ ที่นี่ชลบุรีเหรอ บ้านฉันก็อยู่ชลฯนะ อยากไปหาแม่เหมือนกัน ชวนเขาไปดีมั้ยล่ะ มันน่าเกลียดนะ ไม่ได้เป็นอะไรกับเขาซักหน่อยอยู่ดีๆจะชวนไปบ้าน ไม่เอาดีกว่า ไว้วันหลังฉันมากับยายลิก็ได้
    สักพักเขาก็เดินจูงมอเตอร์ไซค์มา อ้าว ทำไมเขาไม่ขี่มาล่ะ แปลกแฮะ มันเหนื่อยไม่ใช่เหรอ ช่างเขาเถอะ เลิกสนใจเขาบ้างจะได้มั้ยยายดาวเอ๊ย
              “ทำไมคุณไม่ขี่มาล่ะ” ฉันถาม เขายิ้มพลางส่ายหน้า ช่างเถอะ ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ ฉันก็ไม่ได้อยากรู้มากถึงขนาดนั้นนี่
              “จะกลับรึยังครับ” เขาถาม ฉันส่ายหัว ยังอยากอยู่ต่ออีกหน่อย ก็พอดีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันรีบเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าพลางควานหาอย่างด่วน ใครนะ โทรมา
              “สวัสดีค่ะ” ฉันรับโทรศัพท์ อ้าว พี่เดือนนี่เอง อะไรนะ จะให้ฉันไปบ้านแม่ มีคนที่แม่อยากจะแนะนำให้รู้จัก โธ่ ทำไมต้องมารู้จักกันอะไรตอนนี้ ฉันถามไป พี่เดือนตอบกลับมาว่า คุณณัฐพงศ์ ที่ตอนเด็กๆเล่นด้วยกันบ่อยๆน่ะ เขากลับมาจากอเมริกา แล้วเขาก็จะย้ายไปอยู่กรุงเทพฯน่ะสิ พี่ก็ตอบอะไรแปลกๆแฮะ เราสองคนก็อยู่กรุงเทพฯ ทำอย่างกับว่าจะไม่มีทางได้เจอกันงั้นแหละ เอาเถอะ แม่อยากให้ไปนักหนาก็จะไป ฉันจึงตอบตกลงแล้ววางสายซะ
              จะบอกกับคุณระพีภัทรยังไงล่ะ พูดไปตรงๆเลยดีมั้ย ฉันจ้องหน้าเขาอยู่นาน แต่ฉันไม่รู้ตัว เขาจึงมองฉันด้วยท่าทีแปลกๆ นั่นแหละฉันรู้เลย หน้าฉันเปลี่ยนสีจนกลายเป็นสีเข้ม เขาหัวเราะออกมาซะเสียงดัง ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาซะเลย ฉันคิดอย่างเจ็บใจ
              “คุณระพีภัทร” ฉันเรียก ดูเหมือนว่าเขาจะหยุดหัวเราะไปแล้วตอนที่ฉันเรียก เขาเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่ามีอะไร
              “ฉันอยากให้คุณพาไปที่ที่หนึ่ง” ฉันบอกไป เขายิ้มรับแล้วพยักหน้า อืม ก็ดี ที่เขาไม่เอาแต่ใจตัวเองเท่าไร
    ฉันบอกทางเขา เขาก็บอกว่ารู้แล้วว่าอยู่ตรงไหน ฉันรู้สึกแปลกใจ เขารู้แผนที่ทั่วจังหวัดเลยรึไงนะ แต่ฉันก็ไม่ได้ถามออกไปหรอก มันดูไร้สาระเกินไปที่จะถาม พอเขาบอกว่าน่าจะไปถูกเขาก็เดินไปขึ้นรถทันที ฉันต้องจำใจขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย แล้วเกาะเอวเขาไว้เหมือนเดิม
    ตลอดทางที่รถวิ่งอยู่ ฉันก็ยังคงหลับตาอยู่เหมือนเดิม ก็มันกลัวนี่นา ดูเหมือนกับเขาจะแกล้งขับเร็วขึ้นด้วยซ้ำ ฉันเลยต้องเกาะเขาแน่นขึ้นกว่าเดิม ถ้าตกลงไปล่ะก็ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตล่ะงานนี้
    เช่นเดิม ฉันรอจนรถชลอฉันถึงจะลืมตาได้ ทำไมนายนี่ถึงไม่กลัวรถจะล้มรึคว่ำรึไงนะ ถึงได้ซิ่งดังจะไปนรกแบบนี้ ฉันคิดพลางเหลือบมองเขา เขาก็มองฉันอยู่ก่อนแล้ว ฉันจึงโยนหมวกให้เขาแล้วลงจากรถ เดินปรี่เข้าบ้านไป เหมือนเขาจะหัวเราะ แต่พอฉันหันไปมอง เขากลับหันหน้าไปทางอื่น เชอะ ฉันกระแทกเท้าขึ้นบ้านไปชั้นบน
              “อ้าว ยายดาวมาแล้ว” เสียงแม่ฉันดังขึ้นเมื่อท่านเห็นฉัน ฉันตรงเข้าไปกอดท่านแล้วก็ไหว้งามๆ กับพ่อก็ด้วย ไหว้เหมือนกัน เราก็ทักทายกันตามประสาพ่อแม่ลูกล่ะ พี่เดือนไม่รู้ไปไหน แล้วไหนล่ะ คนที่แม่อยากให้ฉันเจอ ฉันคิดพลางมองหาไปรอบๆ ไม่มีวี่แววใครเลยนอกจากพ่อ แม่ และฉัน
              “แม่คะ ไหนล่ะคะ คนที่แม่บอกจะให้ดามาพบน่ะ” ฉันเอ่ยปากถาม แม่หัวเราะ ท่านชี้ออกไปนอกหน้าต่างไปทางสวนหลังบ้าน พี่เดือนก็อยู่แน่ะ พ่อกระซิบบอก ฉันจึงขอตัวลงไปหาเขาและพี่เดือน ตอนลงไปฉันเห็นคุณระพีภัทรนั่งอยู่ตรงใต้ถุนเงียบๆ คนเดียว ฉันยังไม่ได้แนะนำเขาให้พ่อแม่รู้จักเลยนี่นา มันออกจะดูไม่มีมารยาทเอาซะเลย คิดได้ดังนั้นฉันจึงเดินไปสะกิดเขา เขาหันมามอง แล้วเขาก็เลิกคิ้วเป็นเชิงจะถามว่ามีอะไร
              “คุณพ่อกับคุณแม่อยู่ข้างบน คุณจะพบท่านมั้ย” ฉันถาม เขาพยักหน้า ก็ต้องทำตามมารยาทแหละน้อ ไม่งั้นเขาคงอยากนั่งอยู่เงียบๆมากกว่า ฉันเดินนำเขาไปขึ้นชั้นบนแล้วฉันก็ขอตัวลงมา ฉันรีบเดินเข้าไปในสวนหลังบ้าน พี่เดือนอยู่ไหนล่ะ อ้อ อยู่นั่นไง แล้วพี่เดือนบอกว่าเขาชื่ออะไรนะ ณัฐๆ ณัฐอะไรหว่า ช่างมันเถอะ เดี๋ยวเข้าไปทักก็รู้เองแหละ
              พี่เดือนคงสังเกตเห็นฉันก่อนละมั้ง เพราะฉันยังไม่ทันจะเดินเข้าไปถึงตัวเลย พี่เดือนก็ตะโกนเรียกฉันอย่างไม่อายแขกเลย ฉันจึงเดินไปหาทั้งคู่ด้วยความอาย แต่ฉันก็พยายามปิดเอาไว้ พี่เดือนกระซิบเมื่อฉันเดินเข้าไปถึงตัวว่า ยายดาว นี่คุณณัฐพงศ์ เพื่อนบ้านเราตอนเด็กๆไง รักแรกของเธอ ลืมไปรึยัง ลืมไปแล้ว ฉันอยากจะตอบไปอย่างงั้น แต่ ไม่พูดดีกว่า คุณณัฐพงศ์เป็นรักแรกของฉันเมื่อตอนเด็กๆ ก็เขาเป็นคนคอยช่วยเหลือฉันซะเกือบทุกเรื่องเลยน่ะสิ เราก็เลยสนิทกันมาก แต่เขาดันไปชอบพี่เดือนซะนี่ ฉันก็เลยตัดใจจากเขา จนป่านนี้แม้แต่ชื่อเขา ฉันก็ยังจำไม่ได้เลยล่ะ
              “สวัสดีค่ะ คุณณัฐพงศ์ ฉันดาวค่ะ ดารา จำได้มั้ยคะ” ฉันแนะนำตัว พร้อมกับตั้งคำถามเขา เขาพยักหน้าแล้วยิ้ม
              “ไม่ลืมหรอก สองพี่น้องสุดสวยประจำจังหวัด ยิ่งโตขึ้นยิ่งสวยไม่แพ้พี่เลยนะ” เขาพูด ตอบอย่างนี้ก็แสดงว่ายังไงฉันก็สวยสู้พี่ไม่ได้อยู่แล้วสิ ฉันทำหน้าบึ้ง พี่เดือนคงรู้ว่าฉันไม่พอใจ เลยไล่ฉันกลับขึ้นบ้านไป ฉันจึงรีบปลีกตัวออกมาก่อน ระหว่างทางที่กลับฉันก็บังเอิญไปสบตากับนายภัทรที่เผอิญมองลงมาข้างล่างในสวนพอดี ฉันรีบหลบหน้าเขา ไม่รู้ว่าทำไมต้องหลบเหมือนกันแฮะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น