ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ความหวังดีที่ไม่คาดฝัน
                พอออกมานอกบริษัท ฉันก็ชะโงกคอดูที่ถนน วันนี้ฉันจะกลับยังไงล่ะเนี่ย ลืมคิดไปเลย นั่งแท็กซี่ก็แพงโข นั่งรถเมล์ก็ร้อน อึดอัด โทรบอกยัยลิให้มารับฉันดีกว่า นึกได้ดังนั้นฉันก็รีบกดจนมือแทบกดไม่ถูก ก่อนที่ยัยลิจะรับสายก็มีคนมาสะกิดฉัน ฉันหันไป อ้าว คุณระพีภัทร เขายิ้มแล้วก็โบกมือให้
              “มีอะไรหรือคะ” ฉันถามไป ค่อนข้างตกใจเล็กน้อย ก็จู่ๆมาสะกิดนี่นา
              “คุณขึ้นสายอะไรหรือครับ” เขาถาม เอ๊ะ เขาจะถามไปทำไมนะ
              “เดี๋ยวฉันจะโทรบอกให้เพื่อนมารับน่ะค่ะ” ฉันตอบไป พลางรอฟังเสียงในโทรศัพท์
              “เดี๋ยวผมไปส่งให้มั้ยครับ” เขาถามอีก ฉันตกใจจนเกือบจะปล่อยโทรศัพท์ลงพื้นแล้วมั้ยล่ะ เขาพูดจริงรึพูดเล่นนะ เขาแกล้งหลอกฉันรึเปล่า อยู่ดีๆ เขาจะต้องมาส่งฉันทำไม ฉันคิด
              “ไม่ต้องหรอกค่ะ” ฉันปฏิเสธ เย้ มีคนรับโทรศัพท์แล้ว
              “ฮัลโหล ลิเหรอ มารับหน่อยสิ หา อะไรนะ รถเสีย แล้วฉันจะกลับไงล่ะ ยัยลิบ้า” ฉันกดปิดโทรศัพท์ไปอย่างโมโห โธ่ ไม่เอานะ ฉันต้องกลับบ้านกับคนที่ไม่รู้จักมักจี่มาก่อนเนี่ยน่ะหรือ
    โอ๊ย ไม่เอาแน่ๆ ฉันไม่มีทางกลับบ้านกับเขาหรอก ให้ตายเถอะ วันนี้ตกลงฉันดวงดีหรือดวงซวยกันแน่นะ ฉันคิดจนอยากจะร้องไห้ เอาเถอะ ค่าแท็กซี่ อย่างมากก็ ๓๐๐ มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก เฮ้อ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ ฉันก็แย่เหมือนกันนะยัยลิ
              “ฉันคงกลับกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ คุณระพีภัทร เมื่อกี้เพื่อนดิฉันบอกว่ารถเสีย ฉันก็เลยจะต้องไปดูเขาที่อู่ซ่อมรถหน่อยน่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันบอกกับเขาก่อนจะรีบเรียกแท็กซี่แล้วขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันโจ่งแจ้งไปหน่อยมั้ยกับการปฏิเสธของฉัน ช่างมันเถอะ ถึงไงฉันก็คงจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วล่ะ
                ฉันบอกให้คนขับรถรีบตรงดิ่งไปยังบ้านของฉันทันที จะเรียกว่าบ้านมันก็ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่หรอก ฉันไม่ได้รวยถึงกับขนาดจะมีบ้านเป็นของตัวเองได้หรอกนะ นี่ก็แค่แมนชั่นเก่าๆ แต่ก็ไม่ได้ถูกมาก ตัวห้องก็สมกับราคาน่านแหละ มีห้องน้ำห้องครัวให้ ก็โอเคล่ะ ฉันไม่ได้ยึดติดกับบ้านมากนัก เพราะส่วนใหญ่ฉันจะถลุงเงินไปกับพวกของใช้ซะหมด ขืนฉันเช่าห้องแพงก็ได้ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าน่ะสิ
                เมื่อฉันจ่ายเงินให้คนขับแล้วฉันก็รีบลงมาจนขามันจะพันกันให้ได้ ฉันไม่ใช่พวกเมารถหรอกนะ แต่ไอรถบ้าคันเมื่อกี้มันทำฉันเวียนหัวไปหมด ฉันรีบเดินขึ้นบันไดไปยังชั้น ๓ ซึ่งเป็นชั้นที่ฉันอยู่ เอาล่ะ ฉันรีบควานหากุญแจในกระเป๋าถือ ใช่ อันนี้แหละ แล้วฉันก็รีบหยิบมันออกมา ไขเข้าไป อ้าว เสียงโทรทัศน์ ใครเปิด ไม่ใช่ฉันแน่นอน ก่อนออกจากบ้านก็ปิดแล้วนี่ จริงๆปิดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วต่างหาก แล้วใครล่ะ เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง ฉันค่อยๆเดินย่องเข้าไปช้าๆ ผ่านห้องน้ำ ห้องครัว ไปถึงห้องนั่งเล่น ไม่มีปัญหา นั่นพี่สาวฉันเอง เข้ามาทำอะไรในบ้านฉันล่ะ พอฉันเดินเข้าไปนั่งข้างๆ หล่อนก็มองฉันก่อนจะจ้องดูโทรทัศน์เหมือนเดิม
              ให้มันรู้บ้างสิว่านี่บ้านใคร เที่ยวมาทำตามอำเภอใจอย่างงี้ได้ไง ตกใจหมด นึกว่าขโมยขึ้นบ้านซะแล้ว เอาเถอะ ฉันไปอาบน้ำแล้วรีบเข้านอนดีกว่า ยังเวียนหัวอยู่เลย ฉันจึงลุกขึ้น เข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวออกมา เดินตรงไปยังห้องน้ำ
              “อาบเร็วๆนะ มีเรื่องจะคุยด้วย” พี่สาวฉันพูด ฉันหันไปมองร่างบาง เธอยังนั่งดูทีวีอยู่เลย เฮ้อ ฉันคิดแล้วก็ถอนหายใจ
              “มีอะไรหรือคะ” ฉันถามไป ค่อนข้างตกใจเล็กน้อย ก็จู่ๆมาสะกิดนี่นา
              “คุณขึ้นสายอะไรหรือครับ” เขาถาม เอ๊ะ เขาจะถามไปทำไมนะ
              “เดี๋ยวฉันจะโทรบอกให้เพื่อนมารับน่ะค่ะ” ฉันตอบไป พลางรอฟังเสียงในโทรศัพท์
              “เดี๋ยวผมไปส่งให้มั้ยครับ” เขาถามอีก ฉันตกใจจนเกือบจะปล่อยโทรศัพท์ลงพื้นแล้วมั้ยล่ะ เขาพูดจริงรึพูดเล่นนะ เขาแกล้งหลอกฉันรึเปล่า อยู่ดีๆ เขาจะต้องมาส่งฉันทำไม ฉันคิด
              “ไม่ต้องหรอกค่ะ” ฉันปฏิเสธ เย้ มีคนรับโทรศัพท์แล้ว
              “ฮัลโหล ลิเหรอ มารับหน่อยสิ หา อะไรนะ รถเสีย แล้วฉันจะกลับไงล่ะ ยัยลิบ้า” ฉันกดปิดโทรศัพท์ไปอย่างโมโห โธ่ ไม่เอานะ ฉันต้องกลับบ้านกับคนที่ไม่รู้จักมักจี่มาก่อนเนี่ยน่ะหรือ
    โอ๊ย ไม่เอาแน่ๆ ฉันไม่มีทางกลับบ้านกับเขาหรอก ให้ตายเถอะ วันนี้ตกลงฉันดวงดีหรือดวงซวยกันแน่นะ ฉันคิดจนอยากจะร้องไห้ เอาเถอะ ค่าแท็กซี่ อย่างมากก็ ๓๐๐ มันไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก เฮ้อ แต่ถ้าเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ ฉันก็แย่เหมือนกันนะยัยลิ
              “ฉันคงกลับกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ คุณระพีภัทร เมื่อกี้เพื่อนดิฉันบอกว่ารถเสีย ฉันก็เลยจะต้องไปดูเขาที่อู่ซ่อมรถหน่อยน่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” ฉันบอกกับเขาก่อนจะรีบเรียกแท็กซี่แล้วขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันโจ่งแจ้งไปหน่อยมั้ยกับการปฏิเสธของฉัน ช่างมันเถอะ ถึงไงฉันก็คงจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วล่ะ
                ฉันบอกให้คนขับรถรีบตรงดิ่งไปยังบ้านของฉันทันที จะเรียกว่าบ้านมันก็ไม่ค่อยถูกเท่าไหร่หรอก ฉันไม่ได้รวยถึงกับขนาดจะมีบ้านเป็นของตัวเองได้หรอกนะ นี่ก็แค่แมนชั่นเก่าๆ แต่ก็ไม่ได้ถูกมาก ตัวห้องก็สมกับราคาน่านแหละ มีห้องน้ำห้องครัวให้ ก็โอเคล่ะ ฉันไม่ได้ยึดติดกับบ้านมากนัก เพราะส่วนใหญ่ฉันจะถลุงเงินไปกับพวกของใช้ซะหมด ขืนฉันเช่าห้องแพงก็ได้ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าน่ะสิ
                เมื่อฉันจ่ายเงินให้คนขับแล้วฉันก็รีบลงมาจนขามันจะพันกันให้ได้ ฉันไม่ใช่พวกเมารถหรอกนะ แต่ไอรถบ้าคันเมื่อกี้มันทำฉันเวียนหัวไปหมด ฉันรีบเดินขึ้นบันไดไปยังชั้น ๓ ซึ่งเป็นชั้นที่ฉันอยู่ เอาล่ะ ฉันรีบควานหากุญแจในกระเป๋าถือ ใช่ อันนี้แหละ แล้วฉันก็รีบหยิบมันออกมา ไขเข้าไป อ้าว เสียงโทรทัศน์ ใครเปิด ไม่ใช่ฉันแน่นอน ก่อนออกจากบ้านก็ปิดแล้วนี่ จริงๆปิดไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วต่างหาก แล้วใครล่ะ เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง ฉันค่อยๆเดินย่องเข้าไปช้าๆ ผ่านห้องน้ำ ห้องครัว ไปถึงห้องนั่งเล่น ไม่มีปัญหา นั่นพี่สาวฉันเอง เข้ามาทำอะไรในบ้านฉันล่ะ พอฉันเดินเข้าไปนั่งข้างๆ หล่อนก็มองฉันก่อนจะจ้องดูโทรทัศน์เหมือนเดิม
              ให้มันรู้บ้างสิว่านี่บ้านใคร เที่ยวมาทำตามอำเภอใจอย่างงี้ได้ไง ตกใจหมด นึกว่าขโมยขึ้นบ้านซะแล้ว เอาเถอะ ฉันไปอาบน้ำแล้วรีบเข้านอนดีกว่า ยังเวียนหัวอยู่เลย ฉันจึงลุกขึ้น เข้าไปในห้องนอนแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวออกมา เดินตรงไปยังห้องน้ำ
              “อาบเร็วๆนะ มีเรื่องจะคุยด้วย” พี่สาวฉันพูด ฉันหันไปมองร่างบาง เธอยังนั่งดูทีวีอยู่เลย เฮ้อ ฉันคิดแล้วก็ถอนหายใจ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น