ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รัก...ไม่รัก ลองดูนะ

    ลำดับตอนที่ #15 : ก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม

    • อัปเดตล่าสุด 23 มิ.ย. 48


                   เมื่อเดินขึ้นบันไดมาจนถึงชั้น ๓ ก็รู้สึกว่ายิ่งหน้ามืดยิ่งกว่าเก่าอีก  



                   พอหันถึงเตียงก็หลับตาลงแล้วมารู้สึกตัวอีกทีตอนประมาณตี ๔ ก็เลยนอนต่อไปจนถึงรุ่งสาง หลังจากนั้นก็ตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน ทำกิจวัตรในตอนเช้า ประมาณ ๙ โมงเช้าลิก็มารับไปบ้านของหล่อน



                   เมื่อไปถึงก็พบคุณสำเนียงรออยู่ในห้องรับแขกของบ้านลิ คุณสำเนียงมาส่งชุดตามแบบที่ส่งตัดไว้ แล้วลองให้ใส่เพื่อแก้ด้วย



                   ชุดของมะลิเป็นชุดกระโปรงยาวลากพื้นผ้าหนากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม รูปทรงเป็นแบบเรียบๆที่ตัดเข้าทรงเข้ารูปร่าง แต่ว่าสวยเก๋มาก



                   ส่วนของดาราเป็นชุดสีพีชออกชมพูๆ แบบถักเกลียวคล้องคอไม่มีสายพาดไหล่ กระโปรงสั้นบานเหนือเข่าเล็กน้อย มีดอกไม้หลากสีสวยงามประดับที่หน้าอกด้านซ้าย และผ้าแพรบางๆสีเดียวกับชุดสำหรับคุมไหล่



                   ปรากฏว่าชุดทั้งสองคนเรียบร้อยดี ทั้งมะลิและดาราได้ให้คุณสำเนียงช่วยออกแบบหมวก กระเป๋าและรองเท้าให้ด้วย



                   ของมะลิเป็นรองเท้าหัวแหลมเปิดส้นเท้าสีขาว ซึ่งตัดกันดีกับชุดสีน้ำเงินเข้ม กระเป๋าผ้าสีดำเหลื่อมพราว ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ห้อยระย้าด้วยผ้าริ้วสีดำเป็นแถบแผง ดูสวยงามแปลกแนว



                   ส่วนของดาราเป็นรองเท้าส้นเข็มหุ้มส้นสีดำ ตรงส่วนที่เป็นส้นทำจากแท่งพลาสติกใสรูปกรวยดูแปลกตาดี กระเป๋าผ้าสีน้ำตาลทรงกระบอกเตี้ยๆ และหมวกของทั้งคู่เป็นทรงเดียวกันคือหมวกสานทรงบาน ผาดด้วยผ้าสีเดียวกับชุด ประดับด้วยดอกไม้สวยหลากสี



                   แต่ของดารามีผ้าบางๆสองเส้นห้อยลงมาระดับเดียวกับคาง ต่างจากของมะลิที่เป็นโบว์สั้นๆผูกติดกับหมวก



                   หลังจากที่ลองสวมชุด พร้อมทั้งสวมหมวก ถือกระเป๋า ใส่รองเท้า ให้เข้าชุดกันหมดแล้ว



                   คุณสำเนียงก็ยังช่วยทำผมเผ้าให้เข้ากับชุดด้วย นางสาวมะลิซึ่งมีผมสั้นเพียงบ่าถึงถูกบังคับให้สวมวิกผกหยิกดัดลอนใหญ่แทน วิกผมถูกติดด้วยกิ๊บลายดอกไม้สีอ่อนๆทั้งสองข้าง นอกนั้นปล่อยยาวทั้งหมด



                   นางสาวดาราซึ่งมีผมหยิกยักศกตามธรรมชาติอยู่แล้ว ถูกมัดรวบไว้อย่างธรรมดาเป็นที่สุด แต่ผมที่มัดไว้ก็ถือยีจนแผ่เป็นแผง ไม่ว่าจะมองดูทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง ล้วนดูงดงามรับกับใบหน้า

                  

                   กว่าทั้งสองจะจัดกับทรงผมเรียบร้อยก็กินเวลาเข้าไปถึง ๖ ชั่วโมงด้วยกัน



                   เนื่องจากมีช่างแต่งหน้าและช่างทำผมรวมเบ็ดเสร็จอยู่เพียงคนเดียว เวลาจึงเดินไปอย่างรวดเร็วจนไม่น่าเชื่อ กว่าจะแต่งหน้าเสร็จก็ล่วงไปถึงเกือบ ๑๗.๐๐ น.



                   “ลิ ฉันกลับก่อนนะ เดี๋ยวคุณเชษฐาจะมารับที่บ้าน” ฉันร้องบอกลิซึ่งนั่งดูนิตยสารอยู่



                   “อือ” ลิพยักหน้าแล้วนั่งดูนิตยสารต่อ



                   “เดี๋ยวผมไปส่งเองครับ” คุณสำเนียงบอกมา ขณะที่กำลังเก็บข้าวของ



                   “ขอบคุณค่ะ” ฉันบอกแล้วหันไปหยิบโทรศัพท์มือถือเตรียมกดเบอร์ไปหาคุณเชษฐา รอสักครู่ก็มีคนรับ



                   “คุณเชษฐาหรือคะ ค่ะ ดิฉันดารา คุณเชษฐาจะมารับกี่โมงคะ อ๋อ ออกมาแล้วหรือคะ ค่ะ รออยู่ที่ลานจอดรถนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะได้ไปหาถูก สวัสดีค่ะ” ฉันกดวางแล้วก็เดินตามคุณสำเนียงไปที่รถ



                   เมื่อรถจอดสนิทที่หน้าตึกที่ฉันอาศัยอยู่ ฉันก็กล่าวขอบคุณคุณสำเนียงอย่างเกรงใจ



                   “ขอบพระคุณมากที่มาส่งค่ะ”



                   “ไม่เป็นไรหรอกครับ เพิ่งรู้ว่าน้องดาวพักอยู่ที่นี่ ผมก็เคยมาหาเพื่อนบ่อยๆไป” คุณสำเนียงบอก ซึ่งฉันไม่ได้สนใจอะไรมาก กังวลแต่ว่าจะมาสายไปหรือเปล่า



                   “ค่ะ ไม่รบกวนคุณสำเนียงแล้วล่ะ สวัสดีค่ะ” ฉันบอกลาพร้อมกับเดินถอยออกมา ให้คุณสำเนียงมีพื้นที่ในการกลับรถ แล้วเมื่อรถของคุณสำเนียงลับตาไปแล้วฉันจึงเดินเข้าไปเก็บของ แล้วลงมาก็พอดีพบรถเชษฐาจอดไว้อยู่หน้าตึก



                   เมื่อเชษฐาเห็นดาราเดินเข้ามาทางรถที่จอดอยู่ ก็เปิดประตูออกไปต้อนรับ



                   “ตรงเวลาดีจังเลยนะคะ คุณเชษฐา” ดารากล่าวพร้อมกับยกมือไหว้เชษฐา



                   “คุณดาวก็ลงมาพอดีกับที่ผมมาเหมือนกันนี่ครับ” เชษฐาทักพร้อมกับยกมือขึ้นรับไหว้



                   “ไปกันเถอะค่ะ คุณเชษฐา” ดาราบอก เชษฐาพยักหน้าแล้วเปิดประตูให้ดารานั่งก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ แล้วขับออกไปอย่างไม่ช้าไม่เร็วนัก



                   ฉันเพิ่งจะรู้ตัวว่าเมื่อครู่ คุณสำเนียงเขาพูดกับฉันเหมือนคุณเชษฐาเลย อย่าแปลกใจว่าเหมือนอะไร ที่เหมือนก็คือเมื่อ ๒-๓ วันก่อน เขายังแทนตัวเองว่า ‘พี่’ และคำลงท้ายก็ไม่ใช่ ‘นะจ๊ะ’ แต่เป็น ‘ครับ’ ซึ่งฉันก็ไม่ได้เอะใจ



                   อะไรหนอถึงทำให้คุณสำเนียงเปลี่ยนบุคลิกไปได้ สรรพนามแทนตัวเองก็เป็น ‘ผม’ เหมือนผู้ชายเปี๊ยบ อะไรกัน แค่วันสองวันถึงเปลี่ยนบุคลิกไปผิดโลกแบบนี้



                   ฉันถูกดึงกลับมาด้วยเสียงของคุณเชษฐาที่หวานจับใจ เขาเป็นคนคุยเก่งจริงๆ และเป็นคนที่ดีมากสำหรับคนที่พูดน้อย



                   เพราะบางคำถามถึงฉันจะไม่ตอบเขา เขาก็ไม่พยายามเซ้าซี้กวนใจจะเอาคำตอบให้ได้ แต่ก็พูดไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกสนุกจังที่ได้ยินเขาถามฉัน เล่านู้นเล่านี่ แต่ส่วนมากฉันก็จะหัวเราะมากกว่าตอบคำถามของเขาเสียอีก



                   เมื่อมาถึงงาน บริกรเปิดประตูฝั่งฉันและฝั่งคุณเชษฐา แล้วคนที่เปิดฝั่งคุณเชษฐาก็ขับรถไปจอด



                   ส่วนฉันกับคุณเชษฐาก็เดินคล้องแขนกันเข้างานไปพร้อมด้วยบัตรเชิญ



                   เป็นเวลาเพียง ๑๘.๕๐ น. คนจึงไม่ค่อยเนืองแน่นมากนัก ซุ้มเวทีที่อีกชั่วครู่พี่เดือนต้องออกมากล่าวปราศรัยถูกจัดตั้งไว้อย่างเรียบร้อย



                   ฉันลงชื่อพร้อมกับคุณเชษฐา และตรวจสอบว่ามีใครบ้างที่มาแล้ว ลิกับพี่ชายยังไม่มา แต่คุณระพีภัทรมาแล้ว



                   ฉันไล่ไปตั้งแต่กระดาษแผ่นแรกยันแผ่นสุดท้าย พบชื่อคุณณัฐพงศ์ด้วย และชื่อนั้นถูกลงชื่อว่ามาแล้วเสียด้วย



                    เผอิญว่าตอนนี้ฉันไม่อยากจะสนใจกับใครทั้งสิ้น จึงชวนคุณเชษฐาไปหาเก้าอี้นั่งในแถวแรกๆ  



                   งานนี้จะใช้เวลาเปิดตัวเพียง ๑๐–๑๕ นาที แล้วต่อจากนั้นจนถึงยาม ๒ ก็จะมีการกินเลี้ยง เต้นรำ ฟังเพลงตามแต่อัธยาศัย



                   “ดาวๆ” เสียงเรียกชื่อของฉันดังมาจากข้างหลัง ฉันจึงหันตามเสียงเรียก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×