ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : เพื่อนไทยสมัยอยู่ฝรั่งเศส
              “ไม่ใช่ค่ะ”  ฉันตอบไปพร้อมกับอมยิ้มแต่พองาม ความจริงอยากจะปล่อยก๊ากออกไปด้วยซ้ำ แต่ยายลิเขม่นมา
              “ว่าแล้วว่าไม่ใช่”  เขาบอก ทั้งลิและฉันต้องอุทานออกมาพร้อมกันว่า “อ้าว”
              “ลิคือคนนี้ใช่ไหม ดาว” เขาถามฉันขณะที่ชี้ไปยังลิ เขารู้หรอกรึ จำได้แม้กระทั่งว่าฉันเป็นใคร
              “ค่ะ พี่ถนอม สวัสดีค่ะ” ฉันตอบ ก่อนจะยกมือไหว้พี่เขาอย่างรู้สึกเคารพ
              “สวัสดีค่ะ พี่ถนอม นึกว่าจะจำผิดเสียแล้ว” ลิยกมือไหว้บ้าง ก่อนจะพูดเล่นๆกับพี่ชายของหล่อน
              “จำไม่ผิดหรอก จำได้ซี่ เธอทั้งสองคนน่ะน่ารักจนลืมไม่ลงหรอก” พี่ถนอมพูด แล้วสบตาคมมาให้ฉัน เล่นเอาหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว
              “เออ พี่ถนอมคะ กินเลี้ยงกันนะ พี่ต้องเลี้ยงด้วย เพราะพี่ไม่ยอมทักลิก่อน รู้ทั้งรู้ว่าลิคนไหนกลับทักยายดาวก่อน ไม่ยอมจริงๆด้วย” ลิค้อนใส่พี่ชายวงใหญ่
              “อ้าว ในสัญญาเราไม่ได้ตกลงกันว่าจะต้องทักลิก่อนนี่นา แค่บอกว่าถ้าจำไม่ได้ต้องเลี้ยงข้าว” พี่ถนอมตอบอย่างเท่าทัน ไม่ยอมเสียรู้นางสาวมะลิ น้องสาวซึ่งมีเลือดไขเดียวกัน
              “โธ่ เลี้ยงหน่อยก็ไม่ได้ เอาเถอะดาว เราไปส่งพี่ถนอมไว้ที่บ้านแล้วเราก็ออกมาเที่ยวต่อละกัน” ลิบ่นกับเพื่อนสาวเสียงดัง แสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ จนอีกสองคนอดจะขบขันในคำพูดของลิไม่ได้
              “ไปก็ไป จะไปไหนล่ะ” นายถนอมพูดเสียงเหนื่อยหน่ายบ้าง แล้วทำเป็นถอนหายใจ
              “ไปที่ไหนก็ได้ค่ะ ยายดาวเขาก็กะจะโดดงานอยู่พอดีเชียว” ลิตอบ ถนอมหันมามองดารา แต่หล่อนหลบตาแสร้งทำเป็นมองไปที่อื่นด้วยความเขิน
              เราทั้งสามคนไปทานอาหารกันในตัวเมือง เป็นร้านที่ค่อนข้างหรู เหมาะกับนักเรียนนอกที่ค่อนข้างฟุ้งเฟ้อ แต่ความจริงร้านนี่ยายลิเป็นคนเลือก แล้วหล่อนเองก็เป็นลูกค้าเจ้าประจำเสียด้วยซี
              “สั่งอาหารกันไปก่อนนะ ขอตัวสักประเดี๋ยว” ลิบอกกับพี่ถนอมและฉัน แล้วก็ลุกพร้อมถือกระเป๋าติดมือไปด้วย เราอีกสองคนที่เหลือจึงรอ ยังไม่รีบสั่งอาหารจนกว่าจะครบคนดี
              ผ่านไปเกือบ ๑๐ นาทีแล้ว ยายลิอืดอาดจริง พวกแขกที่เพิ่งมาใหม่ก็ส่งเสียงหนวกหูจริง ฉันซึ่งนั่งหันหลังให้ประตูร้านนึกรำคาญอย่างไม่ชอบใจ แต่พี่ถนอมซึ่งนั่งด้านตรงข้ามกับฉัน พูดง่ายๆก็คือนั่งหันหน้าให้ร้าน ร้องออกมาอย่างดีใจว่า
              “ดาวครับ ผมเจอเพื่อนน่ะ หันไปดูซีครับ คนนั้นที่ใส่เสื้อยืดสีขาวนั่น”
              ฉันจึงหันไปตามความประสงค์ของอีกฝ่าย แล้วก็ตกใจสุดๆ เมื่อพบว่าเพื่อนของพี่ถนอมก็คือ ‘คุณระพีภัทร’ เขาเป็นนักเรียนนอกด้วยหรอกรึ เพิ่งจะเคยรู้ก็คราวนี้แหละ
              พี่ถนอมลุกจากโต๊ะโดยลากฉันไปด้วย ยายลิที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำก็โดนลากไปเหมือนกัน
              “ภัทรๆ” เสียงเรียกของพี่ถนอมไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นดีใจไว้ได้เลยแม้แต่น้อย
              คุณระพีภัทรหันมาตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องตื่นเต้นไม่แพ้อีกฝ่าย    
              “อ้าว ธอม”
              “อยู่กรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อไร” ถนอมถามอย่างแปลกใจ
              “ก็ตั้งแต่กลับมาแหละ นายน่ะเพิ่งกลับเหรอ” ระพีภัทรถาม เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นหญิงสาวอีก ๒ คนที่ยืนเยื้องไปด้านหลังของนายถนอม
              “แล้วนี่ ”
              “น้องสาวเราเอง ส่วนนี่ก็เพื่อนของน้องสาวกับเรา สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ” ถนอมอธิบายเสียยืดยาว
              ระพีภัทรไล่มองทีละคน ลิจึงยกมือไหว้เขาก่อนดารา แล้วพอเขากับดาราสบตากัน ดาราจึงค่อยยกมือไหว้ตามมารยาท
              “ลิกับดาว” ถนอมบอกเพื่อนชาย
              “ลิกับ ‘ดาว’ “ เขาเน้นเสียงในชื่อสุดท้าย เล่นเอาดาราหันขวับ
              “กรุณาเรียกดิฉันว่าดารา จะเป็นพระคุณอย่างสูง” ดารากล่าวอย่างไม่ต้องการญาติดีสนิทสนมคุ้นเคยด้วย
              “ดาว” ถนอมอุทานอย่างตกใจ ดาราจึงยิ้มแห้งๆตอบไป
              “เอ้อ เราไม่กวนนายแล้วล่ะ ธอม สาวๆของนายรออยู่แน่ะ แล้วอีกอย่างเพื่อนเราก็กำลังรอเราด้วย” ระพีภัทรตัดบท แล้วเดินจากไป
              “งั้นเราก็กลับโต๊ะของเรากันเถอะ” ถนอมชวนแล้วเดินนำไปก่อน ทั้งสองสาวจึงเดินตามไปทีหลัง
              อาหารในมื้อนั้นดูไม่อร่อยเลย ก็มันเสียความรู้สึกไปแล้วนี่นา ดาราคิดอย่างเจ็บใจแค้นใจนายระพีภัทร ‘คู่ปรับ’ เก่า
              “เออ ดาว กลับเองได้ไหม เดี๋ยวฉันจะให้พี่ขับรถไปส่งฉันที่เยาวราช มันไกลแล้วก็เริ่มเย็น.ด้วย คงไม่เป็นไรใช่ไหม” ลิถาม
              ใจจริงฉันก็รู้อยู่เต็มอกแล้ว ข้ออ้างยิ่งไปกันใหญ่ ทั้งไกลและเย็น เป็นคนอื่นเขาก็คงจะใช้ข้ออ้างนี่พาไปส่งบ้าน แต่นี่เป็นข้ออ้างเพื่อให้กลับบ้านเอง ประหลาดดีจัง ลิคงอยากจะพาพี่ขับรถชมเมืองมากกว่า เพราะฉะนั้นพาฉันไปก็ไม่รู้ว่าจะถึงบ้านกี่ทุ่มกี่ค่ำ
              “ได้อยู่แล้ว ช่วยเรียกรถให้ฉันหน่อยก็แล้วกัน”
              ฉันบอกอย่างเหนื่อยๆ ลิพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับพี่ชาย ซึ่งฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากเพราะรู้สึกอ่อนเพลียเหลือเกิน แล้วคุณระพีภัทรก็มาคุยอะไรกับพี่ถนอมอีกก็ไม่รู้ เวลานี้ฉันอยากกลับบ้านเป็นที่สุด เมื่อไรจะได้กลับล่ะ
              “คุณดารา กลับบ้านกับผมได้ไหมครับ” คุณระพีภัทรเข้ามาถาม ฉันพยักหน้าตอบไปเพราะเริ่มมึนหัวมากขึ้น
              “งั้นก็ไปเลยเถิดครับ ดูท่าคุณจะไม่สบายนะครับ”
              “ค่ะ” ฉันรับคำแล้วก็ยกมือไหว้พี่ถนอมและบอกลาลิ ก่อนจะเดินตามคุณระพีภัทรไปขึ้นรถ ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์เช่นเคย เพราะมาทานข้าวที่ร้านหรูๆรึไงถึงกับต้องเปลี่ยนรถเชียว
              บรรยากาศในรถเงียบกริบ จนถึงถนนรามอินทรา คุณระพีภัทรจึงชวนคุย
              “ทานข้าวอร่อยไหมครับ”
              ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ
              “ทำไมถึงไม่อร่อยล่ะครับ ผมว่าก็อร่อยดีออก” เขาถามมาอย่างแปลกใจ พร้อมชำเลืองดูผู้ที่นั่งอยู่ข้างเบาะคนขับ
              “ดิฉันไม่ชอบ” หล่อนตอบเสียงเบา
              “ งั้นหรือครับ” เขาเงียบไปครู่ ก่อนจะจบการสนทนาเพียงแค่นั้น
              เมื่อเลี้ยวรถเข้าซอยใหญ่เขาก็เริ่มการสนทนาขึ้นอีกครั้ง
              “คุณสนิทกับธอมมากเลยหรือ” เขาถาม ดาราสงสัยในคำถามจึงหันไปมองหน้าเขา แล้วก็พบว่าเขาหลบตาไปทางอื่นเสียนี่
              “มีอะไรหรือคะ เอ่อ แล้วทำไมคุณระพีภัทรถึงเรียกพี่ถนอมว่า ‘ธอม’ ล่ะ” หล่อนถามไปด้วยกันถึงสองคำถาม
              “ก็ ตอนไปอยู่ฝรั่งเศส พวกฝรั่งเขาออกสำเนียงไทยไม่ค่อยได้ ก็จะเรียกว่า ทานอม อะไรประมาณนั้น พวกผมก็เลยเรียกมันว่า ธอม เพราะเรียกง่ายดี คนอื่นๆก็เลยเรียกตาม” เขาบอก ยังเฉไฉไม่ยอมตอบเรื่องที่ถาม
              “คุณระพีภัทร ดิฉันว่าคุณไม่อยากจะตอบคำถามแรกของฉันเลยใช่ไหมคะ” ดาราเริ่มไม่พอใจ สะบัดเสียงถาม
              “เอ่อ เอ้อ อย่าคิดมากซีครับ ผมก็แค่คิดว่าเจ้าธอมมันยังไม่เคยแนะนำผู้หญิงที่ไหนให้รู้จักเลย เพิ่งรู้ว่ามีตัวจริงอยู่ที่เมืองไทย” เขาพูดค้างไว้แค่นั้นเพราะหล่อนขัดคอก่อนว่า
              “เอ๋ ตัวจริง ใครกันหรือคะที่เป็นคู่รักของพี่ถนอม” ดาราถามอย่างเดียงสา
              “ก็คุณแหละครับ” ระพีภัทรตอบเสียงดังฟังชัดเจน จนหล่อนเองที่นึกว่าไม่ชัด
              “ใครนะคะ” หล่อนทวนถามอีกครั้ง
              “ก็คุณไงครับ คุณดารา” เขาย้ำอีกครั้ง
              “มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ เราไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายสิบปี จดหมายแม้แต่ฉบับเดียวก็ไม่มี เป็นไปไม่ได้ที่พี่ถนอมจะรักดิฉันหรอกค่ะ ส่วนดิฉันแล้ว ถึงจะรักพี่ถนอมยังไงก็รักได้ไม่เกินพี่ชายเท่านั้นแหละค่ะ”
              ฉันอธิบาย แต่ทำไมถึงต้องบอกความรู้สึกของฉันที่มีต่อพี่ถนอมออกไปด้วยนะ พิลึกคนจริง
              “เหรอครับ” เขาพูดต่อเพียงแค่นั้นแล้วหันไปสนใจกับการขับรถแทน
              แวบหนึ่งที่ระพีภัทรรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างประหลาด เป็นเพราะการที่ดาราตอบเขาว่าไม่ได้เป็นอะไรกับเพื่อนของเขา
              เพราะเขาหวังอะไรไว้ในตัวดาราหรือ หล่อนก็คงจะมีนิสัยเหมือนพี่สาวของหล่อนนั่นแหละ ความจริงกับสิ่งที่ตอบมันอาจสวนทางกันก็ได้ ไม่แน่เสมอไปว่าหล่อนจะพูดความจริง 
              แต่ถ้าหล่อนรักธอมจริงก็ยิ่งดีใหญ่ หล่อนไม่มีทางพูดความจริงหรอก ดารากับเดือนจรัส หล่อนทั้งสองคน ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ   
              “คุณระพีภัทร” ฉันเรียกเขา เขาพยักหน้าเล็กน้อยว่ากำลังฟังอยู่
              “วันพรุ่งนี้หรือไม่ก็วันนี้ คุณไปรับบัตรได้เลยนะคะ ใช้ชื่อของดิฉันบอกว่ามารับแทน ดิฉันจะบอกพี่สาวไว้ให้ ตกลงไหมคะ”
              ฉันถาม เขาพยักหน้าอีก ฮึ จะไม่ตอบฉันเลยใช่ไหม ดี ฉันก็จะนั่งนิ่งๆจนกว่าจะถึงบ้านล่ะ
              “คุณดารา” เขาเรียกฉัน แต่ฉันเมินหน้าไปทางอื่น
              “โกรธผมอีกแล้วหรือครับ” เขาถาม ฉันยังคงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำราวกับว่าข้างนอกนั้นมีอะไรน่าสนใจซะเต็มประดา ทั้งที่จริงแล้วก็เหมือนๆเดิม เช่นเคยทุกวัน
              รถเข้าจอดหน้าตึก ฉันทำท่าจะเปิดประตูออกไป
              “พรุ่งนี้ผมจะไปรับแทนคุณดารานะครับ แล้วก็ สวัสดี” เขาชิงพูดก่อนฉันจะลงไป โดยมารยาทจึงต้องรับคำพวกนี้แล้วกล่าวลากับเขา
              “ขอบคุณที่กรุณามาส่งค่ะ สวัสดี”
              “ว่าแล้วว่าไม่ใช่”  เขาบอก ทั้งลิและฉันต้องอุทานออกมาพร้อมกันว่า “อ้าว”
              “ลิคือคนนี้ใช่ไหม ดาว” เขาถามฉันขณะที่ชี้ไปยังลิ เขารู้หรอกรึ จำได้แม้กระทั่งว่าฉันเป็นใคร
              “ค่ะ พี่ถนอม สวัสดีค่ะ” ฉันตอบ ก่อนจะยกมือไหว้พี่เขาอย่างรู้สึกเคารพ
              “สวัสดีค่ะ พี่ถนอม นึกว่าจะจำผิดเสียแล้ว” ลิยกมือไหว้บ้าง ก่อนจะพูดเล่นๆกับพี่ชายของหล่อน
              “จำไม่ผิดหรอก จำได้ซี่ เธอทั้งสองคนน่ะน่ารักจนลืมไม่ลงหรอก” พี่ถนอมพูด แล้วสบตาคมมาให้ฉัน เล่นเอาหน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว
              “เออ พี่ถนอมคะ กินเลี้ยงกันนะ พี่ต้องเลี้ยงด้วย เพราะพี่ไม่ยอมทักลิก่อน รู้ทั้งรู้ว่าลิคนไหนกลับทักยายดาวก่อน ไม่ยอมจริงๆด้วย” ลิค้อนใส่พี่ชายวงใหญ่
              “อ้าว ในสัญญาเราไม่ได้ตกลงกันว่าจะต้องทักลิก่อนนี่นา แค่บอกว่าถ้าจำไม่ได้ต้องเลี้ยงข้าว” พี่ถนอมตอบอย่างเท่าทัน ไม่ยอมเสียรู้นางสาวมะลิ น้องสาวซึ่งมีเลือดไขเดียวกัน
              “โธ่ เลี้ยงหน่อยก็ไม่ได้ เอาเถอะดาว เราไปส่งพี่ถนอมไว้ที่บ้านแล้วเราก็ออกมาเที่ยวต่อละกัน” ลิบ่นกับเพื่อนสาวเสียงดัง แสร้งทำเป็นน้อยเนื้อต่ำใจ จนอีกสองคนอดจะขบขันในคำพูดของลิไม่ได้
              “ไปก็ไป จะไปไหนล่ะ” นายถนอมพูดเสียงเหนื่อยหน่ายบ้าง แล้วทำเป็นถอนหายใจ
              “ไปที่ไหนก็ได้ค่ะ ยายดาวเขาก็กะจะโดดงานอยู่พอดีเชียว” ลิตอบ ถนอมหันมามองดารา แต่หล่อนหลบตาแสร้งทำเป็นมองไปที่อื่นด้วยความเขิน
              เราทั้งสามคนไปทานอาหารกันในตัวเมือง เป็นร้านที่ค่อนข้างหรู เหมาะกับนักเรียนนอกที่ค่อนข้างฟุ้งเฟ้อ แต่ความจริงร้านนี่ยายลิเป็นคนเลือก แล้วหล่อนเองก็เป็นลูกค้าเจ้าประจำเสียด้วยซี
              “สั่งอาหารกันไปก่อนนะ ขอตัวสักประเดี๋ยว” ลิบอกกับพี่ถนอมและฉัน แล้วก็ลุกพร้อมถือกระเป๋าติดมือไปด้วย เราอีกสองคนที่เหลือจึงรอ ยังไม่รีบสั่งอาหารจนกว่าจะครบคนดี
              ผ่านไปเกือบ ๑๐ นาทีแล้ว ยายลิอืดอาดจริง พวกแขกที่เพิ่งมาใหม่ก็ส่งเสียงหนวกหูจริง ฉันซึ่งนั่งหันหลังให้ประตูร้านนึกรำคาญอย่างไม่ชอบใจ แต่พี่ถนอมซึ่งนั่งด้านตรงข้ามกับฉัน พูดง่ายๆก็คือนั่งหันหน้าให้ร้าน ร้องออกมาอย่างดีใจว่า
              “ดาวครับ ผมเจอเพื่อนน่ะ หันไปดูซีครับ คนนั้นที่ใส่เสื้อยืดสีขาวนั่น”
              ฉันจึงหันไปตามความประสงค์ของอีกฝ่าย แล้วก็ตกใจสุดๆ เมื่อพบว่าเพื่อนของพี่ถนอมก็คือ ‘คุณระพีภัทร’ เขาเป็นนักเรียนนอกด้วยหรอกรึ เพิ่งจะเคยรู้ก็คราวนี้แหละ
              พี่ถนอมลุกจากโต๊ะโดยลากฉันไปด้วย ยายลิที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำก็โดนลากไปเหมือนกัน
              “ภัทรๆ” เสียงเรียกของพี่ถนอมไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นดีใจไว้ได้เลยแม้แต่น้อย
              คุณระพีภัทรหันมาตามเสียงเรียก แล้วก็ต้องตื่นเต้นไม่แพ้อีกฝ่าย    
              “อ้าว ธอม”
              “อยู่กรุงเทพฯตั้งแต่เมื่อไร” ถนอมถามอย่างแปลกใจ
              “ก็ตั้งแต่กลับมาแหละ นายน่ะเพิ่งกลับเหรอ” ระพีภัทรถาม เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นหญิงสาวอีก ๒ คนที่ยืนเยื้องไปด้านหลังของนายถนอม
              “แล้วนี่ ”
              “น้องสาวเราเอง ส่วนนี่ก็เพื่อนของน้องสาวกับเรา สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ” ถนอมอธิบายเสียยืดยาว
              ระพีภัทรไล่มองทีละคน ลิจึงยกมือไหว้เขาก่อนดารา แล้วพอเขากับดาราสบตากัน ดาราจึงค่อยยกมือไหว้ตามมารยาท
              “ลิกับดาว” ถนอมบอกเพื่อนชาย
              “ลิกับ ‘ดาว’ “ เขาเน้นเสียงในชื่อสุดท้าย เล่นเอาดาราหันขวับ
              “กรุณาเรียกดิฉันว่าดารา จะเป็นพระคุณอย่างสูง” ดารากล่าวอย่างไม่ต้องการญาติดีสนิทสนมคุ้นเคยด้วย
              “ดาว” ถนอมอุทานอย่างตกใจ ดาราจึงยิ้มแห้งๆตอบไป
              “เอ้อ เราไม่กวนนายแล้วล่ะ ธอม สาวๆของนายรออยู่แน่ะ แล้วอีกอย่างเพื่อนเราก็กำลังรอเราด้วย” ระพีภัทรตัดบท แล้วเดินจากไป
              “งั้นเราก็กลับโต๊ะของเรากันเถอะ” ถนอมชวนแล้วเดินนำไปก่อน ทั้งสองสาวจึงเดินตามไปทีหลัง
              อาหารในมื้อนั้นดูไม่อร่อยเลย ก็มันเสียความรู้สึกไปแล้วนี่นา ดาราคิดอย่างเจ็บใจแค้นใจนายระพีภัทร ‘คู่ปรับ’ เก่า
              “เออ ดาว กลับเองได้ไหม เดี๋ยวฉันจะให้พี่ขับรถไปส่งฉันที่เยาวราช มันไกลแล้วก็เริ่มเย็น.ด้วย คงไม่เป็นไรใช่ไหม” ลิถาม
              ใจจริงฉันก็รู้อยู่เต็มอกแล้ว ข้ออ้างยิ่งไปกันใหญ่ ทั้งไกลและเย็น เป็นคนอื่นเขาก็คงจะใช้ข้ออ้างนี่พาไปส่งบ้าน แต่นี่เป็นข้ออ้างเพื่อให้กลับบ้านเอง ประหลาดดีจัง ลิคงอยากจะพาพี่ขับรถชมเมืองมากกว่า เพราะฉะนั้นพาฉันไปก็ไม่รู้ว่าจะถึงบ้านกี่ทุ่มกี่ค่ำ
              “ได้อยู่แล้ว ช่วยเรียกรถให้ฉันหน่อยก็แล้วกัน”
              ฉันบอกอย่างเหนื่อยๆ ลิพยักหน้าแล้วหันไปพูดกับพี่ชาย ซึ่งฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากเพราะรู้สึกอ่อนเพลียเหลือเกิน แล้วคุณระพีภัทรก็มาคุยอะไรกับพี่ถนอมอีกก็ไม่รู้ เวลานี้ฉันอยากกลับบ้านเป็นที่สุด เมื่อไรจะได้กลับล่ะ
              “คุณดารา กลับบ้านกับผมได้ไหมครับ” คุณระพีภัทรเข้ามาถาม ฉันพยักหน้าตอบไปเพราะเริ่มมึนหัวมากขึ้น
              “งั้นก็ไปเลยเถิดครับ ดูท่าคุณจะไม่สบายนะครับ”
              “ค่ะ” ฉันรับคำแล้วก็ยกมือไหว้พี่ถนอมและบอกลาลิ ก่อนจะเดินตามคุณระพีภัทรไปขึ้นรถ ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์เช่นเคย เพราะมาทานข้าวที่ร้านหรูๆรึไงถึงกับต้องเปลี่ยนรถเชียว
              บรรยากาศในรถเงียบกริบ จนถึงถนนรามอินทรา คุณระพีภัทรจึงชวนคุย
              “ทานข้าวอร่อยไหมครับ”
              ฉันส่ายหน้าแทนคำตอบ
              “ทำไมถึงไม่อร่อยล่ะครับ ผมว่าก็อร่อยดีออก” เขาถามมาอย่างแปลกใจ พร้อมชำเลืองดูผู้ที่นั่งอยู่ข้างเบาะคนขับ
              “ดิฉันไม่ชอบ” หล่อนตอบเสียงเบา
              “ งั้นหรือครับ” เขาเงียบไปครู่ ก่อนจะจบการสนทนาเพียงแค่นั้น
              เมื่อเลี้ยวรถเข้าซอยใหญ่เขาก็เริ่มการสนทนาขึ้นอีกครั้ง
              “คุณสนิทกับธอมมากเลยหรือ” เขาถาม ดาราสงสัยในคำถามจึงหันไปมองหน้าเขา แล้วก็พบว่าเขาหลบตาไปทางอื่นเสียนี่
              “มีอะไรหรือคะ เอ่อ แล้วทำไมคุณระพีภัทรถึงเรียกพี่ถนอมว่า ‘ธอม’ ล่ะ” หล่อนถามไปด้วยกันถึงสองคำถาม
              “ก็ ตอนไปอยู่ฝรั่งเศส พวกฝรั่งเขาออกสำเนียงไทยไม่ค่อยได้ ก็จะเรียกว่า ทานอม อะไรประมาณนั้น พวกผมก็เลยเรียกมันว่า ธอม เพราะเรียกง่ายดี คนอื่นๆก็เลยเรียกตาม” เขาบอก ยังเฉไฉไม่ยอมตอบเรื่องที่ถาม
              “คุณระพีภัทร ดิฉันว่าคุณไม่อยากจะตอบคำถามแรกของฉันเลยใช่ไหมคะ” ดาราเริ่มไม่พอใจ สะบัดเสียงถาม
              “เอ่อ เอ้อ อย่าคิดมากซีครับ ผมก็แค่คิดว่าเจ้าธอมมันยังไม่เคยแนะนำผู้หญิงที่ไหนให้รู้จักเลย เพิ่งรู้ว่ามีตัวจริงอยู่ที่เมืองไทย” เขาพูดค้างไว้แค่นั้นเพราะหล่อนขัดคอก่อนว่า
              “เอ๋ ตัวจริง ใครกันหรือคะที่เป็นคู่รักของพี่ถนอม” ดาราถามอย่างเดียงสา
              “ก็คุณแหละครับ” ระพีภัทรตอบเสียงดังฟังชัดเจน จนหล่อนเองที่นึกว่าไม่ชัด
              “ใครนะคะ” หล่อนทวนถามอีกครั้ง
              “ก็คุณไงครับ คุณดารา” เขาย้ำอีกครั้ง
              “มันจะเป็นไปได้ยังไงคะ เราไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายสิบปี จดหมายแม้แต่ฉบับเดียวก็ไม่มี เป็นไปไม่ได้ที่พี่ถนอมจะรักดิฉันหรอกค่ะ ส่วนดิฉันแล้ว ถึงจะรักพี่ถนอมยังไงก็รักได้ไม่เกินพี่ชายเท่านั้นแหละค่ะ”
              ฉันอธิบาย แต่ทำไมถึงต้องบอกความรู้สึกของฉันที่มีต่อพี่ถนอมออกไปด้วยนะ พิลึกคนจริง
              “เหรอครับ” เขาพูดต่อเพียงแค่นั้นแล้วหันไปสนใจกับการขับรถแทน
              แวบหนึ่งที่ระพีภัทรรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างประหลาด เป็นเพราะการที่ดาราตอบเขาว่าไม่ได้เป็นอะไรกับเพื่อนของเขา
              เพราะเขาหวังอะไรไว้ในตัวดาราหรือ หล่อนก็คงจะมีนิสัยเหมือนพี่สาวของหล่อนนั่นแหละ ความจริงกับสิ่งที่ตอบมันอาจสวนทางกันก็ได้ ไม่แน่เสมอไปว่าหล่อนจะพูดความจริง 
              แต่ถ้าหล่อนรักธอมจริงก็ยิ่งดีใหญ่ หล่อนไม่มีทางพูดความจริงหรอก ดารากับเดือนจรัส หล่อนทั้งสองคน ระวังตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ   
              “คุณระพีภัทร” ฉันเรียกเขา เขาพยักหน้าเล็กน้อยว่ากำลังฟังอยู่
              “วันพรุ่งนี้หรือไม่ก็วันนี้ คุณไปรับบัตรได้เลยนะคะ ใช้ชื่อของดิฉันบอกว่ามารับแทน ดิฉันจะบอกพี่สาวไว้ให้ ตกลงไหมคะ”
              ฉันถาม เขาพยักหน้าอีก ฮึ จะไม่ตอบฉันเลยใช่ไหม ดี ฉันก็จะนั่งนิ่งๆจนกว่าจะถึงบ้านล่ะ
              “คุณดารา” เขาเรียกฉัน แต่ฉันเมินหน้าไปทางอื่น
              “โกรธผมอีกแล้วหรือครับ” เขาถาม ฉันยังคงนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ทำราวกับว่าข้างนอกนั้นมีอะไรน่าสนใจซะเต็มประดา ทั้งที่จริงแล้วก็เหมือนๆเดิม เช่นเคยทุกวัน
              รถเข้าจอดหน้าตึก ฉันทำท่าจะเปิดประตูออกไป
              “พรุ่งนี้ผมจะไปรับแทนคุณดารานะครับ แล้วก็ สวัสดี” เขาชิงพูดก่อนฉันจะลงไป โดยมารยาทจึงต้องรับคำพวกนี้แล้วกล่าวลากับเขา
              “ขอบคุณที่กรุณามาส่งค่ะ สวัสดี”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น