ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : การกลับมาของถนอม
              ฉันนั่งดูโทรทัศน์ต่ออีกสักครู่จึงลุกไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนเป็นชุดนอน แล้วก็ไปนอนข้างๆพี่เดือนที่หลับสนิทไปแล้ว ตื่นมาอีกทีเมื่อเกือบแปดโมงเช้า จึงรีบอาบน้ำแต่งตัวในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนๆ กระโปรงจีบบานพริ้วกับรองเท้าเปิดส้นสีเข้ากัน แล้วก็ทำอาหารเช้าให้พี่ดาว ระหว่างที่รอยายลิมารับก็นั่งดูโทรทัศน์ในรายการของวันศุกร์ซึ่งไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูนัก เนื่องจากต้องแหกขี้ตาตื่นไปทำงาน เบื่อจริงๆ ถ้าไม่ต้องทำงานก็คงจะดีมาก แต่ก็ไม่ดีแฮะ อยู่บ้านว่างๆก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ไปทำงานก็เหนื่อยจะตาย ก็นะ ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง จะให้ดีตั้งหลายอย่างได้อย่างไร
              ประมาณ ๘.๕๐ น. ก็ลุกไปปลุกพี่เดือนที่กำลังนอนอย่างมีความสุข พี่เดือนตื่นขึ้นอย่างงัวเงียก่อนจะเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำไป ฉันจึงออกไปดูโทรทัศน์ต่อ
              พี่เดือนออกจากห้องมาคราวนี้ดูเรียบร้อยกว่าเมื่อครู่ลิบลับ การแต่งหน้าอ่อนๆกับทรงผมหยิกดัดที่รวบขึ้นเปิดต้นคอ ชุดกระโปรงบานสีเขียวอ่อน เข็มขัดเส้นใหญ่โตที่ผาดระหว่างลำตัวกับตะโพก ทำให้ดูเก๋ไปอีกแบบ กระเป๋าหนังสีน้ำตาลเข้มทรงใหม่ กับรองเท้าหนังสีดำเป็นมันขลับ จริงๆพี่เดือนก็เรียกได้ว่าออกจะมีหน้าตาที่งามได้สั.ดส่วน ยิ่งมีการแต่งตัวที่เหมาะเจาะ เข้ากับรูปร่างแล้วล่ะก็ ยิ่งสวยขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม
              “วันนี้ไม่ไปทำงานหรือจ๊ะ” พี่เดือนถาม ฉันพยักหน้าแล้วตอบว่า
              “เดี๋ยวลิจะพาไปเที่ยวค่ะ”
              “เอ๋ เที่ยวอะไรกันจ๊ะ เสียการเสียงาน เดี๋ยวพี่ฟ้องแม่ให้หรอก” พี่เดือนพูดจาประสาผู้ใหญ่ใจดีดุเด็กดื้อ
              “ไม่ใช่หรอกค่ะ จะไปรับพี่ถนอม พี่ชายของลิเขา เขาไปสัญญิงสัญญากับพี่ว่าถ้าพี่จำเขาไม่ได้แล้วจะต้องเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ เลยให้ดาวไปเป็นเพื่อน” ดาราอธิบายให้พี่สาวเข้าใจให้ถูก
              “แต่ก็ไม่น่าจะไปเวลางานนี่นา” พี่เดือนท้วงมาอย่างไม่เห็นด้วย ฉันจึงทำหน้าหงอยๆลงไปนิดหนึ่ง พี่เดือนคงเห็นใจบอกว่า
              “พี่อนุญาตให้แค่ครึ่งวัน แล้วจะโทรไปตรวจที่บริษัท ถ้าไม่อยู่นะ ดาว” พี่เดือนดักคอมาว่าห้ามโดดงาน
              “ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องอยู่เลี้ยงกับลิเขา พี่เดือนนี่ พี่เดือนเองก็ยังเคยไปซ้อมบทละครที่บ้านแม่เลยนี่คะ นั่นก็โดดงานไม่ใช่หรือคะ” ฉันก็รีบถามไป เพราะกลัวจะต้องกลับไปทำงานอีก
              “เออ ใช่  จริงด้วยซี พี่ก็ลืมไป อนุญาตแค่วันนี้เท่านั้นนะ” พี่เดือนบอกแกมสั่ง ฉันกระโดดเข้าไปกอดคอพี่เดือน แล้วก็หอมแก้มเข้าฟอดใหญ่
              ไม่นานหลังจากนั้นพี่เดือนก็ออกไปทำงาน แล้วจากนั้นอีกราวครึ่งชั่วโมง ยายลิก็มารับ
              “ไปเถอะดาว เดี๋ยวไม่ทัน” ลิที่เพิ่งมาถึงเร่งให้ฉันรีบไป
              “แต่งตัวซะปิ๊งเชียวลิ กลัวพี่ตัวเค้าไม่แลเห็นความสวยเหรอ” ดารากระเซ้าเย้าแหย่เพื่อน
              “แน่ซียะ สวยสู้ตัวไม่ได้อายเขาแย่” ลิตอบ
              “ฮิ พูดอะไรบ้าๆอย่างนั้นเป็นด้วยหรือ เพิ่งรู้นะเนี่ย” ดาราหัวเราะคิกคักอยู่ในลำคอ ก่อนจะแกล้งเพื่อนอีกครั้งด้วยคำพูดกวนประสาท
              “ไม่ได้บ้า แต่พูดจริงๆ” ลิตอบ พอดีกับที่ดาราล็อกห้องเรียบร้อย ทั้งสองจึงเดินลงไปข้างล่างทันที
              เมื่อถึงสนามบิน เป็นเวลาก่อนเครื่องบินจากฝรั่งเศสจะมาถึงเพียง ๑๐ นาที (โชคดีจริงๆ ไม่งั้นยายลิคงเล่นงานฉันตาย) เราทั้งสองจึงไปคอยพี่ชายของยายลิด้วยความตื่นเต้นดีใจระคนกัน
              ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เพิ่งลงมาจากเครื่องบินเที่ยวบินปารีส-กรุงเทพฯ มาสดๆร้อนๆ กวาดตามองอยู่ทั่วลานทางออก ไม่ค่อยพบคนที่คาดว่าจะเป็นน้องสาวเลยแม้แต่คนเดียว สะดุดตาก็แต่หญิงสาวสองคนที่ยืนคุยกันคิกคักตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว หญิงสาวคนแรกแต่งกายด้วยชุดกระโปรงบานสีขาวผ้าสำลี ผ้าคาดผม รองเท้า กระเป๋าถือล้วนเป็นสีขาวทั้งสิ้น ผมสั้นตรงเพียงบ่าทำให้หน้าดูคมเข้ม ผิวกายขาวสะอาดสะอ้าน ที่ว่าคนเมื่อกี้สวยแล้ว อีกคนยิ่งสวยกว่าคนเมื่อครู่อีกหลายเท่า ชุดกระโปรงจีบบานกรอมเข่าสีชมพูอ่อน รองเท้าและเครื่องประดับล้วนดูเข้าชุดกันทั้งหมดสิ้น ใบหน้าสละสลวยคมและแฝงไว้ด้วยความอ่อนหวาน ผมหยิกหยักศกตามธรรมชาติ ดูสวยเก๋มากทีเดียว รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรจ้องมาตั้งนานแล้ว เอ หรือว่าหล่อนคือน้องสาวของเรา ลองเขาไปทักก็ไม่เสียหายอะไร ยิ่งเป็นคนสวยๆด้วยแล้วล่ะก็ น่าสน
              “นี่แหละตัว คนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มคนนั้นแหละ ที่มองมาทางนี้น่ะ อย่าไปชี้ซี อือ เขาก็กำลังจะมาทางนี้นะ เขาคงรู้แล้วล่ะมั้ง” ลิพูดคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนานเพราะว่านี่เป็นเรื่องพี่ชายของหล่อน
              “ลิเหรอ” เสียงของผู้ชายคนนี้ช่างอ่อนหวานนุ่มนวลเป็นที่สุด ผู้พูดคงคิดว่าไม่ผิดตัวเป็นแน่แท้ แต่คนที่เขาพูดด้วยก็คือ ‘ดารา’ มิใช่ ‘แม่ดอกมะลิซ้อน’ น้องสาวของเขา
              ประมาณ ๘.๕๐ น. ก็ลุกไปปลุกพี่เดือนที่กำลังนอนอย่างมีความสุข พี่เดือนตื่นขึ้นอย่างงัวเงียก่อนจะเดินโซซัดโซเซเข้าห้องน้ำไป ฉันจึงออกไปดูโทรทัศน์ต่อ
              พี่เดือนออกจากห้องมาคราวนี้ดูเรียบร้อยกว่าเมื่อครู่ลิบลับ การแต่งหน้าอ่อนๆกับทรงผมหยิกดัดที่รวบขึ้นเปิดต้นคอ ชุดกระโปรงบานสีเขียวอ่อน เข็มขัดเส้นใหญ่โตที่ผาดระหว่างลำตัวกับตะโพก ทำให้ดูเก๋ไปอีกแบบ กระเป๋าหนังสีน้ำตาลเข้มทรงใหม่ กับรองเท้าหนังสีดำเป็นมันขลับ จริงๆพี่เดือนก็เรียกได้ว่าออกจะมีหน้าตาที่งามได้สั.ดส่วน ยิ่งมีการแต่งตัวที่เหมาะเจาะ เข้ากับรูปร่างแล้วล่ะก็ ยิ่งสวยขึ้นไปยิ่งกว่าเดิม
              “วันนี้ไม่ไปทำงานหรือจ๊ะ” พี่เดือนถาม ฉันพยักหน้าแล้วตอบว่า
              “เดี๋ยวลิจะพาไปเที่ยวค่ะ”
              “เอ๋ เที่ยวอะไรกันจ๊ะ เสียการเสียงาน เดี๋ยวพี่ฟ้องแม่ให้หรอก” พี่เดือนพูดจาประสาผู้ใหญ่ใจดีดุเด็กดื้อ
              “ไม่ใช่หรอกค่ะ จะไปรับพี่ถนอม พี่ชายของลิเขา เขาไปสัญญิงสัญญากับพี่ว่าถ้าพี่จำเขาไม่ได้แล้วจะต้องเลี้ยงอาหารมื้อใหญ่ เลยให้ดาวไปเป็นเพื่อน” ดาราอธิบายให้พี่สาวเข้าใจให้ถูก
              “แต่ก็ไม่น่าจะไปเวลางานนี่นา” พี่เดือนท้วงมาอย่างไม่เห็นด้วย ฉันจึงทำหน้าหงอยๆลงไปนิดหนึ่ง พี่เดือนคงเห็นใจบอกว่า
              “พี่อนุญาตให้แค่ครึ่งวัน แล้วจะโทรไปตรวจที่บริษัท ถ้าไม่อยู่นะ ดาว” พี่เดือนดักคอมาว่าห้ามโดดงาน
              “ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องอยู่เลี้ยงกับลิเขา พี่เดือนนี่ พี่เดือนเองก็ยังเคยไปซ้อมบทละครที่บ้านแม่เลยนี่คะ นั่นก็โดดงานไม่ใช่หรือคะ” ฉันก็รีบถามไป เพราะกลัวจะต้องกลับไปทำงานอีก
              “เออ ใช่  จริงด้วยซี พี่ก็ลืมไป อนุญาตแค่วันนี้เท่านั้นนะ” พี่เดือนบอกแกมสั่ง ฉันกระโดดเข้าไปกอดคอพี่เดือน แล้วก็หอมแก้มเข้าฟอดใหญ่
              ไม่นานหลังจากนั้นพี่เดือนก็ออกไปทำงาน แล้วจากนั้นอีกราวครึ่งชั่วโมง ยายลิก็มารับ
              “ไปเถอะดาว เดี๋ยวไม่ทัน” ลิที่เพิ่งมาถึงเร่งให้ฉันรีบไป
              “แต่งตัวซะปิ๊งเชียวลิ กลัวพี่ตัวเค้าไม่แลเห็นความสวยเหรอ” ดารากระเซ้าเย้าแหย่เพื่อน
              “แน่ซียะ สวยสู้ตัวไม่ได้อายเขาแย่” ลิตอบ
              “ฮิ พูดอะไรบ้าๆอย่างนั้นเป็นด้วยหรือ เพิ่งรู้นะเนี่ย” ดาราหัวเราะคิกคักอยู่ในลำคอ ก่อนจะแกล้งเพื่อนอีกครั้งด้วยคำพูดกวนประสาท
              “ไม่ได้บ้า แต่พูดจริงๆ” ลิตอบ พอดีกับที่ดาราล็อกห้องเรียบร้อย ทั้งสองจึงเดินลงไปข้างล่างทันที
              เมื่อถึงสนามบิน เป็นเวลาก่อนเครื่องบินจากฝรั่งเศสจะมาถึงเพียง ๑๐ นาที (โชคดีจริงๆ ไม่งั้นยายลิคงเล่นงานฉันตาย) เราทั้งสองจึงไปคอยพี่ชายของยายลิด้วยความตื่นเต้นดีใจระคนกัน
              ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งที่เพิ่งลงมาจากเครื่องบินเที่ยวบินปารีส-กรุงเทพฯ มาสดๆร้อนๆ กวาดตามองอยู่ทั่วลานทางออก ไม่ค่อยพบคนที่คาดว่าจะเป็นน้องสาวเลยแม้แต่คนเดียว สะดุดตาก็แต่หญิงสาวสองคนที่ยืนคุยกันคิกคักตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว หญิงสาวคนแรกแต่งกายด้วยชุดกระโปรงบานสีขาวผ้าสำลี ผ้าคาดผม รองเท้า กระเป๋าถือล้วนเป็นสีขาวทั้งสิ้น ผมสั้นตรงเพียงบ่าทำให้หน้าดูคมเข้ม ผิวกายขาวสะอาดสะอ้าน ที่ว่าคนเมื่อกี้สวยแล้ว อีกคนยิ่งสวยกว่าคนเมื่อครู่อีกหลายเท่า ชุดกระโปรงจีบบานกรอมเข่าสีชมพูอ่อน รองเท้าและเครื่องประดับล้วนดูเข้าชุดกันทั้งหมดสิ้น ใบหน้าสละสลวยคมและแฝงไว้ด้วยความอ่อนหวาน ผมหยิกหยักศกตามธรรมชาติ ดูสวยเก๋มากทีเดียว รอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรจ้องมาตั้งนานแล้ว เอ หรือว่าหล่อนคือน้องสาวของเรา ลองเขาไปทักก็ไม่เสียหายอะไร ยิ่งเป็นคนสวยๆด้วยแล้วล่ะก็ น่าสน
              “นี่แหละตัว คนที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มคนนั้นแหละ ที่มองมาทางนี้น่ะ อย่าไปชี้ซี อือ เขาก็กำลังจะมาทางนี้นะ เขาคงรู้แล้วล่ะมั้ง” ลิพูดคุยกับเพื่อนอย่างสนุกสนานเพราะว่านี่เป็นเรื่องพี่ชายของหล่อน
              “ลิเหรอ” เสียงของผู้ชายคนนี้ช่างอ่อนหวานนุ่มนวลเป็นที่สุด ผู้พูดคงคิดว่าไม่ผิดตัวเป็นแน่แท้ แต่คนที่เขาพูดด้วยก็คือ ‘ดารา’ มิใช่ ‘แม่ดอกมะลิซ้อน’ น้องสาวของเขา
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น