ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : มะลิและดารา
                รุ่งเช้าดาราก็รีบตื่นแต่เช้าเพื่อรอเพื่อนรัก ‘มะลิ’ มารับไปทำงาน เนื่องด้วยฐานะทางบ้านของมะลิค่อนข้างดี และด้วยเป็นเพื่อนรักที่เล่นหัวกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ทั้งสองสนิทสนมกันมาก นับได้ว่าเป็นเพื่อนตายทีเดียว ตั้งแต่จบชั้นมัธยม เพื่อนๆที่นับว่าสนิทก็ยังหายหน้าหายตาไปเนื่องจากต่างคนต่างไปเรียนคนละมหาวิทยาลัย มะลิก็เช่นเดียวกัน แต่ยังคงเวียนมาหาสู่อยู่สม่ำเสมอ และในวันครบรอบวันเกิดของนางสาวมะลิปีที่ ๒๑ ทางบ้านก็ให้รถเก๋งมีราคาเป็นของขวัญ ความจริงดาราก็เกรงอกเกรงใจที่มะลิมารับส่งถึงแม้ว่าจะเป็นเพื่อนที่เล่นหัวกันมาก็ตามที ความมีมารยาทและความต่างของฐานะครอบครัวเป็นสิ่งที่ต้องพึงรักษาเกียรติเอาไว้ จึงไม่รับความมีน้ำใจเสีย ถึงขนาดมะลิต้องบอกคุณพ่อ ซึ่ง ‘คุณพ่อ’ ของมะลิก็คืออดีตท่านทูตทหารบกมาคุยกับพ่อของดารา กระนั้นดาราก็ยังบ่ายเบี่ยง แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธไปตรงๆเช่นที่เคยพูดกับมะลิไว้ ด้วยเกรงท่านจะเสียผู้ใหญ่ อีกทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าตัวเองก็ยังพูดแกมยังคับให้มะลิมารับมาส่งลูกสาว ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจวบจนปัจจุบัน ก็ได้แต่มะลิเพียงคนเดียวที่ดารารักอย่างจริงใจ
                เสียงกริ่งดังขึ้นในเวลา ๘.๐๐ น. ดารารีบออกไปเปิดประตูให้มะลิเข้ามา เมื่อมะลิเข้ามาก็จัดการรับประทานอาหารที่น้อยครั้งเพื่อนสาวจะทำให้ทานอย่างเอร็ดอร่อย
 
                “ยังอร่อยเหมือนเดิมนะดาว เสียแต่ว่าตัวไม่ค่อยจะอยากทำ”ลิบอกอย่างเสียดาย
                “เอ๊ะ เราไม่ว่างนี่นา ทำยังกะไม่รู้ยังงั้นแหละ กว่าจะทำงานเสร็จ กว่าจะได้นอน ปาเข้าไปร่วมห้าหกโมง” ดาราอดจะบ่นไม่ได้ที่เพื่อนไม่ยอมเข้าใจ
                “รู้แล้วจ๊ะ รู้แล้ว อารมณ์เสียแต่เช้าไม่ดีนะจ๊ะ แม่ดารา” ลิยิ้มแห้งๆเมื่อโดนเพื่อนว่าวงใหญ่ ดาราเพียงแต่ยิ้มนิดๆก่อนจะเข้าไปในห้องนอน
                ภายหลังออกมาแล้วเห็นว่ามะลิเปิดโทรทัศน์ดูข่าวจึงชักชวนกันออกไปทำงาน
                “ลิจ๋า วันนี้ต้องพาเราไปตัดชุดใหม่ด้วยนะ วันเสาร์นี้ต้องใช้แล้ว” ดาราทำเสียงออดอ้อน เพื่อให้ได้ดั่งที่หวังหมายไว้
                “นี่มันวันพุธแล้วนะแม่คู้ณ  ช่างเสื้อที่ไหนเขาจะตัดให้ตัวทันจ๊ะ” ลิถามยิ้มๆ ว่าด้วยเพื่อนสาวที่เจ้าตัวหวงนักหวงหนาจะไปงานใดถึงกับต้องตัดชุดใหม่
                “ก็จะเร่งเขาให้ทันล่ะ  นะจ๊ะลิ ไม่งั้นดาราคนนี้ก็ไม่ได้ไปงานเปิดตัวละครเรื่องใหม่ของพี่เดือนน่ะซี” ดาราบอก
                “งานของพี่เดือนเหรอ งั้นตัวไม่ต้องหรอก เดี๋ยวไปที่บ้านเราก็ได้จ๊ะ จะได้เรียกให้ช่างมาวัดตัวแล้วก็เลือกแบบ” ลิบอกอย่างใจดี ราวกับว่าเป็นญาติก็ไม่ปาน อีกฝ่ายอึกอักตั้งใจว่าจะปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายดักคอมาก่อนว่า “ถ้าตัวไม่ไปเราจะไปฟ้องพ่อตัว” ดาราจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
                ตกเย็นเมื่อนางสาวมะลิมารับดาราแล้ว ก็รีบขับรถไปยังบ้านของหล่อนทันที เมื่อไปถึงบ้านของมะลิแล้วก็เห็นว่ามีผู้ชายใส่เสื้อรัดรูปสีขาวและกางเกงสีดำขลับรัดแนบเนื้อ รออยู่ในห้องโถงหรือห้องรับแขกของบ้านแล้ว ยังไม่ทันที่ดาราจะได้ถามเพื่อนสาวว่าเขาคือใคร หล่อนก็รีบแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันเสียก่อน
                “ดาวจ๊ะ นี่คุณสำเนียง ช่างตัดเสื้อฝีมือดีจากปารีสเชียวนะตัว คุณสำเนียงคะ นี่ดาราเพื่อนของลิเองค่ะ” ดาราประนมมือไว้คุณสำเนียงพร้อมกับลิ คุณสำเนียงรับไหว้อย่างอ้อนแอ้น เจ้าตัวคงจะเป็นตุ๊ดกระมัง ดาราคิด
                ดารากับมะลิช่วยกันเลือกแบบกันคนละไม่น้อยกว่า ๕ ชุด แล้วก็ลองถามความคิดเห็นของคุณสำเนียงดู เขาบอกว่าพวกเราน่ะตาถึง เลือกชุดแต่ละชุดแบบดีๆทั้งนั้น แล้วเขาก็เลือกจากหนึ่งในหาตัว ปรากฏว่าตัวที่เขาเลือกเป็นตัวที่ฉันชอบมากที่สุดพอดี ส่วนยายลิก็ถูกอกถูกใจเช่นเดียวกัน
                “พี่จะรีบทำให้เสร็จวันศุกร์เลยนะจ๊ะ แล้ววันเสาร์จะเอามาฝากให้ที่บ้านหนูลินะ คงมาตอนเช้าล่ะ ไปงานกันตอนกลางคืนนิ คงทันใช่ม้า เออ วัดสั.ดส่วนก่อนนะ ยังไม่ได้วัดเลย”เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะจับเราทีละคนไปวัดอย่างให้พอดีกับทรงที่ต้องตัดเย็บมากที่สุด
                หลังจากนั้นคุณสำเนียงเขาก็กลับบ้านไป พวกเราสองคนยังคุยกันอยู่ เพลินจนพ่อของมะลิกลับมา ท่านก็มานั่งอยู่ในห้องโถงพลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย จวบสองทุ่ม ฉันเห็นว่าสมควรจะกลับบ้านได้แล้ว
                “ลิ ฉันจะกลับแล้ว ไม่ต้องไปส่งก็ได้ เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้ เดี๋ยวเดียวก็ถึง” ดาราบอกรวดเดียวอย่างเกรงใจ ลิส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
                “เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”ลิบอก
                อดีตท่านทูตทหารบกเลิกสนใจกับหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านค้างอยู่ กลับมาสนใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ข้างหน้า ท่านคิดตรึกตรองอยู่เพียงครู่เดียวก็พูดขึ้นมาว่า “ค้างที่นี่ซิ หนูดาว ห้องหับเหลือออกมาก หรือจะนอนห้องเดียวกับแม่ลิเขาก็ได้ ใช่ไหมล่ะ”
                “ไม่รบกวนหรอกค่ะ” ดาราตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ
              “รบกงรบกวนอะไรกัน ไม่หรอกใช่ไหมแม่ลิ” ท่านพูดอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ หันไปถามลูกสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามเหมือนจะขอความเห็น
              “ใช่ซีคะ นะดาว ไม่เห็นเป็นไรเลยจะเกรงอกเกรงใจกันอยู่ทำไม ยังไงเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว” ลิพยักหน้าเห็นด้วยกับบิดา
              “แต่เราไม่ใช่ ”หล่อนจะปฏิเสธแต่ถูกขัดก่อนว่า
              “หนูดาว ไม่ใช่อะไรกันล่ะ แม่เธอก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉันนะ เราก็เป็นญาติกันแท้ๆ จะเกรงอกเกรงใจอะไรกันหนักหนา” พ่อของลิเริ่มไม่ชอบใจที่ดาราปฏิเสธจนผู้ใหญ่ต้องกลายเป็นฝ่ายง้อ ทำให้รู้สึกเสียผู้ใหญ่
              “ก็ได้ค่ะ คุณลุง” ดาราจึงรับคำอย่างหงอยๆด้วยความเกรงอกเกรงใจอีกฝ่ายที่เป็น ‘ผู้ใหญ่’ กว่า
              “ดี ลิลูก ไปเตรียมที่นอนให้หนูดาวซี่ ไปช่วยกันทั้งสองคนนั้นแหละ”อดีตท่านทูตทหารกล่าวอย่างประชดนิดๆ ก่อนจะหันไปบอกแกมสั่งกับลูกสาว
              “เจ้าค่า คุณพ่อ ไปเถอะ ดาว เดี๋ยวจะได้ลงมาทานข้าวกัน” ลูกสาวรับคำกับพ่อก่อนจะพูดชวนเพื่อนให้ไปยังห้องนอนด้วยกัน
              เมื่อเวลา ๒๐.๐๐ น. พวกเราสามคนก็ทานข้าวด้วยกัน แล้วหลังจากนั้นเราทั้งสองคนก็ไปนั่งคุยกันในห้องของลิ
              “วันเสาร์ที่จะถึงนี้คุณเชษฐาจะไปรับฉันที่บ้านน่ะ” ดาราบอก
              “เอ๋ นี่ตัวสนิทกับเขาถึงขนาดเขาไปรับเธอที่บ้านแล้วเหรอ” ลิถามอย่างไม่เชื่อหู
              “ก็เมื่อวานที่ตัวไม่ได้ไปรับฉัน คุณเชษฐาเขาโทรมาชวนเราไปทานข้าวเย็น เราก็ไปตั้งแถวรัชดาฯโน้นแน่ะ คุณเชษฐานี่เขายังเรียกเราว่า ‘ดาว’ เลย อีกอย่างฉันก็ชอบพอเขาอยู่เหมือนกัน” ดาราบอกตามตรง
              “เอาไงแน่ยะหล่อน สรรพนามของเธอน่ะ เดี๋ยวฉันเดี๋ยวเรา เอาให้มันแน่ๆหน่อยได้มั้ยยะ” ลิบอกอย่างขัดหู
              “โทษทีจ้า ว่าแต่ตัวจะไปคู่กับใครล่ะ งานอย่างนี้ไม่ควรอยู่เดี่ยวนะจ๊ะ” ฉันขอโทษขอโพยแล้วร้องเตือน
              “งั้นตัวก็อยู่กับฉันซี” ลิบอกหน้าตาย ดาราทำหน้าตกใจ ใจจริงอยากจะไปกับคุณเชษฐาซะวันนี้เดี๋ยวนี้เสียด้วยซ้ำ เรื่องอะไรที่จะต้องไปเล่นอยู่แต่กับเพื่อน
              “ม่ายมีทางเด็ด ตัวก็ชวนพ่อไปซี่ เรื่องไรที่ฉันต้องไปกับตัวล่ะ อุตส่าห์ตัดชุดสวยๆ งั้นจะมีความหมายอะไรล่ะ” ดาราตอบอย่างไม่เห็นด้วย 
              “แหม จำไว้เลยนะ ฉันไปกับพี่ก็ได้ ทีนี่นะจะไม่แนะนำให้รู้จักเลย” ลิตอบพร้อมเมินหน้าไปอีกทางอย่างน้อยใจ ดาราเห็นเป็นเรื่องขบขันเพราะรู้นิสัย ‘ขี้งอน’ ของเพื่อนสาวดี แต่ก็ต้องสะดุดหูที่คำว่า ‘พี่’ เนื่องจากไม่เคยได้ยินมาก่อน
              “เอ๊ะ พี่ตัวน่ะใคร มีพี่ตั้งแต่เมื่อไรกัน” ฉันถามออกไปอย่างอยากรู้
              “พี่ฉันก็พี่ฉันซี่ จะให้เป็นลูกใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ลูกท่านทหารบกคนนี้” ลิตอบมาอย่างเป็นเรื่องสำคัญ เพราะคิดว่าคงจะได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆให้เพื่อนสาวฟังเสียหมด หากแต่ความจริงดาราเองที่นึกไม่ออก
              “พี่ตัว ที่ไปอยู่ฝรั่งเศสหรือ ใช่พี่ถนอมรึเปล่า” ฉันถามด้วยนึกได้
              “ก็ใช่น่ะสิ ทางญาติโยมทั้งหลายของฉัน มีแต่ฉันนี่แหละที่อายุมากสุดถ้าไม่นับพี่ถนอม ใครๆก็เรียกฉันว่าอาว่าน้าทั้งนั้น ทั้งๆที่ฉันเพิ่งจะอายุไม่เท่าไร” ลิตอบอย่างไม่ชอบใจ แต่ไม่ใช่เรื่องของพี่ถนอม
              “จ้าๆ แล้วพี่ถนอมจะกลับมาแล้วเหรอ ไม่ได้ข่าวคราวตั้งหลายสิบปี ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ” ฉันบอกแล้วถามต่อ
              “ถึงว่าซี จำไม่ได้ พี่ถนอมจะกลับวันศุกร์นี้แหละ ตัวไปรับที่สนามบินกับฉันได้มั้ย คุณพ่อท่านไม่ว่าง ฉันไม่อยากไปรับคนเดียว กลัวพี่จำไม่ได้” ลิว่า เห็นทีฉันก็คงจะต้องไปด้วยซีนะเนี่ย ช่วยไม่ได้ ไปก็ไป
              “ทำไมถึงจำไม่ได้ล่ะ ก็ตัวติดต่อกับพี่เขาอยู่ไม่ใช่หรือ” ฉันถามไปอีก พี่น้องคู่นี้ ทำอะไรมีลับลมคมในเสียจริงๆ
              “เขาน่ะส่งรูปเขามาให้ฉันเสมอๆ แต่ฉันน่ะไม่เคยส่งรูปฉันไปให้เขาเลย ก็ฉันน่ะสวยสู้คุณแม่ได้เสียเมื่อไรกัน เรื่องไรที่จะต้องส่งไปให้พี่เขาหัวเราะเอาเปล่าๆ แล้วเราก็พนันกันไว้ด้วยว่า ถ้าพี่เขาเจอฉันแล้วจำไม่ได้ต้องเลี้ยงข้าวเย็นมื้อใหญ่เสียมื้อหนึ่ง เขาก็รับปากว่าไม่ต้องบอกรูปพรรณสันฐานอะไรไปให้ จะใช้สัญชาติญาณเอง” ลิตอบ เฮ้อเหอ พี่น้องคู่นี้น่ารักกันเสียจริง
              แล้วเราก็ยังคุยกันอีกหลายๆเรื่อง จนเกือบสองยามถึงจะหลับลงได้เพราะความง่วง ไม่อย่างนั้นคงคุยกันถึงเช้ากระมัง....
                เสียงกริ่งดังขึ้นในเวลา ๘.๐๐ น. ดารารีบออกไปเปิดประตูให้มะลิเข้ามา เมื่อมะลิเข้ามาก็จัดการรับประทานอาหารที่น้อยครั้งเพื่อนสาวจะทำให้ทานอย่างเอร็ดอร่อย
 
                “ยังอร่อยเหมือนเดิมนะดาว เสียแต่ว่าตัวไม่ค่อยจะอยากทำ”ลิบอกอย่างเสียดาย
                “เอ๊ะ เราไม่ว่างนี่นา ทำยังกะไม่รู้ยังงั้นแหละ กว่าจะทำงานเสร็จ กว่าจะได้นอน ปาเข้าไปร่วมห้าหกโมง” ดาราอดจะบ่นไม่ได้ที่เพื่อนไม่ยอมเข้าใจ
                “รู้แล้วจ๊ะ รู้แล้ว อารมณ์เสียแต่เช้าไม่ดีนะจ๊ะ แม่ดารา” ลิยิ้มแห้งๆเมื่อโดนเพื่อนว่าวงใหญ่ ดาราเพียงแต่ยิ้มนิดๆก่อนจะเข้าไปในห้องนอน
                ภายหลังออกมาแล้วเห็นว่ามะลิเปิดโทรทัศน์ดูข่าวจึงชักชวนกันออกไปทำงาน
                “ลิจ๋า วันนี้ต้องพาเราไปตัดชุดใหม่ด้วยนะ วันเสาร์นี้ต้องใช้แล้ว” ดาราทำเสียงออดอ้อน เพื่อให้ได้ดั่งที่หวังหมายไว้
                “นี่มันวันพุธแล้วนะแม่คู้ณ  ช่างเสื้อที่ไหนเขาจะตัดให้ตัวทันจ๊ะ” ลิถามยิ้มๆ ว่าด้วยเพื่อนสาวที่เจ้าตัวหวงนักหวงหนาจะไปงานใดถึงกับต้องตัดชุดใหม่
                “ก็จะเร่งเขาให้ทันล่ะ  นะจ๊ะลิ ไม่งั้นดาราคนนี้ก็ไม่ได้ไปงานเปิดตัวละครเรื่องใหม่ของพี่เดือนน่ะซี” ดาราบอก
                “งานของพี่เดือนเหรอ งั้นตัวไม่ต้องหรอก เดี๋ยวไปที่บ้านเราก็ได้จ๊ะ จะได้เรียกให้ช่างมาวัดตัวแล้วก็เลือกแบบ” ลิบอกอย่างใจดี ราวกับว่าเป็นญาติก็ไม่ปาน อีกฝ่ายอึกอักตั้งใจว่าจะปฏิเสธ แต่อีกฝ่ายดักคอมาก่อนว่า “ถ้าตัวไม่ไปเราจะไปฟ้องพ่อตัว” ดาราจึงไม่ได้พูดอะไรอีก
                ตกเย็นเมื่อนางสาวมะลิมารับดาราแล้ว ก็รีบขับรถไปยังบ้านของหล่อนทันที เมื่อไปถึงบ้านของมะลิแล้วก็เห็นว่ามีผู้ชายใส่เสื้อรัดรูปสีขาวและกางเกงสีดำขลับรัดแนบเนื้อ รออยู่ในห้องโถงหรือห้องรับแขกของบ้านแล้ว ยังไม่ทันที่ดาราจะได้ถามเพื่อนสาวว่าเขาคือใคร หล่อนก็รีบแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันเสียก่อน
                “ดาวจ๊ะ นี่คุณสำเนียง ช่างตัดเสื้อฝีมือดีจากปารีสเชียวนะตัว คุณสำเนียงคะ นี่ดาราเพื่อนของลิเองค่ะ” ดาราประนมมือไว้คุณสำเนียงพร้อมกับลิ คุณสำเนียงรับไหว้อย่างอ้อนแอ้น เจ้าตัวคงจะเป็นตุ๊ดกระมัง ดาราคิด
                ดารากับมะลิช่วยกันเลือกแบบกันคนละไม่น้อยกว่า ๕ ชุด แล้วก็ลองถามความคิดเห็นของคุณสำเนียงดู เขาบอกว่าพวกเราน่ะตาถึง เลือกชุดแต่ละชุดแบบดีๆทั้งนั้น แล้วเขาก็เลือกจากหนึ่งในหาตัว ปรากฏว่าตัวที่เขาเลือกเป็นตัวที่ฉันชอบมากที่สุดพอดี ส่วนยายลิก็ถูกอกถูกใจเช่นเดียวกัน
                “พี่จะรีบทำให้เสร็จวันศุกร์เลยนะจ๊ะ แล้ววันเสาร์จะเอามาฝากให้ที่บ้านหนูลินะ คงมาตอนเช้าล่ะ ไปงานกันตอนกลางคืนนิ คงทันใช่ม้า เออ วัดสั.ดส่วนก่อนนะ ยังไม่ได้วัดเลย”เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะจับเราทีละคนไปวัดอย่างให้พอดีกับทรงที่ต้องตัดเย็บมากที่สุด
                หลังจากนั้นคุณสำเนียงเขาก็กลับบ้านไป พวกเราสองคนยังคุยกันอยู่ เพลินจนพ่อของมะลิกลับมา ท่านก็มานั่งอยู่ในห้องโถงพลางอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย จวบสองทุ่ม ฉันเห็นว่าสมควรจะกลับบ้านได้แล้ว
                “ลิ ฉันจะกลับแล้ว ไม่ต้องไปส่งก็ได้ เดี๋ยวฉันไปเองก็ได้ เดี๋ยวเดียวก็ถึง” ดาราบอกรวดเดียวอย่างเกรงใจ ลิส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
                “เดี๋ยวฉันไปส่งเอง”ลิบอก
                อดีตท่านทูตทหารบกเลิกสนใจกับหนังสือพิมพ์ที่กำลังอ่านค้างอยู่ กลับมาสนใจกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ข้างหน้า ท่านคิดตรึกตรองอยู่เพียงครู่เดียวก็พูดขึ้นมาว่า “ค้างที่นี่ซิ หนูดาว ห้องหับเหลือออกมาก หรือจะนอนห้องเดียวกับแม่ลิเขาก็ได้ ใช่ไหมล่ะ”
                “ไม่รบกวนหรอกค่ะ” ดาราตอบปฏิเสธอย่างสุภาพ
              “รบกงรบกวนอะไรกัน ไม่หรอกใช่ไหมแม่ลิ” ท่านพูดอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ หันไปถามลูกสาวที่นั่งฝั่งตรงข้ามเหมือนจะขอความเห็น
              “ใช่ซีคะ นะดาว ไม่เห็นเป็นไรเลยจะเกรงอกเกรงใจกันอยู่ทำไม ยังไงเราก็เหมือนครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว” ลิพยักหน้าเห็นด้วยกับบิดา
              “แต่เราไม่ใช่ ”หล่อนจะปฏิเสธแต่ถูกขัดก่อนว่า
              “หนูดาว ไม่ใช่อะไรกันล่ะ แม่เธอก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกับฉันนะ เราก็เป็นญาติกันแท้ๆ จะเกรงอกเกรงใจอะไรกันหนักหนา” พ่อของลิเริ่มไม่ชอบใจที่ดาราปฏิเสธจนผู้ใหญ่ต้องกลายเป็นฝ่ายง้อ ทำให้รู้สึกเสียผู้ใหญ่
              “ก็ได้ค่ะ คุณลุง” ดาราจึงรับคำอย่างหงอยๆด้วยความเกรงอกเกรงใจอีกฝ่ายที่เป็น ‘ผู้ใหญ่’ กว่า
              “ดี ลิลูก ไปเตรียมที่นอนให้หนูดาวซี่ ไปช่วยกันทั้งสองคนนั้นแหละ”อดีตท่านทูตทหารกล่าวอย่างประชดนิดๆ ก่อนจะหันไปบอกแกมสั่งกับลูกสาว
              “เจ้าค่า คุณพ่อ ไปเถอะ ดาว เดี๋ยวจะได้ลงมาทานข้าวกัน” ลูกสาวรับคำกับพ่อก่อนจะพูดชวนเพื่อนให้ไปยังห้องนอนด้วยกัน
              เมื่อเวลา ๒๐.๐๐ น. พวกเราสามคนก็ทานข้าวด้วยกัน แล้วหลังจากนั้นเราทั้งสองคนก็ไปนั่งคุยกันในห้องของลิ
              “วันเสาร์ที่จะถึงนี้คุณเชษฐาจะไปรับฉันที่บ้านน่ะ” ดาราบอก
              “เอ๋ นี่ตัวสนิทกับเขาถึงขนาดเขาไปรับเธอที่บ้านแล้วเหรอ” ลิถามอย่างไม่เชื่อหู
              “ก็เมื่อวานที่ตัวไม่ได้ไปรับฉัน คุณเชษฐาเขาโทรมาชวนเราไปทานข้าวเย็น เราก็ไปตั้งแถวรัชดาฯโน้นแน่ะ คุณเชษฐานี่เขายังเรียกเราว่า ‘ดาว’ เลย อีกอย่างฉันก็ชอบพอเขาอยู่เหมือนกัน” ดาราบอกตามตรง
              “เอาไงแน่ยะหล่อน สรรพนามของเธอน่ะ เดี๋ยวฉันเดี๋ยวเรา เอาให้มันแน่ๆหน่อยได้มั้ยยะ” ลิบอกอย่างขัดหู
              “โทษทีจ้า ว่าแต่ตัวจะไปคู่กับใครล่ะ งานอย่างนี้ไม่ควรอยู่เดี่ยวนะจ๊ะ” ฉันขอโทษขอโพยแล้วร้องเตือน
              “งั้นตัวก็อยู่กับฉันซี” ลิบอกหน้าตาย ดาราทำหน้าตกใจ ใจจริงอยากจะไปกับคุณเชษฐาซะวันนี้เดี๋ยวนี้เสียด้วยซ้ำ เรื่องอะไรที่จะต้องไปเล่นอยู่แต่กับเพื่อน
              “ม่ายมีทางเด็ด ตัวก็ชวนพ่อไปซี่ เรื่องไรที่ฉันต้องไปกับตัวล่ะ อุตส่าห์ตัดชุดสวยๆ งั้นจะมีความหมายอะไรล่ะ” ดาราตอบอย่างไม่เห็นด้วย 
              “แหม จำไว้เลยนะ ฉันไปกับพี่ก็ได้ ทีนี่นะจะไม่แนะนำให้รู้จักเลย” ลิตอบพร้อมเมินหน้าไปอีกทางอย่างน้อยใจ ดาราเห็นเป็นเรื่องขบขันเพราะรู้นิสัย ‘ขี้งอน’ ของเพื่อนสาวดี แต่ก็ต้องสะดุดหูที่คำว่า ‘พี่’ เนื่องจากไม่เคยได้ยินมาก่อน
              “เอ๊ะ พี่ตัวน่ะใคร มีพี่ตั้งแต่เมื่อไรกัน” ฉันถามออกไปอย่างอยากรู้
              “พี่ฉันก็พี่ฉันซี่ จะให้เป็นลูกใครล่ะ ถ้าไม่ใช่ลูกท่านทหารบกคนนี้” ลิตอบมาอย่างเป็นเรื่องสำคัญ เพราะคิดว่าคงจะได้ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆให้เพื่อนสาวฟังเสียหมด หากแต่ความจริงดาราเองที่นึกไม่ออก
              “พี่ตัว ที่ไปอยู่ฝรั่งเศสหรือ ใช่พี่ถนอมรึเปล่า” ฉันถามด้วยนึกได้
              “ก็ใช่น่ะสิ ทางญาติโยมทั้งหลายของฉัน มีแต่ฉันนี่แหละที่อายุมากสุดถ้าไม่นับพี่ถนอม ใครๆก็เรียกฉันว่าอาว่าน้าทั้งนั้น ทั้งๆที่ฉันเพิ่งจะอายุไม่เท่าไร” ลิตอบอย่างไม่ชอบใจ แต่ไม่ใช่เรื่องของพี่ถนอม
              “จ้าๆ แล้วพี่ถนอมจะกลับมาแล้วเหรอ ไม่ได้ข่าวคราวตั้งหลายสิบปี ลืมไปแล้วด้วยซ้ำ” ฉันบอกแล้วถามต่อ
              “ถึงว่าซี จำไม่ได้ พี่ถนอมจะกลับวันศุกร์นี้แหละ ตัวไปรับที่สนามบินกับฉันได้มั้ย คุณพ่อท่านไม่ว่าง ฉันไม่อยากไปรับคนเดียว กลัวพี่จำไม่ได้” ลิว่า เห็นทีฉันก็คงจะต้องไปด้วยซีนะเนี่ย ช่วยไม่ได้ ไปก็ไป
              “ทำไมถึงจำไม่ได้ล่ะ ก็ตัวติดต่อกับพี่เขาอยู่ไม่ใช่หรือ” ฉันถามไปอีก พี่น้องคู่นี้ ทำอะไรมีลับลมคมในเสียจริงๆ
              “เขาน่ะส่งรูปเขามาให้ฉันเสมอๆ แต่ฉันน่ะไม่เคยส่งรูปฉันไปให้เขาเลย ก็ฉันน่ะสวยสู้คุณแม่ได้เสียเมื่อไรกัน เรื่องไรที่จะต้องส่งไปให้พี่เขาหัวเราะเอาเปล่าๆ แล้วเราก็พนันกันไว้ด้วยว่า ถ้าพี่เขาเจอฉันแล้วจำไม่ได้ต้องเลี้ยงข้าวเย็นมื้อใหญ่เสียมื้อหนึ่ง เขาก็รับปากว่าไม่ต้องบอกรูปพรรณสันฐานอะไรไปให้ จะใช้สัญชาติญาณเอง” ลิตอบ เฮ้อเหอ พี่น้องคู่นี้น่ารักกันเสียจริง
              แล้วเราก็ยังคุยกันอีกหลายๆเรื่อง จนเกือบสองยามถึงจะหลับลงได้เพราะความง่วง ไม่อย่างนั้นคงคุยกันถึงเช้ากระมัง....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น