[One-shot] Goodbye.. “My Love” [TAENY] - [One-shot] Goodbye.. “My Love” [TAENY] นิยาย [One-shot] Goodbye.. “My Love” [TAENY] : Dek-D.com - Writer

    [One-shot] Goodbye.. “My Love” [TAENY]

    If you really love something.. You have to know how to let go.

    ผู้เข้าชมรวม

    1,031

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.03K

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    10
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ก.ย. 57 / 23:57 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

















      “ฉันมีอะไรจะบอกล่ะ”

       

       

       

      “ฉันน่ะ..     รักเธอมากๆเลยนะ”

       

       

       

      “จริงๆนะ   ฉันน่ะ..    รักเธอมากๆเลย”

       

       

       

      “นี่..    ฟังกันอยู่หรือเปล่า”

       

       

       

      “ฟานี่อา..     เธอได้ยินที่ฉันพูดมั้ย?”

       

       

      ยื่นมือโบกไปมาตรงหน้าเธอ..

       

       
       

      ..ผู้หญิงที่ฉันรักมากที่สุด..

       

       

       

      ท่าทางที่นิ่งเฉย  เงียบ  และไม่ไหวติงของเธอกำลังทำให้ฉันกลัว..

       
       

      ฉันหยุดมือที่โบกไว้แล้วเก็บมันแนบเข้าข้างลำตัว  สายตาจับจ้องไปยังคนตรงหน้า

       

       

      แววตาของเธอเรียบนิ่งและ..             ว่างเปล่า..

       

       

      หากมองไกลๆแล้วก็เหมือนเธอกำลังมองฉัน   แต่จริงๆแล้วเธอไม่ได้มองฉัน  เธอแค่กำลังมองอะไรสักอย่าง 

       

       

      ..แต่ผ่านตัวฉันไป..

       

       

      เธอยังยืนอยู่แบบนั้น  ยืนอยู่ตรงข้ามฉัน  และแววตาของทิฟฟานี่ยังคงว่างเปล่า..

       

       

       

      ฉันจะทำอย่างไรดี?

       

       

       

      ก้มหน้าลงมองข้างล่างก็พบว่าเป็นพื้นหญ้า  หันไปมองรอบๆก็เห็นถนนทางด้านซ้าย และมีแม่น้ำไหลผ่านทางด้านขวา  ฉันยกมือขึ้นป้องแสงแดดยามเย็นที่ส่องกระทบน้ำขึ้นมาแยงตาเล็กน้อย

       

       

       

       

      ที่นี่คือที่ไหนนะ?   แล้วฉันมาอยู่กับเธอได้ยังไง?

       

       

       

      ไม่รู้สิ..    ฉันนึกอะไรไม่ออกเลย..

       

       

       

       

      เธอก็ยังคงมองผ่านฉันไปแบบนั้น  มองแบบไร้จุดหมาย  ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเธอมองอะไร

       

      ฉันตัดสินใจมองจ้องกลับไปที่เธอ  ตั้งใจมองแววตาที่ว่างเปล่านั่น เผื่อจะเจออะไรก็ได้

       

       





       

      “................................................”

       

       

      ต่างคนต่างนิ่ง  ต่างคนต่างมองกัน              ..เวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้..

       

       

       

       

       

       

       

       

       






       

       




       

      ฉันยอมแพ้..

       

       

      ไม่เห็นจะมีอะไรเลย..

       

       

      ฉันก้มลงมองพื้นอีกครั้ง  พลันเสียงแหบแห้งที่แสนมีเสน่ห์นั้นก็เรียกฉันขึ้นมา

       
       

      “แท.. ”     ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาทิฟฟานี่ในทันที

       
       

      “ว่าไง?”

       
       

      “ฉันเหนื่อย..   ”   แววตาที่ว่างเปล่ากลับเปลี่ยนเป็นสิ้นหวังและดูท้อแท้

       
       

      “ฉันขอโทษ”

       
       

      “อืม.. ”

       

      สิ้นเสียงก็ไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอยู่นาน..       ต่างคนต่างเงียบเหมือนจมอยู่ในความคิดของตัวเอง

       

       






       

       

       






       

      ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี..   ผู้คนเริ่มออกมาหาอะไรทานเป็นมื้อเย็น  เสียงรถราต่างๆรอบตัวเริ่มดังขึ้น

       

       

      ..สัญญาณแห่งการจากลาเริ่มปรากฏเค้าลาง..

       

       

       

       











       

       

      “กลับกันมั้ย?”     และเป็นทิฟฟานี่ที่เอ่ยชึ้นมาทำลายความเงียบ..

       
       

      “ฉันยังไม่อยากกลับ.. ”   เพราะหากกลับไปแล้ว คงจะ..

       
       

      “กลับกันเถอะแท..  มันเย็นแล้ว”   ทิฟฟานี่ย้ำอีกครั้ง

       
       

      “ถ้ากลับไปแล้ว..   เราจะยังเป็นเหมือนเดิมอยู่มั้ยล่ะ?”   ฉันมองหน้าเธอ..

       
       

      “อย่าถามอะไรที่แทก็รู้คำตอบดีเลย..  กลับกันเถอะ  อย่างน้อยตอนนี้เราก็ยังมองเห็น  ถ้ามืดแล้วอาจจะมองอะไรไม่เห็นเลยก็ได้นะ”      น้ำเสียงและแววตาที่ดูเว้าวอนของเธอมันทำให้ฉันยอมจำนน..

       
       

      “กลับ..    ก็ได้..  ”   เอื้อมมือไปจับมือของทิฟฟานี่มากุมไว้  แล้วออกแรงดึงเบาๆให้เดินตามมาด้วยกัน

       





       

       

      ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยอะไร..   ขอโทษนะฟานี่  มันเป็นเพราะตัวฉันเองนั่นแหละ  ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยที่ต้องรอเวลาฉันทำงานนานๆ  ฉันรู้ว่าเธอเหนื่อยที่ต้องคอยบ่นฉันเวลาดื้อ  รู้ว่าเธอเหนื่อยที่ต้องคอยโทรหา คอยทักฉันเวลาที่เงียบหายไป รู้ว่าเธอเหนื่อยกับการที่ต้องคอยปรับอารมณ์ตามฉัน  รู้ว่าเธอเหนื่อยกับฉัน..   เธอเหนื่อยกับฉันมามากพอ..        ขอโทษนะ      ขอโทษจริงๆ..

       

       


















       

      ทางกลับบ้านที่ปกติแล้วต้องใช้เวลาประมาณนึงกว่าจะถึง  ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมวันนี้มันเหมือนสั้นลง..

       
       

      ตรงหน้าของฉันคือถนนสองสาย..    ทางหนึ่งไปบ้านเธอ  อีกทางหนึ่งไปบ้านฉัน  ทางแยกที่เดินผ่านประจำเวลาไปส่งเธอ  วันนี้ใจฉันกลับรู้สึกหวิวเหลือเกิน..

       
       

      ฉันหันกลับมาประจันหน้าเธอทั้งๆที่ยังจับมือ..   มองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยที่ฉันหลงรัก  ตอนนี้เหลือเพียงแค่ความสิ้นหวังในแววตา..

       
       

      ยังมีอะไรอีกมากมายที่ฉันยังไม่ทันได้พูด  แต่ถึงอยากจะพูด  ตอนนี้ฉันก็พูดไม่ออก  อาการตีบตันในลำคอมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญ เช่นในตอนที่เราตื่นเต้นดีใจ  ตื้นตัน  หรือแม้กระทั่งในช่วงที่ต้องจากลา

       

       






















       

      ท้องฟ้ามืดลงแล้ว  ไฟทางจากถนนเริ่มทำงาน  และเรายังคงยืนอยู่ตรงทางแยกนั่น..

       

       

      “.........................................”    ความเงียบกำลังก่อตัวขึ้น  เช่นเดียวกับความกลัวที่กำลังแผ่ขยายเข้ามาในจิตใจ

       

      ริมฝีปากบางขยับนิดๆ  ทิฟฟานี่ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร  แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบแล้วก้มหน้าลงไป

       

       







       

       









       

      ความมืดโรยตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง  ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรายืนอยู่แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่

       

       

      ..ไม่มีคำพูดใดที่จะเอื้อนเอ่ย..

       

      ..ไม่มีบทสนทนาอย่างวันวาน..

       

      ..ไม่มีเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสุขของเรา..

       

      ..ไม่มีตายิ้มที่ฉันหลงรัก..

       

      ..ไม่มีแม้แต่การที่เธอจะหันมามองฉันแม้แต่น้อย..

       

       




       

       

       






       

      ฉันรู้ดี..

       

       

      ว่าอีกสักพักนึง

       

       

      คงจะ..

       

       

       




       

       














       

       

      ..ไม่มีเรา..

       

       

       

       


















       

      อากาศเริ่มเย็นขึ้น  ฉันสังเกตเห็นเธอลูบแขนเบาๆ  ฉันพยายามกระชับมือให้แน่นขึ้น  เผื่อจะช่วยให้ความอบอุ่นกับเธอได้บ้าง  แต่ก็พบว่ามันไม่มีประโยชน์เลย..  มือของเธอยังเย็นอยู่เช่นเดิมและยังคงแบออกอยู่อย่างนั้น..

       

       

      “ฟานี่.. ”             

       

       


       

      เราเงียบกันมานานแล้ว..

       

       


       

      “หืม?”

       
       

      “ตัดสินใจแล้วใช่มั้ย?”

       


       

       

      เราเงียบกันมานานเกินไป..

       

       


       

      “......................................”    เธอมองหน้าฉันตรงๆ  ติ้วสวยขมวดเข้าหากัน  ริมฝีปากเม้มแน่น  ตายิ้มคู่นั้นมองตรงมาที่ฉันอย่างชั่งใจ

       

       

      “..................................... ”      ถึงจะถามออกไปแบบนั้น   แต่ก็ใช่ว่าฉันจะพร้อมฟังคำตอบ

       

       

       

      ขอร้องล่ะฟานี่..   ช่วยบอกฉันทีว่าเธอยังไม่ได้ตัดสินใจ

       

       

       

      “ฉัน..  ”     ทิฟฟานี่ยังคงมองตรงมาที่ฉัน   แต่คราวนี้เธอไม่ได้มองผ่านกันไป  สีหน้าที่ดูสับสนนั่นทำให้ฉันยังพอมีหวัง  บางทีเธออาจจะไม่ได้คิดเรื่องที่ฉันถามด้วยซ้ำ

       
       

      “ฉันตัดสินใจแล้วแท..  ”

       
       

      ประโยคสั้นๆที่หลุดออกมาจากปากเธอ  เหมือนค้อนอันโตที่ทุบลงมากลางศีรษะของฉัน  มันทั้งเจ็บปวด และมึนงง        น้ำใสๆเอ่อคลอขึ้นมาในดวงตาของฉัน  ลำคอแห้งผากและตีบตันไปหมด  หูอื้ออึงไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น  ราวกลับประสาทการรับรู้ของฉันถูกตัดขาดลงเมื่อสิ้นเสียงของเธอ

       

       

       

      ทิฟฟานี่ส่ายหน้าน้อยๆ  ยกมือข้างที่ว่างขึ้นมาปาดน้ำตาให้ฉันอย่างแผ่วเบา

       

      นั่นทำให้ฉันเห็นว่าเธอยิ้ม..      ยิ้มให้ฉันทั้งน้ำตา..    แต่ก็เป็นเพียงยิ้มฝืนๆเท่านั้น   ฉันเอื้อมมือขึ้นจะเช็ดน้ำตาให้  แต่เธอกลับยั้งไว้แล้วส่ายหน้า

       
       

      “เรา..   กลับกันเถอะนะ   เหนื่อยกันมามากแล้ว  กลับไปพักผ่อนกันเถอะแท”

       

       


       

      นั่นสินะ..   เราคงจะเหนื่อยกันมาพอแล้ว  บางทีมันอาจจะถึงเวลาที่ต้องพักแล้วก็ได้  ฉันไม่ควรทำตัวงี่เง่าแบบนี้

       


       

       

      “อื้ม   ถ้างั้น..    กลับบ้านดีๆนะฟานี่” 

       
       

      “กลับบ้านดีๆเหมือนกันล่ะแท”     เธอยิ้มให้ฉัน  แต่คราวนี้เราทั้งคู่ไม่มีน้ำตาแล้ว

       
       

      “ให้ฉันไปส่งมั้ย?”  

       

       
       

       

      ฉันอยากไปส่งเธอเหมือนที่ผ่านมา.. 

       

       
       

      “ไม่ต้องหรอก  ลำบากแทเปล่าๆ  ต่อไปนี้ฉันคงต้องหัดกลับบ้านคนเดียวบ้างแล้วล่ะ”   ทิฟฟานี่ปล่อยมือข้างที่จับฉันไว้  ตอนนี้เหลือเพียงข้างที่ฉันจับไว้ตอนแรกเท่านั้น  เธอไม่ได้เร่งเร้าให้ฉันปล่อยมือ  เธอไม่ได้พูดอะไรเลยด้วยซ้ำ  แต่ฉันก็รู้ได้ว่าฉันควรจะปล่อยมือเธอไปสักที

       
       

      “งั้น..   กลับบ้านดีๆนะแท”   ฟานี่ย้ำ หลังจากที่ฉันปล่อยมือแล้ว

       
       

      เธอหันหลังให้แล้วเดินตรงไปยังบ้านของเธอ   ฉันยังยืนอยู่ตรงทางแยกนั่น  แล้วมองเธอที่ค่อยๆเดินห่างไป  บ้านเธออยู่ไมด้อยู่ไกลจากทางแยกนั้นมากนัก  อย่างน้อยฉันก็ยังมองเห็นเธอเข้าบ้านได้จากตรงนี้

       

       

      ทิฟฟานี่ถึงบ้านแล้ว..      ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิม..

       

       

      เมื่อเดินเข้าไปแล้วล็อคประตูบ้านเสร็จเรียบร้อย  เธอหันมามองฉันที่ยืนอยู่   ยิ้มตาปิดที่ไม่ได้เห็นมานาน  วันนี้ฉันได้เห็นอีกครั้ง  เธอยกมือขึ้นโบกไปมา

       
       

      “กลับบ้านได้แล้วแท  ยืนอยู่ตรงนั้นเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”

       
       

      ฉันยิ้มตอบแล้วยกมือขึ้นโบกกลับ  แต่ทว่ายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน

       

      ทิฟฟานี่คงถอดใจที่เห็นฉันยืนนิ่งๆไม่กลับบ้านอย่างที่เธอบอกสักทีจึงยิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินเข้าบ้านไป

      แต่ก่อนที่เธอจะพ้นประตูเข้าไปนั้น  ฉันตัดสินใจตะโกนบางอย่างออกไป

       

       


       

      “......................................................”

       

       


       

      เธอทำหน้าประหลาดใจที่ได้ยินสิ่งที่ฉันตะโกนไป  แต่ก็พยักหน้าน้อยๆแล้วยิ้มให้ฉัน    ยิ้มตาปิด..  แบบที่เธอและฉันชอบ

       

      ทิฟฟานี่เข้าบ้านไปแล้ว  ฉันเองก็คงต้องกลับบ้านจริงๆสักที..

       

       

       









       

       

      ลมหนาวพัดมา ชวนให้ขยับเสื้อกันหนาวกระชับกายแน่นขึ้น  อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง

       

       

       

      ฤดูหนาวกำลังมาเยือนแล้วสินะ    แต่ฤดูหนาวปีนี้คงไม่เหมือนปีก่อนๆ  เพราะฉันไม่ได้มีเธอข้างๆแล้ว..

       

       

       

      ก้าวเท้ายาวๆเพื่อที่จะได้ถึงบ้านเร็วๆ และจะได้ไม่เป็นหวัดอย่างที่ฟานี่บอก  ต่อไปนี้ฉันเองก็คงต้องดูแลตัวเองซะบ้างแล้วล่ะ  ก็ไม่มีใครมานั่งบ่นแล้วนี่นา..

       
       

      นึกถึงตอนที่ตะโกนออกไปแล้วก็แอบแปลกใจอยู่นิดๆ  ฉันคิดว่าเธอจะเมินเฉยแล้วเดินเข้าบ้านไปเลยซะอีก  แต่กลับหันมายิ้ม..   ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้  นั่นหมายความว่าเธอยังไม่ได้เกลียดฉันไปใช่มั้ย??

       
       

      ปิดประตูบ้านแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา  ฮีตเตอร์ที่เปิดไว้เริ่มทำงาน  เปลือกตาของฉันหนักอึ้ง  หัวมันตื้อไปหมด  คงถึงเวลาที่ฉันต้องพักบ้างแล้ว..

       
       

      อีกอย่างนึงที่ฉันแปลกใจ..   คือคำที่ฉันตะโกนออกไปนั่นแหละ  ไม่รู้เหมือนกันว่าประโยคนั้นมันโผล่มาในหัวได้ยังไง  ไม่รู้ว่าทำไมถึงเลือกที่จะให้ประโยคนี้   รู้ตัวอีกทีก็ตะโกนออกไปสุดเสียงแล้ว..

       

       

       

       

       

      “.....................................................................”

       

       

       



















       

       

       

      -The End-

       

       

       

      เม้ามอยก่อนไป :

       

      จบแล้วเนอะ    จบแล้วล่ะ    5555555555555555    ไม่มีภาคต่อแน่นอน    จะว่าไงดีล่ะ?    คือมันก็ไม่ได้เศร้ามากมายอะไรขนาดนั้นนะคะ   ถึงจะเป็นแบบนั้น  แต่ก็เหมือนกับลงมาอยู่ในที่ๆน่าจะพอดีกับแต่ล่ะคน   ไม่อึดอัดมากไป   แต่ก็ไม่ห่างมากเกินไป    ยังไงพี่แทก็ดูแลฟานี่ได้อยู่แล้วแหละเนอะ     ^^      #บรรดาฟิคที่แต่งมาทั้งหมดนี้มันคือเรื่องจริงของไรเตอร์เอง   เพียงแค่สถานที่และบทสนทนาอาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามความเหมาะสม   คนที่เคยขอหวานๆมาคงจะยากแล้วล่ะค่ะ    5555555555555555555555

       

      -----------------------------------------------------------------------------------------



      โอเค  อาจจะมีคนไม่เข้าใจ แล้วก็อาจจะงงว่า ไปยืนคุยกันทำไม?    ประโยคที่บอกคืออะไร?    จะบอกว่า..   ในฟิคเรื่องนี้  ทุกประโยคมีความหมายแฝงไว้ทั้งนั้นนะคะ    ถ้าเข้าใจความหมายที่ไรเตอร์แฝงไว้  จะรู้ว่าประโยคที่พี่แทตะโกนออกมาคืออะไร?  แล้วการที่มายืนคุยกันคืออะไร?   ทำไมต้องเป็นตรงทางแยก?   ลองวิเคราะห์ดูอีกทีนะคะ   กะว่าเดี๋ยวจะเอาเรื่องนี้ลงบอร์ดดู   อยากรู้ว่าคนในบอร์ดจะคิดยังไงกันบ้าง     555555555555555555555



      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×