"พ่อคะ หนูอยากกินลูกชิ้นห่อสาหร่าย"
"ได้สิลูก"
"ไอติมรสสตอเบอรี่ด้วยได้มั๊ยคะ"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ"
เสียงเด็กน้อยคุยเจื้อยแจ้วดังมาจากทางเข้าร้าน แต่ที่ทำให้ร่างโปร่งต้องหยุดมือจากการหั่นเป็ด คือเสียงผู้ใหญ่ซึ่งสนทนาโต้ตอบกับเด็กหญิง คิ้วเรียวขมวดเป็นปม เม้มริมฝีปากแน่น ค่อยๆหันไปมองทางต้นเสียง
พลันเสียงหัวใจกลับเต้นผิดจังหวะ เมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มสองตา เขารีบเช็ดมือกับผ้าขนหนูที่แขวนอยู่อย่างลวกๆ ตะโกนเรียกเพื่อนอีกคนให้มาทำแทน ก่อนตนจะขอปลีกตัวเข้าไปในห้องเดลิเวอรี่ที่ให้สำหรับจัดเตรียมสินค้าและรับออเดอร์
"เกะกะน่าเฮนโด้! มายืนด้อมๆมองๆอะไรแถวนี้"
พนักงานสาวถือถุงอาหารพะรุงพะรังเต็มไม้เต็มมือ พยายามแทรกตัวเบียดกับชายร่างสูงที่ยืนเกะกะขวางประตูอยู่
"อ้อ โทษที"
ชายหนุ่มยิ้มแหยๆ หลีกทางให้แต่โดยดี
ในวันนั้น มือหยาบกร้านได้กอบกุมมือของเขาไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน สภาพของร่างสูงในวันนั้น แทบไม่ต่างอะไรกับการผูกผ้าปิดตาไว้
เพียงแต่น้ำเสียงนั้นเขาจดจำได้ดี คุณพ่อคนนี้ก็คือคนเดียวกับคนที่เคยช่วยเขาไว้ และเป็นคนเดียวกันกับที่เขาเจอที่ป้ายรถเมล์ทุกสัปดาห์ และเป็นเดียวกับที่เขาเคยเดินหนีเพราะคิดว่าเป็นคนบ้า
"พี่ไม่ได้สั่งอันนี้นี่ครับ"
ชายหนุ่มยกมือปฏิเสธ ทันทีที่ถ้วยขนมหวานมาเสริ์ฟตรงหน้า เด็กสาวพนักงานยิ้มสดใส ผายมือไปที่ถ้วยขนมหวานแล้วเดินจากไป
พลันดวงตาสีเทาจาง ก็เหลือบไปเห็นกระดาษโน๊ตสีเขียวใบเล็ก วางอยู่ใต้ถ้วยขนม
-แทนคำคำคุณที่พี่ช่วยผมในวันนั้น-
-ขอบคุณนะครับ-
ร่างโปร่งกำกระดาษใบเล็กในมือแน่น เหลียวหน้าแลหลังมองสำรวจไปทั่วร้าน ก็ไม่เห็นวี่แววของน้องผู้ชายคนนั้นที่เขาเคยช่วยไว้
จ้างให้ก็หาไม่เจอ ทั้งที่เขาคนนั้นอยู่ใกล้แค่เพียงเอื้อม
ก็ยืนหลังสับเป็ดอยู่นั่นไง...
'เขามาที่นี่หรือ'
เป็นคำตอบที่ร่างเล็กเองก็ไม่สามารถให้คำตอบกับคัวเองได้ เมื่อมองไปทางใด ก็พบแต่คำตอบคือความว่างเปล่า
.
.
กิจวัตรยามดึกที่เกิดขึ้นใหม่ของชายหนุ่ม ดูจะเป็นเรื่องน่าเบื่อไม่น้อย หากแต่วันนี้ผิดแผกเช่นทุกวัน เมื่อใครคนหนึ่ง หย่อนก้นลงนั่งข้างๆ ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง และดูเหมือนไม่มีใครอยากจะทำลายความเงียบงัน ซึ่งเป็นโอกาสดีที่จะทำให้สองดวงใจได้ฟังเสียงหัวใจซึ่งกันและกัน
เป็นเช่นนี้ทุกๆวัน ตราบใดที่ลูคัสยังคงต้องกลับบ้านดึก ...
หากแต่ตอนนี้ ร่างบางไม่ต้องนั่งมองดูอีกฝ่ายเดินผ่านหน้าแล้วข้ามฝั่งไปขึ้นรถอีกแล้ว เมื่อใครคนนั้นนั่งลงข้างๆ รอจนกว่าจะแน่ใจว่าตัวเขากลับบ้านอย่างปลอดภัย ตนจึงค่อยเดินทาง
และในวันนี้ก็เช่นกัน
ดูเหมือนการมาของร่างสูง จะทำให้เจ้าของทรงผมหยักศกติดจะเสียนิสัยอยู่หน่อยๆ ลืมไปว่าเขามารอรถ ไม่ใช่รออีกฝ่าย ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องกระวนกระวายด้วย กับอีแค่อีกฝ่ายมาไม่ตรงเวลา
นั่นไงล่ะ พอคิดถึงก็วิ่งมาแต่ไกล ร่างบางชะงักเมื่อพบว่าตนกำลังยื่นหน้าชะเง้อมองอีกฝ่ายอย่างออกหน้าออกตา เปลี่ยนท่ามาเป็นนั่งหลังตรงคอตั้ง แสร้งทำเป็นไม่สนใจ
เสียงเพลงรักนุ่มนวลดังขึ้นที่หูข้างขวา เกิดจากการที่มือข้างนั้นใส่หูฟังให้ เสมือนเป็นการงอนง้อให้อีกฝ่ายหายโกรธที่ตนมาช้า
'ไม่ได้บอกว่าอยากฟังเสียหน่อย'
แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความหมายของเพลงทำให้ตนเผลอยิ้มออกมา
.
.
"อะแฮ่ม... ชื่ออะไรล่ะเรา"
ลูคัสเอ่ยขึ้น ทำลายความเงียบ ทำลายกำแพงอิฐโบกปูนที่ต่างฝ่ายต่างร่างก่อ เกิดเป็นรูโหว่ กว้างพอที่จะให้ผู้ชายตัวใหญ่ๆลอดผ่านออกมาได้อย่างง่ายดาย
คนฟังยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคแรกตั้งแต่ได้นั่งข้างกันมา ดวงตาสีน้ำตาทอประกาย จ้องมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายที่ขึ้นสีแดงเรื่อ เจ้าของดวงตาสีเทาอ่อนไม่ยอมเหลียวมาสบตา ดวงตาที่ร่างสูงมองว่างดงามราวกับแสงอาทิตย์ที่ทอประกายผ่านเมฆหมอกครึ้ม
มือเรียวดึงหูฟังออกให้อย่างแผ่วเบา เอื้อมตัวกระซิบบอกชื่อของตนด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม
สักวันเขาจะเล่าเรื่องราวให้อีกฝ่ายฟัง ถึงทุกสิ่งทุกอยู่ในใจ และจะเล่าว่าครั้งหนึ่ง เขาเคยต้องใช้พลังงานกับการกลั้นขำจนหน้าแดงไปถึงหู จนเกือบจะได้เอาปังตอสับนิ้วตัวเอง เมื่อมีชายตัวเล็กผมหยักศกคนหนึ่ง มายืนส่องกระจกหน้าร้านด้วยท่าทางพิลึกพิลั่นแบบที่ไม่คิดว่าจะมีใครทำมาก่อน
-จบ-
ความคิดเห็น